สะดุดรักป่วนหัวใจนายซุปเปอร์สตาร์
-
เขียนโดย yuei
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 11.52 น.
6 ตอน
3 วิจารณ์
8,570 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559 11.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ชีวิตที่แสนสุข
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ กรี๊ด.....กรี๊ด.....กรี๊ด เสียงกรี๊ดของบรรดาแฟนคลับในคอนเสิร์ตของบอยแบนด์นามว่า God warden ซึ่งมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย วง God warden มีสมาชิกสามคนคือ คิมเฮซอง ยูซางมิน ลีโฮยูน สุภาพบุรุตสุดหล่อ (^0^)ฉันชอบนักร้องวงนี้มากโดยเฉพาะคิมเฮซองผู้ชายที่มีรอยยิ้มและดวงตาที่หวานเป็นเอกลักษณ์ ฉันชอบเขามากผู้ชายในฝัน เก่งก็เก่ง รวยก็สุดๆ เขาเป็นถึงทายาทเจ้าของบริษัท KTC ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีและแน่นอนวง God warden ก็ต้องสังกัดค่ายเพลงนี้ด้วย บริษัท KTC เป็นบริษัทของคุณคิมต๊อกกูซึ่งเป็นบิดาของคิมเฮซองและยังมีบริษัทอีเล็กทรอนิกส์ที่มีมารดาคือคุณคิมดาจองเป็นผู้บริหารและครอบครัวนี้ก็ยังใจดีสุดๆ พวกเขาเป็นเจ้าของมูลนิธิเด็กถึงสองแห่งทั้งในประเทศเกาหลีและในประเทศไทยนับว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่สมบรูณ์แบบที่สุด ถ้าผู้หญิงคนไหนได้เข้าไปเป็นสะใภ้ของครอบครัวนี้ละก็สบายไปตลอดชาติ
พอคอนเสิร์ตจบลงวง God warden ก็โบกมืออำลา
“กรี๊ด...กรี๊ด..หล่อมากน่ารักสุด..สุด” และแล้วระหว่างที่ฉันกำลังกรี๊ดกับการดูคอนเสิร์ต (ในทีวี) อยู่นั้น
“โป๊ง...ปัง! โอ๊ย!” ก็มีกระป๋องน้ำอัดลมลอยมาจากด้านหลัง เป็นพี่สาวของฉันนั้นเองที่ปามา
“ตีหนึ่งแล้วนะ ทำไมไม่รู้จักหลับจักนอนเสียที จะไปเรียนหนังสือไหมวันพรุ่งนี้”
“โฮพี่....ฉันเจ็บนะ” ฉันเอามือลูบศีรษะจัดทรงผม ความจริงมันไม่ค่อยเจ็บหรอกเพราะเป็นกระป๋องเปล่า ขืนมีน้ำละก็มีหวังหัวแตกแน่..แน่ (+,Y)
“เจ็บละดี ไปนอนได้แล้วไป๋ คนจะหลับจะนอนกรี๊ดอยู่ได้”
พี่สาวเดินเข้าห้องและฉันก็ปิดไฟปิดทีวี แล้วเดินเข้าห้องตามไป แต่ฉันก็นอนไม่หลับมีแต่ใบหน้าหนุ่มหล่อเต็มไปหมด ทำยังไงดี.....ทำยังไงดี เอ... คิมเฮซองเขาจะอยู่เมืองไทยหรือเปล่านะ อยากไปนอนข้างๆ จังเลยผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ทั้งหล่อทั้งน่ารัก
แถมยังเท่ห์อีกต่างหาก รอยยิ้มเสียงร้องที่ทำให้แฟนๆต้องร้องกรี๊ดเป็นหน้าเป็นหลัง
“จุ๊บ....จุ๊บ....คิมเฮซองวันนี้นอนก่อนนะ ที่รัก” (เขาเป็นที่รักของเธอตั้งแต่เมื่อไร) นา...นะ....นิด...นึง
ไหนๆ ก็นอนไม่หลับแล้วขอแนะนำตัวเลยแล้วกัน **ฉันชื่อน้ำริน** ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ สาม คณะวิทยาการจัดการ แต่ยังไม่เคยเลยที่จะจัดการชีวิตตัวเองเลยสักที (-.-! ) ( !-.-) ฉันมีพี่สาวอยู่หนึ่งคนยาย จอมขี้บ่น บ่นได้ทุกหวี่ทุกวันชื่อของเธอคือ **พี่น้ำฝน** หน้าตาก็พอดูได้หรอกนะแต่เสียงบ่นตอนตื่นและเสียงกรนตอนหลับนะสิชังน่าเกลียดจริง....จริง ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้รบกวนหูฉันได้ทั้งตอนหลับและตอนตื่น ฉันกับพี่อยู่อาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ พี่สาวของฉันทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางชื่อดังแห่งหนึ่ง (คงไม่ต้องสงสัยแล้วสินะว่าทำไมเธอถึงพูดมาก) แต่พี่ของฉันเป็นคนขยันทำงานหาเงินเก่ง ไม่ชอบเที่ยวเป็นพี่สาวที่ดีๆ และที่สำคัญรักฉันมากๆ
ว้าย...ตอนนี้กี่โมงแล้ว มัวแต่เล่าประวัติส่วนตัวเพลินไปหน่อยตอนนี้
“ตีสองครึ่งแล้ว!” แง้! ต้องรีบนอนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทันไปเรียน
“ยายน้ำรั่วตื่นได้แล้ว” นางมารร้ายชัดๆ คนกำลังหลับสบายๆ
“นา.....นะ......นิด.......นึง” ฉันพูดอู้....อี้...แล้วเอาหมอนปิดหน้าแล้วนอนต่อ
“จะไม่ตื่นใช่ไหม จะฟ้องแม่” นางมารร้ายจะฟ้องนางพญาผมขาวคิดแล้วสยอง (OoO)
“ตื่นแล้ว....ตื่นแล้วจริง...จริง” ไม่เห็นต้องขู่เลย แต่ก็ได้ผลทุกที ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนอย่างรวดเร็ว
“บ้าย...บาย จ๊ะน้องสาว” พี่สาวยิ้มให้ฉันอย่างผู้ชนะ
“ชิ” ฝากไว้ก่อนเฮอะ
ฉันรีบชิ่งรถมอเตอร์ไซด์หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง (เอานา สำหรับผู้หญิงขับ) พอใกล้ถึงสัญญาณไฟแดงฉันลดความเร็วใกล้จะหยุดตรงสี่แยกไปแดง จู่....จู่... ก็มีคนวิ่งพรวดเข้ามาชนรถของฉัน ฉันตกใจมากรถเสียหลักล้มลงทับฉันและเขา แต่เอ๊ะ! ทำไมฉันไม่รู้สึกเจ็บเลยละ แต่กับรู้สึกอึดอัดมากกว่าหายใจไม่คอยออกเลยหรือว่าฉันกำลังจะตาย.....มือ!....มือฉันจับโดนอะไรบางอย่าง ของเหลว! ฉันพยายามลืมตาขึ้นมองไปที่มือ
“ กรี๊ด..........เลือด......” ทุกคนหันมามองเสียงหวีดสยองของฉันและรีบวิ่งเข้ามาช่วยยกรถขึ้น แล้วก็อุ้มชายคนที่ช่วยไม่ให้รถทับฉันออกจากตัวฉัน(แต่ก็ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือว่าเขาตั้งใจที่จะช่วยฉันไว้ ไม่แน่ใจเหมือนกัน) เขา......จะตายไหม เลือดไหลเต็มหน้าเขาไปหมด (T.T) แง้!....ทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงดี
ระหว่างที่ฉันกำลังยืนเป็นต้นไม้ข้างทางอยู่นั้น พระเจ้าช่วยลุงคนหนึ่งทำให้ฉันได้สติ
“หนูต้องพาเขาส่งโรงพยาบาล เลือดของเขาออกมากเกินไปแล้ว”
“ค่ะ....ค่ะ...ส่งโรงพยาบาลเลยค่ะ”
“งั้นลุงโทรเลยนะ”
“ค่ะ....ขอบคุณค่ะ” พอรถพยาบาลมาถึงบุรุษพยาบาลช่วยเขาอย่างรวดเร็ว แล้วเอาเขาขึ้นรถและฉันก็ขับรถตามไปติดๆ
“ญาติของผู้ป่วยเชิญทางนี้ค่ะ” ญาติเป็นฉันสินะ
“ค่ะ” ฉันเดินไปหาที่เคาว์เตอร์
“คุณค่ะคนไข้ไม่มีหลักฐานยืนยันสัญชาติเลยค่ะ คุณจะยอมจ่ายค่ะใช้จ่ายทั้งหมดหรือเปล่าค่ะ” ถึงขนานนี้แล้วคงต้องยอม
“ค่ะฉันยินดีจ่าย”
“งั้นเซ็นตรงนี้เลยค่ะ” พอฉันเซ็นเสร็จเข้าก็เริ่มทำการรักษา ฉันนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินเกือบชั่วโมง นายแพทย์ก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“เขาเป็นอย่างไรบ้างค่ะ” ฉันรีบเข้าไปถาม
“ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ ส่วนเลือดที่ตกค้างอยู่ในสมองจะสลายไปเองครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือขอบคุณ
ทีนี้ละเครียดเพราะจะต้องจ่ายเงินงวดแรก หลังจากออกจากห้องฉุกเฉิน จะโทรหาพี่ก็ไม่ได้ เลยต้องใช้เงินเก็บที่แม่ให้ไว้หวังว่าจะเอาไปเปิดร้านตอนเรียนจบ
“หมดกันเพราะนายคนเดียวถ้าตื่นขึ้นมาเมื่อไรจะเก็บทั้งต้นทั้งดอกเลย” (_ _*) พอจ่ายค่ารักษาพยาบาลเสร็จฉันจึงเข้าไปดูเขา (ผู้ชายคนที่บาดเจ็บไม่รู้เหมือนกันว่าคนไหนจำไม่ได้เพราะตอนนั้นเลือดเขาเต็มหน้าไปหมด) ฉันเดินไปที่ตึกรวมชาย ตามฐานะของผู้จ่าย (-.-!) ฉันมองหาหมายเลขเตียงนอนตามที่พยาบาลแจ้งให้ทราบ พอไปถึงฉันเดินไปข้างๆ เตียงแล้วดึงผ้ามาห่มให้เขา
“ทำไมนายถึงวิ่งมาชนรถฉันได้นะ นายหนีใครมาทำไมถึงต้องรีบขนาดนั้น ทำไม.....ทำไม” ในสมองฉันมีแต่คำถาม คำถามที่ไม่มีคำตอบ แล้วเมื่อไรนายจะตื่นเสียที
จากการสำรวจ เอ้ย! ดูโดยรอบเขาคงไม่ใช่คนไทยหรือไม่อย่างนั้นก็คงไปแสดงอะไรมาสักอย่าง ดูการแต่งตัวตอนแรกก่อนเปลี่ยนชุดโรงพยาบาล ชุดหนังสีดำเข้ารูป ทรงผมรับกับรูปหน้า ดวงตาที่เขียนขอบตาดำปากสีชมพูระเรื่อดูลักษณะการแต่งตัวแล้วเหมือนกับ ซุปเปอร์สตาร์เกาหลี หน้าตาหล่อได้ใจทีเดียว แต่ก็ยังหล่อน้อยกว่าคิมเฮซองของฉัน อิ..อิ
เอ๊ะ! ที่นิ้วมือของเขามีแหวนด้วยเป็นแหวนเงินมีเพชรโดยรอบ คงเป็นแหวนใส่เล่นเป็นแฟชั่นมั่ง เพราะไม่ได้ใส่นิ้วนางข้างซ้าย
“เอาผ้ามาเช็ดตัวเขาหน่อยดีกว่า จะได้สบายตัวขึ้น รู้สึกว่ามอมแมมเชียว”
ฉันเอาผ้าเช็ดหน้าบิดพอมาด เช็ดที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ก่อนเครื่องสำอางที่เครือบอยู่บนใบหน้าเขาค่อย ๆ จางลงและเหลือแต่เพียงใบหน้าที่จืด ๆ ซีด ๆ เขาคงแต่งหน้าบ่อยจนทำให้เครื่องสำอางกัดกินธรรมชาติของใบหน้าไปหมด แต่เขาก็ดูดีไปอีกแบบ อุ๊!..เลือดกำเดาไหล (พูดเล่น)
ระหว่างฉันกำลังเพลิดเพลินในการเช็ดตัวเขา .. หมับ...มือของฉันถูกจับและดึงอย่างแรงจนฉันเซไปเปะอยู่ที่อกของเขา
แม่ขอด่าหน่อยเฮอะ.....แล้วฉันก็เงยหน้าขึ้น(_ _) (OO) ใบหน้าของเขา...คำพูดทั้งหลายมลายหายไปพร้อมกับลมหายใจ
“อึบ....”ฉันอดกั้นลมหายใจไว้ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ใบหน้าของเขาและฉันอีกนิดเดียว....นิดเดียวจริง ๆ หน้าของเราเกือบชนกันแล้ว ฉันกับเขาไม่กล้าที่จะขยับตัว ไม่แม้กระทั่งหายใจ และเขาก็ได้สติก่อนฉัน (ก็ฉันมันคนความรู้สึกช้านี่นา) การได้สติของเขาทำให้ฉันถึงกับสติแตก เขาผลักฉันจนฉันไปกองอยู่กับพื้น พร้อมกับกะละมังน้ำที่ครอบอยู่บนศีรษะฉัน
“ซ่า...”ฉันเปียกไปหมดทั้งตัว
“...นายตายแน่” ฉันยกกะละมังออกจากหัวและ ลุกขึ้นยืน ด้วยความโกรธฉันเอากะละมังทุบที่ตัวของเขาอย่างแรง
“เพราะนายที่ต้องทำให้ฉันต้องเสียเวลา เพราะนายที่ทำให้ฉันต้องเสียเงินและเพราะนายที่ทำให้ฉันเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำแบบนี้”
มือของเขาได้แต่ปัดป้อง (หญิงโหดแห่งปีน้อง...น้องนางมารร้าย) และฉันก็พลาดโป๊ง! ไปโดนที่ศีรษะของเขา และเขาก็สลบไป พยาบาลวิ่งเข้ามา
“คุณจะฆ่าคนไข้หรือไง คนไข้ยังมีเลือดตกค้างอยู่ในสมองนะ อันตรายมาก” พยาบาลเขามาดูอาการ
“เขาเป็นอย่างไรบ้างค่ะ” ฉันถามอย่างรู้สึกสำนึกผิด
“เขาไม่เป็นไรหลอกค่ะเพียงเพียรมากไปหน่อยตอนนี้หลับไปแล้ว รออีกสักครู่เขาคงตื่น”
“ขอบคุณค่ะ” พยาบาลเดินออกไป
“ทุบอีกสักทีดีไหม”
“อหึม....” เสียงพยาบาลกระแอมเตือน ฉันได้แต่ยิ้มให้
“ไปอาบน้ำดีกว่า”
พอฉันอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ
“& # + $ ~ & * < # * ” ใครตะโกนอะไร
“ว้าย!..” เสียงใครมาหวีดสยองที่โรงพยาบาลชังไม่รู้จักเกรงใจคนป่วยบ้าง
“เอ๊ะ! พยาบาลนี่ มุงดูอะไรกัน นั้นมันเตียงคนไข้ของเรานี้นา”
ฉันรีบวิ่งไปทันที ฉันดึงแขนพยาบาลคนหนึ่งมาถาม
“เกิดอะไรขึ้นค่ะ”
“ตื่นขึ้นมาเขาก็โวยวาย เหมือนเขาจะปวดหัว แต่เขาพูดอะไรไม่มีใครเข้าใจ สงสัยจะเป็นภาษาเกาหลีเพราะว่าฉันเคยดูซีรี่เกาหลีมาน่าจะใช่แต่ พวกเราก็ไม่เข้าใจภาษาของเขาอยู่ดี เขาก็เลยโมโห ปาข้าวของทิ้งหมด”
พยาบาลอธิบายอย่างอ่อนใจ
“ปาข้าวของเหรอนายมีเงินซื้อหรือไง ถึงได้ทำแบบนี้”
ฉันเริ่มโมโหแล้วเดิน ดุมๆ เข้าไปหาเขา เขาหันมามองแวบหนึ่ง แต่อาการปวดหัวของเขาคงรุนแรงมาก เขาไม่สนใจใครเลย พยาบาลรีบวิ่งเขาไปหาและพาเขาเข้าห้องฉุกเฉิน
ฉันพูดไม่ออกเขาอาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันยังมีหน้าไปทุบเขาอีก ฉันมันบ้าที่สุด....(พึ่งรู้หรือจ๊ะเธอ) ฉันนั่งเงียบอยู่หน้าห้องฉุกเฉินคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น
“นายต้องไม่อย่าเป็นอะไรนะ ฉันขอโทษ ถ้านายออกมาจากห้องฉุกเฉินฉันจะดูแลนายเอง นายอย่าเป็นอะไรนะ” ฉันรู้สึกสำนึกผิดน้ำตาฉันไหลอาบแก้มกลัวไปหมดไม่รู้จะปรึกษาใครดี พอหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“คุณหมอค่ะเขา....เขาเป็นอย่างไรบ้างค่ะ”
“ปลอดภัยแล้วครับ แต่ว่า...” คำนี้หน้ากลัวสุดๆ
“เขาอาจจะมีอาการความจำเสื่อมชั่วคราวก็ได้” (T^T) แง้ เพราะฉัน เพราะฉันถึงทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้
“แล้วจะทำอย่างไรดีค่ะคุณหมอ”
“จะต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อย ความจำของคนไข้จะค่อยกลับมา อาจจะต้องใช่เวลาหน่อย ใจเย็นหน่อยนะค่ะ”
พอหมอเดินจากไปฉันฟุบตัวลงนั่งไร้เรี่ยวแรง แล้วฉันจะทำอย่างไรดี
“อย่ามั่วแต่คิดมากเธอต้องตั้งสติ”ฉันหายใจเข้าแรงๆ เพื่อให้สติตัวเอง
หมอพาเขาออกจากห้องฉุกเฉินไปยังห้องพักฟื้น ผู้ป่วย ฉันก็โล่งใจไปอีกเปาะหนึ่ง ฉันนั่งเฝ้าเขาไม่ได้หลับไม่ได้นอน พี่สาวคงคิดว่าฉันกำลังหนีเที่ยวกับเพื่อน ๆ ละสิ(ตามปกติชอบหนีเที่ยว)ฉันเช็ดตัวเขาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงเพราะเขามีไข้ขึ้นสูง คอยดูแลเขาตลอด
พอเช้าวันรุ่งขึ้นฉันฟุ่บหลับที่ข้างเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อนหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ จู่ๆ ฉันก็สะดุ้งตื่นเมื่อมีการเคลื่อนไหวของเตียง ฉันรีบเงยหน้าขึ้น
“นาย...”เขาลุกนั่งอยู่กลางเตียง เขาหันหน้ามามองฉันอย่างไม่ไว้ใจ
“นายฟื้นแล้ว นายหายแล้ว....”
ฉันโผเข้ากอดเขาอย่างดีใจสุดขีด คนโดนกอดถึงกับตะลึงทำตัวแข่งโป๊กเหมือนกับก้อนหิน ฉันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น รีบวิ่งไปบอกพยาบาลว่าเขาฟื้นแล้ว
พยาบาลเข้ามาตรวจอาการ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันขอสอบถามคุณหน่อยนะค่ะ” เขาเอาแต่นิ่ง เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“คุณชื่ออะไรค่ะ”
เขามองหน้าพยาบาลแต่ก็ไม่พูดอะไร เหมือนเขากำลังคิด พยาบาลถามคำถามต่อไป
“แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนค่ะ” คำถามนี้น่าจะตอบได้นะ (ฉันลุ้น) ถ้าไม่ตอบอีกก็คงเป็นใบ้แล้วละ
“โรงพยาบาล” เขาพูดแล้ว เขาพูดไม่ชัดเหมือนไม่ใช่เจ้าของภาษา
“คุณชื่อว่าอะไรค่ะ” พยาบาลทวนคำถาม
“ฉัน....ไม่รู้” เขาก้มหน้าลงอย่างคุ่นคิด
“ฉันเป็นใครทำไมถึงคิดไม่ออก” เขากุมศีรษะไว้ด้วยความเจ็บปวด
“ไม่ต้องคิดแล้วค่ะพักผ่อนก่อนนะค่ะ” พยาบาลพาเขานอนลงนอน แล้วเรียกฉันเดินออกมา
“เขายังมีความจำเสื่อมอยู่ค่ะ คุณจะต้องดูแลให้ใกล้ชิดนะค่ะ อีกสองสามวันคงกลับบ้านได้” สองสามวัน ฉันตายแน่พี่สาวฆ่าฉันแน่
“ขอบคุณค่ะ”
“วันนี้กลับบ้านก่อนดีกว่า” ฉันเดินกลับไปที่เตียงผู้ป่วย
“นายเป็นยังไงบ้าง” ฉันถาม เขาหันหน้ามามองแล้วเมินหน้าหนี คงโกรธฉันอยู่ที่เอากะละมังตีหัวเขาเมื่อวาล
“นาย...วันนี้ฉันจะกลับบ้านก่อนนะ ฉันต้องไปเรียนและยังคอยตอบคำถามของพี่สาวฉันอีกที่หายไปทั้งคืน นายอยู่คนเดียวได้นะ” เขาหันมาทันที
“ไม่!...” เขาตอบสั้นๆ
“เอ๊า....ตายสิฉัน ฉันจะอยู่ที่นี่กับนายตลอดไม่ได้หรอกนะ”
“ต้องได้...เพราะเธอ ฉันถึงเป็นอย่างนี้” ฉันเข้าใจดีหรอกนะแต่
“ฉันมีธุระต้องไปทำ แล้วตอนเย็นฉันจะรีบกลับมา”
เขาทำหน้าหมุ่ยแล้วหันหน้าหนี อิอิ น่ารักจังขืนอยู่ต่อไปฉันคงละลาย (^//^) หล่อมาก ดูทั้งท่าทางผิวพรรณขาวกว่าฉันอีก ไหนพยาบาลบอกฉันว่าเขาเป็นคนประเทศเกาหลี ก็เหมือนอยู่หรอกนะ แต่ทำไมพูดภาษาไทยได้คล่องมากเลยละอยากรู้จังเลยว่าเขาเป็นใครกัน แล้วเขาหนีใครมา
ระหว่างฉันกำลังคิดอยู่นั้น เขาเอามือโปกไปมาใกล้ใบหน้าของฉัน
“เธอ....เธอ เป็นบ้าหรือเปล่านะ หรือว่าถ่านหมด”
“ถ่านหมด....เอ๊ย...จะบ้าหรือไงฉันไม่ใช่หุ่นยนต์” ฉันโวย เขายิ้ม
“ก็ได้ฉันให้เธอไป แต่...” เขาหยุดคำพูดไว้นิดนึง
“ฉัน...หิวข้าว” จริงสินะเขาไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เมื่อวาน สองวันแล้วสินะ เขาเอามือลูบท้องแล้วยิ้มให้ฉัน ฉันรีบหลบสายตา อย่ายิ้มอย่างนี้สิใจฉันจะละลาย หัวใจฉันรู้สึกแปลกๆ ทำไมมันเต้นเร็วอย่างนี้ก็ไม่รู้
“ก็ได้รอก่อนนะ” ฉันรีบออกไปก่อนดีกว่า ก่อนเขาจะสังเกตถึงอาการเกาหลี ฟีเวอร์ของฉัน (อาการหึ่นกำเริบ) ฉันรีบไปซื้อกับข้าว แล้วรีบย้อนกับมาหาเขา อิ...อิ..เหมือนกับแฟนกันเลย
“อะ ข้าว” ฉันยื่นให้ และเขาก็รับโดยดี
“อะไรนะ”
“ก็ผัดไทยห่อไข่ อย่าบอกนะว่านายไม่เคยกิน”
“ก็ใช่นะสิ ไม่เคย” เขาทำหน้าหยี่
“กิน...กินไปเฮอะน่าเดี๋ยวก็เที่ยงแล้ว พยาบาลเขาก็เอาอาหารมาให้ ฉันไปก่อนนะ”
ฉันเดินไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะว่าฉันมีอะไรต้องทำอีกมากมาย ฉันเดินออกมาแล้วสิ่งแรกที่ฉันจะต้องทำคือ การหาหอพัก ไว้เวลาที่เขาออกจากโรงพยาบาลจะได้มีที่อยู่อาศัย
จนแล้วจนรอดสินะ ต้องจ่ายเงินอีกแล้ว เมื่อฉันหาห้องพักได้แล้วฉันก็ตรงกับบ้าน
“กลับมาแล้วค่ะ” จากการสำรวจโดยรอบ
“ว้าว! พี่สาวไม่อยู่โอกาสดี”
ฉันรีบวิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำ และระหว่างที่ฉันกำลังอาบน้ำอย่างสบายใจสบายกายอยู่นั้น
“ปัง...ปัง!...เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ”
สาบานได้ว่าเป็นเสียงเคาะประตูห้อง คงเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่สาวของฉันเอง
“รู้แล้ว รู้แล้วรอก่อน”
ฉันรีบอาบน้ำแล้วเดินไปเปิดประตู(อยากเอาสำลีอุดหูไว้จริงๆ)
“* *$*%*&*&*$*#*+ *%*&*” (พักหายใจ) บ่นไม่ได้ศัพท์ นางมารร้ายชัดๆ
“ไปเที่ยวกับเพื่อนมาค่ะ กลับมานี่แล้วไงพี่สาวขา” ฉันรีบอ้อน
“ทีหลังจะไปไหนก็รู้จักโทรบอกกันมั่ง ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนเลยนะ”
“ค่ะพี่สาวต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว” ฉันตอบรับคำบ่น
เวลาจะหายใจยังไม่ค่อยมีเลยจะเอาเวลาที่ไหนมาโทร โกหกจะตกนรกมั้ยเนี้ย แต่ก็จำเป็นต้องทำ ไม่งั้นเรื่องถึงนางพญาผมขาวแน่นอน(สยอง)(- -)!
“แน่...นะ” นางมารร้ายเริ่มชี้นิ้ว
“ค่ะ...ค่ะพี่ออกไปก่อนนะค่ะรินจะเปลี่ยนเสื้อผ้า” ฉันรีบดันให้พี่ออกไปจากห้อง
“เฮ้ย...โล้งอก” ฉันถอนหายใจยาว
ลืมไปเลยแล้วฉันจะออกไปยังไงในเมื่อพี่สาวกลับมาแล้ว ถ้าไม่ได้ออกไปนายนั้นฆ่าฉันตายแน่ๆ (สยอง)
“นายนั้นฉันลืมไปเลยว่านายต้องมีชื่อ ตั้งชื่อให้นายดีกว่า เอาเป็นว่า
“ชื่อ... ชื่อ เฮซอง คิมเฮซอง ไหนๆหน้าตานายก็เหมือนคนเกาหลีอยู่แล้วนิ เฮซองที่รักของฉัน”
ฉันรีบแต่งตัวแล้วสวมทับด้วยชุดนอน กันพี่สาวจะสงสัย ฉันแกล้งเดินไปดูลาดลาวว่าพี่สาวฉันอยู่ที่ไหน
“พี่สาวหลับยัง”
ฉันตะโกนเข้าห้องพี่สาวเมื่อไม่เห็นว่าอยู่ข้างนอก
“จะตะโกนทำไมคนจะหลับจะนอน พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน” พี่สาวทำเสียงหงุดหงิดสุดๆ
“ค่ะ...ค่ะพรุ่งนี้ค่อยคุยก็ได้”
“อิ... อิ....โอกาสดี”
ฉันรีบเดินออกไปทันที พอไปถึงที่โรงพยาบาล ฉันรีบขึ้นไปหา เฮซอง ไหนๆ ก็ตั้งให้แล้วใช้ซะเลย
“นายเป็นไงมั่ง” ทำหน้ามุ่ยอีกแล้ว
“อะ...ขนมฉันซื้อมาฝาก” เขารับไปโดยดี เขาเหมือนเด็กน้อยเลยฮะ ต้องง้อด้วยขนม ***จำไว้เฮซองชอบกินขนม**
“ทำไมมาช้า”
“ฉันไม่ได้บอกพี่เรื่องนาย ก็เลยต้องแอบออกมาตอนพี่ฉันหลับแล้ว”
เขาทำหน้างง
“ช่วยพูดช้าๆแล้วก็อย่าพูดยาว” นั้นสินะลืมไป
“เอาว่าเป็นเรื่องของฉันอย่าสนใจ”
“โอเค...อร่อยนะ” เขายิ้มออก แต่ฉันสิต้องทำหน้าหงิก เมื่อไรนายจะหายนะ
“เธอ หมอบอกว่าพรุ่งนี้กลับได้”
“กลับได้ เย้! ดีใจจังเลย แปลว่านายหายแล้ว”
“ชิ” เขาทำตาขวางทันที
“อย่าลืมสิ เธอต้องรับผิดชอบฉันอยู่ เพราะเธอทำให้ฉันต้องเป็นอย่างนี้”
เขาพูดเสียงโหด อุ้ย! มารร้ายเข้าสิงเฮซอง แล้วใครบอกว่าฉันกลัวละ
“ความจริงแล้วมันก็ไม่ใช้ความผิดของฉันฝ่ายเดียวหรอก เพราะนายนั้นแหละที่วิ่งเข้ามาชนกับรถมอเตอร์ไซด์ฉันเอง” ฉันเถียงเพราะนี่คือความจริง
“พูดไปเลย...เธอคิดเหรอฉันฟังแล้วเข้าใจ” เขายักคิ้วให้ฉันแล้วกินต่อ
“ชิ” อยากจะฆ่าให้ตาย ฝากไว้ก่อนนะ ถ้าฉันพูดภาษาเกาหลีได้ละก็แม่จะด่าให้ลืมโลกไปเลย
“นายพอจำอะไรได้ไหม”
“ไม่ได้” เขาตอบทันที
“อย่าพึ่งตอบสิคิดก่อน” เขาส่ายหน้า
“ไม่อยากคิด” ฉันถอนหายใจ
“แล้วนายชื่ออะไรละ” ฉันถามอีก
“ไม่รู้” เขาทำเป็นไม่สนใจ
“เอ๊า...แล้วฉันจะเรียกชื่อนายว่าอะไรดีอะ”
เขาหันมามอง
“งั้นฉันจะตั้งชื่อให้นายแล้วกัน ต่อไปนี้เป็นต้นไปนายชื่อ เฮซอง คิมเฮซอง”อิอิ
เขาถึงกับสะอึก
“ขอน้ำ...ขนมติดคอ”
ฉันรีบรินน้ำใส่แก้ว แล้วส่งให้เขาทันที เขารีบดื่มน้ำและรีบพูด
“ไม่...ฉันรู้สึกว่าชื่อเดิมของฉันเพราะกว่านี้อีก และฉันเกลียดชื่อนี้”
นั้นมันชื่อที่รักของฉันนะหงุดหงิด
“ทำไมละเพาะออก ไม่รู้ละฉันชอบฉันจะเรียกนายว่าเฮซอง เพราะฉันชอบซุปเปอร์สตาร์คนนี้มาก มากที่สุด สุดหล่อของฉัน” (^o^) (^+^)
“ชิ...ฉันบอกว่าฉันไม่ชอบชื่อนี้” เขาเริ่มอารมณ์เสีย และมองฉันด้วยหางตา
“งั้นก็เรียก *เฮ*เฉยๆ ก็ได้” ฉันอนุโลมให้
“พอได้” เขายอมรับ
“งั้นนายชื่อ *เฮซอง*” เขาหันหน้ามาทันทีกะจะอ้าปากด่า ทำให้ฉันต้องรีบวิ่งไปหาพยาบาลทันทีเหมือนกัน (เกาะกำบัง) ฉันยิ้มให้เข้าอย่างผู้ชนะ อิอิ
“คุณพยาบาลค่ะ พรุ่งนี้กลับได้แล้วเหรอค่ะ” พยาบาลยิ้มให้ฉัน
“ค่ะ...แต่ต้องเป็นตอนกลางวันนะค่ะ รอคุณหมอมาตรวจอาการตอนเช้าก่อนแล้วจึงกลับได้”
“ขอบคุณค่ะ” แล้วฉันก็เดินกลับไปหาเขาแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันกลัวอะไรเขานักหนา ทั้งที่เขาน่าจะกลัวฉันมากกว่า (จากเหตุการณ์ที่เขาโดนฉันทุบศีรษะ(_*_)^ วันนั้น)
“นายพรุ่งนี้ตอนเที่ยงกลับได้แล้วนะ เดี๋ยวฉันจะไปซื้อเสื้อผ้าให้นายสักชุดก่อน เพราะชุดเก่าคงใช้ไม่ได้แล้ว”
ฉันกำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยว...หยุดก่อน” ฉันหยุดแล้วหันกลับมา
“ขอร้องละ อย่าเรียกฉันว่าเฮซองอีกเลยนะ ฉันรู้สึกว่าไม่ชอบชื่อนี้จริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ที่รู้ก็คือฉันเกลียดชื่อนี้ และไม่อยากให้เธอพูดถึงชื่อนี้อีก” เขาไม่หันมาเลยระหว่างที่พูด เขาทำหน้าเศร้ามากเหมือนเขาจะร้องให้ด้วยซ้ำ
“ก็ได้...ฉันจะเรียกว่า *เฮ* เฉยๆ แล้วกันไปนะ” ฉันหันหลังกลับอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน” อะไรอีกผู้ชายคนนี้
“ซื้อขนมมาฝากด้วยนะอร่อยดี” (^-^)ฉันเปลี่ยนอารมณ์ตามหมอนี้ไม่ทันเลยแฮะ เมื่อกี้เข้ายังเศร้าอยู่เลยแต่ตอนนี้สิ เขายิ้มซะจนฉันจะละลาย แล้วก็ชื่อที่ฉันตั้งให้อีกชื่อผู้ชายที่ฉันปลื้ม ในหัวฉันมีแต่คำถาม (_?_)!
“ไม่เข้าใจเหมือนกัน ก็แค่ ชื่อ” ปวดหัวจริงๆ กับนายคนนี้
ฉันไปเลือกซื้อที่ตลาดถนนคนเดิน พอได้เสื้อกางเกงที่ต้องการฉันจึงกลับ แต่ไม่ลืมซื้อขนมไปฝากเขา พอไปถึงฉันก็ยื่นถุงเสื้อผ้าให้เขาและเขาก็เอาออกมาดู
“เลือกซื้อเสื้อผ้าไม่เป็นหรือไงเธอ เสื้อสีเขียวกางเกงขาสั้นสีครีม สีดำหรือสีน้ำเงินไม่มีหรือไง”
เมื่อกี้ยังบอกฟังไม่รู้เรื่องอยู่เลยพอมาตอนนี้รัวเป็นชุด
“ใส่ๆ ไปเฮอะนา เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาลก็ไปเลือกซื้อเอาเองสิ” เรื่องมากจริงผู้ชายคนนี้
“ฉันไม่ใส่” นายคนนี้...ดื้อหัวชนฝาจริง ๆ ต้องดัดนิสัยหน่อยแล้ว
“ถ้านายไม่ใส่ นายก็เดินตัวเปล่าออกจากโรงพยาบาลวันพรุ่งนี้แล้วกัน” เจอฉันเป็นไงละอึ่งละสิ
“นี่เธอ...อย่าลืมนะว่าเธอต้องรับผิดชอบฉัน” เขากะจะคว้าแขนฉัน แต่ฉันรู้ทัน รีบหลบแล้วเขาก็เกือบตกลงจากเตียง ฉันถอยออกห่างทันที
“ฉันจะกลับแล้วนะ นายจะใส่หรือไม่ใส่มันเรื่องของนาย พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแต่เช้า ประมาณเที่ยงฉันจะมาทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล ไปละนะบ๊าย...บาย”
ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ได้ยินเสียงเขาบ่นตามหลังอยู่เหมือนกัน แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใส่พรุ่งนี้ก็ใส่ชุดวันเกิดแล้วกัน อิ อิ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ