Moon Angel อุ๊บส์ .. ลูกสาวพระจันทร์ตกสวรรค์

8.7

เขียนโดย rak2244

วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.47 น.

  6 ตอน
  26 วิจารณ์
  8,993 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558 13.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) พลังของวันพระจันทร์เต็มดวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
              ฉันลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าวด้วยความงุนงง ... งงทั้งเรื่องสร้อยที่อยู่บนคอฉัน (สร้อยที่มากับความฝัน มาได้ไงเนี่ย!??!!) งงทั้งเรื่องที่โต๊ะอาหารยังว่างเปล่า ยังไม่มีอาหารวางบนโต๊ะ แม่ก็ยังไม่ออกจากห้องครัว และพี่ ๆ ก็ยังไม่มีใครมา หรือว่าเขาไปโรงเรียนกันหมดแล้ว
“อ้าว! เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมเธอตื่นเช้าจัง”
แม่เดินออกจากครัวเห็นฉันนั่งในชุดนักเรียนก็ถามอย่างแปลกใจ เพราะปกติฉันมักจะลงมาช้ากว่าใครและเสร็จทีหลังทุกคนเสมอ แม่เอาขนมปังกับเนยวาง เบคอนทอดกรอบที่ดูเกรียม ๆ ส่งกลิ่นตุ ๆ
“ขอบคุณค่ะแม่”
แม่มองหน้าฉันแปลก ๆ ฉันก็มองแม่แปลก ๆ เหมือนกัน นี่น่ะหรือ เจ้าหญิงพระจันทร์...ดูไม่เห็นเหมือนในรูปตรงไหน ฉันคิดไปถึงคุณยายในฝัน พอคุณยายไปอยู่ที่ปราสาทบนดวงจันทร์ ก็กลายเป็นสาวสะพรั่ง คุณแม่ก็อาจจะเป็นเหมือนกันก็ได้ ฉันก้มลงเปิดล็อกเก็ตดู อยากดูให้ชัด ๆ อีกสักทีว่า ทั้งคุณแม่กับเจ้าหญิง จะมีเค้าหน้าเหมือนกันบ้างหรือเปล่า
ฉันกรีดนิ้วแบบที่เห็นในฝันเมื่อคืน เสียงกรุ๋งกริ๋งดังขึ้นให้มันกางออก ใบหน้าสวยแจ่มของเจ้าหญิงพระจันทร์กลับไม่มีให้เห็นดังเช่นเคย แต่กลับกลายเป็นหน้าปัดนาฬิกาธรรมดาไปเสียนี่
“อ้าว!”
ฉันร้องออกมาด้วยความแปลกใจ แม่ทำเสียงแปลก ๆ ขณะยืนมองฉัน แต่ครู่หนึ่ง แม่ก็เดินหายกลับเข้าไปในครัวอีก
นาฬิกาบอกเวลาเจ็ดโมงเช้า พี่สาวของฉันก็พากันลงมาจากห้อง พี่คนโตร้องเสียงสูงทันทีที่เห็นหน้าฉัน
“ต๊ายตาย!! ไฟไหม้ห้องเธอหรือไงยะ ถึงได้มานั่งหน้าเจ๋ออะไรแต่เช้าเนี่ย”
“นั่นสิ แล้วดู ๆ แต่งตัวเตรียมกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเสียด้วย เป็นบ้าไปแล้วเหรอยัยเอ๋อ”
พี่คนรองทักด้วย แต่พวกเขาไม่ยักกะหัวเราะตบท้ายคำทักทายเหมือนกับทุกเช้า ฉันเหลือบมองหน้าทั้งสองคน พี่ ๆ ทำหน้าตาเหรอหรางงงัน ดูแปลกประหลาดใจกับการที่ฉันตื่นเช้าเสียที่สุด
ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน อาหารตรงหน้าดูเอร็ดอร่อยเสียจนฉันกินหมดรวดเร็ว อิ่มแปล้ และตัดสินใจลุกออกจากโต๊ะก่อนทุกคนเพราะดูเหมือนพี่ ๆ จะเชื่องช้ากับเบคอนกลิ่นตุนั้นเสียเหลือเกิน
“อะไร นี่กินเสร็จแล้วเหรอยะ จะรีบไปไหนน่ะ”
ฉันคว้ากระเป๋าแล้วเดินลิ่ว ฉันหมายถึงเดินลิ่วจริง ๆ เท้าฉันทั้งเบาหวิวและเคลื่อนไหวเร็วราวกับเท้าไม่ได้ติดพื้น ลมบนถนนแรงมากแต่ฉันกลับรู้สึกสดชื่น ฉันมาถึงโรงเรียนแทบไม่ทันรู้ตัว นาฬิกาบนตึกหน้าประตูโรงเรียนบอกเวลาเจ็ดโมงสิบห้า!! ฉันใช้เวลาเดินจากบ้านมาถึงโรงเรียนแค่ห้านาที??!!?
นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย...
เพื่อน ๆ ยังดูโหรงเหรง ตามลานหน้าอาคาร ใต้ต้นไม้และตัวอาคาร ตอนเกือบแปดโมงฉันกำลังดึงการบ้านออกมารอส่งครูที่โต๊ะตัวเอง ก็ได้ยินเสียงยัยซาริลกับแอนนาคู่นรกคุยกันอุบอิบที่ประตูห้อง แต่ฉันก็ได้ยินเสียงของพวกหล่อนอย่างไม่น่าเชื่อ
“ยัยเต่ามันมาถึงโรงเรียนก่อนเราจริง ๆ ด้วย”
“งั้นก็แปลว่าที่เธอเห็นเป็นลมพัดแรง ๆ ตอนมีคนวิ่งผ่านก็เป็นยัยแองจี้จอมอืดนี่จริง ๆ น่ะเหรอ เป็นไปได้ไง”
ฉันค่อย ๆ เหลือบมองที่มาของเสียงช้า ๆ ยัยซาริลกับยัยแอนนากำลังซุบซิบกันแล้วมองมาที่ฉันจริง ๆ แปลกจัง อยู่ตั้งไกลอย่างนั้น ทำไมฉันจึงได้ยินเสียงทั้งคู่ชัดแจ๋วอย่างนั้นล่ะ
วันนี้ฉันเจอแต่เรื่องแปลกจริง ๆ นับตั้งแต่ฝันถึงการไปเยือนปราสาทพระจันทร์เมื่อคืน คุณยายที่กลายเป็นราชินีแสนสวย แล้วก็ยังสร้อยสีฟ้ามีล็อกเก็ตแปลก ๆ นี่ด้วยอีก นี่หากฉันเปิดมันขึ้นมาตอนนี้ ในล็อกเก็ตจะเป็นอะไรนะ จะเป็นนาฬิกาเหมือนเดิม หรือเป็นรูปเจ้าหญิงพระจันทร์อย่างที่ก่อนนี้กันแน่
“...จี้... แองจี้ ...แองจี้!! ให้ตายสิ เธอจะเหม่อลอยอย่างนี้ในชั้นเรียนของฉันทุกคาบเลยเหรอ!!”
เสียงตวาดเสียงดังมาจากหน้าชั้นเรียน ฉันสะดุ้งโหยง เกือบลืมไปเลยว่ากำลังเรียนวิชาประวัติวรรณคดีกับอาจารย์มาร์ก ดิสดรอว์ อยู่ อาจารย์สอนวิชาประวัติวรรณคดีที่ฉันไม่ชอบเขาที่สุด เขาเกลียดฉัน และดูมีความสุขขึ้นทุกครั้งที่มีโอกาสด่าประจานความโง่เง่าของฉันกลางห้องเรียน
“ไหน... เธอลองบอกฉันมาสิ ว่า...”
แกเริ่มแล้ว เสียงเปิดหน้ากระดาษหนังสือดังพึ่บพั่บของอาจารย์มาร์กสลับกับเสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนบางคน ยังซาริลกับยัยแอนนาหันมาหัวเราะฉันอย่างไม่ปิดบัง ฉันเห็นหน้าของไอรีนหันมามองท่ามกลางคนพวกนั้น หล่อนมองนิ่ง ๆ หน้าตาดูกังวล
“เอาล่ะ”
อาจารย์มาร์กกระแอม น้ำเสียงเขาดูสะใจตั้งแต่ยังไม่ได้อ่านคำถาม
“ไหนเธอลองบอกฉันมาสิว่า วรรณคดีในยุคกลางของยุโรปส่วนใหญ่จะแต่งด้วยภาษาละตินเพราะอะไร”
เป็นคำถามที่เรียกเสียงฮือฮาจากในห้องเรียนพอสมควร อาจารย์มาร์กเคาะโต๊ะให้ทุกคนเงียบเสียง ทุกสายตากำลังจ้องมองมาที่ฉัน...
วรรณคดียุคกลางของยุโรปอย่างนั้นหรือ ...ฉันกำลังคิดทบทวนถึงสิ่งที่เคยอ่านผ่านตามาบ้างก่อนหน้านี้ มือของฉันกำลังคิดจะเปิดหน้าหนังสือบนโต๊ะเพื่อให้เป็นตัวช่วย แต่จู่ ๆ ก็เหมือนไฟในหัวของฉันมันสว่างขึ้นมา
“ในยุคกลางของยุโรปเป็นช่วงที่ศาสนาคริสต์กำลังแผ่อิทธิพลอย่างสูงในขณะนั้นจึงมีวรรณคดีที่เกี่ยวกับความเชื่อมากมายและนิยมแต่ด้วยภาษาละตินหรือภาษากรีกซึ่งถือเป็นภาษาที่มีความศักดิ์สิทธิ์ วรรณคดีที่สำคัญในช่วงนั้นก็คือ เรื่อง เทวนิยม แต่งขึ้นโดย นักบุญออกัสติน เป็นเรื่องราวการสร้างโลกตามทัศนะคริสต์ศาสนาช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13-14 ซึ่งเนื้อหาสาระเกี่ยวกับทางโลกมากขึ้นและมีความเป็นมนุษย์นิยม”                  
 
ฉันตอบออกไปอย่างฉะฉาน ในใจฉันมีความมั่นคงอย่างประหลาด ท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงของครู และอาการช็อกโลกของเพื่อนร่วมชั้นทั้งห้อง ฉันกลับมั่นใจในคำตอบของฉัน มันชัดเจนอยู่ในความคิดของฉันขนาดนีเ ฉันกล้าพูดได้อีกรอบและเหมือนเดิมและรับรองได้ด้วยว่า ฉันตอบถูก
 
อาจารย์มาร์กกระตุกริมฝีปากสองที ตาที่เขม้นมองฉันก็กระตุกตามอีกระลอกก่อนจะกัดฟันพูดเบา ๆ
“ดีมาก นั่งลงได้”
เสียงเพื่อนร่วมชั้นเงียบกริบ หน้ายัยซาริลกับยังแอนนาดูขัดเคืองใจและงงงวยระคนกัน ทั้งคู่สะบัดหน้ากลับไป เหลือแต่หน้าของไอรีน ที่พยักหน้าและส่งยิ้มให้ฉัน
 
ในชั่วโมงเลขวันนี้ ... มีสอบ
 
ฉันอยากจะตายทันทีที่ได้รู้ ฉันเกลียดตัวเลข มันเป็นวิชาที่ฉันตกแล้วตกอีกมาตั้งแต่ชั้นประถม ครูไวโอเล็ตเดินแจกข้อสอบเงียบ ๆ ก่อนจะบอกให้ทุกคนเปิดข้อสอบเมื่อถึงเวลา ฉันทำตาโตเมื่อเห็นข้อสอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองครูอย่างแปลกใจ
 
“หือ? มีอะไรเหรอจ๊ะ แองจี้”
 
คุณครูเดินเข้ามาหาฉัน
 
“ข้อสอบเนี่ยน่ะค่ะ ครูแจกผิดหรือเปล่าคะ”
 
ฉันกระซิบแค่พอได้ยินกับครูสองคน แต่ห้องเงียบมาก ทุกคนจึงได้ยินคำถามของฉัน
 
“อะไรของเธอยัยเอ๋อ ถ้าทำไม่ได้ก็กลับไปขายผักที่บ้านไป เสียเวลาคนอื่น”
 
เสียงเจ้าเด็กผู้ชายตัวอ้วนใจร้ายที่นั่งหลังสุดขัดขึ้น ครูไวโอเล็ตหันไปดุ
 
“เงียบน่ะ อัลเบิร์ต …. แองจี้จ๊ะ ข้อสอบเรื่องระบบสมการเชิงเส้น ถูกแล้วจ้ะ หนูอยากให้ครูช่วยอ่านอะไรให้ไหมจ๊ะ”
 
ระบบสมการเชิงเส้นหรือ… ที่ฉันตกใจเพราะฉันเห็นข้อสอบมันดูโล่งตาเหลือเกิน มันไม่ซับซ้อนน่าเวียนหัวเหมือนกับที่เคยเรียนมา ไม่ว่าจะเป็นหน้าไหน ๆ ฉันก็รู้สึกว่าดูง่ายเสียหมด
จนฉันนึกว่าครูแจกข้อสอบเด็กประถมหรือเด็กพิเศษมาให้ฉัน
 
“ไม่เป็นไรค่ะครู ขอบคุณมากค่ะ”
 
ฉันหยิบปากกาขึ้นมามือสั่น ก่อนจะพบว่าสมองของฉันมันพาให้มือไหลลื่นพลิ้วไสวอยู่บนข้อสอบราวกับกำลังวาดรูปสายลมในวันที่เริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วง ฉันรู้ตัวว่าทำข้อสอบเสร็จในตอนที่พลิกหน้าข้อสอบแล้วเจอกับกระดาษเปล่า
ฉันทำหมดทุกข้อแล้ว…แต่เพื่อน ๆ ยังไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมาเลย
 
“จ๊ะ แองจี้”
 
ครูไวโอเล็ตรีบเข้ามาหาฉันเมื่อเห็นฉันยกมือ
 
“ทำไม่ได้เหรอจ๊ะ ค่อย ๆ ทำไปก่อนจ้ะ ยังเหลือเวลาอีกมาก ไม่ต้องรีบส่ง”
 
น้ำเสียงของครูปราณี ฉันส่ายหน้าแล้วพลิกหน้ากระดาษให้ครูดูทีละหน้า
 
“ไหนจ๊ะ…โอ้ว…มายก้อชชชชชช!!!”
 
เสียงครูร้องดังจนฉันตกใจ เพื่อนในห้องก้ด้วย บางคนสะดุ้งโหยงจนไหลยก บางคนก็ทำของตกเสียงดัง แต่ดูเหมือนครูไม่ได้สนใจ ครูเปิดดูข้อสอบของฉันแล้วอุทาน โอ้วมายก้อช โอ้วมายก้อช ต่อไปจนหน้าสุดท้าย ก่อนจะมาสบตาฉันทำตาโต
 
“แองจี้จ๊ะ ครูไม่เคยว่าอะไรหนูเวลาที่หนูสอบตก แต่หนูก็ควรจะรู้ด้วยนะจ๊ะว่าการโกงข้อสอบเป็นสิ่งที่ไม่ดี”
 
ฉันรีบลุกขึ้นยืน กางแขนออกทั้งสองข้าง
 
“หนูไม่ได้โกงค่ะครู ครูตรวจหนูได้เลย”
 
 
 
''''''เหนื่อยมากเลย...ขอเบรกไปนอนก่อนนะค้าาาา''''''

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา