ยัยตัวร้ายกับนายไร้ส้ม
10.0
เขียนโดย มินธชา
วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.07 น.
14 ตอน1
2 วิจารณ์
15.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2559 19.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ตอนที่ 9
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เช้าของวันต่อมา ทรงธรรมได้โทรเข้ามาเบอร์บ้านแพมนภัสรับสายเพราะคนในบ้านไม่มีใครอยู่
"คุณอยากจะได้ที่ของปู่ฉันขนาดนั้นเลยเหรอ"แพมนภัสเริ่มตั้งคำถาม
"ใช่ซิครับแต่ปู่ของคุณเนี่ยไม่ยอมใจอ่อนขายสักที".
"ให้ฉันช่วนเอาไหมหละ "แพมนภัสยื่นข้อเสนอ"ฉันเองก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่หรอก ถ้าขายที่นี่ไปซะฉันจะได้กลับบ้านสักที"
ทรงธรรมได้ยินสิ่งที่แพมนภัสเล่าให้ฟังถึงกับยิ้มกริ่มๆจึงนัดให้แพมนภัสมาเจอที่บ้านเพื่อคิดแผนการเพราะคนอย่างทัศนัยถึงคุยดีๆเขาก็คงไม่ยอมขายแน่เพราะแพมนภัสก็เคยถามไปแล้วแต่ไม่มีเสียตอบจากชายแก่เลย
ทรงธรรมคิดแผนให้แพมนภัสไปลอบวางเพลิงไร่ของตนเอง พูดจาโน้มน้าวทุกอย่างจนแพมนภัสต้องเครียด แพมนภัสลังเลอยู่นานจึงตอบตกลง
"งั้นคืนพรุ่งนี้เราเริ่มกันเลย คุณอยากได้ลูกน้องสักคนสองคนไหม"ทรงธรรมถามขึ้น
"ไม่หละ ฉันอยากทำเองมากกว่า"แพมนภัสตอบ
"งั้นก็ตามใจครับ"ทรงธรรมยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
"หมดธุระแล้ว ฉันกลับหละนะ"หญิงสาวลุกขึ้นทรงธรรมลุกตาม"ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ"ทรงธรรมพูดพร้อมกับยกมือขวาขึ้นเพื่อแสดงความยินดี
"ไม่จำเป็น"แพมนภัสปฎิเสธ"ที่ฉันทำไปก็เพราะว่าฉันอยากกลับบ้านไม่ได้อยากจะช่วยคุณนักหรอกนะ"
แพมนภัสพูดจบก็เดินออกไป ทรงธรรมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"คืนพรุ่งนี้แกสะกดรอยตามนางนั่นไป ถ้านางนั่นมันตุกติกแกก็ลงมือตามแผนของเราได้เลย"ทรงธรรมหันมาสั่งลูกน้องคนสนิท
"ครับเสี่ย"ลูกน้องคนสนิทรับคำสั่ง
"ฉันจะไม่ยอมให้แผนของฉันพังเด็ดขาด ยังไงฉันก็ต้องได้ไร่นั้น"
ทรงธรรมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกล้าว ดวงตาประดุจเสือรอตระครุบเหยื่อ
แพมนภัสนั่งครุ่นคิดอยู่ที่ศาลาริมน้ำ กำลังลังเลเล็กน้อย
"ลูกพี่เป็นไรจ๊ะ"จ้อนซึ่งเดินเข้ามาหาถามขึ้น
"เปล่าฉันก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย"
"แล้วลูกพี่ไม่เข้าไร่เหรอจ๊ะ"
"ไม่ฉันยังไม่มีอารมณ์"แพมนภัสตอบอย่างหงุดหงิด แพมนภัสไม่กล้าแม้แต่จะเล่าเรื่องนั้นให้ลูกน้องคนสนิทอย่างจ้อนฟังได้แต่อึดอัดอยู่คนเดียว
"กับข้าวไม่อร่อยเหรอ นั่งเขี่ยไปเขี่ยมา"ทัศนัยถามขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารเย็น
"เปล่าหรอกปู่พอดีว่าแพมไม่ค่อยหิว"แพมนภัสบอกน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย
"สงสัยอาหารจะไม่ถูกปากหละสิ ก็อย่างว่าแหละนะมีแต่ของกินบ้านๆไม่ได้หลูหลาอย่างกรุงเทพนี่"รัสตะวันพูดขึ้นลอยๆ
"นี่ไม่หาเรื่องสักวันมันจะตายไหม"แพมนภัสวางช้อนกับซ้อมแรงแรงในจาน"คนยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่นะ"แพมนภัสโมโหก่อนจะลุกขึ้นและเดินหนีไป
คืนนั้นแพมนภัสได้เข้าไปคุยกับปู่เพราะเห็นปู่ยังไม่นอน ทั้งสองนั่ง
คุยกันอยู่ในห้องหนังสือ
"ทำไมปู่ถึงไม่ยอมขายไร่ให้นายทรงธรรมหละ"แพมนภัสเริ่มถาม
"ขายทำไมปู่ไม่มีความจำเป็นจะต้องขาย" ทัศนัยถาม
"แล้วปู่ไม่อยากย้ายไปอยู่กรุงเทพบ้างเหรอ "
"ไม่หละ ปู่ไม่ชอบชีวิตวุ่นวายในเมืองกรุง ปู่ชอบที่นี่มากกว่า ไม่วุ่นวายอยู่แบบพอเพียงไม่ฟุ่มเฟือย แถมยังได้ช่วยคนยากไร้ไม่มีงานมีงานทำ หาเลี้ยงครอบครัว หลานรู้ไหมว่าต้นส้มพวกนี้เนี่ยนะที่ทำให้ครอบครัวของเรามีกินมีใช้ ห้างที่พ่อของหลานเปิดอยู่มันก็เงินจากส้มพวกนี้หละรู้ไหมชนั้นมันมีบุญคุณกับเรามากเลยนะ และย่าของหลานเองก็รักมันมาก"ทัศนัยพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยแพมนภัสได้แต่เงียบฟัง
"คุณอยากจะได้ที่ของปู่ฉันขนาดนั้นเลยเหรอ"แพมนภัสเริ่มตั้งคำถาม
"ใช่ซิครับแต่ปู่ของคุณเนี่ยไม่ยอมใจอ่อนขายสักที".
"ให้ฉันช่วนเอาไหมหละ "แพมนภัสยื่นข้อเสนอ"ฉันเองก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่หรอก ถ้าขายที่นี่ไปซะฉันจะได้กลับบ้านสักที"
ทรงธรรมได้ยินสิ่งที่แพมนภัสเล่าให้ฟังถึงกับยิ้มกริ่มๆจึงนัดให้แพมนภัสมาเจอที่บ้านเพื่อคิดแผนการเพราะคนอย่างทัศนัยถึงคุยดีๆเขาก็คงไม่ยอมขายแน่เพราะแพมนภัสก็เคยถามไปแล้วแต่ไม่มีเสียตอบจากชายแก่เลย
ทรงธรรมคิดแผนให้แพมนภัสไปลอบวางเพลิงไร่ของตนเอง พูดจาโน้มน้าวทุกอย่างจนแพมนภัสต้องเครียด แพมนภัสลังเลอยู่นานจึงตอบตกลง
"งั้นคืนพรุ่งนี้เราเริ่มกันเลย คุณอยากได้ลูกน้องสักคนสองคนไหม"ทรงธรรมถามขึ้น
"ไม่หละ ฉันอยากทำเองมากกว่า"แพมนภัสตอบ
"งั้นก็ตามใจครับ"ทรงธรรมยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
"หมดธุระแล้ว ฉันกลับหละนะ"หญิงสาวลุกขึ้นทรงธรรมลุกตาม"ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ"ทรงธรรมพูดพร้อมกับยกมือขวาขึ้นเพื่อแสดงความยินดี
"ไม่จำเป็น"แพมนภัสปฎิเสธ"ที่ฉันทำไปก็เพราะว่าฉันอยากกลับบ้านไม่ได้อยากจะช่วยคุณนักหรอกนะ"
แพมนภัสพูดจบก็เดินออกไป ทรงธรรมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"คืนพรุ่งนี้แกสะกดรอยตามนางนั่นไป ถ้านางนั่นมันตุกติกแกก็ลงมือตามแผนของเราได้เลย"ทรงธรรมหันมาสั่งลูกน้องคนสนิท
"ครับเสี่ย"ลูกน้องคนสนิทรับคำสั่ง
"ฉันจะไม่ยอมให้แผนของฉันพังเด็ดขาด ยังไงฉันก็ต้องได้ไร่นั้น"
ทรงธรรมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกล้าว ดวงตาประดุจเสือรอตระครุบเหยื่อ
แพมนภัสนั่งครุ่นคิดอยู่ที่ศาลาริมน้ำ กำลังลังเลเล็กน้อย
"ลูกพี่เป็นไรจ๊ะ"จ้อนซึ่งเดินเข้ามาหาถามขึ้น
"เปล่าฉันก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย"
"แล้วลูกพี่ไม่เข้าไร่เหรอจ๊ะ"
"ไม่ฉันยังไม่มีอารมณ์"แพมนภัสตอบอย่างหงุดหงิด แพมนภัสไม่กล้าแม้แต่จะเล่าเรื่องนั้นให้ลูกน้องคนสนิทอย่างจ้อนฟังได้แต่อึดอัดอยู่คนเดียว
"กับข้าวไม่อร่อยเหรอ นั่งเขี่ยไปเขี่ยมา"ทัศนัยถามขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารเย็น
"เปล่าหรอกปู่พอดีว่าแพมไม่ค่อยหิว"แพมนภัสบอกน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย
"สงสัยอาหารจะไม่ถูกปากหละสิ ก็อย่างว่าแหละนะมีแต่ของกินบ้านๆไม่ได้หลูหลาอย่างกรุงเทพนี่"รัสตะวันพูดขึ้นลอยๆ
"นี่ไม่หาเรื่องสักวันมันจะตายไหม"แพมนภัสวางช้อนกับซ้อมแรงแรงในจาน"คนยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่นะ"แพมนภัสโมโหก่อนจะลุกขึ้นและเดินหนีไป
คืนนั้นแพมนภัสได้เข้าไปคุยกับปู่เพราะเห็นปู่ยังไม่นอน ทั้งสองนั่ง
คุยกันอยู่ในห้องหนังสือ
"ทำไมปู่ถึงไม่ยอมขายไร่ให้นายทรงธรรมหละ"แพมนภัสเริ่มถาม
"ขายทำไมปู่ไม่มีความจำเป็นจะต้องขาย" ทัศนัยถาม
"แล้วปู่ไม่อยากย้ายไปอยู่กรุงเทพบ้างเหรอ "
"ไม่หละ ปู่ไม่ชอบชีวิตวุ่นวายในเมืองกรุง ปู่ชอบที่นี่มากกว่า ไม่วุ่นวายอยู่แบบพอเพียงไม่ฟุ่มเฟือย แถมยังได้ช่วยคนยากไร้ไม่มีงานมีงานทำ หาเลี้ยงครอบครัว หลานรู้ไหมว่าต้นส้มพวกนี้เนี่ยนะที่ทำให้ครอบครัวของเรามีกินมีใช้ ห้างที่พ่อของหลานเปิดอยู่มันก็เงินจากส้มพวกนี้หละรู้ไหมชนั้นมันมีบุญคุณกับเรามากเลยนะ และย่าของหลานเองก็รักมันมาก"ทัศนัยพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยแพมนภัสได้แต่เงียบฟัง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ