สะดุดรักป่วนหัวใจนายซุปเปอร์สตาร์
-
เขียนโดย yuei
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 11.52 น.
6 ตอน
3 วิจารณ์
8,429 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559 11.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) กลับสู่ความจริงที่ไม่เคยรู้จัก คิมจีซู : SKY BLACK
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ…กลับสู่ความจริง ที่ไม่เคยรู้จัก...
คิมจีซู : SKY BLACK
น้ำรินวางสายโทรศัพท์ เสียงสะอื้นยังก้องอยู่ในความรู้สึก ผมหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างทางร้องให้สะอึกสะอื้น ผมอยากเข้าไปหาเธอ กอดเธอมาแนบชิดกับอก ปลอบประโลมมิให้เธอต้องร้องให้ แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้ การตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาดไม่ได้
...ก่อนที่ผมจะรักเธอได้เต็มหัวใจ ผมต้องตามหาความทรงจำที่หายไปให้เจอ...
“ฉันขอโทษน้ำริน รอนะ รอฉันก่อนแล้วฉันจะกลับมาเป็นเฮของเธอเหมือนเดิม” คำพูดที่ผมอยากจะบอกเธอ
“นายจะไม่ลงไปหาเธอหน่อยเหรอ” นายซีฮันวอนพูด
ผมอยากตอบนายซีฮันวอนว่า ผมอยากไปหาเธอแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว แต่ผมก็ต้องตัดใจ แล้วมองตรงไปข้างหน้า
“ไม่ละ...ออกรถเถอะ” ผมจำเป็นต้องพูดแบบนั้น เพราะผมรู้ว่าถ้าผมลงไปผมจะต้องเปลี่ยนใจที่ไม่ไปเกาหลีแน่นอน
“สมเป็นนายจริงๆ ถึงตอนนี้นายจะความจำเสื่อม แต่นายก็ยังเด็ดขาดเหมือนเดิม” เสียงหนักๆ ทุ่มๆ มีอำนาจบ่งบอกว่าเขาคือผวังชินกีเขาทำเหมือนกับว่าเขาจะรู้จักผมดีกว่าใครๆ
รถเลื่อนออกไปช้าๆ ตามคำพูดของผม ผมพยายามไม่หันไปมองน้ำริน แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้ ...ในสายตาของผมมีแต่เธอไม่มีใครอีกแล้วที่สามารถทดแทนเธอได้...(- - )
ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ผมไม่อยากจะปล่อยเธอไว้อย่างนี้ เอาอย่างนี้ดีกว่า
//วิกิมาหาน้ำรินหน่อย เธออยู่ระหว่างทางไปมหาวิทยาลัย ฝากด้วยนะ // ผมโทรศัพท์ไปหาวิกิ ให้เธอช่วยไปหาน้ำริน อย่างน้อยเพื่อนเธอคงช่วยปลอบใจเธอได้บ้าง
//ได้...มีอะไรหรือเปล่า // วิกิถามผม
//ฉันเห็นน้ำรินจอดรถอยู่ข้างทาง ไม่รู้ว่ารถเสียหรือเปล่า // ผมพูดต่อ
//เหรอ...เหรอได้ไปด้วยนี้เลย เออ! จีซูคิดถึงนะ จุ๊บๆ// วิกิวางสายคงจะรีบไปหาน้ำริน
ผมนั่งพิงเบอะนั่ง ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่จะพูดอะไรกับใครทั้งนั้น
“บรรยากาศแปลกๆ วะ ฉันไม่เคยเห็นนายแคร์ผู้หญิงคนไหนเท่ากับผู้หญิงคนนี้มาก่อน อย่าลืมนะเว้ยว่านายนะมีคู่หมั้นแล้ว” คำตอกย้ำที่นายซีฮันวอนพูด นี่แหละที่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมต้องกลับเกาหลี
คู่หมั้นของผมเธอคือใคร ทำไมผมถึง...บอกไม่ถูกว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกผูกพันกับเธอและแหวนวงนี้เลย
“ฮึ...ฮึ! นายอำจีซูมากไปแล้ว เดี๋ยวความทรงจำของเขากับมานายนั้นแหละจะถูก ตืบเป็นคนแรก” โซโซวอนพูด ทำให้ซีฮันวอนเงียบกริบ
ผมเริ่มปวดหัวอีกแล้ว อันไหนพูดจริงอันไหนพูดเล่นเชื่อไม่ได้เลยไอ้พวกนี้
“ตกลงฉันมีหรือไม่มีคู่หมั้นกันแน่” พูดมาให้ เคียร์ๆ นะเว้ยอารมณ์เสีย
“คู่หมั้นเหรอ นายมีคู่หมั้นจริงๆ อย่างที่ฮันวอนพูด แต่แค่ในรายการน้ำเนาจับคู่ดารา มันเป็นแผนโปรโมทย์ของบริษัท” ผวังชินกีอธิบายให้ผมเข้าใจ
“เป็นแค่แผนโปรโมทย์บริษัท” ผมยิ้มและทวนคำอีกครั้ง โล้งอกไปทีงั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องใส่มัน ผมกำลังจะถอดแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วออก
“เฮ้ย! เดี๋ยว ถอดไม่ได้นะเว้ยเดี๋ยวเป็นเรื่อง” ซีฮันวอนห้ามทันที
“ทำไมมันก็แค่แผนไม่ใช่เหรอ” ผมถามต่อ
“แผนนะใช่ แต่เป็นกฎกติกาของรายการด้วย ภายในหนึ่งปีนายต้องเป็นแฟนกับเมฮารึมและแหวนวงนี้เป็นแหวนที่แทนคำพูดว่านายจะอยู่ร่วมกิจกรรมของรายการต่อ ถ้าหากนายถอดคืนเมฮารึมหรือทำมันหาย บริษัทจะถูกปรับเงินจำนวน 10 ล้าน แต่ถ้าหากนายอยู่ต่อจนครบเวลา 1 ปี เราก็จะได้รับเงินจากรายการนี้ 10 ล้านเช่นกัน ฉะนั้น นายอย่าถอดดีกว่า” นายผวังชินกีอธิบาย เรื่องเงินๆทองต้องเขาเลยผู้บริหารระดับสูง
“แล้วฉันต้องทำยังไงต่อไป” ผมคงต้องใส่แหวนวงนี้ต่อไป
“ก็ทำกิจกรรมร่วมกับยายนั่นตามที่รายการบอกให้ทำต่อไป” ซีฮันวอนพูด แล้วเขาก็ยิ้ม อาการยิ้มแบบนี้ผมไม่ชอบเลย นายนี่กวนบาทามากไปแล้วเดี๋ยวจะโดน (- -)*
“ตอนที่ฉันไม่ความจำเสื่อมฉันชอบยายนั้นใช่มั้ย” ผมจำเป็นต้องถามเพราะหากผมชอบหรือว่ารักเมฮารึมจะได้ถนอมน้ำใจเธอ
“ฮึ...ชอบเหรอ นายเกลียดจนเข้าไส้เลยตังหาก นายไม่ชอบผู้หญิงที่ตีสองหน้าทำตัวร้ายกาจ ต่อหน้านายและทุกคนที่อยู่รอบกายนายทำเป็นอ่อนหวานเอาใจ แต่เบื้องหลังสิ ทำร้ายผู้หญิงที่เข้าใกล้นายทุกคน คนไหนมีแนวโน้มว่านายจะสนใจ เธอจะเข้าจัดการทันที” โซโซวอนเสริม
“แปลว่าเมฮารึมชอบฉัน” ผมถาม
“อย่างยายนั่นนะจะชอบหรือรักใครเป็น ทำเพื่อหน้าตาและเงินตังหาก เธอคิดว่าถ้านายทิ้งหรือยกเลิกทำกิจกรรมของรายการโดยมีเหตุผลเพราะผู้หญิงอื่น เธอก็จะเสียหน้าสุดๆ และที่สำคัญต้องเสียเงินซึ่งเธอนะยิ่งรับไม่ได้”
ผมจะต้องอยู่กับผู้หญิงคนนี้ 1 ปีเชียวเหรอ...เฮ้ย! เหนื่อยใจ
“เดี๋ยวนะฉันปวดหัวไปหมดแล้วพอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เออ! พวกนายชื่ออะไรกันบ้างนะ” ผมยังจำไม่ค่อยได้ ยิ่งตอนนี้บุคลิกของแต่ละคนไม่เหมือนที่ คิมเฮซอง พูดซักนิด โดยเฉพาะ ซีฮันวอน เขาไม่ใช่สุภาพบุรุตชุดขาวแต่เป็น เด็กน้อยที่สนุกสนานเฮฮาไปวันๆ ผมคิดว่าคงเป็นคอนเซฟของบริษัทมากกว่าที่นำเสนอเขาแบบนั้น
“ฉัน ซีฮันวอน” เขาพูดเป็นคนแรก ตามด้วย
“ฉันโซโซวอน” นายคิมเฮซองอธิบายบุคลิกได้ถูกต้อง นายโซโซวอนรูปร่างลักษณะการแต่งตัว ทรงผม เป็นแบบเพบอยอย่างที่เขาพูดไว้ทุกอย่างโดยไม่ต้องสงสัย
“ส่วนฉันผวังชินกี” นายผู้บริหารระดับสูง ทั้งเสียงพูดที่มีอำนาจและการแต่งการแบบนักธุรกิจมือทอง รวมๆแล้วก็ โอ เค เป็นเพื่อนกันได้
พอถึงสนามบิน ผมโทรหาน้ำรินอีกครั้ง
“ตูด...ตูด” เธอปิดโทรศัพท์ ผมเป็นห่วงเธอจริงๆ วิกิจะหาน้ำรินเจอมั้ยนะ
พอถึงเวลาแล้วผมจึงขึ้นเครื่องกลับเกาหลี ระหว่างที่เครื่องบินกำลังเดินทางอยู่ ผมก็พยายามถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเองในอดีตทุกอย่างที่พวกเขาพอจะรู้ แต่เกินคาดพวกเขารู้ทุกเรื่องนับว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกับผมในอดีตจริงๆ พวกเขาเล่าให้ฟังว่า...
“ฉันรู้ว่านายความจำเสื่อม แต่ฉันจำเป็นต้องเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง มันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับการทำใจให้ยอมรับ”ผวังชินกีพูดขึ้นมาก่อน ผมเงียบฟัง
“ความจริงแล้วนายเป็นลูกครึ่ง ไทย เกาหลี แม่ของนายเป็นคนไทย ชื่อแม่ฟ้า นายรักแม่ของนายมากและระลึกถึงอยู่เสมอ ชื่อของบริษัทและชื่อวงดนตรีของเราล้วนมาจากชื่อของแม่นาย”
“นายใช้คำว่าระลึกถึง งั้นก็แปลว่า” ผมอึ้งไปชั่วขณะ
“ใช่...แม่ของนายเสียแล้ว”ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วผมก็ทำมือไม่ให้ผวังชินกีพูดต่อ เพราะผมรับมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“แต่นายต้องฟัง เพราะถ้านายไม่รู้เรื่องนี้มันอาจจะทำให้นาย เสียรู้คนจนเป็นอันตรายได้ แค่ฉันเห็นนายไว้ใจคิมเฮซองให้มันรู้เรื่องว่านายความจำเสื่อม มันก็แย่พออยู่แล้วนายรู้หรือเปล่าว่ามันเป็นความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะคิมเฮซองคือ ศตรูของนาย”
“ศตรู” ผมมีความรู้สึกว่าคิมเฮซองเขาอาจไม่ใช่ศตรูของผมดูเขาเป็นมิตรกับผมมาก
“ใช่นายนั่นเป็นศตรู ทุกๆ เรื่องในชีวิตนาย” ผวังชินกีตอกย้ำ
“เพราะอะไร” ผมถามกลับไป
“เพราะว่า เขาเป็นลูกของพ่อนาย” ยิ่งทำให้ผมสงสัยมากขึ้น
“ถ้าหากเขาเป็นลูกของพ่อฉัน เขาก็เป็นน้องชายของฉันนะสิ” ผมพูดถูกหรือเปล่า
“น้องชายเหรอ...ฮึแค่ร่วมโลกกับนายเขายังไม่ต้องการเลย” ผมเงียบฟังอยากให้เขาเล่าให้จบ
“พ่อของนายคือ คุณคิมต็อกกู เป็นเจ้าของบริษัท CKT เป็นค่ายเพลงดังอันดับต้นๆ ของเกาหลีและอีกด้านหนึ่งก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์หรือค้าขายที่ดิน พ่อของนายชอบซื้อที่ดินที่ประเทศไทยและถือโอกาสเที่ยว จนได้พบกับแม่ของนาย แม่ของนายรักพ่อของนายมากอีกไม่นายแม่ของนายก็ท้อง และกำเนิดนายออกมา พ่อของนายช่วยดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด และมาหานายกับแม่เกือบ ๆ เดือน
แต่อีกไม่นานแม่ของนายก็ได้รับข่าวร้ายจากพ่อของนายว่า...พ่อของนายต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ผู้ใหญ่เลือกให้ และมีอีกเหตุผลหนึ่ง พ่อของนายต้องทำเพื่อบริษัทเพราะบริษัทอยู่ในสภาวะขาดทุนอย่างหนัก เพื่อบริษัทที่พ่อของนายรัก แม่จึงยอมให้พ่อนายไปแต่งงาน กับคุณคิมดาจองลูกเจ้าของบริษัทอิเล็กทรอนิคส์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ไม่นานพ่อของนายก็เริ่มมาหานายกับแม่น้อยลง จนถึงวันนั้นวันที่นายตั้งศูนย์เสียทุกอย่างก็มาถึง บ้านของนายถูกไฟไหม้ แม่ของนายพานายออกมาได้อย่างปลอดภัยแต่ตัวเองกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเธอต้องเสียชีวิต...” ผวังชินกีหันมามองผม คงสังเกตว่าผมยังไหวอยู่มั้ย
“แค่นี้ก่อนมั้ย ฉันคงจะรีบเกินไปจนนายรับไม่ทัน”ผวังชินกีพูดด้วยความเป็นห่วง
“พูดต่อเถอะถึงยังไงฉันก็ต้องรู้” เป็นความจริงที่เจ็บปวดที่สุด แต่ผมต้องผ่านไปให้ได้
“หลังจากที่แม่นายเสียไป นายก็อยู่กับยายมาตลอดยายพยายามติดต่อหาพ่อนาย แต่ก็ไม่สำเร็จพ่อของนายไม่เคยติดต่อมาอีกเลยมีแต่เงินที่ส่งมาประจำทุกเดือนเหมือนอย่างเคย เวลาผ่านไป 5 ปี ยายของนายก็เสียชีวิต นายถูกมูลนิธิรับไปเลี้ยงดู คุณนางาซะมาเห็นนายแล้วถูกชะตาจึงรับเลี้ยงนายและพาไปอยู่ญี่ปุ่น ส่งนายเรียนและดูแลนายเหมือนลูกจริงๆ คนหนึ่ง พอนายเรียนจบนายก็อยากจะไปตามหาพ่อว่าเขาเป็นใคร นายสืบดูและรู้ว่า พ่อของนายอยู่เกาหลีและมีลูกกับภรรยาใหม่ หนึ่งคน หรือก็คือ คิมเฮซอง นายตัดสินใจที่จะเดินทางมาเกาหลีและเปิดบริษัทแข่งกับพ่อของนายเพื่อจะให้พ่อนายรู้ว่า เขาคิดผิดที่ทิ้งนายกับแม่ไป” ผมเงียบกริบ
...นายต้องเจ็บปวดขนาดนี้เลยเหรอคิมจีซู ชีวิติของนายต้องเดินทางอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ไม่ต้องห่วงนะฉันจะสะสางทุกอย่างต่อจากนายเองฉันสัญญา...
ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่พูดกับตัวเอง ในเมื่อตอนนี้ความจำยังไม่กลับคืนมา ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อสานต่อสิ่งที่คิมจีซูคนเดิมทำไว้
“จีซู...จีซู” โซโซวอนตบที่ไหร่ผมเบาๆ พอให้ผมได้สติ
“นายต้องฟังต่อ” โซโซวอนพูด ยังมีมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ แค่นี้ผมก็จะแย่อยู่แล้ว
ผวังชินกีเล่าต่อ.....
“พอคุณคิมดาจองรู้ว่าพ่อนายมีภรรยาและลูกชายอีกหนึ่งคนคือนาย เธอโกรธพ่อของนายมาก เพราะเธอเคยเป็นที่หนึ่งมาตลอดทั้งการเรียนและการทำงาน เธอสั่งให้พ่อนายปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและห้ามพ่อของนายกลับไปหาแม่ของนายอีก ถ้าหากกลับไป เธอจะขอหย่าและถอดหุ้นทุกหุ้นคืนจากบริษัทพ่อนาย ที่สำคัญเธอไม่หยุดอยู่แค่นั้น ฉันสงสัยว่าวันที่ไฟไหม้บ้านนายที่เมืองไทยอาจเป็นฝีมือของเธอก็ได้”
“หมายความว่า เธอต้องการฆ่าฉันกับแม่ให้ตาย” ผมทวนคำ
“อาจจะใช่...คุณคิมดาจองสั่งคนให้ตามนายและหาโอกาสที่จะกำจัดนายมาตลอด”ผมคิดได้แล้วน้ำรินเคยเล่าให้ผมฟังว่า ผมวิ่งหนีใครมาก็ไม่รู้แล้วมาชนเขากับรถมอเตอร์ไซน์ของเธอจนผมต้องความจำเสื่อม
“เธอเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุด” ผมพูด
ถ้าหากเป็นเรื่องจริงอย่างที่ผวังชินกีพูด คุณคิมดาจองคุณต้องชดใช้อย่างสาสม ความแค้นเข้ามาในจิตใจผมกำมือไว้แน่น
“พวกเราคอยเป็นหูเป็นตาให้นายและจะอยู่ข้างนายเสมอ” โซโซวอนพูดและทุกคนก็ยิ้มให้กำลังใจผม
“ขอบใจ อย่างน้อยฉันก็มีพวกนายเป็นเพื่อน” ผมยิ้มตอบไมตรี
“และแล้วเวลาเครียดๆ ก็จบลง ทีนี้ก็เตรียมรับมือกับสื่อที่จะถามว่านายหายไปไหนตั้งสองเดือน” ซีฮันวอนพูดขึ้นมา
“จริงสิ...ฉันลืมคิดไปเลย” โซโซวอนพูด
“งั้นเรามาคิดแผนกัน” ผวังชินกีพูด
ผมสังเกตนายนี่ดูมีความรู้แต่ทำไมไม่ทำบริษัทขึ้นมาเองทำไมต้องมาร่วมกับผม
“ทำไมนายไม่เป็นนักร้องนำหรือจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเอง ไม่งั้นก็เป็นอะไรที่เหนือกว่าที่นายเป็นอยู่ตอนนี้” ผมถาม ผวังชินกี
“ฮา...ฮา” โซโซวอนและซีฮันวอนหัวเราะ
ผวังชินกีทำตาขวางให้หยุดหัวเราะ
“ก็เพราะว่า...” ซีฮันวอนพูด แต่ก็ต้องโดนฝ่ามือ พิฆาตกลางหลังดังอึก! จนต้องหยุดพูด
“เรื่องนี้ต้องอุบไว้ก่อน” ผวังชินกีพูด
“น้องสาวนาย...” ซีฮันวอนพยายามกระซิบ
“ฉันมีน้องสาวด้วยเหรอ”มีเรื่องแปลกใหม่อีกแล้ว ผวังชินกีชี้นิ้วให้ซีฮันวอนหยุดพูด แล้วเขาก็พูดแทน
“มีสิ...ก็ลูกสาวของคุณนางาซะ คุโรกับคุณแม่นางาซะ มิยะ เธอชื่อ นางาซะ ไอยะเนะ”
“ออ!...” ผมเริ่มจะเข้าใจแล้ว ผวังชินกีแอบชอบน้องสาวผมอยู่นั่นเอง
“ชิ ...อย่าหวัง ผีย่อมเห็นผี น้องสาวใครอย่าแตะ” ซีฮันวอนกับโซโซวอนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาน้ำหูน้ำตาไหล
“ฮา...ฮา ขนาดความจำเสื่อมยังไม่ลืมว่าหวงน้องสาวอยู่อีกนะ เนี้ย” โซโซวอนทำให้ผวังชินกีหน้าหมุ่ยไปทีเดี่ยว
“พอกันได้แล้ว มาวางแผนกันดีกว่า” ผวังชินกีเริ่มอารมณ์เสีย จึงเปลี่ยนเรื่องพูด
“เอาเป็นว่า โทรหาเมฮารึมให้เธอมาหาที่สนามบิน ยายนั่นชอบมากเรื่องเป็นข่าว เธอจะตอบแทนจีซูทุกอย่าง โดยที่เราไม่ต้องทำมี สตริปให้เธอ แค่ให้จีซู เออ...ออไปกับเธอเท่านั้น”
โซโซวอนสมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางสื่อ...คิมจีซูนายหาเพื่อนร่วมวงเก่งจริงๆ ...ผมพูดกับตัวเอง
“โอ เค ตามนี่” ทุกคนเห็นด้วย...แล้วมีใครถามผมบ้างมั้ยว่าตอนนี้ผมพร้อมที่จะเจอยายนั้นหรือยัง...
“ฉันว่า...” ผมกำลังจะแย้ง
“นายไม่ต้องว่าแล้ว ให้ยายนั่นช่วยดีที่สุด ฉันดูท่าว่านายจะกลัวสื่อด้วยซ้ำ และเวลาสื่อถามเราจะไม่พูดหรือให้พวกสื่อรู้ถึงเรื่องความจำเสื่อมของนายเด็ดขาด ฉะนั้นนายพูดน้อยๆ ดีกว่า” จริงสินะผวังชินกีพูดถูก
“เอโดะซัง” โซโซวอนเรียกผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหา
“ช่วยติดต่อเมฮารึม บอกว่าคิมจีซูจะกลับถึงเกาหลีวันนี้” โซโซวอนพูด
“แล้วอย่าลืมบอกว่า จีซูคิดถึงมาก มารับที่สนามบินด้วย” ซีฮันวอนเสริมแล้วเขาก็ยิ้มให้ผม เกลียดจริงๆ ยิ้มแบบนี้
“นี่ชุดที่ต้องใส่ลงจากเครื่อง” เอโดะนำชุดมาให้ทุกคน
“เอโดะมะช่วย”ซีฮันวอนอาสา
“ไม่ต้อง...ช่วยทีไรพังทุกที” เอโดะ ปฏิเสธ ทำให้ซีฮันวอนหน้างอไปทีเดียว
“อะนี่ของนาย” เอโดะกึ่งยื่นกึ่งผลักเสื้อติดอกซีฮันวอน
“นี่เอโดะซัง ฉันเป็นซุปเปอร์สตาร์นะ เธอต้องเอาใจฉันสิ ยายแบ้” ซีฮันวอนไม่ยอมแพ้ เอโดะหันมามองทำตาดุ
“สำหรับคนอื่นใช่ แต่สำหรับนายไม่ใช่ นายตัวซวย” เอโดะพูดแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป
“นี่เธอ...” ซีฮันวอนพูดได้แค่นั้น
“ไอ้บื้อฮันวอน คิดจะจีบสาวดันปากเสีย” โซโซวอนพูด
“ใครบอกว่าฉันจะจีบยายนั้น ชิ...หงุดหงิดชะมัด” ซีฮันวอนอารมณ์เสียสุดๆ
“ทำปากแข็ง...แต่งตัวดีกว่า” โซโซวอนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป
ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องลงจากเครื่องบิน ผมรู้สึกว่านี่คือโลกใหม่ของผม โลกที่ผมคือซุปเปอร์สตาร์และต้องได้ยินเสียงกรี๊ดที่สุดแสนจะน่ารำคาญ เฮ้ย! (_ _)!
พอพวกเราลงจากเครื่องบิน แล้วผมก็เดินตามโซโซวอนมาติดๆ นายผวังชินกีและซีฮันวอนเดินมาด้วยกัน แสงจากเฟ็ดกล้องถ่ายรูป แวบวาว จนผมจะต้องหลบสายตาแต่ถึงยังไงก็หนี้ไม่พ้น นักข่าวสายบันเทิงมากันเพียบทำให้พวกเราเดินต่อไปไม่ได้ นักข่าวเริ่มตั้งคำถาม
“พวกคุณไปตามหาคิมจีซูที่ประเทศไทยใช่มั้ยค่ะ” นักข่าวคน นึงตั้งคำถาม
“ใช่ครับ...” โซโซวอนตอบสั้นๆ
“แล้วทำมั้ยคิมจีซูต้องไปอยู่ที่ประเทศไทยตั้งสองเดือนด้วยค่ะ”นักข่าวถามต่อ
“ก็เพราะว่า...” โซโซวอนกำลังจะตอบคำถาม ก็มีผู้หญิงอีกคนพูดขึ้นมา
“ก็เพราะว่าจีซูเขางอนฮารึมนะค่ะ ช่วงนี้ฮารึมรับงานแสดงมากไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาให้กับเขาเลย”นักข่าวเปลี่ยนมุมกล้องไปหาเมฮารึมทันที เธอมาในชุดเสื้อกระโปรงสีครีมออก สไตล์ คุณหนูแสนชนนิดๆ เธอเดินเข้ามาหาผม โซโซวอนหลีกทางให้ เมฮารึมคล้องแขนผมบอกถึงความเป็นเจ้าของ
“ฮารึมพยายามโทรหาจีซูแต่เขาไม่ยอมรับสาย ฮารึมจะไปหาก็ไม่ได้เพราะติดที่ต้องรับผิดชอบงานแสดง ฮารึมก็เลยโทรไปขอร้องพี่ๆ เขาไปช่วยพูดให้จีซูกลับมา พี่ๆ นักข่าวค่ะตอนนี้ฮารึมมีเรื่องต้องพูดกับจีซูหลายเรื่อง ฮารึมต้องขอโทษพี่ๆนักข่าวด้วยนะค่ะ ขอตัวก่อนค่ะ”
ผมไม่ต้องพูดอะไรอย่างที่พวกโซโซวอนพูด เมฮารึมจัดการนักข่าวซะอยู่มัด แล้วเมฮารึมก็พาผมฝ่ากลางกลุ่มนักข่าวออกไปขึ้นรถบริษัทที่จอดรอไว้อยู่แล้ว
“ขอบใจนะเมฮารึม” ผมขอบใจเธอแล้วยิ้มให้
“หูของฉันต้องฟาดไปแง่มๆ คนอย่างคิมจีซูขอบใจฉัน แล้วยังยิ้มให้ฉันแบบจริงใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”เมฮารึมเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในการกระทำของผม
“แล้วจะให้ฉันพูดว่าอะไรละ”ผมถามกลับไป
“เช่นพูดว่า เธอนี่ยุ้งกับชีวิตของฉันเสียจริง วันหลังไม่ต้อง ไม่งั้นก็รีบกลับไปซะ หมดเวลาเล่นละครแล้ว อะไรประมาณนี่” เมฮารึมยกตัวอย่างคำพูด ตอนที่ผมปกติให้ฟัง
“ฉันร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามต่อ
“ก็ใช่นะสินายทั้งหมาดเข็ม คำพูดดุดัน ไม่เคยสนใจใครและไม่มีหัวใจ นี่แหละเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะมันแสดงว่านาย Virgin อยู่” ผมถึงกับสะอึก ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักอายเลยหรือไง
“นายหน้าแดงด้วย จีซูนายเขินเหรอน่ารักจังเลย นายน่าสนใจขึ้นทุกวัน ฉันชักไม่อยากหยุดเป็นแฟนนายแล้วสิ เรามาเป็นแฟนกันจริงๆมั้ยจีซู” เป็นคำถามที่ตรงมากเท่าที่ผมเคยฟังมา ผู้หญิงคนนี้ เฮ้ย! เหนื่อยใจจริงๆ
“ว่าไงละจีซู” เธอถามอีกครั้ง
“นี่เธอ ได้คืบจะเอาศอก ฉันเห็นเธอมาช่วยหรอกนะถึงได้ดีด้วย เลิกเกาะแกะได้แล้วไปไกลๆ เลยไป” ผมพูดตามสัญชาติญาณเดิมของคิมจีซู
“น่าเบื่อจริงๆ ปีศาจร้ายเข้าสิงห์อีกแล้ว” เธอบ่นพร้อมเอามือออกจากแขนผม
“คนขับรถช่วยไปส่งฉันที่มอตลอริ่ง อยู่ที่นี่น่าเบื่อ” เมฮารึมสะบัดหน้าหนีผม ผมทำเป็นไม่สนใจ พอถึงเธอลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในมอตลอริ่งไม่หันมามองอีก
“นายเห็นมั้ยเป็นอย่างที่ฉันพูดทุกอย่าง ยายนี่ไม่เคยสนใจใครนอกจากนายและตัวเอง ขนาดว่าพวกฉันนั่งอยู่เต็มรถ ยังหวานกับนายได้เรี่ยนซะขนลุก” ซีฮันวอนพูดขึ้นมา
“ก็พวกนายเงียบซะขนาดนั้น ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจด้วยซ้ำ” ผมพูดประชด
“ก็แบบว่า...เพื่อเงินเพื่อบริษัทไง” ซีฮันวอนพูด
“เออ...ไอ้คนขายเพื่อน” ผมพูดซีฮันวอนรีบมาเอาใจบีบนวดผมใหญ่
“อึม พวกนายมีโทรศัพท์มั้ยขอยืมหน่อย กดให้ด้วยฉันไม่รู้รหัสที่นี่”
“เฮ...ของฉันไม่ได้เติมเงิน” ผมมองไปทางซีฮันวอนนายนี่งกแน่ๆผมไม่เชื่อหรอกว่าไม่ได้เติมเงิน
“เอาของฉันไปใช้” โซโซวอนพูดแล้วเขาก็กดต่อสายให้
ผมโทรไปหาน้ำรินอยากบอกเธอว่าถึงเกาหลีแล้ว
//สวัสดีค่ะ// เธอรับสาย โซโซวอนยื่นโทรศัพท์ให้กับผม
//น้ำริน ฉันเองนะ// ผมพูด
//จีซู// น้ำรินพูด
//ใช่...ฉันถึงเกาหลีแล้ว เธออยู่ที่ไหน// ผมพูด
//อยู่ที่บ้าน นายเจอเพื่อนแล้วเป็นไงบ้าง พวกเขาดีกับนายมั้ย// เธอก็ยังเป็นเธอที่ห่วงใยผมเหมือนเคย
//เจอแล้วฉันคิดถึงเธอนะน้ำริน// ผมกระซิบบอกเธอกลัวเพื่อชายของผมทั้งสามจะฟังเข้าใจ เพราะพวกเขาพยายามอย่างมากในการฟังผมพูด
//ฉันก็...คิด...ถึงนาย// สายถูกตัดไปทันทีที่ฉันพูดจบ ผมคิดถึงเธอจริงๆ ผมอยากอยู่ใกล้ๆ เธอ
...รอก่อนนะแล้วฉันจะกลับไปหา...ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้โซโซวอน
“นายต้องซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่แล้วละ พรุ่งนี้ฉันจะพาไปดู” โซโซวอนพูด
พอถึงบริษัท
“เฮ...จีซูยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ทุกคนโปกมือต้อนรับ
“เรียวตะ...” ผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งเรียกชื่อใครบางคน ผมหันไปมาไม่มีใครขานรับ
“นายนั้นแหละ นี่เป็นชื่อนายตอนที่อยู่ญี่ปุ่น” ผวังชินกีพูด
“เรียวตะ คือชื่อฉันอีกชื่อหนึ่ง” ผมปวดหัวจริงๆ อะไรอีกละ
“เรียวตะ พ่อเป็นห่วงลูกมากรู้มั้ย แม่ก็พลอยกินไม่ได้นอนไม่หลับไปด้วย” เขาพูดแล้วเขามากอดผม
ท่าทีที่เขาแสดงออกต่อผมดูชั่งอบอุ่น อ้อมกอดที่กอดรัดผมทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
...ผู้ชายคนนี้คือ พ่อบุญธรรมที่ชื่อนางาซะ คุโรแน่นอน...
“เหนื่อยมั้ย ไปคุยกันข้างในห้องก่อน” พ่อชวนผมและเพื่อนเข้าไปในห้องผู้บริหารระดับสูง
“ครับ” ผมตอบรับ
“ลูกและทุกคนคงหิวแล้วสินะ คุณเลขาช่วยเตรียมอาหารด้วย” ผมหิวอย่างที่พ่อพูดจริงๆ
“รู้มั้ยพ่อส่งคนตามหาลูกซะทั่วเชียงใหม่ แต่ก็ไม่เจอยังดีที่คิมเฮซอง เขาเข้ามาบอกพ่อที่บริษัทว่าเขาเจอลูกและลูกก็ยังได้รับอุบัติเหตุจนทำให้ลูกความจำเสื่อม ไม่ต้องกลัวพ่อจะรักษาลูกให้หายโรคนี้โดยเร็วที่สุด” พ่อลูบศีรษะผมเบาๆ
“ขอบคุณครับ” ผมโค้งขอบคุณ
“พ่อครับ เรื่องที่จะเปิดคอนเสิร์ตคงต้องเลื่อนออกไปก่อนดูจากสภาพของจีซูคงขึ้นคอนเสิร์ตยังไม่ได้” ผวังชินกีพูด
“อย่างที่ชินกีพูดก็ถูกเอาเป็นว่าเลื่อนไปก่อน ยังไงก็สอนเรื่องร้องและเต้นให้กับจีซูด้วย” พ่อรับฟังและสนับสนุน
“ครับ” ทุกคนรับปาก
“โซวอน ช่วยดูเรื่องสื่อและคิวรายการจับคู่ดาราด้วยอย่าให้พวกเขารู้เรื่องนี้เด็ดขาด” พ่อพูดกับโซโซวอน
“ครับ” โซโซวอนรับคำ
“ส่วนฮันวอน ให้คอยดูแลติดต่อเรื่องหมอหาหมอที่มีความสามารถเชี่ยวชาญเรื่องสมอง แล้วมาบอกพ่อให้เร็วที่สุด”
“ครับ” ซีฮันวอนรับคำ
สมแล้วที่เป็นคุณนางาซะ คุโรผู้บริหารใหญ่ของบริษัท Sky Black การสั่งการที่รวดเร็วและตรงประเด็น แถมยังใจดีเป็นที่หนึ่ง นายคิมเฮซองพูดถูก พ่อบุญธรรมของผมเป็นคนดีที่เขาต้องอิจฉา ทุกคนทั้งบริษัทเรียกคุณนางาซะ คุโร ว่า **พ่อ** เพราะว่าบริษัทนี้เป็นการบริหารแบบพ่อปกครองลูก ทุกคนรักกันเหมือนญาติพี่น้อง
“เรียวตะ เดี๋ยวถ้าทานข้าวเสร็จแล้วกลับบ้านกับพ่อ วันนี้ยังไม่ต้องทำงาน และลูกๆ ด้วยกลับไปพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยทำงาน”
“ครับ” ทุกคนรับคำ
พอทานข้าวเสร็จผมกลับบ้านกับพ่อ พ่อชวนผมพูดไปตลอดทาง พูดถึงเรื่องอดีตบางและจะถามผมอยู่เสมอว่า จำได้มั้ย คิดออกหรือเปล่าและผมก็ตอบว่า
“ผมจำอะไรไม่ได้เลย ผมพยายามคิดแล้วแต่” พ่อเอามือตบที่ไหล่ผมเบา
“ไม่เป็นไรไม่ต้องรีบ” ผมอบอุ่นมาเวลาที่อยู่กับพ่อ ผมอยากขอบคุณเป็นพันๆ ครั้งที่พ่อรับผมมาดูแล
“ผมรักพ่อผมจำได้จากในนี้” ผมเอามือวางไว้ที่อก
“พ่อก็รักลูก ลูกคือชีวิตของพ่อ” ผมกราบพ่อที่ตัก พ่อเอามือลูบที่ศีรษะผมเบาๆ
“แม่กับน้องก็มานะทั้งสองเป็นห่วงลูกมาก พวกเธอรออยู่ที่บ้าน แม่ทำอาหารไทยที่ลูกชอบไว้รอ วันนี้คงกินกันจนพุงกาง” ผมยิ้ม
คิมจีซู : SKY BLACK
น้ำรินวางสายโทรศัพท์ เสียงสะอื้นยังก้องอยู่ในความรู้สึก ผมหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างทางร้องให้สะอึกสะอื้น ผมอยากเข้าไปหาเธอ กอดเธอมาแนบชิดกับอก ปลอบประโลมมิให้เธอต้องร้องให้ แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้ การตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาดไม่ได้
...ก่อนที่ผมจะรักเธอได้เต็มหัวใจ ผมต้องตามหาความทรงจำที่หายไปให้เจอ...
“ฉันขอโทษน้ำริน รอนะ รอฉันก่อนแล้วฉันจะกลับมาเป็นเฮของเธอเหมือนเดิม” คำพูดที่ผมอยากจะบอกเธอ
“นายจะไม่ลงไปหาเธอหน่อยเหรอ” นายซีฮันวอนพูด
ผมอยากตอบนายซีฮันวอนว่า ผมอยากไปหาเธอแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว แต่ผมก็ต้องตัดใจ แล้วมองตรงไปข้างหน้า
“ไม่ละ...ออกรถเถอะ” ผมจำเป็นต้องพูดแบบนั้น เพราะผมรู้ว่าถ้าผมลงไปผมจะต้องเปลี่ยนใจที่ไม่ไปเกาหลีแน่นอน
“สมเป็นนายจริงๆ ถึงตอนนี้นายจะความจำเสื่อม แต่นายก็ยังเด็ดขาดเหมือนเดิม” เสียงหนักๆ ทุ่มๆ มีอำนาจบ่งบอกว่าเขาคือผวังชินกีเขาทำเหมือนกับว่าเขาจะรู้จักผมดีกว่าใครๆ
รถเลื่อนออกไปช้าๆ ตามคำพูดของผม ผมพยายามไม่หันไปมองน้ำริน แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้ ...ในสายตาของผมมีแต่เธอไม่มีใครอีกแล้วที่สามารถทดแทนเธอได้...(- - )
ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ผมไม่อยากจะปล่อยเธอไว้อย่างนี้ เอาอย่างนี้ดีกว่า
//วิกิมาหาน้ำรินหน่อย เธออยู่ระหว่างทางไปมหาวิทยาลัย ฝากด้วยนะ // ผมโทรศัพท์ไปหาวิกิ ให้เธอช่วยไปหาน้ำริน อย่างน้อยเพื่อนเธอคงช่วยปลอบใจเธอได้บ้าง
//ได้...มีอะไรหรือเปล่า // วิกิถามผม
//ฉันเห็นน้ำรินจอดรถอยู่ข้างทาง ไม่รู้ว่ารถเสียหรือเปล่า // ผมพูดต่อ
//เหรอ...เหรอได้ไปด้วยนี้เลย เออ! จีซูคิดถึงนะ จุ๊บๆ// วิกิวางสายคงจะรีบไปหาน้ำริน
ผมนั่งพิงเบอะนั่ง ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่จะพูดอะไรกับใครทั้งนั้น
“บรรยากาศแปลกๆ วะ ฉันไม่เคยเห็นนายแคร์ผู้หญิงคนไหนเท่ากับผู้หญิงคนนี้มาก่อน อย่าลืมนะเว้ยว่านายนะมีคู่หมั้นแล้ว” คำตอกย้ำที่นายซีฮันวอนพูด นี่แหละที่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมต้องกลับเกาหลี
คู่หมั้นของผมเธอคือใคร ทำไมผมถึง...บอกไม่ถูกว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกผูกพันกับเธอและแหวนวงนี้เลย
“ฮึ...ฮึ! นายอำจีซูมากไปแล้ว เดี๋ยวความทรงจำของเขากับมานายนั้นแหละจะถูก ตืบเป็นคนแรก” โซโซวอนพูด ทำให้ซีฮันวอนเงียบกริบ
ผมเริ่มปวดหัวอีกแล้ว อันไหนพูดจริงอันไหนพูดเล่นเชื่อไม่ได้เลยไอ้พวกนี้
“ตกลงฉันมีหรือไม่มีคู่หมั้นกันแน่” พูดมาให้ เคียร์ๆ นะเว้ยอารมณ์เสีย
“คู่หมั้นเหรอ นายมีคู่หมั้นจริงๆ อย่างที่ฮันวอนพูด แต่แค่ในรายการน้ำเนาจับคู่ดารา มันเป็นแผนโปรโมทย์ของบริษัท” ผวังชินกีอธิบายให้ผมเข้าใจ
“เป็นแค่แผนโปรโมทย์บริษัท” ผมยิ้มและทวนคำอีกครั้ง โล้งอกไปทีงั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องใส่มัน ผมกำลังจะถอดแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วออก
“เฮ้ย! เดี๋ยว ถอดไม่ได้นะเว้ยเดี๋ยวเป็นเรื่อง” ซีฮันวอนห้ามทันที
“ทำไมมันก็แค่แผนไม่ใช่เหรอ” ผมถามต่อ
“แผนนะใช่ แต่เป็นกฎกติกาของรายการด้วย ภายในหนึ่งปีนายต้องเป็นแฟนกับเมฮารึมและแหวนวงนี้เป็นแหวนที่แทนคำพูดว่านายจะอยู่ร่วมกิจกรรมของรายการต่อ ถ้าหากนายถอดคืนเมฮารึมหรือทำมันหาย บริษัทจะถูกปรับเงินจำนวน 10 ล้าน แต่ถ้าหากนายอยู่ต่อจนครบเวลา 1 ปี เราก็จะได้รับเงินจากรายการนี้ 10 ล้านเช่นกัน ฉะนั้น นายอย่าถอดดีกว่า” นายผวังชินกีอธิบาย เรื่องเงินๆทองต้องเขาเลยผู้บริหารระดับสูง
“แล้วฉันต้องทำยังไงต่อไป” ผมคงต้องใส่แหวนวงนี้ต่อไป
“ก็ทำกิจกรรมร่วมกับยายนั่นตามที่รายการบอกให้ทำต่อไป” ซีฮันวอนพูด แล้วเขาก็ยิ้ม อาการยิ้มแบบนี้ผมไม่ชอบเลย นายนี่กวนบาทามากไปแล้วเดี๋ยวจะโดน (- -)*
“ตอนที่ฉันไม่ความจำเสื่อมฉันชอบยายนั้นใช่มั้ย” ผมจำเป็นต้องถามเพราะหากผมชอบหรือว่ารักเมฮารึมจะได้ถนอมน้ำใจเธอ
“ฮึ...ชอบเหรอ นายเกลียดจนเข้าไส้เลยตังหาก นายไม่ชอบผู้หญิงที่ตีสองหน้าทำตัวร้ายกาจ ต่อหน้านายและทุกคนที่อยู่รอบกายนายทำเป็นอ่อนหวานเอาใจ แต่เบื้องหลังสิ ทำร้ายผู้หญิงที่เข้าใกล้นายทุกคน คนไหนมีแนวโน้มว่านายจะสนใจ เธอจะเข้าจัดการทันที” โซโซวอนเสริม
“แปลว่าเมฮารึมชอบฉัน” ผมถาม
“อย่างยายนั่นนะจะชอบหรือรักใครเป็น ทำเพื่อหน้าตาและเงินตังหาก เธอคิดว่าถ้านายทิ้งหรือยกเลิกทำกิจกรรมของรายการโดยมีเหตุผลเพราะผู้หญิงอื่น เธอก็จะเสียหน้าสุดๆ และที่สำคัญต้องเสียเงินซึ่งเธอนะยิ่งรับไม่ได้”
ผมจะต้องอยู่กับผู้หญิงคนนี้ 1 ปีเชียวเหรอ...เฮ้ย! เหนื่อยใจ
“เดี๋ยวนะฉันปวดหัวไปหมดแล้วพอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เออ! พวกนายชื่ออะไรกันบ้างนะ” ผมยังจำไม่ค่อยได้ ยิ่งตอนนี้บุคลิกของแต่ละคนไม่เหมือนที่ คิมเฮซอง พูดซักนิด โดยเฉพาะ ซีฮันวอน เขาไม่ใช่สุภาพบุรุตชุดขาวแต่เป็น เด็กน้อยที่สนุกสนานเฮฮาไปวันๆ ผมคิดว่าคงเป็นคอนเซฟของบริษัทมากกว่าที่นำเสนอเขาแบบนั้น
“ฉัน ซีฮันวอน” เขาพูดเป็นคนแรก ตามด้วย
“ฉันโซโซวอน” นายคิมเฮซองอธิบายบุคลิกได้ถูกต้อง นายโซโซวอนรูปร่างลักษณะการแต่งตัว ทรงผม เป็นแบบเพบอยอย่างที่เขาพูดไว้ทุกอย่างโดยไม่ต้องสงสัย
“ส่วนฉันผวังชินกี” นายผู้บริหารระดับสูง ทั้งเสียงพูดที่มีอำนาจและการแต่งการแบบนักธุรกิจมือทอง รวมๆแล้วก็ โอ เค เป็นเพื่อนกันได้
พอถึงสนามบิน ผมโทรหาน้ำรินอีกครั้ง
“ตูด...ตูด” เธอปิดโทรศัพท์ ผมเป็นห่วงเธอจริงๆ วิกิจะหาน้ำรินเจอมั้ยนะ
พอถึงเวลาแล้วผมจึงขึ้นเครื่องกลับเกาหลี ระหว่างที่เครื่องบินกำลังเดินทางอยู่ ผมก็พยายามถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเองในอดีตทุกอย่างที่พวกเขาพอจะรู้ แต่เกินคาดพวกเขารู้ทุกเรื่องนับว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกับผมในอดีตจริงๆ พวกเขาเล่าให้ฟังว่า...
“ฉันรู้ว่านายความจำเสื่อม แต่ฉันจำเป็นต้องเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง มันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับการทำใจให้ยอมรับ”ผวังชินกีพูดขึ้นมาก่อน ผมเงียบฟัง
“ความจริงแล้วนายเป็นลูกครึ่ง ไทย เกาหลี แม่ของนายเป็นคนไทย ชื่อแม่ฟ้า นายรักแม่ของนายมากและระลึกถึงอยู่เสมอ ชื่อของบริษัทและชื่อวงดนตรีของเราล้วนมาจากชื่อของแม่นาย”
“นายใช้คำว่าระลึกถึง งั้นก็แปลว่า” ผมอึ้งไปชั่วขณะ
“ใช่...แม่ของนายเสียแล้ว”ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วผมก็ทำมือไม่ให้ผวังชินกีพูดต่อ เพราะผมรับมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“แต่นายต้องฟัง เพราะถ้านายไม่รู้เรื่องนี้มันอาจจะทำให้นาย เสียรู้คนจนเป็นอันตรายได้ แค่ฉันเห็นนายไว้ใจคิมเฮซองให้มันรู้เรื่องว่านายความจำเสื่อม มันก็แย่พออยู่แล้วนายรู้หรือเปล่าว่ามันเป็นความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะคิมเฮซองคือ ศตรูของนาย”
“ศตรู” ผมมีความรู้สึกว่าคิมเฮซองเขาอาจไม่ใช่ศตรูของผมดูเขาเป็นมิตรกับผมมาก
“ใช่นายนั่นเป็นศตรู ทุกๆ เรื่องในชีวิตนาย” ผวังชินกีตอกย้ำ
“เพราะอะไร” ผมถามกลับไป
“เพราะว่า เขาเป็นลูกของพ่อนาย” ยิ่งทำให้ผมสงสัยมากขึ้น
“ถ้าหากเขาเป็นลูกของพ่อฉัน เขาก็เป็นน้องชายของฉันนะสิ” ผมพูดถูกหรือเปล่า
“น้องชายเหรอ...ฮึแค่ร่วมโลกกับนายเขายังไม่ต้องการเลย” ผมเงียบฟังอยากให้เขาเล่าให้จบ
“พ่อของนายคือ คุณคิมต็อกกู เป็นเจ้าของบริษัท CKT เป็นค่ายเพลงดังอันดับต้นๆ ของเกาหลีและอีกด้านหนึ่งก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์หรือค้าขายที่ดิน พ่อของนายชอบซื้อที่ดินที่ประเทศไทยและถือโอกาสเที่ยว จนได้พบกับแม่ของนาย แม่ของนายรักพ่อของนายมากอีกไม่นายแม่ของนายก็ท้อง และกำเนิดนายออกมา พ่อของนายช่วยดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด และมาหานายกับแม่เกือบ ๆ เดือน
แต่อีกไม่นานแม่ของนายก็ได้รับข่าวร้ายจากพ่อของนายว่า...พ่อของนายต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ผู้ใหญ่เลือกให้ และมีอีกเหตุผลหนึ่ง พ่อของนายต้องทำเพื่อบริษัทเพราะบริษัทอยู่ในสภาวะขาดทุนอย่างหนัก เพื่อบริษัทที่พ่อของนายรัก แม่จึงยอมให้พ่อนายไปแต่งงาน กับคุณคิมดาจองลูกเจ้าของบริษัทอิเล็กทรอนิคส์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ไม่นานพ่อของนายก็เริ่มมาหานายกับแม่น้อยลง จนถึงวันนั้นวันที่นายตั้งศูนย์เสียทุกอย่างก็มาถึง บ้านของนายถูกไฟไหม้ แม่ของนายพานายออกมาได้อย่างปลอดภัยแต่ตัวเองกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเธอต้องเสียชีวิต...” ผวังชินกีหันมามองผม คงสังเกตว่าผมยังไหวอยู่มั้ย
“แค่นี้ก่อนมั้ย ฉันคงจะรีบเกินไปจนนายรับไม่ทัน”ผวังชินกีพูดด้วยความเป็นห่วง
“พูดต่อเถอะถึงยังไงฉันก็ต้องรู้” เป็นความจริงที่เจ็บปวดที่สุด แต่ผมต้องผ่านไปให้ได้
“หลังจากที่แม่นายเสียไป นายก็อยู่กับยายมาตลอดยายพยายามติดต่อหาพ่อนาย แต่ก็ไม่สำเร็จพ่อของนายไม่เคยติดต่อมาอีกเลยมีแต่เงินที่ส่งมาประจำทุกเดือนเหมือนอย่างเคย เวลาผ่านไป 5 ปี ยายของนายก็เสียชีวิต นายถูกมูลนิธิรับไปเลี้ยงดู คุณนางาซะมาเห็นนายแล้วถูกชะตาจึงรับเลี้ยงนายและพาไปอยู่ญี่ปุ่น ส่งนายเรียนและดูแลนายเหมือนลูกจริงๆ คนหนึ่ง พอนายเรียนจบนายก็อยากจะไปตามหาพ่อว่าเขาเป็นใคร นายสืบดูและรู้ว่า พ่อของนายอยู่เกาหลีและมีลูกกับภรรยาใหม่ หนึ่งคน หรือก็คือ คิมเฮซอง นายตัดสินใจที่จะเดินทางมาเกาหลีและเปิดบริษัทแข่งกับพ่อของนายเพื่อจะให้พ่อนายรู้ว่า เขาคิดผิดที่ทิ้งนายกับแม่ไป” ผมเงียบกริบ
...นายต้องเจ็บปวดขนาดนี้เลยเหรอคิมจีซู ชีวิติของนายต้องเดินทางอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ไม่ต้องห่วงนะฉันจะสะสางทุกอย่างต่อจากนายเองฉันสัญญา...
ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่พูดกับตัวเอง ในเมื่อตอนนี้ความจำยังไม่กลับคืนมา ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อสานต่อสิ่งที่คิมจีซูคนเดิมทำไว้
“จีซู...จีซู” โซโซวอนตบที่ไหร่ผมเบาๆ พอให้ผมได้สติ
“นายต้องฟังต่อ” โซโซวอนพูด ยังมีมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ แค่นี้ผมก็จะแย่อยู่แล้ว
ผวังชินกีเล่าต่อ.....
“พอคุณคิมดาจองรู้ว่าพ่อนายมีภรรยาและลูกชายอีกหนึ่งคนคือนาย เธอโกรธพ่อของนายมาก เพราะเธอเคยเป็นที่หนึ่งมาตลอดทั้งการเรียนและการทำงาน เธอสั่งให้พ่อนายปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและห้ามพ่อของนายกลับไปหาแม่ของนายอีก ถ้าหากกลับไป เธอจะขอหย่าและถอดหุ้นทุกหุ้นคืนจากบริษัทพ่อนาย ที่สำคัญเธอไม่หยุดอยู่แค่นั้น ฉันสงสัยว่าวันที่ไฟไหม้บ้านนายที่เมืองไทยอาจเป็นฝีมือของเธอก็ได้”
“หมายความว่า เธอต้องการฆ่าฉันกับแม่ให้ตาย” ผมทวนคำ
“อาจจะใช่...คุณคิมดาจองสั่งคนให้ตามนายและหาโอกาสที่จะกำจัดนายมาตลอด”ผมคิดได้แล้วน้ำรินเคยเล่าให้ผมฟังว่า ผมวิ่งหนีใครมาก็ไม่รู้แล้วมาชนเขากับรถมอเตอร์ไซน์ของเธอจนผมต้องความจำเสื่อม
“เธอเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุด” ผมพูด
ถ้าหากเป็นเรื่องจริงอย่างที่ผวังชินกีพูด คุณคิมดาจองคุณต้องชดใช้อย่างสาสม ความแค้นเข้ามาในจิตใจผมกำมือไว้แน่น
“พวกเราคอยเป็นหูเป็นตาให้นายและจะอยู่ข้างนายเสมอ” โซโซวอนพูดและทุกคนก็ยิ้มให้กำลังใจผม
“ขอบใจ อย่างน้อยฉันก็มีพวกนายเป็นเพื่อน” ผมยิ้มตอบไมตรี
“และแล้วเวลาเครียดๆ ก็จบลง ทีนี้ก็เตรียมรับมือกับสื่อที่จะถามว่านายหายไปไหนตั้งสองเดือน” ซีฮันวอนพูดขึ้นมา
“จริงสิ...ฉันลืมคิดไปเลย” โซโซวอนพูด
“งั้นเรามาคิดแผนกัน” ผวังชินกีพูด
ผมสังเกตนายนี่ดูมีความรู้แต่ทำไมไม่ทำบริษัทขึ้นมาเองทำไมต้องมาร่วมกับผม
“ทำไมนายไม่เป็นนักร้องนำหรือจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเอง ไม่งั้นก็เป็นอะไรที่เหนือกว่าที่นายเป็นอยู่ตอนนี้” ผมถาม ผวังชินกี
“ฮา...ฮา” โซโซวอนและซีฮันวอนหัวเราะ
ผวังชินกีทำตาขวางให้หยุดหัวเราะ
“ก็เพราะว่า...” ซีฮันวอนพูด แต่ก็ต้องโดนฝ่ามือ พิฆาตกลางหลังดังอึก! จนต้องหยุดพูด
“เรื่องนี้ต้องอุบไว้ก่อน” ผวังชินกีพูด
“น้องสาวนาย...” ซีฮันวอนพยายามกระซิบ
“ฉันมีน้องสาวด้วยเหรอ”มีเรื่องแปลกใหม่อีกแล้ว ผวังชินกีชี้นิ้วให้ซีฮันวอนหยุดพูด แล้วเขาก็พูดแทน
“มีสิ...ก็ลูกสาวของคุณนางาซะ คุโรกับคุณแม่นางาซะ มิยะ เธอชื่อ นางาซะ ไอยะเนะ”
“ออ!...” ผมเริ่มจะเข้าใจแล้ว ผวังชินกีแอบชอบน้องสาวผมอยู่นั่นเอง
“ชิ ...อย่าหวัง ผีย่อมเห็นผี น้องสาวใครอย่าแตะ” ซีฮันวอนกับโซโซวอนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาน้ำหูน้ำตาไหล
“ฮา...ฮา ขนาดความจำเสื่อมยังไม่ลืมว่าหวงน้องสาวอยู่อีกนะ เนี้ย” โซโซวอนทำให้ผวังชินกีหน้าหมุ่ยไปทีเดี่ยว
“พอกันได้แล้ว มาวางแผนกันดีกว่า” ผวังชินกีเริ่มอารมณ์เสีย จึงเปลี่ยนเรื่องพูด
“เอาเป็นว่า โทรหาเมฮารึมให้เธอมาหาที่สนามบิน ยายนั่นชอบมากเรื่องเป็นข่าว เธอจะตอบแทนจีซูทุกอย่าง โดยที่เราไม่ต้องทำมี สตริปให้เธอ แค่ให้จีซู เออ...ออไปกับเธอเท่านั้น”
โซโซวอนสมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางสื่อ...คิมจีซูนายหาเพื่อนร่วมวงเก่งจริงๆ ...ผมพูดกับตัวเอง
“โอ เค ตามนี่” ทุกคนเห็นด้วย...แล้วมีใครถามผมบ้างมั้ยว่าตอนนี้ผมพร้อมที่จะเจอยายนั้นหรือยัง...
“ฉันว่า...” ผมกำลังจะแย้ง
“นายไม่ต้องว่าแล้ว ให้ยายนั่นช่วยดีที่สุด ฉันดูท่าว่านายจะกลัวสื่อด้วยซ้ำ และเวลาสื่อถามเราจะไม่พูดหรือให้พวกสื่อรู้ถึงเรื่องความจำเสื่อมของนายเด็ดขาด ฉะนั้นนายพูดน้อยๆ ดีกว่า” จริงสินะผวังชินกีพูดถูก
“เอโดะซัง” โซโซวอนเรียกผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหา
“ช่วยติดต่อเมฮารึม บอกว่าคิมจีซูจะกลับถึงเกาหลีวันนี้” โซโซวอนพูด
“แล้วอย่าลืมบอกว่า จีซูคิดถึงมาก มารับที่สนามบินด้วย” ซีฮันวอนเสริมแล้วเขาก็ยิ้มให้ผม เกลียดจริงๆ ยิ้มแบบนี้
“นี่ชุดที่ต้องใส่ลงจากเครื่อง” เอโดะนำชุดมาให้ทุกคน
“เอโดะมะช่วย”ซีฮันวอนอาสา
“ไม่ต้อง...ช่วยทีไรพังทุกที” เอโดะ ปฏิเสธ ทำให้ซีฮันวอนหน้างอไปทีเดียว
“อะนี่ของนาย” เอโดะกึ่งยื่นกึ่งผลักเสื้อติดอกซีฮันวอน
“นี่เอโดะซัง ฉันเป็นซุปเปอร์สตาร์นะ เธอต้องเอาใจฉันสิ ยายแบ้” ซีฮันวอนไม่ยอมแพ้ เอโดะหันมามองทำตาดุ
“สำหรับคนอื่นใช่ แต่สำหรับนายไม่ใช่ นายตัวซวย” เอโดะพูดแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป
“นี่เธอ...” ซีฮันวอนพูดได้แค่นั้น
“ไอ้บื้อฮันวอน คิดจะจีบสาวดันปากเสีย” โซโซวอนพูด
“ใครบอกว่าฉันจะจีบยายนั้น ชิ...หงุดหงิดชะมัด” ซีฮันวอนอารมณ์เสียสุดๆ
“ทำปากแข็ง...แต่งตัวดีกว่า” โซโซวอนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป
ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องลงจากเครื่องบิน ผมรู้สึกว่านี่คือโลกใหม่ของผม โลกที่ผมคือซุปเปอร์สตาร์และต้องได้ยินเสียงกรี๊ดที่สุดแสนจะน่ารำคาญ เฮ้ย! (_ _)!
พอพวกเราลงจากเครื่องบิน แล้วผมก็เดินตามโซโซวอนมาติดๆ นายผวังชินกีและซีฮันวอนเดินมาด้วยกัน แสงจากเฟ็ดกล้องถ่ายรูป แวบวาว จนผมจะต้องหลบสายตาแต่ถึงยังไงก็หนี้ไม่พ้น นักข่าวสายบันเทิงมากันเพียบทำให้พวกเราเดินต่อไปไม่ได้ นักข่าวเริ่มตั้งคำถาม
“พวกคุณไปตามหาคิมจีซูที่ประเทศไทยใช่มั้ยค่ะ” นักข่าวคน นึงตั้งคำถาม
“ใช่ครับ...” โซโซวอนตอบสั้นๆ
“แล้วทำมั้ยคิมจีซูต้องไปอยู่ที่ประเทศไทยตั้งสองเดือนด้วยค่ะ”นักข่าวถามต่อ
“ก็เพราะว่า...” โซโซวอนกำลังจะตอบคำถาม ก็มีผู้หญิงอีกคนพูดขึ้นมา
“ก็เพราะว่าจีซูเขางอนฮารึมนะค่ะ ช่วงนี้ฮารึมรับงานแสดงมากไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาให้กับเขาเลย”นักข่าวเปลี่ยนมุมกล้องไปหาเมฮารึมทันที เธอมาในชุดเสื้อกระโปรงสีครีมออก สไตล์ คุณหนูแสนชนนิดๆ เธอเดินเข้ามาหาผม โซโซวอนหลีกทางให้ เมฮารึมคล้องแขนผมบอกถึงความเป็นเจ้าของ
“ฮารึมพยายามโทรหาจีซูแต่เขาไม่ยอมรับสาย ฮารึมจะไปหาก็ไม่ได้เพราะติดที่ต้องรับผิดชอบงานแสดง ฮารึมก็เลยโทรไปขอร้องพี่ๆ เขาไปช่วยพูดให้จีซูกลับมา พี่ๆ นักข่าวค่ะตอนนี้ฮารึมมีเรื่องต้องพูดกับจีซูหลายเรื่อง ฮารึมต้องขอโทษพี่ๆนักข่าวด้วยนะค่ะ ขอตัวก่อนค่ะ”
ผมไม่ต้องพูดอะไรอย่างที่พวกโซโซวอนพูด เมฮารึมจัดการนักข่าวซะอยู่มัด แล้วเมฮารึมก็พาผมฝ่ากลางกลุ่มนักข่าวออกไปขึ้นรถบริษัทที่จอดรอไว้อยู่แล้ว
“ขอบใจนะเมฮารึม” ผมขอบใจเธอแล้วยิ้มให้
“หูของฉันต้องฟาดไปแง่มๆ คนอย่างคิมจีซูขอบใจฉัน แล้วยังยิ้มให้ฉันแบบจริงใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”เมฮารึมเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในการกระทำของผม
“แล้วจะให้ฉันพูดว่าอะไรละ”ผมถามกลับไป
“เช่นพูดว่า เธอนี่ยุ้งกับชีวิตของฉันเสียจริง วันหลังไม่ต้อง ไม่งั้นก็รีบกลับไปซะ หมดเวลาเล่นละครแล้ว อะไรประมาณนี่” เมฮารึมยกตัวอย่างคำพูด ตอนที่ผมปกติให้ฟัง
“ฉันร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามต่อ
“ก็ใช่นะสินายทั้งหมาดเข็ม คำพูดดุดัน ไม่เคยสนใจใครและไม่มีหัวใจ นี่แหละเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะมันแสดงว่านาย Virgin อยู่” ผมถึงกับสะอึก ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักอายเลยหรือไง
“นายหน้าแดงด้วย จีซูนายเขินเหรอน่ารักจังเลย นายน่าสนใจขึ้นทุกวัน ฉันชักไม่อยากหยุดเป็นแฟนนายแล้วสิ เรามาเป็นแฟนกันจริงๆมั้ยจีซู” เป็นคำถามที่ตรงมากเท่าที่ผมเคยฟังมา ผู้หญิงคนนี้ เฮ้ย! เหนื่อยใจจริงๆ
“ว่าไงละจีซู” เธอถามอีกครั้ง
“นี่เธอ ได้คืบจะเอาศอก ฉันเห็นเธอมาช่วยหรอกนะถึงได้ดีด้วย เลิกเกาะแกะได้แล้วไปไกลๆ เลยไป” ผมพูดตามสัญชาติญาณเดิมของคิมจีซู
“น่าเบื่อจริงๆ ปีศาจร้ายเข้าสิงห์อีกแล้ว” เธอบ่นพร้อมเอามือออกจากแขนผม
“คนขับรถช่วยไปส่งฉันที่มอตลอริ่ง อยู่ที่นี่น่าเบื่อ” เมฮารึมสะบัดหน้าหนีผม ผมทำเป็นไม่สนใจ พอถึงเธอลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในมอตลอริ่งไม่หันมามองอีก
“นายเห็นมั้ยเป็นอย่างที่ฉันพูดทุกอย่าง ยายนี่ไม่เคยสนใจใครนอกจากนายและตัวเอง ขนาดว่าพวกฉันนั่งอยู่เต็มรถ ยังหวานกับนายได้เรี่ยนซะขนลุก” ซีฮันวอนพูดขึ้นมา
“ก็พวกนายเงียบซะขนาดนั้น ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจด้วยซ้ำ” ผมพูดประชด
“ก็แบบว่า...เพื่อเงินเพื่อบริษัทไง” ซีฮันวอนพูด
“เออ...ไอ้คนขายเพื่อน” ผมพูดซีฮันวอนรีบมาเอาใจบีบนวดผมใหญ่
“อึม พวกนายมีโทรศัพท์มั้ยขอยืมหน่อย กดให้ด้วยฉันไม่รู้รหัสที่นี่”
“เฮ...ของฉันไม่ได้เติมเงิน” ผมมองไปทางซีฮันวอนนายนี่งกแน่ๆผมไม่เชื่อหรอกว่าไม่ได้เติมเงิน
“เอาของฉันไปใช้” โซโซวอนพูดแล้วเขาก็กดต่อสายให้
ผมโทรไปหาน้ำรินอยากบอกเธอว่าถึงเกาหลีแล้ว
//สวัสดีค่ะ// เธอรับสาย โซโซวอนยื่นโทรศัพท์ให้กับผม
//น้ำริน ฉันเองนะ// ผมพูด
//จีซู// น้ำรินพูด
//ใช่...ฉันถึงเกาหลีแล้ว เธออยู่ที่ไหน// ผมพูด
//อยู่ที่บ้าน นายเจอเพื่อนแล้วเป็นไงบ้าง พวกเขาดีกับนายมั้ย// เธอก็ยังเป็นเธอที่ห่วงใยผมเหมือนเคย
//เจอแล้วฉันคิดถึงเธอนะน้ำริน// ผมกระซิบบอกเธอกลัวเพื่อชายของผมทั้งสามจะฟังเข้าใจ เพราะพวกเขาพยายามอย่างมากในการฟังผมพูด
//ฉันก็...คิด...ถึงนาย// สายถูกตัดไปทันทีที่ฉันพูดจบ ผมคิดถึงเธอจริงๆ ผมอยากอยู่ใกล้ๆ เธอ
...รอก่อนนะแล้วฉันจะกลับไปหา...ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้โซโซวอน
“นายต้องซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่แล้วละ พรุ่งนี้ฉันจะพาไปดู” โซโซวอนพูด
พอถึงบริษัท
“เฮ...จีซูยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ทุกคนโปกมือต้อนรับ
“เรียวตะ...” ผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งเรียกชื่อใครบางคน ผมหันไปมาไม่มีใครขานรับ
“นายนั้นแหละ นี่เป็นชื่อนายตอนที่อยู่ญี่ปุ่น” ผวังชินกีพูด
“เรียวตะ คือชื่อฉันอีกชื่อหนึ่ง” ผมปวดหัวจริงๆ อะไรอีกละ
“เรียวตะ พ่อเป็นห่วงลูกมากรู้มั้ย แม่ก็พลอยกินไม่ได้นอนไม่หลับไปด้วย” เขาพูดแล้วเขามากอดผม
ท่าทีที่เขาแสดงออกต่อผมดูชั่งอบอุ่น อ้อมกอดที่กอดรัดผมทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
...ผู้ชายคนนี้คือ พ่อบุญธรรมที่ชื่อนางาซะ คุโรแน่นอน...
“เหนื่อยมั้ย ไปคุยกันข้างในห้องก่อน” พ่อชวนผมและเพื่อนเข้าไปในห้องผู้บริหารระดับสูง
“ครับ” ผมตอบรับ
“ลูกและทุกคนคงหิวแล้วสินะ คุณเลขาช่วยเตรียมอาหารด้วย” ผมหิวอย่างที่พ่อพูดจริงๆ
“รู้มั้ยพ่อส่งคนตามหาลูกซะทั่วเชียงใหม่ แต่ก็ไม่เจอยังดีที่คิมเฮซอง เขาเข้ามาบอกพ่อที่บริษัทว่าเขาเจอลูกและลูกก็ยังได้รับอุบัติเหตุจนทำให้ลูกความจำเสื่อม ไม่ต้องกลัวพ่อจะรักษาลูกให้หายโรคนี้โดยเร็วที่สุด” พ่อลูบศีรษะผมเบาๆ
“ขอบคุณครับ” ผมโค้งขอบคุณ
“พ่อครับ เรื่องที่จะเปิดคอนเสิร์ตคงต้องเลื่อนออกไปก่อนดูจากสภาพของจีซูคงขึ้นคอนเสิร์ตยังไม่ได้” ผวังชินกีพูด
“อย่างที่ชินกีพูดก็ถูกเอาเป็นว่าเลื่อนไปก่อน ยังไงก็สอนเรื่องร้องและเต้นให้กับจีซูด้วย” พ่อรับฟังและสนับสนุน
“ครับ” ทุกคนรับปาก
“โซวอน ช่วยดูเรื่องสื่อและคิวรายการจับคู่ดาราด้วยอย่าให้พวกเขารู้เรื่องนี้เด็ดขาด” พ่อพูดกับโซโซวอน
“ครับ” โซโซวอนรับคำ
“ส่วนฮันวอน ให้คอยดูแลติดต่อเรื่องหมอหาหมอที่มีความสามารถเชี่ยวชาญเรื่องสมอง แล้วมาบอกพ่อให้เร็วที่สุด”
“ครับ” ซีฮันวอนรับคำ
สมแล้วที่เป็นคุณนางาซะ คุโรผู้บริหารใหญ่ของบริษัท Sky Black การสั่งการที่รวดเร็วและตรงประเด็น แถมยังใจดีเป็นที่หนึ่ง นายคิมเฮซองพูดถูก พ่อบุญธรรมของผมเป็นคนดีที่เขาต้องอิจฉา ทุกคนทั้งบริษัทเรียกคุณนางาซะ คุโร ว่า **พ่อ** เพราะว่าบริษัทนี้เป็นการบริหารแบบพ่อปกครองลูก ทุกคนรักกันเหมือนญาติพี่น้อง
“เรียวตะ เดี๋ยวถ้าทานข้าวเสร็จแล้วกลับบ้านกับพ่อ วันนี้ยังไม่ต้องทำงาน และลูกๆ ด้วยกลับไปพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยทำงาน”
“ครับ” ทุกคนรับคำ
พอทานข้าวเสร็จผมกลับบ้านกับพ่อ พ่อชวนผมพูดไปตลอดทาง พูดถึงเรื่องอดีตบางและจะถามผมอยู่เสมอว่า จำได้มั้ย คิดออกหรือเปล่าและผมก็ตอบว่า
“ผมจำอะไรไม่ได้เลย ผมพยายามคิดแล้วแต่” พ่อเอามือตบที่ไหล่ผมเบา
“ไม่เป็นไรไม่ต้องรีบ” ผมอบอุ่นมาเวลาที่อยู่กับพ่อ ผมอยากขอบคุณเป็นพันๆ ครั้งที่พ่อรับผมมาดูแล
“ผมรักพ่อผมจำได้จากในนี้” ผมเอามือวางไว้ที่อก
“พ่อก็รักลูก ลูกคือชีวิตของพ่อ” ผมกราบพ่อที่ตัก พ่อเอามือลูบที่ศีรษะผมเบาๆ
“แม่กับน้องก็มานะทั้งสองเป็นห่วงลูกมาก พวกเธอรออยู่ที่บ้าน แม่ทำอาหารไทยที่ลูกชอบไว้รอ วันนี้คงกินกันจนพุงกาง” ผมยิ้ม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ