Demon spell สะกดหัวใจนายปีศาจ [Yaoi]
-
เขียนโดย โมโมะจิ
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
5,446 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) chapter 03
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ03
เฮือก!
อากิสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว ใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมากองที่พื้นเสียให้ได้
ฝันร้ายเหรอ? แค่ฝันหรอกเหรอ?
“คงเก็บไปคิดมากจนฝันสินะ” อากิบ่นกับตัวเองก่อนที่จะเอามามือมากุมขมับตัวเองราวกับกำลังนึกอะไรบางอย่าง
ไม่ใช่...ไม่ใช่ความฝัน ปีศาจนั่น มันกำลังจะกินเราอยู่แล้ว...แล้วทำไม...ทำไมเรามาอยู่ที่นี่...ทำไมมาอยู่ที่บ้าน...จำได้ว่าโดนเจ้านั่นมันฟาดซะไม่เหลือแรงเลย อากิได้แต่ทบทวนความทรงจำที่เขามั่นใจว่าไม่ใช่ความฝัน
“โอ๊ย...เจ็บ!”
อากิพยายามจะลุกจากเตียงแต่ความเจ็บก็ดันวิ่งพล่านไปทั่วตัว ทำเอาเขาชะงักเพราะเจ็บจนขยับตัวไม่ได้
ใช่แล้ว ไม่ใช่ความฝันอย่างที่เขาคิด เขาเกือบจะโดนเจ้าปีศาจร้ายนั่นกินอยู่แล้ว แต่ว่ามีใครบางคนมาช่วยไว้ก่อน ใครคนนั้นที่เขาจำไม่ได้
“หมอนั่น...” อากิพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก ตอนนี้ทุกอย่างมันตีกันในสมองเขาจนยุ่งเหยิงไปหมด ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี
“อวดดีนักนะ ทั้งๆที่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ แต่กลับไม่คิดเสียดายชีวิตตัวเอง ถ้าอยากตายนักก็ตายไปทั้งๆตัวเองมีประโยชน์หน่อยสิ” อากิได้ยินใครบางคนกำลังต่อว่าเขาจึงหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น
“นายเป็นใคร” ทั้งๆตัวเองก็อึ้งอยู่แท้ๆ แต่กลับตั้งสมาธิได้อย่างรวดเร็ว อากิไม่รีรอที่จะถามหนุ่มรูปหล่อและมีออร่ากระจายอยู่ตรงหน้าตัวเองว่าเป็นใคร
“หึหึ นายเป็นคนที่อยากเจอฉันเองไม่ใช่รึไง แล้วทำไมถึงได้ถามแบบนั้นล่ะ อากิ” น่าแปลกที่คนๆนี้รู้จักชื่อของอากิทั้งๆเพิ่งเจอกันแท้ๆ แถมยังมั่วนิ่มหาว่าเขาอยากเจอ อากิที่ได้ยินก็อดถามต่อไปไม่ได้
“โรคจิตเหรอ ใครอยากเจอนาย นายเป็นใครฉันยังไม่รู้จัก แล้วจะให้ฉันอยากเจอได้ยังไง” อากิรู้สึกได้ว่าตัวเองพูดมากกว่าปกติและไม่ใช่วิสัยของเขาเลย แต่เอาเถอะ ในช่วงที่เรื่องมากมายสุมหัวมากขนาดนี้เขากลับรู้สึกอยากระบายความสับสนออกมา
“ทามากิ ยากาชิ จำได้รึยังล่ะ” เพียงได้ยินแค่แวบเดียวก็นึกออกทันทีว่าชื่อนี้คือชื่อของปีศาจที่มิยากิเคยพูดถึง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะไม่เชื่อแต่ตอนนี้เขาต้องยอมรับว่าไม่อาจจะปฏิเสธมันได้เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อากิไม่ยอมตอบอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดออกมาเอง แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเหมือนกันแต่กลับคลื่นกายเข้าใกล้ซะจนอากิต้องเอ่ยปากขึ้นมาเอง
“จะทำอะไร” อากิรีบถามเพราะเริ่มหวั่นว่าปีศาจรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้าจะทำอะไรบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ
“ไม่กลัวเลยแฮะ” ยากาชิพูดก่อนจะเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วโน้มใบหน้าอันเปลี่ยมล้นด้วยเสน่ห์เข้าไปใกล้กับใบหน้าที่ขาวเนียนไร้ซึ่งรอยตำหนิของอากิ
“ทะ ทำอะไรของนาย ถอยไปเลยไอ้ปีศาจโรคจิต” อากิไม่รู้จะพูดอะไรดีนอกจากห้ามปรามด้วยน้ำเสียงขู่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าว่าจะถอยออกไป แต่กลับยื่นหน้าเข้าใกล้กว่าเดิม
ใกล้เกินไป หมอนี่ต้องการอะไร!? อากิคิดในใจ
“ต้องขอบคุณฉันสิ ฉันอุตส่าห์ช่วยนายจากปีศาจเหลือขอนั่น และสิ่งที่นายจะตอบแทนฉันก็คือ...มอบพลังชีวิตของนายให้ฉันยังไงล่ะ” ว่าแล้วปีศาจรูปงามก็ประทับริมฝีปากอุ่นๆลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายลิ้นอันอ่อนนุ่มของยากาชิสอดแทรกเข้าข้างในตวัดไปมาพร้อมกับหยอกล้อราวกับหมั่นเขี้ยว จูบอันแสนซนนั้นกลับเปลี่ยมล้นด้วยความอบอุ่นแต่กลับดึงแรงกำลังที่มีอยู่ให้หดหายไป
อากิที่ถูกกระทำก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย เพราะอะไรกันนะที่ทำเขาเหมือนถูกสะกดเอาไว้
“อืม...อื้อ...” เขาทำได้เพียงครางออกมา เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่มีแรงเหลือเลยแม้แต่น้อย
ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของยากาชิถูกถอนออกไป แต่ทำไมกันนะ จูบของยากาชิกลับดึงเอาเรี่ยวแรงที่มีอยู่ของเขาไปหมด
ยากาชิคลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วหายไปโดยที่ไม่มีคำพูดใดๆ ทิ้งให้อากิช็อกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
ที่โรงเรียน
“นี่มิยากิ ได้ข่าวว่านายไปตีสนิทกับเจ้าอากิเหรอ” เด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้องถามมิยากิที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ ร่างเล็กที่ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะครับมะสึโอะคุง” แทนที่จะตอบคำถาม มิยากิกลับตั้งคำถามขึ้นมาแทน
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เมื่อวานนี้นายไปช่วยหมอนั่นเก็บของแล้วก็เข้าสายพร้อมกัน แถมยังไปวิ่งด้วยกันอีก อย่าบอกนะว่านายอยากจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราน่ะ”
“พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอครับ อากิคุงก็เป็นเพื่อนเราเหมือนกัน ศัตรูอะไรเหรอครับ” มิยากิโต้กลับเพราะไม่เห็นด้วยกับความคิดของมะสึโอะ
“หา...แสดงว่านายเข้าข้างหมอนั่นล่ะสิ แหม่...มันก็ช่วยไม่ได้นะ ต่อไปนี้ก็เชิญนายไปอยู่กับหมอนั่นได้เลย พวกเราไม่ยอมรับหรอก”
“มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลยนะครับ ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ให้อากิคุงเป็นเพื่อนล่ะ ทั้งๆที่อากิคุงเค้าก็เป็นคนดีนะครับ”
“หมอนั่นไม่มีแม้แต่ครอบครัว ถูกเอาไปทิ้งไว้ที่หน้าบ้านฉันตั้งแต่ยังเป็นทารกแม่ฉันเลยเอาไปส่งให้ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแถมยังเป็นภาระให้แม่ฉันต้องคอยไปดูทุกๆอาทิตย์เป็นเวลาหลายปี คิดว่าเพราะอะไรกันล่ะ ทำไมหมอนั่นถึงถูกทิ้ง ถ้าหมอนั่นไม่ใช่ลูกของผู้หญิงหากินที่คลอดแล้วหาพ่อไม่ได้เลยเอาไปทิ้งไว้ หรือไม่อาจจะเป็นตัวอัปมงคลก็ได้”
“แล้วยังไงล่ะครับ เพราะเหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ ผมไม่เห็นว่านั่นจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนไม่ชอบเขาได้เลย เขาเคยทำให้ทุกคนเดือดร้อนเหรอครับ” มิยากิโต้กลับด้วยสีหน้าจริงจัง ในใจก็รู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงๆ เพื่อนๆในห้องต้องไม่ฟังที่ตัวเองพูดแต่ก็ยังคิดเสมอว่าจะต้องเปลี่ยนความคิดของทุกคนได้
“ได้ยินมั้ยล่ะทุกคน...งั้นต่อไปนี้เราจะถือว่ามิยากิอยู่ฝ่ายเจ้าอากิแล้วกัน” มะสึโอะพูดเสียงดังเพื่อนๆในห้องทุกคนต่างก็ทำท่าทางเหมือนจะเห็นด้วยแล้วก็เริ่มกิจกรรมซุบซิบกันทันที
“แล้วนายจะเสียใจที่เข้าข้างคนอย่างมิซารุ อากิ” มะสึโอะกระซิบข้างหูมิยากิก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเอง
มิยากิไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะตัวเองรู้ดีอยู่แล้วว่าคนที่ผิดคือมะสึโอะไม่ใช่ตัวเอง เขาไม่ได้กลัวเลยสักนิดว่าตัวเองจะถูกเพื่อนคนอื่นเกลียดเหมือนกับอากิ เขาแคร์อากิต่างหากแคร์กว่าใครๆทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาอยากจะอยู่ใกล้และเคียงข้างอากิ
ทำไมไม่มาโรงเรียนนะ หรือว่าจะไม่สบาย เรายังไม่ได้ขอบคุณที่ช่วยพาไปที่ห้องพยาบาลเลย
มิยากิเป็นห่วงอากิมาก กลัวว่าจะไม่สบายที่เมื่อวานวิ่งกลางแดดที่ร้อนจัดแล้วยังต้องแบกเขาไปที่ห้องพยาบาลอีก คงจะเหนื่อยแย่ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อตัวเองยังไม่รู้ว่าบ้านของอากิอยู่ที่ไหน
“เจ้านั่น...” อากิที่นอนครุ่นคิดเรื่องที่พบกับปีศาจรูปงามอยู่กลับต้องหยุดความคิดไว้เพราะรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนทำอะไรบางอยู่ที่ห้องครัว
ใครกัน...ไม่มีใครอยู่ในบ้านนี้หนิ หมอนั่นก็ไปแล้ว อากิคิดในใจเพราะไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าใครกันที่มาทำอะไรในห้องครัวในบ้านของเขา ทั้งๆที่บ้านนี้เขาเช่าอยู่แค่คนเดียว หรือว่าจะเป็นปีศาจที่คอยจะทำร้ายเขากันนะ
“ใครน่ะ” อากิไม่รีรอที่จะถาม แต่ทว่าไม่มีเสียงตอบรับใดๆ และดูเหมือนว่าคนที่อยู่ในนั้นจะหายไปแล้ว
เขารู้สึกขัดใจตัวเองสุดๆที่ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย เป็นเพราะไม่มีแรงที่จะทำอะไร และเขาพอจะเดาออกว่าการที่ยากาชิจูบในตอนนั้นคือการกินพลังชีวิตของเขาและนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาหมดแรง
อากิพยายามที่จะลุก แต่ก็ไม่สามารถทำได้
“โถ่โว้ย” อากิสบถเบาๆ อย่างหงุดหงิด
“นายคงจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว” จู่ๆก็มีเสียงใครบางคนพูดกับอากิและเขาก็จำเสียงนี้ได้ นั่นคือเสียงของปีศาจที่ขโมยเรี่ยวแรงของเขาไปด้วยการจูบ
“นายเองหรอกเหรอ” อากิตอบกลับเพราะตอนนี้โล่งใจแล้วว่าคนที่อยู่ครัวเมื่อกี้คือยากาชิ แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้ตกใจหรือกลัวยากาชิเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังพูดคุยได้อย่างเป็นปกติเหมือนกับเคยสนิทกันมาก่อน
“นายไม่ได้ใส่ใจที่ฉันพูดไปเมื้อกี้เลยรึไง”
“ที่ว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้น่ะเหรอ นั่นสิ ทำไมล่ะ” อากิตอบด้วยสีหน้าที่เฉยจนเหมือนกับไม่ได้อยากรู้อะไรมากมายและก็ยังแกล้งกวนประสาทยากาชิ
“ก็เพราะ...”
ตู้มมมมมมม!!!
ยากาชิยังพูดไม่จบจู่ๆเสียงระเบิดก็ดังขึ้นจากห้องครัวจนทำให้รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน จนอากิตกใจมากและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
TBC.
***************************************
เฮือก!
อากิสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว ใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมากองที่พื้นเสียให้ได้
ฝันร้ายเหรอ? แค่ฝันหรอกเหรอ?
“คงเก็บไปคิดมากจนฝันสินะ” อากิบ่นกับตัวเองก่อนที่จะเอามามือมากุมขมับตัวเองราวกับกำลังนึกอะไรบางอย่าง
ไม่ใช่...ไม่ใช่ความฝัน ปีศาจนั่น มันกำลังจะกินเราอยู่แล้ว...แล้วทำไม...ทำไมเรามาอยู่ที่นี่...ทำไมมาอยู่ที่บ้าน...จำได้ว่าโดนเจ้านั่นมันฟาดซะไม่เหลือแรงเลย อากิได้แต่ทบทวนความทรงจำที่เขามั่นใจว่าไม่ใช่ความฝัน
“โอ๊ย...เจ็บ!”
อากิพยายามจะลุกจากเตียงแต่ความเจ็บก็ดันวิ่งพล่านไปทั่วตัว ทำเอาเขาชะงักเพราะเจ็บจนขยับตัวไม่ได้
ใช่แล้ว ไม่ใช่ความฝันอย่างที่เขาคิด เขาเกือบจะโดนเจ้าปีศาจร้ายนั่นกินอยู่แล้ว แต่ว่ามีใครบางคนมาช่วยไว้ก่อน ใครคนนั้นที่เขาจำไม่ได้
“หมอนั่น...” อากิพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก ตอนนี้ทุกอย่างมันตีกันในสมองเขาจนยุ่งเหยิงไปหมด ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี
“อวดดีนักนะ ทั้งๆที่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ แต่กลับไม่คิดเสียดายชีวิตตัวเอง ถ้าอยากตายนักก็ตายไปทั้งๆตัวเองมีประโยชน์หน่อยสิ” อากิได้ยินใครบางคนกำลังต่อว่าเขาจึงหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น
“นายเป็นใคร” ทั้งๆตัวเองก็อึ้งอยู่แท้ๆ แต่กลับตั้งสมาธิได้อย่างรวดเร็ว อากิไม่รีรอที่จะถามหนุ่มรูปหล่อและมีออร่ากระจายอยู่ตรงหน้าตัวเองว่าเป็นใคร
“หึหึ นายเป็นคนที่อยากเจอฉันเองไม่ใช่รึไง แล้วทำไมถึงได้ถามแบบนั้นล่ะ อากิ” น่าแปลกที่คนๆนี้รู้จักชื่อของอากิทั้งๆเพิ่งเจอกันแท้ๆ แถมยังมั่วนิ่มหาว่าเขาอยากเจอ อากิที่ได้ยินก็อดถามต่อไปไม่ได้
“โรคจิตเหรอ ใครอยากเจอนาย นายเป็นใครฉันยังไม่รู้จัก แล้วจะให้ฉันอยากเจอได้ยังไง” อากิรู้สึกได้ว่าตัวเองพูดมากกว่าปกติและไม่ใช่วิสัยของเขาเลย แต่เอาเถอะ ในช่วงที่เรื่องมากมายสุมหัวมากขนาดนี้เขากลับรู้สึกอยากระบายความสับสนออกมา
“ทามากิ ยากาชิ จำได้รึยังล่ะ” เพียงได้ยินแค่แวบเดียวก็นึกออกทันทีว่าชื่อนี้คือชื่อของปีศาจที่มิยากิเคยพูดถึง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะไม่เชื่อแต่ตอนนี้เขาต้องยอมรับว่าไม่อาจจะปฏิเสธมันได้เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อากิไม่ยอมตอบอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดออกมาเอง แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเหมือนกันแต่กลับคลื่นกายเข้าใกล้ซะจนอากิต้องเอ่ยปากขึ้นมาเอง
“จะทำอะไร” อากิรีบถามเพราะเริ่มหวั่นว่าปีศาจรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้าจะทำอะไรบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ
“ไม่กลัวเลยแฮะ” ยากาชิพูดก่อนจะเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วโน้มใบหน้าอันเปลี่ยมล้นด้วยเสน่ห์เข้าไปใกล้กับใบหน้าที่ขาวเนียนไร้ซึ่งรอยตำหนิของอากิ
“ทะ ทำอะไรของนาย ถอยไปเลยไอ้ปีศาจโรคจิต” อากิไม่รู้จะพูดอะไรดีนอกจากห้ามปรามด้วยน้ำเสียงขู่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าว่าจะถอยออกไป แต่กลับยื่นหน้าเข้าใกล้กว่าเดิม
ใกล้เกินไป หมอนี่ต้องการอะไร!? อากิคิดในใจ
“ต้องขอบคุณฉันสิ ฉันอุตส่าห์ช่วยนายจากปีศาจเหลือขอนั่น และสิ่งที่นายจะตอบแทนฉันก็คือ...มอบพลังชีวิตของนายให้ฉันยังไงล่ะ” ว่าแล้วปีศาจรูปงามก็ประทับริมฝีปากอุ่นๆลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายลิ้นอันอ่อนนุ่มของยากาชิสอดแทรกเข้าข้างในตวัดไปมาพร้อมกับหยอกล้อราวกับหมั่นเขี้ยว จูบอันแสนซนนั้นกลับเปลี่ยมล้นด้วยความอบอุ่นแต่กลับดึงแรงกำลังที่มีอยู่ให้หดหายไป
อากิที่ถูกกระทำก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย เพราะอะไรกันนะที่ทำเขาเหมือนถูกสะกดเอาไว้
“อืม...อื้อ...” เขาทำได้เพียงครางออกมา เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่มีแรงเหลือเลยแม้แต่น้อย
ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของยากาชิถูกถอนออกไป แต่ทำไมกันนะ จูบของยากาชิกลับดึงเอาเรี่ยวแรงที่มีอยู่ของเขาไปหมด
ยากาชิคลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วหายไปโดยที่ไม่มีคำพูดใดๆ ทิ้งให้อากิช็อกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
ที่โรงเรียน
“นี่มิยากิ ได้ข่าวว่านายไปตีสนิทกับเจ้าอากิเหรอ” เด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้องถามมิยากิที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ ร่างเล็กที่ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะครับมะสึโอะคุง” แทนที่จะตอบคำถาม มิยากิกลับตั้งคำถามขึ้นมาแทน
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เมื่อวานนี้นายไปช่วยหมอนั่นเก็บของแล้วก็เข้าสายพร้อมกัน แถมยังไปวิ่งด้วยกันอีก อย่าบอกนะว่านายอยากจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราน่ะ”
“พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอครับ อากิคุงก็เป็นเพื่อนเราเหมือนกัน ศัตรูอะไรเหรอครับ” มิยากิโต้กลับเพราะไม่เห็นด้วยกับความคิดของมะสึโอะ
“หา...แสดงว่านายเข้าข้างหมอนั่นล่ะสิ แหม่...มันก็ช่วยไม่ได้นะ ต่อไปนี้ก็เชิญนายไปอยู่กับหมอนั่นได้เลย พวกเราไม่ยอมรับหรอก”
“มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลยนะครับ ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ให้อากิคุงเป็นเพื่อนล่ะ ทั้งๆที่อากิคุงเค้าก็เป็นคนดีนะครับ”
“หมอนั่นไม่มีแม้แต่ครอบครัว ถูกเอาไปทิ้งไว้ที่หน้าบ้านฉันตั้งแต่ยังเป็นทารกแม่ฉันเลยเอาไปส่งให้ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแถมยังเป็นภาระให้แม่ฉันต้องคอยไปดูทุกๆอาทิตย์เป็นเวลาหลายปี คิดว่าเพราะอะไรกันล่ะ ทำไมหมอนั่นถึงถูกทิ้ง ถ้าหมอนั่นไม่ใช่ลูกของผู้หญิงหากินที่คลอดแล้วหาพ่อไม่ได้เลยเอาไปทิ้งไว้ หรือไม่อาจจะเป็นตัวอัปมงคลก็ได้”
“แล้วยังไงล่ะครับ เพราะเหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ ผมไม่เห็นว่านั่นจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนไม่ชอบเขาได้เลย เขาเคยทำให้ทุกคนเดือดร้อนเหรอครับ” มิยากิโต้กลับด้วยสีหน้าจริงจัง ในใจก็รู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงๆ เพื่อนๆในห้องต้องไม่ฟังที่ตัวเองพูดแต่ก็ยังคิดเสมอว่าจะต้องเปลี่ยนความคิดของทุกคนได้
“ได้ยินมั้ยล่ะทุกคน...งั้นต่อไปนี้เราจะถือว่ามิยากิอยู่ฝ่ายเจ้าอากิแล้วกัน” มะสึโอะพูดเสียงดังเพื่อนๆในห้องทุกคนต่างก็ทำท่าทางเหมือนจะเห็นด้วยแล้วก็เริ่มกิจกรรมซุบซิบกันทันที
“แล้วนายจะเสียใจที่เข้าข้างคนอย่างมิซารุ อากิ” มะสึโอะกระซิบข้างหูมิยากิก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเอง
มิยากิไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะตัวเองรู้ดีอยู่แล้วว่าคนที่ผิดคือมะสึโอะไม่ใช่ตัวเอง เขาไม่ได้กลัวเลยสักนิดว่าตัวเองจะถูกเพื่อนคนอื่นเกลียดเหมือนกับอากิ เขาแคร์อากิต่างหากแคร์กว่าใครๆทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาอยากจะอยู่ใกล้และเคียงข้างอากิ
ทำไมไม่มาโรงเรียนนะ หรือว่าจะไม่สบาย เรายังไม่ได้ขอบคุณที่ช่วยพาไปที่ห้องพยาบาลเลย
มิยากิเป็นห่วงอากิมาก กลัวว่าจะไม่สบายที่เมื่อวานวิ่งกลางแดดที่ร้อนจัดแล้วยังต้องแบกเขาไปที่ห้องพยาบาลอีก คงจะเหนื่อยแย่ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อตัวเองยังไม่รู้ว่าบ้านของอากิอยู่ที่ไหน
“เจ้านั่น...” อากิที่นอนครุ่นคิดเรื่องที่พบกับปีศาจรูปงามอยู่กลับต้องหยุดความคิดไว้เพราะรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนทำอะไรบางอยู่ที่ห้องครัว
ใครกัน...ไม่มีใครอยู่ในบ้านนี้หนิ หมอนั่นก็ไปแล้ว อากิคิดในใจเพราะไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าใครกันที่มาทำอะไรในห้องครัวในบ้านของเขา ทั้งๆที่บ้านนี้เขาเช่าอยู่แค่คนเดียว หรือว่าจะเป็นปีศาจที่คอยจะทำร้ายเขากันนะ
“ใครน่ะ” อากิไม่รีรอที่จะถาม แต่ทว่าไม่มีเสียงตอบรับใดๆ และดูเหมือนว่าคนที่อยู่ในนั้นจะหายไปแล้ว
เขารู้สึกขัดใจตัวเองสุดๆที่ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย เป็นเพราะไม่มีแรงที่จะทำอะไร และเขาพอจะเดาออกว่าการที่ยากาชิจูบในตอนนั้นคือการกินพลังชีวิตของเขาและนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาหมดแรง
อากิพยายามที่จะลุก แต่ก็ไม่สามารถทำได้
“โถ่โว้ย” อากิสบถเบาๆ อย่างหงุดหงิด
“นายคงจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว” จู่ๆก็มีเสียงใครบางคนพูดกับอากิและเขาก็จำเสียงนี้ได้ นั่นคือเสียงของปีศาจที่ขโมยเรี่ยวแรงของเขาไปด้วยการจูบ
“นายเองหรอกเหรอ” อากิตอบกลับเพราะตอนนี้โล่งใจแล้วว่าคนที่อยู่ครัวเมื่อกี้คือยากาชิ แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้ตกใจหรือกลัวยากาชิเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังพูดคุยได้อย่างเป็นปกติเหมือนกับเคยสนิทกันมาก่อน
“นายไม่ได้ใส่ใจที่ฉันพูดไปเมื้อกี้เลยรึไง”
“ที่ว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้น่ะเหรอ นั่นสิ ทำไมล่ะ” อากิตอบด้วยสีหน้าที่เฉยจนเหมือนกับไม่ได้อยากรู้อะไรมากมายและก็ยังแกล้งกวนประสาทยากาชิ
“ก็เพราะ...”
ตู้มมมมมมม!!!
ยากาชิยังพูดไม่จบจู่ๆเสียงระเบิดก็ดังขึ้นจากห้องครัวจนทำให้รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน จนอากิตกใจมากและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
TBC.
***************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ