พี่ว้ากครับ! ช่วยรับรักผมหน่อย! [Boy'S Love,Yaoi]

-

เขียนโดย ไมโล_เจ

วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 23.37 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,114 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2559 23.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) 02@ อยู่ร่วมกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

02

 

 

 

 

 

 

เรื่องราวของผู้ชายที่ชื่อ ‘วายุ’

 

 

 

วายุเกิดวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2538 วายุอาศัยอยู่กับพ่อแม่พี่สาวหนึ่งคนและน้องชายอีกหนึ่งคน ความจริงแล้ววายุนั้นเป็นเป็นชื่อจริงของเขา ความจริงแล้วชื่อเล่นของวายุก็คือ ‘แทน’ แต่ด้วยชื่อวายุนั้นสั้นและเรียกจนติดปากทำให้คนที่เรียกเขาด้วยชื่อเล่นนั้นมีแค่คนในครอบครัวกับพวกเพื่อนที่สนิทจริงๆเท่านั้น วายุนั้นสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2556 ด้วยผลการเรียนเฉลี่ยรวมคือ 3.47

 

 

 

วายุเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยในปี พ.ศ.2557 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ โดยโครงการสอบตรง(ข้อเขียน) ด้วยรูปร่างที่สูงเด่นเป็นสง่าบวกกับหน้าตาที่หล่อเหล่าทำให้วายุเป็นที่จับตามองของพวกรุ่นพี่ตั้งแต่วันรายงานตัว

ต่อมาหลังจากที่วายุได้เข้าศึกษาแล้ว ด้วยนิสัยที่เป็นคนง่ายๆสบายๆทำให้วายุสามารถทำความสนิทสนมกับคนอื่นๆได้อย่าง่ายได้ นั้นรวมไปเพื่อนคณะอื่นบางคน และพวกรุ่นพี่ผู้หญิงหลายคนอีกด้วย(ถูกผู้หญิงแอ้ว) และเมื่อถึงช่วงกิจกรรมรับน้องวายุเองก็ยังเป็นที่โดดเด่นอีกเช่นเคย

โดยวายุนั้นโดดเด่นทั้งในทางที่ดีแล้วก็ในทางที่แย่พวกพี่ๆสันทนาการชอบวายุเพราะเป็นคนเฮฮาสั่งอะไรทำหมดแบบหมดไม่มีกั๊ก เรียกว่าพลังเหลือล้นกันเลยทีเดียว แต่สำหรับพวกพี่ว้ากแล้ววายุคือ ไอ้เด็กนรกปีนเกลียวอันดับหนึ่งของรุ่นการสั่งทำโทษเลยเหมือนเป็นคำทักทายไปแล้วสำหรับวายุ แต่เพราะถูกทำโทษบ่อยๆเห็นขี้หน้าบ่อยๆเลยกลายเป็ยว่าสนิทกับพวกรุ่นพี่ไปโดยปริยาย

ด้วยหน้าตาของวายุทำให้เขากลายเป็นตัวแทนของคระวิศวกรรมไปกวดดาว-เดือนมหาวิทยาลัย และยังหาสามารถชนะคว้าตำแหน่งเดือนมหาลัยมาได้อีกต่างหาก  นอกจากนี้วายุยังเล่นฟุตบอลอีกด้วยในการแข่งขันเฟรชชี่เกมทีมของเขาจะได้อันดับสองแพ้อีกฝั่งได้ด้วยแต้มคะแนน 2-3

จนแล้วจนรอดวายุก็ได้รับเกียร์รุ่น และผ่านศึกชิงรุ่น(ซึ่งในตอนนั้นวายุได้เรียกมันว่า  ’มหกรรมนรกแตก’มาจนได้) วายุไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องการเรียนสักเท่าไหร่ เขาสามารถจบการศึกษาปีหนึ่งด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 3.61 วายุก็ตัดสินใจที่จะเข้ารับการฝึกเป็นพี่ว้าก ตัวเขารู้สึกอยากที่จะลองทำอะไรที่ท้าทายตัวเองดูและมันก็ดูจะน่าสนุกมากด้วย แต่เขาก็รู้ว่าการเป็นพี่ว้ากนั้นต้องแบกรับอะไรหลายๆอย่างซึ่งเขาก็เข้าใจ อย่างน้อยในตอนนั้นเขาก็คิดว่าทุกอย่างคงเป็นไปได้สวย...

 

 

 

จนกระทั่งช่วงเวลาที่เขาจะต้องขึ้นว้ากก็มาถึง ในที่สุดวายุก็ขึ้นเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองพ่วงด้วยตำแหน่งเฮดว้าก วายุรู้สึกตื่นเต้นจริงที่ในสุดเวลาที่เขาต้องต้องขึ้นว้ากพวกน้องๆปีหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจะตีสีหน้าโหดได้ขนาดไหนหรือมีใครกลัวเขารึป่าวแค่คิดวายุก็รูสึกตื่นต้นอย่างบอกไม่ถูก

ทางมหาวิทยาลัยอนุญาตให้ทำกิจกรรมรับน้องในหนึ่งอาทิตย์ได้สามวัน เพื่อให้พวกน้องๆปีหนึ่งจะได้มีเวลาพักผ่อนกันบ้าง คณะวิศวกรรมทำกิจกรรมรับน้องกันวันจันทร์ พุธ และศุกร์เป็นเวลาสองเดือน ซึ่งตามที่เตี้ยมกันเอาไว้นั้นพี่ว้ากจะต้องลงในวันที่สาม ดังนั้นในสองวันแรกวายุจะแค่เพียงไปดูพวกน้องปีหนึ่งที่ข้างสนามแค่นั้น แต่...เมื่อวายุเห็นว่าพฤติกรรมของพวกน้องปีหนึ่งในวันนั้นแล้วเขาก็รู้ไม่พอใจอย่างมากนั่นทำให้เขาต้องตัดสินใจลงสนาม ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะได้ผลปีหนึ่งทุกคนเงียบแสงบลงด้วยความกลัว นี่อาจจะเป็นการประสบความสำเร็จเล็กในฐานะเฮดว้าก

แต่...ทุกอย่างมันก็พังทลายลงเมื่อเขาเกิดพลาดเรียกรหัสผิด เพราะรหัสที่เขาเรียกขึ้นมานั้นมันคือกักระเบิดที่ถูกตกแต่งด้วยพุ่มดอกไม้ชัดๆ วายุพึ่งเข้าใจความรู้สึกของพวกรุ่นพี่เมื่อปีที่เมื่อเขาเจอกับตัวเอง สุดท้ายแล้วในการรบครั้งนั้นวายุพ่ายแพ้ย่อยยับ แต่นั้นก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่เพราะเอาไว้แก้แค้นทีหลังก็ได้ แต่เรื่องที่เซอร์ไพรเขาที่สุดนั้นก็คือ ไอ้เด็กนรกคนนั้นมันต้องมาอาศัยอยู่ร่วมกับเขานี่สิ!...

 

 

...

 

 

วายุนั้นเป็นคนที่ต้องนอนอย่างต่ำแปดชั่วโมงเพื่อการตื่นนอนตอนเช้าที่สดใสของเขา แต่...เขาก็เป็นคนชอบนอนดึกด้วยเช่นกัน ดังนั้นด้วยความชอบทั้งสองอย่างที่ตีกันนั้นมันจึงได้ผลลัพธ์ออกมานั้นก็คือ การนอนตื่นสาย’ วายุเป็นคนที่ตื่นไม่ค่อยจะเป็นเวลาซักเท่าไหร่ เพราะเขาจะตื่นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปอย่างต่ำแปกดชั่วโมงหลังจากที่เขาหลับ ไอ้นิสัยแบบนี้เลยกลายเป็นข้อเสียของเขาไปเต็มเพราะถ้าไม่กะเวลาดีเขาได้นอนหลับจนขาดเรียนแน่นอน

แต่โชคยังเข้าข้างเขาเพราะในปีนี่วายุมีคาบที่ต้องตื่นเช้าสุดนั้นก็คือเก้าโมงเช้า นั่นทำให้เขาสารมารถนอนดึกได้บางนิดหน่อย วันนี้เองก็เช่นเขาสามารถนอนตื่นสายได้นิดหน่อยหลังจากที่เมื่อวานเจอเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นอย่างน้อยในเช้าของวันนี้ความสุขของเขาก็...

 

 

 

พรึ่บ!

 

 

 

“อรุณสวัสดิ์ยามเช้า! แสงแดดยามเช้านี่มันสุดยอดไปเลย!!”

 

 

 

...ถูกทำลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดีโดยเด็กนรกที่ต้องมาเป็นรูมเมทชั่วคราวของเขา ทันทีที่กวีใช้แรงเปิดผ้าม่านออกทำให้แสงแดดยามนั้นส่องเข้ามากระทบเปลือกตาของวายุ นั่นทำให้ร่างกายของวายุพลิกตัวหลบแสงแดดโดยอัตโนมัติ วายุรู้สึกหงุดหงิดมากที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในตอนเช้า แต่บางทีนี่อาจจะใกล้ได้เวลาเรียนของเขาแล้วก็เป็นได้ เวลานี้อาจจะประมาณซักแปดโมงแล้วก็ได้วายุมองในแง่ดี...

 

 

 

“การตื่นนอนมันก็ต้องหกโมงเช้าแบบนี้แหละน้า!”

 

 

 

หกโมงโพ่ง! วายุสถบด่าอยู่ในใจ เขากล้าคิดได้ในแง่ดีได้ยังไงเนี่ย ก็ในเมื่อเรื่องบัดสบแบบนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว...

 

 

 

ย้อนกลับไปซักนิด...

 

 

 

“อ้าว...พี่ว้ากสวัสดีรอบดึกครับ”

 

 

 

กวีกล่าวทักทายคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มแต่สติยังคงสะลึมสะลือกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ ผิดกับวายุที่ยืนอึ้งแข็งเป็นหินอยู่กับที่ กวีใช้มือลูบหน้าตัวเองหนึ่งครั้งเป็นการเรียกสติให้ตัวเองจากนั้นจึงใช้มือดันตัวเองขึ้นจากพื้น กวียืนนิ่งอยู่ซักพักก่อนที่จะเอ่ยปากถามว่าทำไมวายุถึงไม่ยอมไขกุญแจเปิดประตูห้องซักที

นั้นทำให้วายุตื่นขึ้นจากภวังค์แล้วรีบหยิบกุญแจห้องออกมาไขเพื่อเปิดประตู ถึงแม้ว่าจะยังงุนงงกับเหตุการณ์นี้ก็ตาม แต่จะให้ยืนคุยกันหน้าห้องเลยก็คงไม่ใช่เรื่อง หลังจากไขประตูเสร็จแล้ววายุก็เปิดไฟภายในห้อง จากนั้นวายุก็ช่วยยกกระเป๋าสัมถาระของกวีเข้าไปไว้ในห้อง

 

 

 

“ขอบคุณครับ”

 

 

 

กวีกล่าวขอบคุณวายุที่ช่วยยกสัมภาระของเขาเข้ามาในห้องให้ แต่ดูเหมือนว่าวายุจะไม่ได้ฟังที่กวีพูดเลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยกระเป๋าของกวีลงกับพื้นแล้วจากนั้นวายุกลับรีบหายตัวเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากที่ประตูปิดลงคำถามมากมายที่วิ่งอยู่ในหัวของวายุมันก็ระเบิดออกมา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ยทำไมไอ้เด็กนรกถึงมาอยู่ที่ห้องเขา แถมด้วยความงุนงงยังทำให้เขาพามันเข้ามาอย่างง่ายดายอีก

วายุขยี้หัวอยู่สองสามทีก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นได้ เขารีบหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วกดหาเพื่อนตัวดีทันที เพียงไม่กี่วินาทีปลายก็รับ วายุจัดการพ่นไฟใส่เป็นชุดจนกวินรู้สึกฟังไม่ทัน

 

 

 

“ไอ้วินทำไมมึงไม่บอกกูว่าน้องมึงคือไอ้เด็กนั่นว่ะ มึงรู้รึป่าวว่ามันทำอะไรเอาไว้!”

 

 

 

‘อ้อ! ไอ้แทนมึงเจอกวีแล้วใช่ม่ะ แล้วนี่มึง เออ...พูดถึงอะไรว่ะกูไม่เข้าใจ...’

 

 

 

กวินตอบกลับมาด้วยความสงสัย เขาสามารถจับใจความที่วายุพูดเมื่อกี้ได้แค่วายุพบกับน้องชายเขาแล้ว แต่ก็แน่ล่ะที่กวินจะไม่รู้เรื่องสงสัยวายุคงต้องรายงายพฤติกรรมของน้องชายเขาให้ฟังซักหน่อยแล้ว

 

 

 

“มึงรู้รุป่าวว่าน้องมึงอ่ะ...ปีนเกลียวกู!”

 

 

 

‘ห๊า...กวีเนี่นะปีนเกลียวเป็นไปได้หรอว่ะ เดี๋ยว...มึงพูดแบบนี้แสดงว่ามึงมีอคติกับน้องกูใช่ไหม นี่มึงอย่าบอกนะว่าจะผิดสัญญากับกู’

 

 

 

“ไม่รู้สิกู...ไม่ค่อยสบายใจ”

 

 

 

‘เฮ้ย...ไอ้แทนกูไม่รู้หรอกนะว่าทำไมไอ้วีมันถึงปีนเกลียวมึง แต่ปกติมันเรียบร้อยแล้วก็นิสัยดีมากเลยนะเว้ย ให้ไอ้วีมันอยู่กับมึงเถอะถ้ามึงไม่ยอมน้องกูมันก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้ว นะ...ถือว่ากูขอร้องมึงล่ะกัน’

 

 

 

เมื่อวายุเจอเพื่อนขอร้องซะขนาดนี้เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธอยู่แล้ว แถมถ้าเขาไล่รุ่นน้องออกไปกลางดึกแถมยังไม่มีที่ไปอีกเขาก็คงจะดูเป็นรุ่นพี่ที่ใจร้ายยักษ์มารเกินไปหน่อย เพราะงั้นตอนนี้เขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมทนอยู่กับกวีไปก่อน เมื่อตัดสินได้วายุจึงตอบกลับกวินไปว่า...

 

 

 

“เออ...กูเข้าใจ กูยอมให้น้องมึงอยู่ก็ได้”

 

 

 

‘อ้แทนกูขอบใจมึงจริงๆว่ะ ไว้เดี๋ยวเจอกันครั้งหน้ากูขอเลี้ยงเหล้า โอเค๊...’

 

 

 

วายุตอบตกลงคำชวนของกวินจากนั้นจึงวางสาย วายุค่อยเดินออกมาจากห้องน้ำเมื่อเขาออกมาเมื่อมองไปทางห้องนอนสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือกวีที่กำลังนั่งเอาข้าวของสัมภาระออกจากกระเป๋า วายุเดินเข้าไปใกล้กวี เมื่อกวีเห็นว่าวายุเดินมาหยุดที่ตรงเขากวีจึงหยุดสิ่งที่ทำอยู่แล้วยืนขึ้นประจันหน้ากับวายุ ถึงแม้ว่าส่วนที่อยู่ตรงกับหน้ากวีจะไม่ใช่ใบหน้าของวายุแต่เป็นช่วงอกแกร่งก็ตาม กวีเข้าใจสถานการณ์ดีดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายพูดก่อนไม่ต้องรอให้วายุเป็นคนเริ่ม

 

 

 

“ผมรู้ดีว่าพี่รู้สึกยังไง แต่ผมเองก็ไม่มีที่ไปแล้วเหมือนกัน เพราะงั้นจะให้ผมทำยังไงก็ได้ให้พี่ยอมให้ผมอยู่ด้วย ...ผมยอมทุกอย่าง”

 

 

 

“อา...ช่างเหอะ เรื่องนี้ผมคุยกับพี่ของคุณแล้ว ผมแยกแยะเรื่องส่วนตัวเป็นนะ ถึงแม้ว่าคุณจะปีนเกลียวผมและในฐานะพี่ว้ากแล้วผมไม่ชอบพฤติกรรมที่คุณแสดงออกมา แต่ในขณะเดียวกัน...พี่ว้ากเองก็เป็นรุ่นพี่คนหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเห็นรุ่นน้องมีปัญหาผมก็พร้อมที่จะช่วย เพราะงั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง...ผมอนุญาตให้คุณอยู่ที่ห้องผมได้”

 

 

 

วายุตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนกวีรู้สึกแปลกใจ ตอนแรกเขานึกว่าจะโดนตะหวาดซะยกใหญ่ แถมจะต้องไฟท์อย่างหนักหน่วงเพื่อที่เขาจะได้อยู่ในห้องนี้ แต่ในเมื่อมันมันเป็นแบบนี้เขาก็รู้สึกโล่งใจเหมือนกัน โล่งใจที่วายุเป็นคนใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ในวันนี้กวีได้รู้ถึงด้านดีๆของพี่ง้ากแล้วอย่างๆน้อยก็หนึ่งด้าน กวีก้มโค้งหนึ่งครั้งเป็นการแสดงคำขอบคุณก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนก่อนที่จะเดินตรงไปที่ห้องน้ำ แต่ก็ถูกวายุหยุดไว้ด้วยคำถามหนึ่งซะก่อน...

 

 

 

“จะว่าไปทำไมคุณถึงต้องมาอยู่กับผมละ...”

 

 

 

คำถามของวายุทำให้กวีถึงกับชะงักฝีเท้าไปชั่วขณะ ความจริงแล้วกวีก็ไม่ค่อยจะอยากบอกความจริงซักเท่าไหร่ แต่จะให้โกหกคนที่มีพระคุณก็คงใช่เรื่อง...

 

 

 

“คือ....ความจริงผมก็มีรูมเมทอยู่นะครับ แต่...พอเปิดเทอมปรากฏว่ามันดันไปเรียนที่อื่นครับ เพราะงั้นผมก็เลยต้องอยู่ที่ห้องคนเดียว คือผม...กลัวผีครับ!”

 

 

 

กวีพูดออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงด้วยความเขินอายจนเขาต้องรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้วายุยืนงงกับเหตุเด็กๆของกวี ท่าทางของกวีเมื่อกี้นี้ทำให้วายุแทบไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกับที่ปะทะกับเขาเมื่อตอนเย็น วายุลองคิดทบทวนที่กวินพูดกับเขาตอนโทรศัพท์ กวินเองก็ยังพูดเลยว่าไม่เชื่อที่กวีปีนเกลียวเขา ดูเหมือนว่างานนี้วายุอาจจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจรุ่นน้องคนนี้ซักหน่อยแล้ว เพราะบางทีมันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เขาเห็นก็เป็นได้ ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีในที่สุดกวีก็เดินออกมาจากห้องน้ำซักที วายุจึงเดินไปหยิบผ้าเช็คตัวแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำต่อ...

วายุค่อนข้างใช้อาบน้ำเร็วคือแค่ห้านาทีเท่านั้นไม่รู้ว่านั้นใช้วิธีวิ่งผ่านน้ำรึป่าว วายุเอาผ้าเช็คตัวพาดบ่าแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ สิ่งแรกที่เขาเจอก็คือกวีในชุดนอนขาสั้นโชว์ขาอ่อนสีขาวนวลให้ได้ชม เกล้าผมขึ้นด้วยที่หนีบผมพร้อมกับผมด้านหน้าที่ถูกกิ๊ฟติดเอาไว้สองสามตัวเพื่อไม่ให้ร่วงลงมาบดบังใบหน้าให้เกิดความรู้สึกรำคาญ กวียืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับจ้องไปที่เตียงนอน กวีรู้สึกถึงใครบางคนที่ออกมาจากห้องน้ำเขาจึงหันไปมองแต่ไม่ถึงสองวินาทีกวีก็ต้องรีบหันหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้

 

 

 

“เออ...พี่วายุครับ คือ คือ...ผมว่ามันออกจะโล่งโจ้งไปหน่อยนะครับ...”

 

 

 

กวีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่วายุ ในตอนแรกวายุก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่กวีพูด แต่เมื่อเขามองต่ำลงไปที่ตัวเองวายุเองก็หน้าขึ้นสีเช่นเดียวกัน เป็นเพราะอยู่คนเดียวมาตลอดทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจใคร วันนี้เองก็เช่นกันวายุเอาผ้าเช็ดตัวพาดบ่าแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ...โดยที่ยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเดียว! เขาลืมไปว่าตอนนี้มีอีกหนึ่งชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมห้องกับเขาแล้ว วายุรีบใช้มือปกปิดส่วนล่างอย่างอัตโนมัติด้วยความอาย ส่วนกวียืนตัวสั่นหลับตาปี้เม้นปากแน่นและใบหน้าแดงก่ำเป็นลูกมะเขือเทศ

 

 

 

“ว้าก!! ผะ ผมขอโทษ! คุณช่วยหันไปทางนั้นก่อนนะ ขอเวลาผมแต่งตัวแปปนหนึ่ง!”

 

 

 

วายุกล่าวขอโทษแล้วรีบวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าแล้วกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งจากนั้นวายุก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งพร้อมกับเสื้อผ้าครบชิ้นเขารู้สึกว่าการอาบน้ำครั้งนี้รู้สึกเหมือนเขาจะได้เหงื่อมากกว่าเดิมซะอีก วายุเดินโวซัดโซเซออกมาจากห้องน้ำแล้วจึงเดินกลับไปหากวีอีกครั้ง แต่คราวนี้ทันที่ทั้งสองคนหันมาดวงก็ดันไปสบกันโดยบังเอิญ และทั้งสองคนเลยหันหนีไปอีกทางอย่างอัตโนมัติพร้อมกับความเขินที่ยังคงตกค้างอยู่ที่ใบหน้า

 

 

 

“เออ...คือเตียงพี่มันเป็นเตียงเดี่ยว แล้วจะให้ผมนอนตรงไหนครับ หรือจะให้ผมนอนที่พื้นก็ได้นะครับผมไม่เป็นไร”

 

 

 

วายุฟังที่กวีพูดแล้วจึงมองไปที่เตียงนอนของตัวเอง จริงอยู่ที่มันเป็นเตียงเดี่ยวแต่ขนาดของมันก็ใหญ่พอที่คนสองคนจะแบ่งพื้นที่นอนกันได้อย่างสบายๆ แถมวายุก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรที่ต้องนอนด้วยกันเพราะยังไงซะก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน... ผู้ชายหน้าหงานบวกกับตัวเล็กเหมือนกับผู้หญิง แถมยังเห็นน้องชายเขาแล้วอีกด้วย วายุควรจะลองคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนรึป่าวเนี่ย

 

 

 

“มะ ไม่เห็นเป็นไรนินอนด้วยกันบนเตียงก็ได้ ผมกับคุณมันก็ผู้ชายเหมือนกันไม่เป็นไรหรอกน่า ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

 

 

ถึงแม้ว่ากวีจะยังรู้สึกกังวลใจแปลกๆแต่ก็พยักหน้ารับพร้อมกับขอตัวนอนก่อนเพราะว่าพรุ่งนี้ตัวเขามีเรียนตั้งแต่เช้า วายุเองก็รู้สึกเหนื่อยเช่นกันดังนั้นเขาจึงเดินไปจัดกระเป๋าเรียนแล้วก็เดินไปปิดไฟ  จากนั้นก็เดินมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง เนื่องจากเตียงนี้มีผ้านวมผืนใหญ่เพียงฝืนเดียวทำให้ทั้งสองคนต้องเขยิบเข้ามาใกล้กันมากว่าที่คิด

อาจจะเป็นเพราะว่าเหตุการณ์โชว์ของเมื่อกี้ของวายุรึป่าวก็ไม่รู้ ทำให้เขาไม่กล้าหันไปมองกวีเลยได้แต่เพียงของนอนตะแคงไปอีกข้างแล้วข่มตาให้หลับเท่านั้น แต่วายุไม่รู้หรอกว่า...คนที่นอนอยู่ข้างๆเขานั้นก็ไม่ได้มีสภาพแตกต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่...

 

 

ณ ปัจจุบัน...

 

 

ณ ตอนนี้หัวใจของวายุก็ยังคงเต้นแรง บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าถึงแม้วายุรอดจากแสงแดดทำลายล้างมาแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถป้องกันเสียงรบกวนมฤตยูนี้ได้ ทันทีที่กวีตื่นนอนเขาก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เสียงน้ำที่ไหลจากฝักบัวกระทบกับพื้นดังจ๊อกๆนั่นทำให้วายุต้องพลิกตัวไปมาหลายตลบ หลังจากที่กวีอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ นั้นเสียงต่อไปก็ดังมาจากครัวเสียงดังก๊องแก๊งนั่นทำให้วายุต้องเอาหมอนมาอุดหูเอาไว้ หลังจากนั้นเสียงดังต่างๆก็เงียบไปได้สักพักก่อนที่จะตบท้ายด้วยเสียงของกวี

 

 

 

“พี่วายุครับผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ ส่วนอาหารเช้าผมทำเผื่อให้แล้วถ้ามันเย็นก็เอาไปอุ่นในไมโครเวฟนะครับ!”

 

 

ปัง!!

 

 

ทันทีที่เสียงประตูถูกปิดลงความสงบสุขก็กลับคืนมาสู่วายุอีกครั้ง ถ้าเกิดจะให้เปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอะไรสักอย่าง วายุคิดว่านี่มันคงเหมือนกันพายุทอร์นาโดที่มีพลังทำลายล้างสูงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วก็วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงความพังพินาศที่ไม่อาจประเมินค่าได้

ในขณะที่วายุคิดจะหลับต่อนั้นอยู่ดีดีกลิ่นหอมของอาหารที่กวีทำเอาไว้มันก็ลอยมาเตะจมูกของเขา กลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลนั้นได้ทำให้น้ำย่อยนกระเพราะของเขาเริ่มทำงาน โครก...คราก...เสียงท้องของวายุดังสนั่นแถมยังต่อเนื่องแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนท้ายที่สุด...วายุก็ต้องดีดตัวจากที่นอนแล้วเดินไปกินข้าวเช้าที่กวีเตรียมไว้ให้จนได้

 

 

 

“โธ่เว้ย! แล้วแบบนี้ใครมันจะไปนอนหลับลงฟ่ะ!!”

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา