จอมยักษ์แห่งพันธสัญญา
2) แม่ทัพ(ยักษ์)และนายทหาร(มนุษย์)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความการทำสงครามการสูญเสียถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจมากความสามารถเพียงใดหากอยู่ในสนามรบก็มีค่าเท่ากัน สิ่งที่แตกต่างระหว่างแม่ทัพและนักรบธรรมดาอาจจะเป็นประสบการณ์แต่ก็ใช่ว่านักรบที่ไม่มีประสบการณ์จะพ่ายแพ้แม่ทัพเสมอไปมันก็เหมือนกับการทำสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งและมากประสบการณ์อย่างเผ่าพันธุ์ “ยักษ์” พวกเขามีทั้งพลังและอำนาจพอที่จะเหยียบย่ำทุกสิ่งให้พังพินาศพวกเขาเปรียบเสมือนแม่ทัพที่มากประสบการณ์ แต่หากเปรียบเทียบกับ “มนุษย์” ที่ไม่มีแม้แต่พลังหรือประสบการณ์ สิ่งที่พวกนั้นได้รับมาจากพระเจ้าก็คงจะเป็นสติปัญญาที่อยู่เหนือทุกเผ่าพันธุ์ พวกเขาสามารถสร้างอาวุธที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในโลกได้ พวกเขาสามารถพลิกแพลงแผนการที่ผิดพลาดของพวกเขาได้ และพวกเขาสามารถเอาชนะแม่ทัพที่เก่งกาจได้เช่นกัน ด้วยกำลังคนที่มากกว่าเผ่ายักษ์นับร้อยเท่า ในการศึกสงครามครั้งหนึ่งทำให้เผ่ายักษ์สูญเสียความแข็งแกร่งไปมาก นักรบนับร้อย บุกถล่มแม่ทัพเพียงหนึ่งคนผลมันก็ออกมาเห็นๆทั้งร้อยคนใช้หอกกับแม่ทัพที่มีเพียงแค่ดาบ ยังไงซะฝ่ายที่แพ้ก็เป็นแม่ทัพที่มีดีเพียงแค่กำลังผิดกับนักรบที่มีหอกเปรียบเสมือนกับปัญญา……จริงอย่างนั้นเหรอ
ทุกสิ่งที่กล่าวมามันก็คือสิ่งที่มนุษย์คิดขึ้นมาเองทั้งนั้น จริงอย่างนั้นเหรอที่มนุษย์ฉลาดเหนือใครๆ ในวงจรชีวิตของเผ่าพันธุ์ทั้งหมดมนุษย์คือผู้ถูกล่า ไม่ว่าพวกเขาจะฉลาดขนาดไหนก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรผู้ล่าที่เก่งกาจได้หากปราศจากอาวุธที่พวกเขาสร้าง หากบอกว่าสติปัญญาคืออาวุธของพวกเขาแล้วล่ะก็ หากพวกเขาต้องต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่าพวกเขาเป็นร้อยเป็นพันเท่าล่ะ จุดจบของพวกเขาก็คงจะเหมือนกับเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาเคยไปล่ามานั้นแหละ
ต่อหน้าหลุมศพทั้งสองมีร่างของเด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยมองไปยังหลุมศพที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง ราวกับอณุสรให้นึกถึงยามที่โหยหา มือบางนั้นเอื้อมไปสัมผัสที่ป้ายหลุมศพอย่างเบามือก่อนที่ตัวของเขาจะหลับตาลงและนึกถึงช่วงเวลาที่เขาได้อยู่กับครอบครัว แม้มันจะไม่วิเศษเหมือนกับครอบครัวอื่นๆเพราะเขาเป็นถึงเจ้าชายแต่อย่างน้อยทุกสิ่งที่พวกท่านทำให้กับเขามันก็คือสิ่งที่เยี่ยมที่สุดตั้งแต่ที่เขาเกิดมา
เขาค่อยๆยันตัวเองลุกและเดินออกไป ยามนี้เขามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องการจะทำ จะให้มัวแต่เศร้าโศกเสียใจก็ใช่เรื่อง แม้บางสิ่งมันอาจจะยากลำบากแต่ก็ใช้ว่าจะทำไม่ได้ สิ่งแรกที่เขาต้องการในยามนี้ก็คงจะเป็นอาวุธ แม้ในโลกที่เขาอยู่จะมีสิ่งที่เรียกว่า “เวทย์มนต์” อยู่ก็ตามแต่มันก็มีน้อยคนนักที่จะมี ข่าวคราวเกี่ยวกับมนุษย์ที่เขาสั่งสมมาอย่างยาวนานยามนี้เขาจะนำมันมาใช้เพื่อการแก้แค้นของเขา
โรงเรียนโรแลนด์โรงเรียนที่ฝึกสอนอัศวินและอัศวินเวทย์มาอย่างยาวนาน นั้นคือที่ๆเขาต้องการที่จะไป เพราะที่นั้นได้ฝึกสอนอัศวินที่มากวาดล้างตระกูลของเขานับพันนับหมื่น หากเขาสามารถทำลายที่นั้นได้จริงๆล่ะก็ การที่จะสร้างอัศวินที่มีฝีมือมากกว่าคงจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าเขาจะทำได้ง่ายๆเพราอย่างนั้นเขาจึงจำเป็นต้องแทรกแซงเข้าไปในโรงเรียนนั้นและทำลายจากภายในซะ
ใช้เวลาไม่นานตัวของเขาก็เดินทางมาถึงปราสาทที่ตั้งอยู่ริมสุดของเมือง อาวุธที่เขาต้องการจะใช้มันใช่อาวุธธรรมดาเสียที่ไหน อาวุธที่สืบทอดมาจากตระกูลของเขาผ่านมาไม่รู้ตั้งกี่รุ่นกี่สมัยถูกเก็บเอาไว้ใช่ในยามที่ตระกูลอยู่ในวิกฤต แต่ในตอนที่สงครามกำลังมาถึงจุดอิ่มตัวแทนที่ชายหนุ่มผู้นำตระกูลคนก่อนจะนำมันออกมาใช้กลับเลือกที่จะยอมรับความพ่ายทำให้เผ่าพันธุ์ของตนถูกทำลายจนไม่เหลือ“เอาล่ะข้ามารับเจ้าแล้ว ดาบแห่งบัญญัติทั้งสิบ”
เขาเดินเข้าไปภายในปราสาทก่อนที่จะกวาดตามองไปรอบๆจนสายตาไปหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่ง ด้านในของห้องนั้นเป็นห้องเล็กๆแคบๆที่เขาเคยถูกท่านพ่อและท่านแม่ของเขาสั่งห้ามไม่ให้ย่างก้าวเข้าไปเหยียบเด็ดขาด แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเชื่อ เขาฝ่าฝืนคำสั่งของพวกท่านทั้งสองและเข้าไปในห้องนั้นก่อนที่จะพบกับทางเข้าบางอย่างที่เหมือนจะเป็นบันไดลาดยาวลงไปจนแทบจะมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ด้วยความที่เขาเป็นเด็กขี้สงสัยเขาตัดสินทำบางอย่างที่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาในยามนั้นไม่กล้าทำ เขาเดินลงไปตามบันไดก่อนที่จะไปเจอกับบางอย่างที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเขามากเป็นที่สุด“ไม่ได้เข้ามานานเลยแหะ”
เขาเดินลงไปตามทางบันไดที่คุ้นเคยสำหรับเขา แม้ทางลงมันจะไม่มีราวจับก็ตามแต่ด้วยความที่เขาเคยมาเยี่ยมเยือนสถานที่นี้ก่อนแล้วทำให้เขาตัวของเขาไม่พลัดตกลงไปแบบโง่ๆแน่นอนหากจะมีอะไรผิดพลาดจริงๆก็คงเป็นเขาเผลอง่วงนอนนั้นแหละ
ตอนนี้เขาเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว ความกระหายเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆทำให้เขาต้องหยุดสักพักหนึ่งเพื่อที่จะทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปเสียก่อนและพร้อมที่จะเดินลงจากบันไดต่อไปเรื่อยๆได้ เขาใช้เวลานั่งพักเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้นมันก็ถึงเวลาที่เขาจะเริ่มเดินลงบันไดต่อแล้ว อีกไม่ไกลมากก็จะถึงแล้ว“ปึก”
หากแต่ทุกอย่างคงไม่ง่ายบันไดที่เขากำลังเดินลงอยู่นั้นเกิดรอยร้าวเล็กๆขึ้นมาแม้มันจะไม่ใหญ่มากหากแต่ว่าถ้ามันเกิดขึ้นมาหลายจุดล่ะก็อย่างน้อยมันก็ทำให้บันไดที่ทั้งใหญ่และยาวพังลงมาได้เหมือนกัน แต่ตัวของเด็กหนุ่มกลับไม่ทราบถึงชะตากรรมของเลยแม้แต่นิด เขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ“กึก ปัง”
บันไดที่เขากำลังเดินอยู่นั้นเกิดทรุดตัวกระทันหั่นทำให้ร่างที่กำลังเดินอยู่นั้นทรงตัวไม่อยู่และเกิดล่วงลงไป“ฉิบหายแล้ว”
หากเขาตกจากที่สูงขนาดนี้ล่ะก็แม้เขาจะไม่ตายแต่ก็คงจะสลบไปหลายวัน แต่ตอนนี้เขากำลังรีบอยู่ เขาจะต้องทำยังไงก็ได้เพื่อเซฟส่วนหัวของเขาให้มากที่สุด หากเขาใช้แขนของเขาทั้งแขนเป็นตัวรับแรงกระแทกล่ะก็อย่างน้อยกระดูกที่แขนกับซีกโครงของเขาก็คงจะแหลกไปนิดหน่อย แต่ด้วยพลังการฟื้นตัวของเผ่าเขาแค่นั้นมันไม่ระเคืองเลยสักนิด“มันมีแค่ทางเดียว”
เขาพยายามหมุนตัวให้แขนของเขาตรงไปที่พื้น ในยามแรกที่เขาตกลงมานั้น หัวของเขาลงมาก่อนเป็นอันดับแรกเลยเพราะฉะนั้นเขาถึงพยายามกลับตัวเองให้มาอยู่ในท่าที่พอเหมาะที่สุดแม้มันจะเจ็บแต่มันก็คุ้ม“ปัง!”
เสียงกระแทกดังสนั่น แขนของเด็กหนุ่มที่กระแทกลงไปกับพื้นอย่างเต็มรักทำเอาร่างของเขาแทบจะดิ้นพล่านในทันที ความเจ็บปวดที่ทั้งชีวิตของเขาไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าจะได้รับ บัดนี้เขาได้เข้าใจแล้วมันเป็นอย่างไร ทั้งๆที่คิดเอาไว้แล้วแท้ๆว่าจะเซฟตัวเองให้ดีที่สุดแต่กลับผิดพลาดจนตัวเองแทบอยากจะร้องไห้ออกมา“อ๊าก”
เขาร้องออกมาอย่างไม่นึกอายฟ้าดิน มันเจ็บจริงๆแถมเจ็บมากๆเสียด้วย ถึงแม้ว่าพลังการฟื้นตัวของเผ่าเขามันจะมีมากก็เถอะ แต่ถ้าเจอแบบนี้มันก็เจ็บเหมือนกัน เจ็บแบบนี้ตายซะยังดีกว่าด้วยซ้ำไป
เขาใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ในการฟื้นตัวกระดูกแขนที่แหลกไปของเขา น่าแปลกทั้งๆที่เขาคิดว่าความเสียหายมันน่าจะมากกว่านี้ แต่กลับมีเพียงแค่แขนของเขาเท่านั้นที่ผิดรูปผิดร่างเพราะแรงกระแทก“แค่นี้คงพอแล้วล่ะนะ”
เขาลุกขึ้นยืน แม้ว่าแขนของเขาจะยังฟื้นตัวไม่หายอย่างเต็มที่แต่ในตอนนี้มันก็เพียงพอแล้ว แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาในตอนนี้อาจจะเป็นสถานที่ที่เขาอยู่มันคือที่ไหน เขาตกลงมาจากบันไดที่ทรุดตัวลงมา แต่เขายังเดินลงจากบันไดได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น สรุปได้ว่า
‘เขาหลงทาง’
ความบรรลัยเกิดขึ้นแล้ว ณ ตอนนี้ ตัวของเด็กหนุ่มพยามยามมองหาทางออกแต่รอบๆด้านมันก็เหมือนกับห้องเก็บของที่มีพวกชุดเกราะหรือแม้แต่ดาบที่ไม่ได้ใช้แล้ววางเรี่ยราดไปหมดทำเอาคนที่กำลังหลงทางแบบเขารู้สึกจนปัญญาที่จะหาทางออกเลยทีเดียวเชียวล่ะ“อ่า เวรกรรมจริงๆ”
เขาสบถบ่นออกมาอย่างนึกน้อยใจตัวเอง ยามนี้สิ่งที่เขาคิดมันไม่เป็นดังที่หวังเลยสักย่างเดียว รู้อย่างนี้เข่าจะไม่ประมาทตั้งแต่แรกหรือหยุดพักเพราะเหนื่อยหรอก โลกชั่งไม่ยุติธรรมเลยสักนิด แต่ใช่ว่าเขาจะยอมแพ้ เขายังคงคว้านหาทางออกเพื่อที่จะกลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นแต่ว่าจะหายังไงก็เจอแต่ประตูบานเล็กๆที่เล็กเสียยิ่งกว่าตัวเขาเต็มไปหมด“อย่างกับบ้านคนแคระเลยแหะ”
………………………………………………………………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ