Teacher คุณครูของผม [Yaoi]
เขียนโดย ฟ่าน
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.11 น.
แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558 12.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) When I found you 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ01
When I found you
I believeWe all have one true loveSomewhere in this worldI do
ฉันเชื่อว่าทุกคนต่างมีรักแท้อยู่ ณ ที่ใดสักแห่งบนโลกนี้
When it seemedAll my dreamsWere falling through
ทุกความฝันของฉันเหมือนจะเป็นจริง
That's when I found you
ในยามที่ฉันเจอเธอ
(When I found you - Britney Spears)
หลังจากวันที่ไปรับพี่เหนือที่สนามบินจนถึงวันนี้ก็ผ่านไปสองอาทิตย์แล้ว พี่เหนือไม่ได้มาคนเดียว เขาพาลูกชายบุญธรรมของเขาที่ชื่อ 'ต้นหนาว' มาด้วย ต้นหนาวดูเหมือนจะเป็นเด็กที่ชอบเก็บตัว พูดน้อยแต่ชอบยิ้ม แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะความหวังที่เขาคิดว่าจะได้รีเทิร์นกับพี่เหนือโอกาสมีเพียงแค่ศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เหตุผลก็คือพี่เหนือมองเขาเป็นเพียงน้องชายที่น่ารักคนหนึ่งเท่านั้น
เจ็บน้อยซะที่ไหน..
อีกเรื่องที่สามารถทำให้เปรมคนนี้ปวดหัวจนประสาทจะกินก็คือเรื่องงานสอนพิเศษให้ลูกชายท่านประธานนั่นแหละ หลังจากที่ตบปากรับคำกับท่านไว้ดิบดีจนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของลูกชายท่านจนต้องมานั่งแกร่วอยู่ในห้องคนเดียวอย่างนี้ไง ไอปัตต์ก็ไม่อยู่ เสล่อมีเรียนพิเศษอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้
หลายคนคงสงสัย(ใคร?) ว่าเขารู้จักกับท่านประธานได้ยังไง เรื่องมันมีอยู่ว่าวันนึงเขาสมัครสอบชิงทุนของทางมหาลัยไปแต่สอบไม่ติด ขาดอีกเพียงแค่หนึ่งคะแนนเขาก็จะสามารถเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ได้ทุนดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดในประเทศได้ แต่สุดท้ายก็ชวดไปอย่างน่าเสียดาย สองวันผ่านไปเขาไปเดินห้างแล้วเจอกับท่านประธานเข้า เขาเพียงแค่เป็นพวกที่ชอบใส่หูฟังแล้วเดินก้มหน้าแล้วบังเอิ๊ญญญญญ บังเอิญว่าดันเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยชนเข้ากับท่านประธานจนตัวเองล้มลงไปนอนแผ่อยู่บนพื้น (เว่อร์ไป) ลูกน้องท่านก็เดินเข้ามาช่วยพยุงแล้วขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ทั้งที่จริงๆแล้วตัวเปรมผู้นี้เองต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดเต็มประตู ท่านประธานบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการขอโทษทั้งที่จริงๆแล้วมันแทบจะไม่จำเป็นอะไรเลย เขาปฏิเสธจนจะเป็นบ้าตายแต่จนแล้วจนรอดท่านประธานก็สามารถลากเขาให้เข้าไปในร้านอาหารที่แพงสุดกู่ได้สำเร็จ แถมยังให้มานั่งอยู่ในโซนวีไอพีที่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้นั่งเป็นบุญตูด ท่านชวนคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยแล้วมาหยุดอยู่ที่เรื่องมหาลัย เรื่องครอบครัว ฐานะทางบ้าน ท่านออกปากว่าอยากจะให้ทุนเขาส่งเสียจนเรียนจบมหาลัยและช่วยหางานทำให้ เปรมนี่ถึงกับนั่งกระพริบตาปริบๆส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวัน และขอตัวกลับบ้านก่อนถึงแม้จะเสียมารยาทแต่เขาไม่อยากจะติดหนี้บุญคุณท่านไปมากกว่านี้
สี่วันหลังจากที่ได้เจอกับท่านประธานจู่ๆแม่ก็มาบอกว่ามีจดหมายส่งมาถึงเขา พอเปิดออกเท่านั้นแหละแทบจะลมจับ มันคือข้อมูลของการเป็นนักเรียนทุนในปกครองของท่าน 'ณรงค์รักษ์ วรโชติโภคิน' บุคคลที่ทั่วทั้งประเทศต้องรู้จักเพราะท่านเป็นนักธุรกิจแนวหน้าที่ไม่เปิดเผยตัวมีทั้งเหมืองแร่ กิจการเพชร ธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าและอีกมากมายนับไม่ถ้วน แถมในนั้นยังมีที่อยู่ของท่าน บอกว่าให้เข้าไปพบอีกต่างหาก
ใช้เวลาตัดสินใจอยู่หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ถึงจะทำใจให้เข้าไปพบท่านได้ เพราะตอนอยู่ในห้างไม่ได้ถามชื่อท่านเลยด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าการแต่งตัวด้วยชุดสูทที่ดูภูมิฐาน กับบอดี้การ์ดชุดดำสองคนที่คอยติดตามนั่นน่าจะเป็นผู้มีอิทธิพล แต่ไม่คิดว่าจะเป็นท่าน และวันที่เขาเข้าไปพบกับท่านประธานก็เป็นวันแรกที่เขาไดพบกับผู้ชายที่ชื่อเหนือ เราสองคนสนิทกันมากจนมันเริ่มแปรผันเป็นความรัก เราตกลงคบกัน แต่สุดท้ายรักของเราก็สะบั้นขาดลงเพราะว่าพี่เหนือมีคนอื่น ความรักระหว่างเราจึงจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่.. แต่ก็นั่นแหละ มันผ่านมาสี่ปีแล้ว ถึงจะบอกกับตัวเองว่าความรักของเราไม่สามารถไปต่อได้ให้ทำใจซะ แต่สุดท้ายก็คิดรักใครใหม่ไม่ได้อีกเลย
Rrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่องทำให้คนตัวเล็กเลิกเหม่อแล้วหันมาสนใจเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมสีขาวที่เพิ่งถอยมาใหม่ด้วยเงินเก็บของตัวเองตลอดเจ็ดเดือน หยิบมันขึ้นมากดรับอย่างไม่ใส่ใจที่จะดูชื่อของบุคคลที่โทรมาเลยแม้แต่น้อย กรอกเสียงที่ติดจะงัวเงียลงไปให้ปลายสายรับรู้ว่าโทรมารบกวนเวลาของเขา
"ฮาโหล.."
[เปรมรึเปล่า วันนี้เขามาพบฉันที่บ้านหน่อยสิ เจ้าลูกชายที่จะให้ช่วยสอนพิเศษมันพึ่งกลับจากแอลเอ ขอโทษที่ให้เธอรอนานนะ]
"ท่านประธานเหรอครับ?"
[ก็ฉันหนะสิ กดรับนี่ไม่ได้ดูเลยใช่ไหม?]
"แหะๆ ขอโทษครับ"
[เอาเถอะๆ ยังไงก็เข้ามาพบฉันที่บ้านหน่อยแล้วกัน]
"ครับ"
สายจากท่านประธานถูกวางไปแล้ว ร่างเล็กเด้งตัวขึ้นจากเตียง หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าไปในห้องน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อเข้าไปพบท่านประธานและลูกชายของท่าน.. จะได้เจอกันแล้วสินะ นักเรียนของครูพี่เปรม คริคริ ให้น้องเขาเรียกแบบนี้คงจะน่ารักไม่หยอก ลูกชายของท่านคงจะเป็นเด็กผู้ชายตัวน้อยๆจ้ำม่ำแก้มยุ้ยเหมาะแก่การฟัดแน่ๆ ให้ตาย! เปรมรอไม่ไหวแล้วววว
ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำแต่งตัว หยิบแว่นกรอบกลมแบบแฟนชั่นที่รัวรุ่นทั่วไปชอบใส่มาสวม วิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง จัดการปิดประตูรั้วและใส่กุญแจเรียบร้อยก่อนจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์ ไม่นานรถเมล์สายที่จะขึ้นก็มาจอดเทียบฟุตบาต พอได้ที่นั่งก็เสียบหูฟังเปิดเพลงในโทรศัพท์อย่างที่ทำเป็นประจำ นั่งมาจนถึงป้ายที่ใกล้ทางเข้าปากซอยบ้านท่านที่ทั้งซอยมีเพียงสองหลัง -0- เดินต่อเข้าไปในซอยประมาณ 200 เมตรก็ถึงรั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนื้อที่ 13 ไร่ กดออดสามทีพอเป็นพิธีรอเพียงไม่นานลุงผลคนเดิมก็มาเปิดประตูให้ พร้อมทั้งพาไปหาท่านที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วในห้องโถง แต่ทันทีที่สองขาสั้นๆพาให้เดินไปถึงห้องโถงก็พบเพียงท่านณรงค์รักษ์ที่นั่งอยู่ยนโซฟาหนังสีดำตัวยาวเพียงผู้เดียว ไหนหละเด็กชายของพี่เปรมมม
"สวัสดีครับท่าน" ก่อนอื่นต้องทำความเคารพก่อน
"อืม ตาหนูอยู่บนห้อง ขึ้นไปสิ ชั้นสอง ฝั่งริมซ้ายสุด ประตูสีเงินนั่นแหละ"
"ครับ" ตบปากรับคำแล้วเดินขึ้นชั้นสองไปอย่างอารมณ์ดี น้องเติมของครูพี่เปรม โอ้ย อยากหยิกแก้มมมมมมมม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"น้องเติมครับ น้องเติม" เคาะประตูเรียกขวัญกำลังใจพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าของห้องแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับ.. ตัดสินใจหมุนลูกบิดดู เอ๊ะ มันไม่ได้ล็อคเหวยยย เปิดเข้าไปในห้องก็เจอกับทีวีติดผนังเครื่องยักษ์ที่ติดอยู่ตรงผนังด้านซ้าย พร้อมกับโซฟาสีขาวเรียบหรู มองไปทางผนังด้านซ้ายเจอกับกีต้าร์โปร่งสีขาวหนึ่งตัว กีต้าร์ไฟฟ้าสีแดงหนึ่งตัว สีเทาหนึ่งตัว อืม.. เด็กๆเขาเล่นอะไรพวกนี้เป็นด้วยหรอ ดีแฮะ เดินเข้าไปอีกหน่อยก็เจอเข้ากับเตียงขนาดคิงไซส์ที่ผ้าปู หมอนหนุน หมอนข้างเป็นสีเทาควันบุหรี่ทั้งหมด บนหัวเตียงมีตุ๊กตามิ้กกี้เมาส์เรียงกันอยู่เกือบๆสามสิบตัว หือ ดูท่าน้องเติมของพี่เปรมจะชอบน่าดู คิคิ น่ารักจางงงงงง แต่ทว่า.. พอเหลือบไปมองที่โต๊ะข้างเตียงเท่านั้นแหละ 'Durex' ตัวเป้งๆ กล่องสีดำวางอยู่ ชิบหาย ของอันตรายแบบนี้เด็กๆก็เล่นกันหรอ ใช่หรอออออ
"เห้ย!!!!!!!" เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับมีร่างของเด็กผู้ชาย ไม่สิๆ ไม่ใช่เด็กน้อยแบบที่จินตนาการไว้ก่อนหน้านี้เลยสักนิด พี่เปรมเหวอสิครับงานนี้
"เอ่อ.. สงสัยจะเข้ามาผิดห้อง ขะ ขอตัว.." หันหลังวิ่งสิครับ จะยืนอยู่หาป้าแกเร๊อะ!
"เดี๋ยว! พี่เปรมใช่หรือเปล่า?" มนุษย์ยักษ์ที่สูงกว่าตัวเองถึงยี่สิบเซนติเมตรจากการคาดคะเน คว้าข้อมือของคนตัวเล็กไว้ พอหันกลับไปสายตาเจ้ากรรมดันหลุบต่ำไปมองปมผ้าเช็ดตัวผืนขาวที่พันอยู่รอบเอวหนาของคนตัวสูง จนใบหน้าหวานเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของเด็กยักษ์นี่ คิ้วเข้มที่ขมวดเป็นปม บวกกับดวงตารีเรียวดุจเหยี่ยว จมูกเป็นสัน และริมฝีปากสีสดลอยอยู่เหนือศีรษะเขาตอนนี้ คนตรงหน้าเขาหล่อจริงๆ แถมหน้าตายังดูเจ้าชู้แบบหาตัวจับยากอีกต่างหาก ดวงตาสวยที่เปล่งประกายดุจตากวางกระพริบปริบๆเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอจ้องใบหน้าหล่อเหลานี่นานเกินไป
"อะ อืม นายคือเติม.. หรอ?" ภาวนาขอให้คนคนนี้ไม่ใช่น้องเติมของพี่เปรมทีเถอะ ขอให้คนคนนี้เป็นคนสวน เป็นพนักงานเซเว่น(?) หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้องเติม แต่แล้ว..
"ครับ ผมเติม เทพทัต วรโชติโภคิน"
ชิบ .. หาย ..
50%
"เอ่อ.. สะ ใส่ ใส่เสื้อผ้าก่อนมั้ย ปม.. ผ้า.. เอ่อ.. มัน เอ่อ...." เอ่ออะไรวะ จะพูดมันก็กระดากปากอยู่หรอก
"อ้อ ขอโทษที่เสียมารยาทครับ คุณครูคนสวย" สวยโพ่งงงงงงง
ร่างสูงโปรงขยับตัวเดินเยื้องย่างไปทางตูเสื้อผ้า ปลดปมผ้าเช็ดตัวออกต่อหน้าต่อตาจนเปรมหันหน้าหนีแทบไม่ทัน ได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ ไอเด็กบ้านี่ทำตัวทุเรศทุรังไม่อายฟ้าอายดินจริงๆ อยากจะเอาหัวมุดดินหายไปเป็นตัวตุ่นซะให้มันรู้แล้วรู้รอด
"เสร็จแล้วครับ" สุรเสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ข้างใบหูพร้อมกับลมหายใจร้อนๆที่รดอยู่แถวต้นคอ เล่นเอาขนอ่อนในกายลุกชัน รุกแรงไปป่าววะ โอ้ยย อยากจะบ้า!
"อั่ก!" พอหันไป ใบหน้าหวานก็กระทบเข้ากับแผ่นอกหนาจนดั้งจมูกแทบยุบ จนต้องยกมือขึ้นมาลูบป้อยๆ เวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย ถึงอยากจะฟาดหมัดใส่หน้ามันสักตุ้บสองตุ้บแต่ท่องไว้ เพื่อเงิน.. เพื่อเงิน..
"ลงไปข้างล่างกันเถอะครับ" ร่างสูงยิ้มแล้วเดินจูงมือคุณครูคนใหม่ออกไปนอกห้องหน้าตาเฉย เดินไปพบพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่ที่ห้องโถง ดันคนตัวเล็กกว่าให้นั่งแหมะอยู่ที่โซฟาเดี่ยวส่วนตัวเองนั่งอยู่บนที่พักแขนโซฟาตัวเดียวกันกับเขา อืม.. คือโซฟาตัวยาวที่ท่านประธานนั่งมันก็ยังมีที่ว่างป่าววะ
"ป๋า หนูมาแล้วเนี่ย อย่าสนใจอย่างอื่นมากกว่าหนูสิ" หนู? ไหนหนูวะ แม่งเห็นแต่ยักษ์ ถึงอยากจะพูดมากแค่ไหน แต่หากโพล่งออกไปตอนนี้คงจะไม่ดีแน่
"อือ รู้แล้วๆ ไอ่ลูกคนนี้หนิ หนีป๋าไปเที่ยวเป็นเดือนๆแล้วยังมาว่าป๋าสนใจอย่างอื่นมากกว่าอีกนะ" คนเป็นพ่อพับหนังสือพิมพ์วางไว้ข้างตัวลวกๆแล้วยกกาแฟดำขึ้นมาจิบพอเป็นพิธี "ได้ทำความรู้จักกันบ้างแล้วสินะ"
"ครับท่าน"
"น้ำค่ะคุณเปรม" น้องจิ๊บหลานสาวของลุงพลเดินเอาแก้วใสทรงสูงที่ใส่น้ำส้มมาวางไว้ตรงหน้า เปรมเอ่ยขอบคุณแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ยกขึ้นมาดื่มให้ชุ่มคอเสียหน่อย
"อืม รักๆกันไว้แหละดีแล้ว อีกหน่อยก็จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน"
"พรวดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! แค่กๆๆๆๆ" น้ำส้มที่เกือบจะกลืนลงคอถูกพ่นออกมาเป็นฝอยและตกลงลู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก ดวงตากลมกระพริบปริบๆมองหน้าผู้มีพระคุณอย่างต้องการหาคำตอบของวลี 'ทองแผ่นเดียวกัน' ที่ท่านว่า คนนั่งข้างๆกุลีกุจอหาทิชชู่มาซับให้แทบไม่ทัน แต่กระนั้นปากอิ่มที่อ้ากว้างก็หาได้หุบลง
"ใจเย็นๆสิครับคุณครู ไม่เห็นต้องรีบดื่มขนาดนั้น" ลูกศิษย์ที่ง่วนอยู่กับปากของคุณครูก็ไม่ได้สนใจโลกภายนอกอะไรกับเขาเลย ท่านประธานลุกขึ้นยืนพร้อมกับโปรยยิ้มส่งมาให้แล้วเดินจากไป ทิ้งให้เขานั่งอยู่กับไอเอ๋อนี่ในโถงกว้างสองคน
"อื้อออ พอแล้วๆๆ จะเช็ดอะไรมากมายเล่า!" มือเรียวปัดมือหนาที่วนๆอยู่ตรงปากตัวเองทิ้งอย่างหงุดหงิด "เริ่มเรียนพรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้ฉันจะ..."
"ไปกินข้าวกัน นี่ก็เที่ยงแล้วนี่ครับ" คนตัวโตไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด ฉุดกระชากลากถูให้ออกมาที่โรงรถได้สำเร็จ ยัดเขาให้เข้ามานั่งใน BMW คันงามคาดเบลท์ให้เรียบร้อย จากนั้นตัวเองก็หน้าสลอนเป็นสารถีอยู่ข้างๆ ก่อนจะบึ่งรถตรงไปยังห้างที่ใกล้เคียงบริเวณนี้มากที่สุด
กว่าจะฝ่ารถติดของเมืองกรุงมายังห้างได้ก็กินเวลาไปเกือบยี่สิบนาที ทั้งที่ห้างก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมตีน ไม่รู้ว่าคนต่างจังหวัดนี่เขาคิดยังไงถึงได้เข้ามาหางานทำที่กรุงเทพ ทั้งๆที่รู้ว่าการแข่งขันมันสูง เขาที่เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิดยังโหยหาชีวิตแบบชนบทมาตั้งแต่เด็กเลย ก็คิดอยู่ว่าถ้าแต่งงานมีครอบครัวอยากจะไปซื้อที่แถวๆเชียงใหม่อยู่ ทำไร่สตรอเบอร์รี่ ไร่ชา สวนผลไม้อะไรทำนองนั้น แต่นั่นมันก็แค่ความฝัน เพราะทุกวันนี้เงินจะกินแบบที่ไม่ต้องแบมือขอพ่อแม่ยังแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
"เหม่ออะไรอยู่ครับครูเปรม ถึงแล้วครับผม" มือหนาเอื้อมมาปลดเบลท์ให้ พร้อมกับเลยไปเปิดประตูให้ด้วย เล่นเอาคนนั่งเหม่อสะดุ้งเพราะระยะห่างที่ดูจะน้อยนิดจนจมูกโด่งๆเฉียดไปมาอยู่แถวๆแก้มเขา ฮือออ จะไม่คิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะว่าโดนเด็กรุก แต่นี่มันชัดเกินไปแล้ว
"เปิดเองได้น่าไม่เห็นต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้เลยนี่" บ่นไปเถอะ งึมงำไปเถอะ ก็ไอเด็กยักษ์นั่นมันเปิดประตูฝั่งคนขับลงไปตั้งแต่เปิดประตูฝั่งเขาให้เสร็จแล้วไม่อยู่ได้ยินที่เขาพูดหรอก..
ซะที่ไหน!
"หวั่นไหวเหรอครับ?" ไหวแม่งงงงงง
คนอายุมากกว่าได้แต่ฮึดฮัดในลำคอถึงจะอยากตั้นหน้าหล่อๆของมันไปสักทีสองทีก็เถอะ เกิดร้องไห้ไปฟ้องพ่อแล้วคนซวยจะเป็นเขาซะเอง ขาเรียวก้าวตามคนตรงหน้าจนแข้งขาแทบจะพันกันไปหมด รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองสูงยังสะเอือกเดินเร็วอีกนะ ตามไม่ทันโว้ย
"อั่ก!" จมูกเขาชนเข้ากับแผ่นหลังของเด็กยักษ์นี่เต็มๆ จนต้องยกมือขั้นมากุมจมูกตัวเอง ครั้งที่สองแล้วนะ!!
อด.. ทน.. ไว้..
"พอดีนึกขึ้นได้ว่าคุณครูอาจจะเดินตามไม่ทันเลยหยุดรอหนะครับ" เออ!! ขอบใจมากนะเอ็ง
"อยากกินอะไรหละ?" เสียงหวานเอ่ยถามคนตรงหน้าที่ทำท่าครุ่นคิดเหมือนกับมันเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาก
"พิซซ่า"
สุดท้ายก็ต้องมานั่งสลอนอยู่ในร้านเดอะพิซซ่าคอมปะนีสีเขียวอี๋ในห้าง สั่งหน้าซุปเปอร์ซีฟู้ด หน้าเบคอนและไส้กรอกรมควัน หน้าไก่เนยกระเทียม และสปาเก็ตตี้ไข่กุ้งอีกสอง นี่กินหรือสูบถามจริงงงงง ถ้าไม่ติดว่าบ้านมันรวยก็จะด่ากราดอยู่หรอก
"เอาอะไรเพิ่มมั้ยครับ?" คนที่นั่งตรงข้ามเขาเอ่ยถาม ใจจริงอยากจะบอกว่า 'ที่สั่งมามึงแดกให้หมดก่อนมั้ย' แต่ก็ตอบได้เพียงแค่
"ไม่หละ" นั่นหละฮะท่านผู้ชม
ใช้เวลาสวาปามพิซซ่าและสปาเก็ตตี้เพียงแค่สิบห้านาทีเท่านั้น เนื่องจากมนุษย์เพศชายสองคนยังไม่ได้กินข้าวเช้าทั้งคู่เลยรวบยอดมาจัดการทีเดียวที่มื้อกลางวัน
"เอิ้กกกกกกก" แถมด้วยเสียงเรอจากมนุษย์ยักษ์ตรงหน้าเขาไปอีกหนึ่งดอก โว้ย! ทุเรศจริง
"นายจะไปไหนต่อหรือเปล่า?" ถามสักหน่อย เผื่อจะหลอกให้มันไปส่งที่บ้านได้
"ไปบ้านคุณครูครับ" นี่อ่านใจกูออกป้ะเนี่ย
"ไปทำไม?" วางฟอร์มสะหน่อย
"ไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ว่าที่เมีย"
"ไอ้.."
เอาหละ ทบทวนสถานการณ์กันหน่อย ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วได้รับสายจากท่านประธานให้เข้าไปหาที่บ้านเพื่อทำความรู้จักกับน้องเติมที่พึ่งกลับจากแอลเอ ซึ่งน้องเติมที่เขาคิดกับน้องเติมในความเป็นจริงมันต่างกันอยู่มากโข จากนั้นอีน้องเติมมันก็ลากเขามากินพิซซ่า ไม่ใช่ๆ ต้องเรียกสวาปามพิซซ่าถึงจะถูก นั่นแหละ แล้วมันก็หยอดเขาไปสะดอกเบ้อเร่อบอกว่าจะมาบ้านเขาเพราะมาทำความรู้จักกับพ่อแม่ว่าทีเมีย ซึ่งยอมรับว่าเขาเขิน.. แต่สุดท้ายทำไมมันถึงได้มาลงเอยที่นี่ได้ ที่บ้านเขา! แถม! ไม่มีใครอยู่เหมือนตอนเช้าเป๊ะๆ มือเรียวยกกระถางต้นไม้ขึ้นแล้วหยิบกุแจบ้านในนั้นออกมาไข เล่นเอาเติมถึงกับอ้าปากค้าง อึ้งในความล้ำของระบบรักษาความปลอดภัยของบ้านหลังนี้ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนเสียเลย
"เข้ามาสิ หรือน้องรอให้เอาพรมแดงมาปูให้?" เสียงหวานอดที่จะแขวะไม่ได้ ขายาวก้าวเดินตามคนตัวเล็กเข้าไปใน นั่งลงตรงโซฟาที่ตั้งอยู่กลางบ้าน ร่างเล็กหายเข้าไปในห้องครัวแล้วกลับออกมาพร้อมแก้วน้ำสองใบกับขวดน้ำเย็นหนึ่งขวด หมุนฝาเทใส่แก้วให้คนตัวโตกับตัวเองแล้วยกขึ้นดื่มแก้กระหาย "ไม่มีน้ำผลไม้สดหรือเครื่องดื่มราคาแพงๆเทือกนั้นหรอก นี่ไอปัตต์เป็นคนแช่เชียวนะ ของหายากแบบนี้รีบดื่มเข้าสิ" เสียงหวานหันมาแหวเขาจนต้องยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม
"คุณครูอายุเท่าไหร่เหรอครับ?"
ตาเรียวหรี่มองก่อนจะตอบออกไป "23 ถามทำไม? นายหละ"
"18"
"อืม.. นายก็เด็กกว่าฉัน.." มือเรียวยกนิ้วขึ้นมานับ "สิบเก้า.. ยี่สิบ.. ยิบเอ็ด.. ยิบสอง.. ยิบสาม ห้าปีสินะ ให้เรียกฉันว่าพี่เปรม อีกอย่างฉันไม่ได้เป็นคุณครูเสียหน่อย เรียกแบบนั้นมันจะดูแปลกๆหรือเปล่า แต่ช่างเถอะก็เรียกพี่เปรมนั่นแหละ"
เติมนั่งมองคนที่พูดเออ ออกับตัวเองอยู่คนเดียวแล้วอยากจะขำกร๊ากออกมา คนอะไรพูดกับตัวเองเป็นบ้าเป็นหลัง
"ยิ้มอะไรห้ะ! พ่อกับแม่ไม่อยู่ กลับบ้านไปเลยไป!"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพ่อแม่พี่อะ?"
"ก็นาย... นาย..." นายบอกว่าจะมาหาพ่อแม่ว่าที่เมียไงเล๊า! โอ้ยนี่มันหลอกให้เราตกหลุมพรางนี่หว่า ร้ายนักนะเอ็ง!
"แหม พี่อยากจะมาเป็นว่าที่เมียผมก็บอก"
"ไอ้!!!"
100%
สวัสดีนักอ่านเว็บขีดเขียนทุกท่านค่ะ
ชื่อ 'อู๋ จินฟ่าน' เรียกสั้นๆว่า 'ฟ่าน'
อายุอานามก็ 16 ปีบริบูรณ์ค่ะ
ยินดีที่ได้พบกันนะคะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ