The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  51.97K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

27) ที่พักใจ จุ๊ย: ขอหลบฝนชั่วคราวนะ อาราอิ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
         
พอส่งอ๊อดแล้ว  อาราอิจึงกล่าวกับจุ๊ย ในระหว่างขับรถมุ่งหน้าไปบ้านจุ๊ย
“เห็นเดฟบอกว่าจุ๊ยมีแฟน”
จุ๊ยไม่ได้หันมา แต่มองไปตามข้างทาง  มองสูงมองต่ำเหมือนค้นหาอะไร
“เขาว่าชื่อออย” อาราอิกล่าวต่อ  พอดีรถติดไฟแดงเพราะมีการซ่อมถนนข้างหน้า หันมาก็ยังเห็นจุ๊ยมองขึ้นมองลงเหมือนเคย
“มองอะไรน่ะจุ๊ย” อาราอิชักสงสัย
“ก็หาไง  ว่ามีใครเขาขึ้นคัทเอาร์ทประกาศหรือไงว่าฉันมีแฟน  ทำไมใครต่อใครก็รู้ไปหมด” จุ๊ยตอบ
อาราอิหัวเราะ
“นี่หาว่าฉันสอดรีเปล่าเนี่ย”
จุ๊ยยิ้ม
“เปล่า แค่... ขอโทษนะ” แล้วขยับหน้ามาใกล้ๆ
“เสือก”
อาราอิสะดุ้งเพราะน้ำลายของจุ๊ย
“โอ้โห แค่ด่าอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องพรมน้ำมนต์”
จุ๊ยหัวเราะออกมาบ้าง  นี่เหมือนจะเป็นเสียงหัวเราะอย่างจริงจังแรกในรอบหลายๆวันของจุ๊ยเลยก็ได้
พอหัวเราะแล้วจุ๊ย สีหน้าของจุ๊ยก็ดีขึ้น
แต่แค่เดี่ยวเดียวเท่านั้น
โทรศัพท์ดังขึ้น  จุ๊ยเอาออกมารับ
“ครับออย” จุ๊ยกล่าวทัก
ออยพูดอะไรบางอย่างที่โยชิไม่ได้ยิน
“ไม่ได้หรอกออย  จุ๊ยนะไปที่นั้นบ่อยๆตอนกลางคืนได้ยังไง มันไม่เหมาะ”
พูดแล้วเหลือบตามองอาราอิ
แม้จะฟังอยู่แต่อาราอิก็แกล้งทำเป็นมองโน่นมองนี่
“ก็ไม่ใช่ อย่างนั้น  ออยอย่าทำอย่างนี้สิ  เมื่อวานจุ๊ยก็ไปแล้วไง  จุ๊ยก็ต้องกลับบ้านมาช่วยป๊าทำงานบ้างสิ”
ออยพูดบางอย่าง
จุ๊ยถอนหายใจ แล้วตอบไปว่า
“ได้ครับ... ได้”
แล้วเขาก็วางสาย
จุ๊ยเงียบไปนานเลยที่เดียวจนกระทั้งรถเคลื่อนตัวได้  อาราอิก็ทำท่าจะออกรถ
“ไปกินเหล้ากันไหม” จุ๊ยกล่าวออกมา
อาราอิหันมามองหน้า
“อะไรนะ”
“กินเหล้าไง  สาเกก็ได้  อะไรก็ได้” จุ๊ยตอบแต่ไม่มองหน้าอาราอิ
 
อาราอิเลยตัดสินใจพาจุ๊ย ร้านเหล้าญี่ปุ่นที่เขาไปนั่งดื่มประจำ  พอสั่งสาเกมา จุ๊ยก็ดื่มเอาดื่มเอาแม้นอาราอิจะเตือนว่าอาจเมาได้
แล้วก็จริงๆ  ปรากฏว่าขาออกจากร้าน อาราอิต้องโอบประคองจุ๊ยออกมาจากร้าน
“ไปนอนบ้านฉันแล้วกันนะ  ถ้ากลับบ้านจุ๊ยตอนนี้มีหวังพ่อจุ๊ยว่าแน่ๆ  ผมจะพลอยซวยไปด้วย  พาลูกชายเขาไปเมาขนาดนี้” อาราอิกล่าว
แต่จุ๊ยตอบได้แค่อือ...
 
อา ราอิถอนหายใจเฮีอกโตหลังจากทำการปล้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าของจุ๊ยและเช็ดตัวแล้ว  ดูเหมือนจุ๊ยจะเมามากจนไม่ได้สติอะไรแล้ว  เคราะห์ดียังไม่อ๊วกออกมา  แต่กระนั้น อาราอิก็เตรียมพร้อม เรียกให้แม่บ้านเอาทั้งถุงขยะและสารพัดอุปกรณ์มาไว้ในห้องนอน
และเพราะจุ๊ยยึดเตียงไปแล้วอาราอิก็เลยต้องต้องมานอนที่เก้าอี้นวมใช้นอนเอกเขนกแทน 
มองไปจุ๊ยก็นอนอุตุ แถมกรนออกมาด้วย
เขาอมยิ้มแล้วนึกถึงวันแรกที่เจอกัน
 
ตอน นั้นเป็นตอนที่พ่อของอาราอิประสบอุบัติเหตุหนักมาก  จนหมอบอกให้เขาทำใจแล้ว  แต่อาราอินึกอยากให้แม่เขามาดูอาการพ่อจึงเดินทางมาประเทศไทยเพียงคนเดียว  เพื่อหวังจะตามหาแม่ ทั้งที่เขามีเพียงหมายเลยโทรศัพท์ของแม่เท่านั้น  และจากบทสนทนาสั้นๆ  ทำให้เขารุ้ว่าแม่ไม่ได้อยู่กรุงเทพแต่ไปพัทยา  แต่เขามีเวลาไม่มากนักจึงตัดสินใจตีตัวรถโดยสารเดินทางไป แต่ตอนนั้นเขานั้งรถผิดก็เลยเลยไปถึงระยอง  แล้วก็ได้เจอกับจุ๊ย
ตอน แรกก็ไม่ได้สะดุดใจอะไรกับเด็กผุ้ชายที่น่าจะอายุน้อยกว่าเขา  แต่พอเขาคุยไลน์กับนามิจังถึงอาการของบิดา  เขาก็หลั่งน้ำตาออกมาอย่างลืมตัว
“เฮ้ๆ ยูน่ะ” เสียงพร้อมสะกิดเรียกจากข้างตัว
หันไปก็เห็นดวงหน้าจีนๆ ที่จริงก็คล้ายๆคนญี่ปุ่นอยู่  มีสิ่งโดดเด่นคือดวงตาที่แจ่มใสมองเขาแต่ฉายแววอาทร
“วอท์ไปแคนเฮลไหม  ยูหลง..เอ้ย...” แล้วเกาหัว...
“เหี้ยอะไรวะ... ลูสหรือลอส... สัตว์เอ้ย  ลอสก็ได้วะ”
“ยูน่ะลอสเหรอ.. ไอ เอลยูไหม” 
ตอนนั้นที่ทำให้เข้าไม่เข้าใจคือภาษาอังกฤษของเด็กชาย แต่ภาษาไทยน่ะชัดเจนทุกคำ
 
“นาย น่ะน่ารักตอนยิ้มตอนหัวเราะ  ถ้านายไม่ยิ้มไม่หัวเราะ  โลกจะสดใสได้ยังไง”  อาราอิกล่าวแล้วหลับตาลง นึกถึงตอนที่     เดฟมาบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังและร้องขอ
 
“โยชิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”  เดฟบอกกับเขาตอนที่เดินเจอกันระหว่างไปเข้าเรียน
“เอาสิ”
แล้วเขากับเดฟก็ออกมาคุยกันที่สวนข้างตึก
“พักนี้ได้คุยกับจุ๊ยบ้างไหม” เดฟถาม
“ก็คุยนะ ทางไลน์บ้าง เฟสบ้าง โทรคุยบ้าง  แต่พักนี้จุ๊ยเขาเหมือนไม่ค่อยว่างคุย” อาราอิตอบ
เดฟพยักหน้าช้าๆ
“แล้วรู้รีเปล่าว่าจุ๊ยมีแฟนแล้ว”
อาราอินิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบ
“เหรอ  มิน่าไม่ค่อยว่างคุยกันเลย สงสัยมัวแต่คุยกับแฟน”
“ไม่หรอก  ตอนนี้เขาเหมือนไม่อยากคุยกับใครมากกว่า  ตอนนี้  เขาแทบไม่ยิ้มเลยด้วยซ้ำ” เดฟกล่าว
ก่อนจะเล่าให้ฟังทั้งหมด
“นาย สนิทกับจุ๊ยพอสมควรเลย  ฉันก็เลยคิดว่านายน่าจะช่วยได้  คือตอนนี้เพื่อนสนิทๆก็ลองคุยกับเขาไปหมดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมพูดว่าทำไมเขาเปลี่ยนไป คือตอนนี้เดฟเป็นห่วงเขานะ  เพราะจริงๆแล้วเขาควรจะมีความสุขใช่ไหม  แต่ทำไมรอยยิ้มของเขาหายไป” เดฟพูดออกมาเหมือนรำพึง  มองไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าอาราอิ
จากนั้นก็นิ่งไปสักครู่  แล้วก็กล่าวออกมาโดยหันมามองหน้าอาราอิด้วยแววตาร้องขอ
“ตอน นี้ก็คงมีแต่นายมั๊งที่ยังไม่ได้ลอง  เพราะดูเหมือนจุ๊ยจะไว้ใจนายมากพอสมควรเลยหล่ะ  ถ้านายลองคุยกับเขาดู  เขาอาจเล่าก็ได้ว่าทำไม”
 
“นายจะไม่ถามฉันเหรอว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้” จู่ๆเสียงของจุ๊ยก็ดังขึ้น
อาราอิลืมตา
จุ๊ยที่เขาคิดว่ากำลังนอนสบาย ตอนนี้อยู่นั่งอยู่บนเตียง
“อ้าวนี่ไม่ได้เมาหลับหรอกเหรอ” อาราอิแปลกใจ
“ก็ อยากจะเมาเหมือนกัน  แต่ฉันมันเป็นประเภทประสาทแข็งน่ะ ไอ้สาเกของนายมันไม่ได้ทำให้เราเมาขนาดไม่ได้สติหรอก  แต่ก็เมาอยู่นะตอนที่นายลากตัวเราออกมาเนี่ย” เขายิ้มจางๆ
“แต่นายนี่แรงเยอะเป็นบ้า ปล้ำจนถอนเสื้อผ้าฉันหมดได้  นี่ขนาดใส่กางเกงยืนต์ฟิตๆแล้วนะ ชัดขืนก็แล้ว  ก็ไม่รอด  นึกว่าจะโดนข่มขืนเสียแล้ว”
อาราอิหัวเราะ
“นายนี่มันสุดยอดจริง” อาราอิส่ายหัว
“มิน่า ทำไมมันถึงได้แรงเยอะนัก  เกือบใช้คาราเต้จัดการให้หลับไปจริงๆแล้วรู้ไหม”
“แบบ ที่นายถีบประตูเหรอ... ก็กลัวเหมือนกันนะ  ตัวล็อกตั้งสองตัวนายถีบทีเดียวหักเลย  ถ้าเป็นยอดอกเรา  มีหวังตาย” แล้วจุ๊ยก็ลูบอกเบาๆเหมือนเสียวจะโดนถีบอย่างปากว่า
แล้วทั้งคู่ก็เงียบกันไป ก่อนจุ๊ยจะกล่าวออกมา  โดยก้มหน้ามองผ้าปูที่นอน
“เรา ไม่คิดเลยนะ ว่าการมีแฟนครั้งแรกจะกลายเป็นแบบนี้  โดนแฟนเข้าหาก่อน  แถมยังต้องทำอะไรที่ตัวเองไม่อยากทำตั้งหลายอย่าง” จุ๊ยกล่าวเสียงปนความเศร้าแม้จะมีรอยยิ้ม
“เดฟมันเล่าให้ฟังถึงขนาดไหน” จุ๊ยถามเพื่อตรวจสอบดู
“ก็เยอะ” อาราอิตอบ  แล้วเดินมานั่งบนเตียง
“ก็ ตั้งแต่ต้น  ว่านายรู้จักแฟนคนนี้มาก่อน เพราะเป็นเพื่อนของหลิว  แล้วก็เกิดอะไรขึ้นที่หัวหิน  แล้วตอนนี้นายเป็นยังไง  อาการผิดปกติอะไรบ้าง”
จุ๊ยนิ่งไป
นานพอสมควรก่อนเขาจะถอนหายใจ
“เราเหมือนโดนแบล็กเมล์ยังไงก็ไม่รู้น่ะอาราอิ”
อาราอิมองหน้าเขา
จุ๊ยมองลงต่ำ แต่ไร้จุดหมาย
“ที่จริงฉันก็ไม่ควรเล่านะ  แต่ไม่รู้สิมันอึดอัดนะ  อาราอิ”
อาราอิยังไม่พูดอะไร  จนจุ๊ยเล่าต่อไป
“คือจริงแล้ว  มันก็เข้าใจหรอกนะว่าออยชอบฉันจริงๆ  แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน  ควรจะทำยังไง หรือรู้สึกยังไง ดีใจไหม  เพราะออยจู่โจมฉันอย่างกับสายฟ้าฟาดขนาดนั้น  มันยังมึนไปหมดเหมือนโดนหมัดแมนนี ปาเกียวเข้าปลายคางเลย  ฉันก็พยายามจะคุยกับเขาแล้วนะ  ว่าขอให้มันหยุดแค่ตรงนั้น  แต่เธอบอกว่า..” จุ๊ยสูดลมหายใจยาว
“ถ้าฉันไม่คบกับเธอ  เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้หลิวฟัง”
 
แล้วเขาก็เงียบไป นึกถึงตอนที่เขาพูดกับออยอย่างจริงจังในวันที่กลับมาจากหัวหินและไปส่งเธอที่คอนโดมิเนียมที่พัก
“เธอยืนยันท่าเดียวว่าจะคบกับฉันให้ได้  และไม่ยอมแน่ถ้าหากฉันจะทิ้งเธอไป  ถ้าฉันทำแบบนั้นเธอจะโทรไปบอกกับหลิวเรื่องของเธอกับฉัน”
จุ๊ยเงียบไปนิดหนึ่งก่อนเล่าต่อ
“ฉัน หลิวแล้วก็ออยเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่อนุบาล  สำหรับฉันออยก็เห็นเพื่อนที่ดีในวัยเด็ก  ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมออยถึงมาชอบฉัน  แถมทำอะไรขนาดนี้   แล้วเธอกับหลิวก็เป็นเพื่อนสนิทกัน  ถ้าออยบอกเรื่องนี้  มันจะกลายเป็นแตกหักความสัมพันธ์ระหว่างเราจนหมดเลย  แถมฉันก็คงรู้สึกแย่ไปอีกถ้าหากหลิวจะต้องมารับรู้เรื่องนี้แบบกะทันหัน  หลิวคงต้องเสียใจมากๆ  ฉันก็เลยไม่รู้จะทำยังไงดี”
ตาของจุ๊ยเคยแจ่มใสเป็นนิตย์ แต่ตอนนี้หม่นหมองและสับสน
อาราอิขมวดคิ้ว  กดลมหายใจลึกๆแล้วกล่าว
“แต่ จริงๆแล้วก็ไมเกี่ยวกันนี่  นายกับหลิวก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย  แล้วอีกอย่าง  ต่อให้ปิดตอนนี้  จะปิดตลอดไปได้ไหม  ตอนนี้เรื่องของจุ๊ยเป็นเรื่องซุบซิบในหมู่เพื่อน  ถ้าไม่รู้จากเพื่อนคนอื่น  หลิวเขาก็อาจรู้จากคนใกล้ตัวนายอย่างพี่ชายของนายที่เรียนที่เดียวกัน  คือยังไงไม่ช้าก็เร็ว  เธอก็ต้องรู้อยู่ดีใช่ไหม”
จุ๊ยเงียบไป  แล้วนอนลง
“อาจเป็นฉันเองก็ได้นะที่ไม่พร้อม... ฉันอาจไม่พร้อมจะเห็นคนเสียใจเพราะฉันมากไปกว่านี้แล้วก็ได้  ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วหละ  นายรู้ไหมตอนที่ฉันเห็นเดฟร้องไห้เพราะฉัน  ฉันอยากจะร้องตามไปด้วยเลย  นายรุ้รึเปล่าว่าฉันรู้ว่าเดฟรักฉันมากแค่ไหน  เดฟทำหลายอย่างมากมายเพื่อฉัน  แต่ฉันก็ทำให้เดฟเจ็บปวดซ้ำไปซ้ำมาด้วยตัวฉันเอง  คือฉันรู้สึกว่าเป็นคนที่ทำร้ายเขาตลอด ทั้งที่ก็รู้ว่าเขารักฉัน”
อาราอิมองหน้าจุ๊ย  ก่อนนอนลงข้างๆ
“ถ้าฉันต้องทนเห็นหลิวที่รักฉันมากเหมือนกันอีกคนหนึ่ง  ต้องมาร้องไห้เพราะฉันอีก  มันไม่ไหวนะ  หลิวเป็นเพื่อนฉันมาแต่เด็กๆ  เลย สนิทกันมาก.. การทำให้เธอต้องร้องไห้  มันเป็นเรื่องเลวร้ายมาเลยสำหรับฉัน”
แล้วเขาก็หลับตาลง  แต่กล่าวต่อไป
“ส่วนจะให้เราปฏิเสธหรือหนีออย  มันก็ไม่ใช่วิสัยลูกผุ้ชายรีเปล่า  ในเมื่อฉันกับเขามีอะไรกันขั้นนี้ไปแล้ว  ฉันจะบอกเลิก หรือเมินเธอมันก็ไม่ควรใช่ไหมหล่ะ  แล้วแน่นอนเธอก็ต้องเสียใจมากด้วย แล้วเธอเป็นผุ้หญิงจะแบกหน้าทนคนนินทาได้หรือ  ฉันก็เลยต้องทำแบบนี่เพื่อรักษาหน้าเธอไว้ด้วยเหมือนกัน”
อาราอิถอนหายใจยาว  เขาชั่งใจที่จะพูดออกไป  แต่ก็ตัดสินใจพูด
“ปัญหา ของนาย จุ๊ย.. คือตัวนายเอง  นายคือคนที่เป็นปัญหา  นายใจอ่อนและรักคนอื่นมากกว่ารักตัวเอง  ห่วงคนอื่นและไวต่อความรู้สึกของคนอื่น  นายคิดแต่จะถนอมน้ำใจคนอื่นจนไม่คิดถึงหัวใจตัวเอง  นั้นยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง... ถ้านายใจแข็งกับเธอ  เธอก็เสียใจก็จริง  ซึ่งจริงๆแล้วเธอก็ควรจะทำใจให้ได้แต่แรกเพราะเธอคือคนที่เข้าหานายก่อน  ถ้านายปฏิเสธไป มันก็จบไง  ถึงหลิวจะรู้  ก็คงต้องให้อภัยนาย เพราะจะว่าไปนายก็ไม่ได้ผิดอะไร  นายเป็นผู้ชาย  ถ้าโดนผู้หญิงเข้าหาเวลาเมา  แล้วเผลอใจไปบ้าง  นั้นก็เพราะมันคือสัญชาติฌาณของผุ้ชาย คิดว่าหลิวน่าจะพอเข้าใจและอภัยให้นายได้”
 “แต่ ถ้านายเลือกออย  เพราะนายถือว่าเธอเป็นคนของนายแล้ว  นายก็ควรจะปล่อยหลิวไปให้เร็วที่สุด  ไม่ใช่รั้งไว้อย่างนี้  ยิ่งเวลาผ่านไปแล้วปรากฏว่าหลิวไปรู้จากคนอื่น... มันจะไม่ยิ่งแย่ไปกันใหญ่เหรอ  สู้นายเป็นบอกเธอเอง  แบบนั้นเราว่าน่าจะดีกว่า  เพราะไม่ว่านายเลือกแบบไหน  ที่สุดนายก็ต้องบอกเธออยู่ดี  แล้วไม่ว่าเลือกแบบไหน  ที่สุดก็ต้องมีคนเสียใจอยู่ดี”
“แต่ตอนนี้กลายเป็นนายก็ต้องมาทนแบกโลกเอาไว้คนเดียว  แล้วเรื่องก็ไม่ได้จบ  คาราคาซังไปเรื่อยๆ  ครั้งนี้นายคิดผิดมากๆ”
 จุ๊ยไม่ได้ตอบ  แต่ถอนหายใจออกมา
“ส่วนเดฟ  ถ้านายไม่ใจอ่อน เกินไป ตั้งแต่แรกๆ  ถ้าไม่ได้ชอบก็บอกไป  เดฟก็จะไม่ถลำหัวใจรักนายจนเป็นอย่างนี้  ฉันว่า ถ้าตอนนั้นถ้านายปฏิเสธจริงๆจังๆ  เขาอาจจะเจ็บ แต่ก็คงจะตัดใจได้เร็วกว่านี้  และเจ็บน้อยกว่านี้  แต่เพราะนายไม่ได้ทำ  เขาเลยมีความหวังไปเรื่อยๆ  แล้วทำโน่นทำนี่ให้นายจนนายเองก็คงลำบากใจมากขึ้น  และเริ่มได้เห็นว่าเดฟรักนายแค่ไหนอย่างจริงจัง”
“มา ตอนนี้กลายเป็นว่านาย ก็กลัวหลิวเสียใจ กลัวออยเสียใจ กลัวเดฟเสียใจ  แล้วที่สุดถ้านายพบว่าตัวเองไม่รักออยจริงๆ  นายเองก็เสียใจด้วย” อาราอิขมวดปมตอนท้าย
จุ๊ยฟังแล้วก็เงียบไปนานมากพอๆกับที่อาราอิพูดกับเขา  จนอาราอิเองชักอึดอัดขึ้นมา  เขาก็เลยกำลังจะถาม แต่จุ๊ยก็พูดออกมาเสียก่อน
“ขอบใจนะที่พูดตรงๆ  ฉันเป็นอย่างนั้นจริงๆนั้นหล่ะ  นายพูดเหมือนใครคนหนึ่งเลยนะอาราอิ”
อาราอิหันมา เจอกับสายตาจุ๊ยที่หันมาก่อนแล้ว
แล้วจุ๊ยก้บอาราอิก็จ้องตากันอยู่อย่างนั้น
แล้วโดยที่อาราอิไม่ทันได้ตั้งตัว  จุ๊ยก็พลิกตัวมากอดเขาไว้  แล้วซบกับไหล่ของอาราอิ
“ขอที่ให้ฉันพักสักนิดอาราอิ  ฉันเหนื่อยเหลือเกิน”
อาราอิหลับตาลงแล้วพลิกตัวกอดจุ๊ยไว้บ้างเอาแก้มแนบกับผมของเขา
“ฉันยินดีเสมอจุ๊ย  ขอให้นายสบายใจก็พอ”
ทั้งสองกอดกันอย่างนั้น  จนจุ๊ยที่สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากอาราอิ นั้นทำให้เขาอบอุ่นหัวใจ  จนค่อยๆพล่อยหลับไป
ส่วนอาราอิเมื่อรู้สึกว่าจุ๊ยหลับไปแล้วเขาก็ไม่อาจห้ามใจให้รั้งรวบร่างจุ๊ยแนบชิดแล้วก็ซุกหน้ากับผมของจุ๊ยจนตัวเองหลับไปบ้าง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา