พี่ว้ากครับ! ช่วยรับรักผมหน่อย! [Boy'S Love,Yaoi]

-

เขียนโดย ไมโล_เจ

วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 23.37 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,639 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2559 23.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) 01@ กิจกรรมรับน้อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

01

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“พวกคุณคุยอะไรกันครับ!”

 

 

 

 

 

 

 

เสียงตะโกนจาก ’วายุ’ ที่แสดงถึงอารมณ์โกรธและดุดันแถมยังดังสนั่นทำให้เหล่าเฟรชชี่รูดซิบปากแล้วก้มหน้าของพื้นดินกันหมด สาเหตุมาจากการที่พวกปีหนึ่งเริ่มยุกยิกและคุยกันจากการเข้าแถวทำกิจกรรม เนื่องจากเด็กปีหนึ่งคงคิดว่าพี่ว้ากคงจะไม่ได้ลงตั้งแต่ช่วงวันแรกของกิจกรรมรับน้อง ทำให้ปีหนึ่งหลายคนแอบคุยกันและไม่ได้สนใจที่พวกพี่สันทนาการพูดกันสักเท่าไหร่ แต่ทันทีที่เสียงตะโกนดังขึ้นเหมือนทุกคนจะรู้สึกตัวถึงอะไรบางอย่างเลยเงียบพร้อมกันอย่างมิได้มัดหมายถึงแม้ว่าจะยังไม่เห็นที่มาของเสียงก็ตาม

 

แต่สิ่งหนึ่งที่วายุไม่ได้รู้นั้นก็สาเหตุของส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดเสียงพูดคุยนั้นมาจากพวกผู้หญิง ซึ่งหัวข้อสนทนาที่กำลังคุยกันก็คือรุ่นพี่น่าตายดีคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าสนาม ซึ่งคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครวายุเฮดว้ากสุดหล่อที่กำลังจะสั่งลงโทษพวกปีหนึ่งในตอนนี้นั่นเอง

 

หน้าหล่อเหล่าคมได้รูปเส้นผมสีดำสลวยที่ถูกตัดเลมอย่างดีรับกับใบหน้า ดวงตาคมกับนัยน์ตาสีดำสนิทและจมูกสันโด่งเพิ่มความโดดเด่นให้กับใบหน้า รวมถึงส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสี่เซนติเมตรทำให้เขาสูงเด่นเป็นสง่า ใครเห็นแล้วมันจะไปนึกว่าเป็นพี่ว้ากดูยังไงนี่มันก็เดือนคณะชัด

 

 

 

 

 

 

 

“ทั้งที่พี่สันทนาการกำลังอธิบายลายละเอียดกิจกรรมกันอยู่แต่พวกคุณก็ยังคุยแข่ง... ในเมื่อพวกคุณไม่รู้จักระเบียบวินัยและมารยาท ผมก็จำเป็นที่จะต้องซ่อมพวกคุณ!”เหล่านักศึกษาปีหนึ่งหน้าซีดไปตามๆกันนี่พวกเขาต้องเหนื่อยกันตั้งแต่วันแรกเลยรึเนี่ย หลายคนทำท่าจะเป็นลมตั้งแต่ที่ยังไม่ร็ว่าเฮดว้ากจะสั่งให้ทำอะไร “แต่...ผมจะให้โอกาสพวกคุณเป็นคนเลือกบทลงโทษเอง ผมจะสุ่มเรียกรหัสหนึ่งรหัสขึ้นมาแล้วรหัสที่ถูกเรียกให้ยืนแล้วออกมายืนข้างหน้า แล้วทำการบอกรหัสกับขานชื่อ...เข้าใจไหม!!”

 

 

 

 

 

 

 

“คะ ครับ.../คะ ค่ะ...”

 

 

 

 

 

 

 

“เข้าใจไหม!!” เนื่องจากเสียงตอยรับของปีหนึ่งสามารถความไม่พอใจให้กับวายุทำให้เขาตะโกนถามอีกครั้งคราวนี้เสียงตอบกลับดังสนั่น เนื่องจกพวกปีหนึ่งรู้สึกว่าอาจจะโดนลงโทษแบบยกกำลังสองก้เป็นได้ “ดีมาก...รหัส 0153 ยืนขึ้น!!”

 

 

 

 

 

พรึ่บ...

 

 

 

 

 

ทันทีที่วายุเรียกก็มีปีหนึ่งคนหนึ่งยืนขึ้นแทบจะทันทีนั่นก็คือนักศึกษาชายคนหนึ่ง วายุรู้สึกโล่งอกที่ตัวเขาไม่สุ่มโดนผู้หญิงเพราะไม่งั้นเขาคงจะลำบากที่จะต้องสั่งทำโทษอะไรซักอย่างเป็นแน่ แต่...วายุไม่แน่ใจว่าที่เขาเรียกขึ้นมานั้นจะรอดรึป่าว ถึงจะผู้ชายแต่ก็มีรูปร่างผอมแถมยังตัวเล็กอาจจะเล็กกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ และหลังจากที่ออกมายืนตรงด้านหน้าวายุก็ได้รู้ว่าเด็กคนนี้นั้นสูงยังไม่เลยไหล่เขาด้วยซ้ำ ทรงผมที่ยาวปะบ่าแล้วมัดรวบไว้ด้านหลังกับหน้าตาที่หวานจนวายุเริ่มไม่มั่นใจว่าเด็กคนนี้เป็นผู้ชายหรือว่าทอม

 

 

 

 

 

 

 

“ผมชื่อกวี รหัส 0153 ชื่อเล่น วกวี เกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 อายุ 18 ปี ส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร น้ำหนัก 45 กิโลกรัม เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเคมี สถานะตอนนี้...โสดครับ!”

 

 

 

 

 

 

 

“ผมไม่ได้อยากรู้ครับ!”

 

 

 

 

 

 

 

“แต่ผมอยากบอกพี่ครับ!”

 

 

 

 

 

 

 

คำตอบที่กวีตอบกลับมานั้นทำให้ทั่วทั้งสนามอยู่ในความเงียบสงัดเพื่อนปีหนึ่งทุกคนต่างหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนพวกพี่ว้ากคนอื่นรวมถึงรุ่นพี่หลายพยายามกลั้นขำและแน่ใจว่าปีนี้พวกเขาพบตัวปัญหาเรียบร้อยแล้ว ทุกคนในสนามและตัววายุเองตอนนี้คงมีความเห็นตรงกันอย่างหนึ่งนั้นก็คือ ไอ้เด็กนี้...มันกวนตรีนนนนนน!

 

ผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูเป็นคนเรียบร้อยอย่างสิ้นเชิง กวีรู้ตัวดีว่าตัวเองพูดอะไรออกไปแต่เขาก็ไม่ได้มีท่าสำนึกผิดแต่อย่างใด วายุพยายามกดอารมณ์หงุดหงิดอยากจะถีบรุ่นน้องคนนี้เอาไว้ เพราะว่าถ้าหากเขาทำร้ายรุ่นน้องตอนนี้ต่อหน้าคนอื่นๆมันคงจะกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีอย่างแน่นอน แล้วเริ่มพูดใหม่อีกครั้งโดนวิธีการไม่สนใจในคำพูดเมื่อกี้

 

 

 

 

 

 

 

“คุณ...และเพื่อนปีทุกคนจะต้องถูกลงโทษ! แต่ผมยังใจดี...ผมจะให้โอกาสคุณได้เลือกบทลงโทษของคุณและเพื่อนคุณเอง เอ้า! คุณเลือกซะ...”

 

 

 

 

 

 

 

“งั้นผมขอไม่เลือกครับ!”

 

 

 

 

 

 

 

ทั้งสนามเงียบอีกครั้งเมื่อกวีเกิดพูดแทรกขึ้นขณะที่วายุกำลังสั่ง พวกเพื่อนปีหนึ่งต่างคิดในใจว่า...’ชิบหายแล้ว’ แต่มันก็คงจะเป็นอย่างที่คิดจริงๆนั่นล่ะ เพราะดูเหมือนว่าเฮดว้ากอย่างวายุเองก็จะเริ่มหมดความอดทนแล้วเช่นกัน เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้กวีกำลังปีนเกลียวอยู่ และหน้าที่ของก็คือการหยุดพฤติกรรมไม่เคารพรุ่นที่แบบนี้

 

แต่แทนที่วายุจะได้พูดต่อกลับเป็นกวีเองที่พูดอธิบายต่อประโยคเมื่อกี้...

 

 

 

 

 

 

 

“เพราะว่าพี่ไม่ได้บอกผมว่าห้ามไม่เลือกไงครับ เพราะงั้นก็ต้องเลือกทางที่สบายที่สุด ดังนั้นผมก็ต้องเลือกทางที่ดีที่สุดโดยการ...ไม่เลือกครับ!!”

 

 

 

 

 

 

 

คำตอบของกวีเสียงดังฉะฉานราวกับมันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุด ตอนนี้อาจจะมีเพื่อนปีหนึ่งบางคนวิญญาณออกจากร่างไปแล้วก็เป็นได้ สุดท้ายแล้ววายุก็ต้องเป็นคนเลือกบทลงโทษแก่พวกปีหนึ่งเองโดยการให้วิ่งรอบสนามสิบรอบ ส่วนกวีนั้นถูกแยกออกมาคุยเดียวเพราะคนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้

 

วายุเรียกกวีออกมาคุยเพียงลำพังถึงตอนนี้ใบหน้าของกวีก็ยังระรื่นเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น วายุถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันคือเกียร์รุ่นของเขาและวายุก็ยื่นไปโชว์ที่หน้าของกวีก่อนที่ถาม...

 

 

 

 

 

 

 

“นี่คือเกียร์รุ่น พวกคุณทุกคนจะได้รับมันหลังจากที่ผ่านกิจกรรม สิ่งที่แสดงถึงความภาคภูมิใจ สิ่งที่แสดงว่าคุณได้ฝ่าฟันกิจกรรมและอื่นๆจนแสดงให้พวกผมเห็นได้ ในเมื่อคุณทำตัวปีนเกลียวแบบนี้ผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้คุณ... ผมขอถามคุณ...อยากได้สิ่งนี้ไหม!”

 

 

 

 

 

 

 

“ซักวันมันก็ต้องเป็นของผมครับ! เพราะงั้นตอนนี้ผมสนใจพี่ก่อนดีกว่าครับ!”

 

 

 

 

 

 

 

“คุณหมายความว่ายังไง! ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมแบบนี้ก็อย่างหวังว่าจะได้รับมันไปจากพวกผมเลย!”

 

 

 

 

 

 

 

วายุเน้นย้ำประโยคสุดท้ายเสียงดังเหมือนจะเพราะประโยคนี้เขาไม่ได้บอกกวีเพียงแค่คนเดียว ถูกต้องแล้วถึงแม้ว่ากวีจะมีพฤติกรรมปีนเกลียวอย่างเห็นได้ชัด แต่...ปีหนึ่งคนอื่นๆก็ไม่ใช่ว่าจะดีไปกว่ากวีซักเท่าไหร่เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกเด่นชัดขนาดนี้แค่นั้นเอง ส่วนทางกวีไม่รู้ว่าสำนึกในคำพูดของวายุเพราะเขานิ่งเงียบไป

 

วายุเห็นดังนั้นจึงสั่งกวีไปวิ่งรอบสนามเหมือนกับพวกเพื่อนคนอื่น ซึ่งกวีก็ยอมทำตามแต่โดยดี จากนั้นตัวเองก็กลับไปนั่งที่ซุ้มพยาบาล ที่ตัวเขาพูดไปเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรือเรื่องน่าขำแต่อย่างใด เพราะถ้าพวกปียังคงทำให้พวกเขาพอใจไม่ได้แบบนี้ล่ะก็อย่าหวังที่จะได้รุ่นเลย

 

ในขณะที่วายุกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องในใจกับชัยชนะเล็กๆของตัวเองนั้น เขาก็ต้องถูกตะหลบหลังโดยรุ่นน้องตัวดี กวีที่เงียบๆเมื่อกี้นั้นไม่ใช่ว่าสำนึกผิดแต่อย่างใด แต่นั่นเป็นสัญญาณเตือนถึงท่าไม้ตายที่เขากำลังจะปล่อยใส่เฮดว้ากนั่นเอง กวีวิ่งไปที่กลางสนามจากนั่นก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและตะโกนออกมาสุดเสียง

 

 

 

 

 

 

 

“ผมเข้าใจที่รุ่นพี่บอกผมแล้วครับ! เพราะงั้นถ้าหากผมทำให้พวกพี่ๆยอมรับได้แล้วล่ะก็... พี่ว้ากครับ!!”

 

 

 

 

 

 

 

“...”

 

 

 

 

 

 

 

“ช่วยเป็นแฟนกับผมด้วยนะครับ!!”

 

 

 

 

 

 

 

เงียบ... ทั้งคนที่อยู่รอบสนาม ทั้งพวกปีหนึ่งที่วิ่งอยู่ในสนาม และที่สำคัญวายุทุกคนต่างกันเงียบหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้พวกเขาพีคกับกวีไปกี่ครั้งแล้ว แต่สำหรับวายุแล้วไม่ว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ต้องหาทางทำอะไรซักอย่างแบบจริงจังกับมันซักที!

 

สุดท้ายแล้วหวังจากเหตุการณ์ขอพี่ว๊ากเป็นแฟนแบบถึงใจไปเมื่อกี้ พี่สันทนาการก็กลับมาลงสนามอีกครั้งพวกปีหนึ่งที่วิ่งอยู่ก็ถูกหยุดการลงโทษ ยกเว้น... กวีที่ถูกวายุเรียกไปซ่อมเดี่ยว แต่ด้วยสีหน้าทางท่าที่ยิ้มแย้มตอนโดนทำโทษนั้นแล้วพวกเพื่อนๆก็หมดห่วง

 

 

 

 

 

 

 

...

 

 

 

 

 

 

 

ในที่สุดท้ายการรับน้องในวันแรกก็ตจบลงด้วยเวลาหนึ่งทุ่มสามสิบนาทีเกือบจะพอดี ไม่ดึกมากจนเกินไปถือว่าอาจจะเช้าไปด้วยซ้ำ หลังจากที่พวกพี่ๆส่งพวกน้องกลับบ้านกันแล้วพวกพี่ก็ยังคงจำเป็นต้องอยู่ประชุมกันต่อนั่นรวมถึงพี่ว้ากอย่างวายุก็เช่นกัน กว่าที่พวกพี่ๆจะเสร็จงานก็เล่นไปเกือบจะสี่ทุ่ม

 

วายุขอตัวกลับหอและในขณะที่เขากำลังเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์โทรศัพท์ของวายุก็ดังขึ้นเมื่อหยิบขึ้นมาหน้าจอโทรศัพท์ก็โชว์ชื่อของ ‘กวิน’ หรือไอ้วิน เพื่อนสนิทของวายุสมัยมัธยมปลาย และตอนนี้พวกเขาสองคนก็ยังคงติดต่อกันอยู่ถึงแม้ว่าจะอยู่คนละมหาลัยก็ตาม วายุกดรับสายแล้วจึงเริ่มบทสนทนากับเพื่อนสนิท

 

 

 

 

 

 

 

“ฮัลโหล เป็นไงไอ้เหี้ยวินกูจะไม่พูดอ้อมค้อมกับมึงนะ... มีเรื่องเหี้ยไรล่ะถึงโทรหากูเนี่ย!”

 

 

 

 

 

 

 

‘แหมะ รู้ใจกูจริงๆไอ้เพื่อนรัก ไอ้แทนตอนนี้ห้องมึงว่างอยู่ไหม’

 

 

 

 

 

 

 

กวินเรียกเพื่อนรักด้วยชื่อเล่น ซึ่งวายุเองก็ไม่ได้ถูกใครเรียกด้วยชื่อนี้มานานแล้ว มันเลยรู้สึกจักจะจี้แบบแปลกๆ

 

 

 

 

 

 

 

“เออ... ก็ว่างแหละ”

 

 

 

 

 

 

 

ห้องของวายุนั้นความจริงมันเป็นห้องขนาดใหญ่ไว้สำหรับอยู่ได้สองถึงสามคนมีห้องน้ำห้องครัวครบ เนื่องจากวายุชอบอยู่คนเดียวและไม่ชอบอยู่ที่แคบๆทำให้วิธีหาห้องกว้างและราคาค่าเช่าก็แพงตามไปด้วยนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเขา โดยทางครอบครัวของวายุเองก็ทำข้อตกลงกับวิธีการเอาแต่ใจของวายุ โดยครอบครัวของวายุจะออกค่าห้องให้ แต่ค่าสาธารณูปโภคนั้นวายุจะต้องเป็นคนจ่ายเองโดยมันจะรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่ครอบครัวส่งให้ ซึ่งนั้นทำให้วายุต้องประหยัดไม่อย่างงั้นอาจจะอดตายได้

 

แต่เนื่องจากห้อของวายุนั้นกว้างและอยู่คนเดียวทำให้บ่อยครั้งมันจึงกลายเป็นสถานที่สำหรับพักแรม รวมตัวติวหนังสือ หรือแม้แต่สถานที่จัดงานปาร์ตี้สังสรรค์(ให้ข้างๆห้องมาด่าบ้างครั้ง) เพราะงั้นพวกของกินส่วนใหญ่วายุก็จะไปรับอานิสงค์ผลบุญจากเพื่อนที่เอาของเข้ามากินในห้องของเขา

 

 

 

 

 

 

 

‘เออดีมาก งั้นกูจะไม่พูดอ้อมค้อมเลยนะ มึงให้น้องกูไปอยู่กับมึงสักพักหนึ่งได้รึป่าว’

 

 

 

 

 

 

 

“ห๊า!!”

 

 

 

 

 

 

 

‘ไปต้องมาหาแล้ว คือน้องกูมันมีปัญหาเรื่องที่พักอยู่ตอนนี้ มึงช่วยน้องกูหน่อยเถอะถ้ามึงไม่ช่วยน้องกูมันก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้วน่ะ!’

 

 

 

 

 

 

 

“เออ...ขอกูคิดแปปนึงน่ะ

 

 

 

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าห้องเขาจะมีคนมาอยู่บ่อยๆก็ตามแต่ก็ยังไม่ใครมาค้างเกินสามวันซักคน แล้วอยู่ดีๆจะให้คนมอยู่ด้วยมันก็คงแปลกๆ แต่ถ้ามองในแง่ของเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วถ้ามีคนมาช่วยหารค่าห้องค่าสาธารณูปโภคก็คงจะทำให้เขาสบายขึ้นเยอะ แถมยังถือว่าเป็นการได้ช่วยเพื่อนอีกด้วยยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

 

 

 

 

 

 

 

‘ไอ้แทน...สรุปว่าไง”

 

 

 

 

 

 

 

“โอเค กูให้น้องมึงมาอยู่กับกูได้ แล้วตอนนี้น้องมึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย”

 

 

 

 

 

 

 

‘เมื่อชั่วโมงที่แล้วมันบอกว่าถึงหน้าหอมึงแล้ว...’

 

 

 

 

 

 

 

“อ้าวไอ้เหี้ย! แล้วทำไมมึงไม่รีบบอกกู โห...ป่านนี้รอนั่งรอจนหลับไปแล้วมั่ง ว่าแต่...มึงให้น้องมึงไปหากูที่หอแบบนี้ แสดงว่ามึงก็กะจะบังคับกูตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง”

 

 

 

 

 

 

 

ไม่มีเสียงตอบกลับจากหมายเลขที่ท่านเรียกพร้อมกับคำด่า ตุ๊ด... ตุ๊ด... ตุ๊ด... วายุปิดหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับหยิบกุญแจขึ้นมาแล้วสตาร์ทรถทันที เขารีบบึ่งกลับหออย่างเร็วที่สุด และวายุนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าลืมถามว่าน้องของกวินชื่ออะไร และเรียนคณะอะไร

 

เมื่อกลับมาถึงหอวายุก็เจอกับป้าเจ้าของหอที่กำลังจะกลับบ้านพอดีเขาจึงเข้าไปถามว่ามีใครมาหาเขารึป่าว คุณป้าก็ตอบว่ามีคนมาหาเขาจริงซึ่งตอนแรกป้าบอกให้เขานั่งรออยู่ที่ห้องกับป้าก่อน แต่เขาก็ปฏิเสธแล้วก็ขอจึ้นไปรออยู่หน้าห้องของวายุแทน ป้าไม่รู้สึกว่าเขาจะมาร้ายก็จริงแต่ป้าก็ไม่สามารถเชื่อใจขขนาดไขกุญแจให้เข้าไปในห้องได้ วายุกล่าวขอบคุณป้าเจ้าของห้องแล้วรีบไปกดปุ่มลิฟท์ทันที

 

ห้องของวายุอยู่ชั้นสี่พออกจากลิฟท์ก็จะอยู่ทางด้านซ้ายถัดไปสามห้อง วายุหันไปมองทางห้องของตัวเองก็พบว่ามีคนมานั่งรออยู่จริงๆ วายุเดินเข้าไปใกล้กระเป๋าใบใหญ่ที่บังร่างเล็กที่นั่งอยู่กับพื้นพร้อมผ้าห่มที่ปิดหัวจนมองไม่เห็นหน้าตา จังหวะขยับขึ้นลงของผ้าทำให้วายุรู้ว่าร่างเล็กกำลังนอนหลับอยู่ วายุจึงตัดสินใจที่จะดึงผ้าห่มออกพร้อมกับใช้เสียงปลุกให้ตื่น...

 

แต่นั้นก็ทำให้วายุต้องยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ เพราะเมื่อผ้าห่มที่ปกปิดร่างเล็กนั้นหลุดออกก็เผยให้เห็นเส้นสีน้ำตาลยาวประบ่า และเมื่อร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาสบตากับวายุ นัยน์สีน้ำตาลอ่อนกับรอยยิ้มแบบนั้นทำให้วายุมั่นใจว่าไม่ได้จำผิดคนอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

“อ้าว...พี่ว้ากสวัสดีรอบดึกครับ”

 

 

 

 

 

 

 

คนที่จะต้องมาอยู่กับเขานั่นก็คือ...กวี ไอ้เด็กปีนเกลียวคนที่ทำให้เขาหัวเสียนั่นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา