The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ
เขียนโดย Valentinlover
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) ดอกไม้ร่วงก่อนเวลา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ที่จริงนายก็ไม่ต้องก็ได้อาราอิ นายเข้าไปในงานเดี่ยวจะมีคนจำได้” จุ๊ยกล่าวแก่อาราอิ ตอนที่เขาจอดรถภายในโรงแรมระดับหรูของระยอง
“แล้วจะให้ฉันรอนายที่บ้านน้าของนายได้ยัง ไม่รู้จักใครสักคน แถมน้องนายก็ไม่ยอมออกมาด้วย”
จุ๊ยถอนหายใจกับคำตอบของอาราอิ
เพราะแม้ตอนที่ถูกขอร้องให้มาเล่นแซกโซโฟนในงานแต่งงานของเพื่อนของฮัวคนหนึ่ง ที่ได้รับคำอธิบายว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกัน แต่เพื่อนเขาต้องแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งเพราะไม่ต้องการขัดใจพ่อ เธอก็เลยอยากให้จุ๊ยมาเล่นเพลงนิ้เพื่อเป็นกำลังใจจากเธอ
“พ่อของพี่กายเขาเป็นคนใหญ่คนโต มีบารมีมาก แต่ก็ต้องพึ่งพาครอบครัวฝ่ายผุ้หญิงให้ช่วยเหลือด้านคดีที่พ่อของพี่กายเขาโดนเล่นงานอยู่ ก็เลยจำเป็นต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ฮัวสงสารเขาน่ะ รักก็ไม่รัก นะแต่ต้องแต่งงานกัน ถ้าฮัวสบายดีฮัวก็อยากไปนะ แต่ตอนนี้ฮัวไม่อยากออกไปไหนทั้งนั้น ฮัวอยากให้เฮียไปแทนหน่อย”
แล้วเธอก็ยืนกระดาษที่พับไว้ออกมาผ่านร่องประตู
“เพลงอะไร”จุ๊ยถามแล้วจะแกะดู
“ไม่สิเฮีย อย่าอ่านก่อน ไม่งั้นจะเซอร์ไพร์สได้ยังไง”
“อ้าวแล้วถ้าเป็นเพลงที่เฮียเล่นไม่ได้ไม่แย่เหรอ”
“เฮียเล่นได้อยู่แล้วหล่ะ เฮียเก่งจะตายไป”
จุ๊ยเข้าไปในงานโดยไม่มีการ์ดเชิญ โดยอาศัยความเป็นดาราของอาราอิเป็นใบเบิกทาง
“เห็นไหม ดีนะที่ฉันมาด้วย” อาราอิกล่าวขณะเดินเข้างานมา
แล้วจุ๊ยก็เดินไปหาเจ้าบ่าวตอนได้จังหวะ
ชายหนุ่มได้ฟังเรื่องของจุ๊ยจบเขาก็เงียบไปนาน ก่อนจะตอบ
“ครับ เดี่ยวผมบอกพ่อให้”
จุ๊ยรู้สึกแปลกๆกับแววตาของเจ้าบ่าว
แต่เข้าใจว่าเจ้าบ่าวคงเหนื่อย เพราะเขาก็เคยไปช่วยงานญาติที่แต่งงานแล้วได้รู้ว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเหนื่อยมากในวันแต่งงาน
“ถ้าไม่สะดวกไม่ต้องก็ได้นะครับ เดี่ยวจะเป็นการเสียพิธีการ”
กายยิ้มแบบแห้งแล้งเหลือเกิน
“เห็นฮัวบอกว่าจุ๊ยเก่งมากเลย ได้รางวัลระดับประเทศด้วย ผมก็อยากฟังจุ๊ยเล่นสดๆเหมือนกัน”
แล้วเขาก็มองหน้าอาราอิ
“แล้วก็ดีใจจังที่มีดาราดังมางานผมด้วย”
จุ๊ยรออยู่ข้างเวที เขาตัดสินใจจะคลี่กระดาษดู
“ต่อ ไปเราจะมีนักดนตรีพิเศษที่ นายนทีธาร แซ่จาง นักดนตรียอดเยียมประเภทเครื่องเป่า แซกโซโฟน รางวัลเกียรติยศประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว จะมาแลดงดนตรีให้กับแขกผุ้มีเกียรติรับชมและรับฟังนะครับ”
ตอนนั้นผู้ประสานงานมาถาม จุ๊ยก็คลี่กระดาษดู แล้วก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย
“เพลงของ Rascal Flatts…” เขาอ่าน
แน่นอนต้องเล่นได้ เพราะเขาเคยฟังและเลยเล่นมาแล้วในงานปีใหม่ของโรงเรียน แต่จุ๊ยก็ไม่ได้ลึกซึ้งในเนื้อหาเพราะเขาฟังจากเวอร์ชั่นที่มีคนมาเป่าเป็นCover ด้วยแซกโซโฟน เพื่อฟังอารมณ์เพลง
“เพลงนี้มันเศร้าออกนี่น่า” จุ๊ยพึมพำแต่ไม่มีเวลาคิดแล้ว
“เชิญครับ”
พิธิกรกล่าว
จุ๊ยก็ได้รับสัญญาณจากคนที่ดูแลคิวเวที จึงต้องเดินขึ้นไป
พอขึ้นไปเขาก็กล่าว
นักดนตรีเริ่มต้นเล่นเพลง จุ๊ยก็รอจนถึงจังหวะ แล้วเขาก็จรดปากเป่าบทเพลงออกไปอย่างสุดความสามารถของเขา
เสียงดนตรีสะกดคนมางานแต่งงานใหญ่โตระดับจังหวัดได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีสักคนจะพูดคุยกัน แม้จะไม่ใช่คนชอบฟังเพลงก็ยังหลงไปมนต์เสียงเพลงของจุ๊ย
แต่อาราอิกลับค่อยๆตื่นตัวเมื่อตระหนักได้ว่าเพลงนี้คือเพลงอะไร...
จุ๊ยก็เล่นไปตามเนื้อเพลง และในตอนที่เขากำลังจะเล่นจบ เขาก็เห็นเจ้าบ่าวร้องไห้ออกมา
“What hurt the most” อาราอิพึมพำชื่อเพลงนั้นออกมา
แล้วเขาก็วิ่งไปหน้าเวที
“จุ๊ย กลับบ้าน ฮัวแย่แน่แล้ว”
จุ๊ยหยุดเล่นในทันที ทั้งที่ปกติเขาเป็นคนไม่ชอบหยุดเล่นกลางคัน
เขาเริ่มตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น
ทั้งงานแตกตื่นที่อยู่ดีๆ นักดนตรีก็กระโดดลงจากเวทีแล้ววิ่งออกไป
ไม่เท่านั้นไม่นาน เจ้าบ่าวก็ลุกขึ้นวิ่งตามออกไป
รถของอาราอิวิ่งไปราวกับเหาะเหินได้ เขามาถึงบ้านยี่อี้ของจุ๊ยในเวลาแค่สิบกว่านาที
“อ้าวจุ๊ยมาเมื่อไหร่” พัฒน์พึ่งกลับมาไม่นาน กำลังเอาข้าวของออกจากเบาะหลัง
แต่จุ๊ยไม่ตอบวิ่งเข้าตัวบ้านไปพร้อมกับผู้ชายที่เขาไม่รู้จักแต่คุ้นหน้า
“ฮัว ฮัวเปิดประตู” จุ๊ยทุบประตูโครมๆ
อาราอิดึงเขาให้หลบแล้วก็ตั้งท่าคาราเต้ ก่อนออกแรงถีบประตูเต็มแรงจนกลอนทีขัดขวางอยู่หักสะบันออกไป
ร่างของฮัวที่ประตูเปิดเผยให้เห็น เธอนอนอยุ่บนพื้นที่โซกไปด้วยเลือดสดๆ เธอกรีดข้อมือตัวเองทั้งสองข้าง
จุ๊ย จะถลาเข้าไปแต่ทว่าคนที่เข้ามาที่หลังวิ่งพรวดพลักจนเขาเซล้มไปพ้นทาง แล้ววิ่งไปช้อนร่างของเด็กสาวขึ้นมาเขาตรวจสอบชีพจรที่คอและก้มดูลมหายใจ ก่อนจะวางร่างของเธอลง
“ฮัวอย่าทิ้งพี่ไป อย่าไปสิฮัว” เขาพึมพำออกมาขณะปลดชุดสูทแล้วก็เริ่มต้นทำซีพีอาร์ เอา หน้าแนบฟังแล้วก็เปลี่ยนเป็นใช้นิ้วบีบจมูกฮัวอีกมือเชยหน้าเธอขึ้นแล้ว ประกบปากเป่าลม จากนั้นก็ขยับอย่างรวดเร็วมานั่งกระชับวางมือไปที่กลางอกแล้วกดลงเป็นจังหวะ
เขาทำซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง สลับกับการหยุดตรวจสัญญาณชีพ
ตอนนั้นเองแม้จุ๊ยจะตกใจแค่ไหน ก็เริ่มได้สติ เขาเดินเข้าไปจับบ่าชองชายรุ่นพี่
“พอแล้วครับ เธอจากไปแล้วครับ พี่กาย เธอจากเราไปแล้ว”
กายหยุดทั้งเพราะความเหนื่อยและการเตือนสติของจุ๊ย แล้วเขาก็เอาร่างที่อาบไปด้วยเลือดมากอดแน่น แน่นมาก...
แล้วก็แผดเสียงร้องอย่างสิ้นความอาย
คร่ำคราญจนจุ๊ยเองกลัวว่าเขาจะขาดใจตายไปตามเธอ
ตอนนั้นเองที่อาราอิเดินเข้ามาโอบเขาไว้อย่างอ่อนโยนเช่นกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ