Demon spell สะกดหัวใจนายปีศาจ [Yaoi]
-
เขียนโดย โมโมะจิ
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
5,447 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) chapter 02
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ02
“เข้าสายอีกแล้วมิซารุ อากิ เทอมนี้เธอเข้าสายวิชาฉันมาหลายครั้งมากแล้ว ถ้ามีอีกเธอจะต้อง...” ยังพูดไม่จบอาจารย์ต้องชะงักเพราะสีหน้าของอากิแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่ารำคาญ เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้เป็นคนอย่างไรและเขาไม่ควรที่จะพูดมากไปกว่านี้
“เอ่อ...งั้นฉันจะลงโทษเธอ ไปวิ่งรอบสนาม 10 รอบ เอาล่ะส่วนคนที่เหลือตามฉันมาที่โรงยิมเล็ก วันนี้เราจะมีการฝึกแบบใหม่” อาจารย์พูดจบก็เดินนำนักเรียนจากโรงยิมใหญ่ไปที่โรงยิมเล็ก จนลืมไปเลยว่ายังมีนักเรียนที่มาสายอีกคนนั่นคือ มิยากิ
อากิเดินไปที่สนามเงียบๆ โดยไม่สนใจมิยากิที่เดินตามอยู่ด้านหลัง และเขาก็เริ่มวิ่งทันที
รอบที่ 1-3 สบายๆ ตอนนี้เขารู้สึกว่าการลงโทษของครูมันเด็กๆมากสำหรับเขา แม้แดดจะแรงแค่ไหนเขากลับไม่หวั่นเลยสักนิด
รอบที่ 4-5 ชิวๆ เรื่อยๆ เขารู้สึกโชคดีที่ไม่ต้องไปทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นๆในห้อง
รอบที่ 6-7 เริ่มเหนื่อยซะแล้วสิ มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าหากเขารู้สึกเหมือนกับตอนที่วิ่งรอบแรก
รอบที่ 8-9 อยากพักซะจริง เขาอยากจะหยุดและรีบไปดื่มน้ำให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ไม่ง่ายอย่างเขาคิดไว้ตั้งแต่แรก คอเริ่มแห้งแล้วต้องรีบวิ่งให้จบเร็วๆที่สุด
รอบสุดท้าย อีกเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้นที่เขาจะต้องอดทน
เขาวิ่งครบ 10 รอบแล้ว อากิรู้สึกเหนื่อยล้าและหาที่นั่งพักอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าในขณะนั่งลงไปได้ไม่ถึง 1 นาที เขากลับเห็นคนตัวเล็กวิ่งอยู่ ทั้งช้า และก็ดูเหนื่อยอะไรอย่างนี้นะ ผิวที่ขาวซีดอยู่แล้วกลับซีดลงไปอีก สีหน้าดูไม่ค่อยดีเอาซะเลย
“หมอนั่นเป็นผู้ชายแน่เหรอ” อากิพึมพำอยู่คนเดียว เพราะเขามองไปที่ร่างเล็กนั่นรู้สึกว่าไม่เหมือนเด็กผู้ชายเอาซะเลย ทั้งดูอ่อนแอแล้วก็หน้าตาที่น่ารักไม่รับกับการที่เป็นผู้ชายสักนิด
เขาจ้องมองร่างเล็กที่ดูเหมือนจะวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตรงไปยังมิยากิที่ตอนนี้สภาพล่อแล่เต็มที
“อย่าฝืนสิ ไม่ไหวก็ออกไปพัก ถ้าเป็นลมขึ้นมาฉันจะเดือดร้อนนะ” คำพูดของอากิอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ที่จริงแล้วเขาก็แอบห่วงมิยากิเหมือนกันเพราะด้วยความที่เป็นคนพูดดีไม่ค่อยเป็นจึงไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดอย่างไร
“แฮ่กๆ...แฮ่กๆ...ไม่...เป็นไรครับ...เหลือ...แค่...แฮ่กๆ...รอบเดียวเอง” มิยากิตอบทั้งๆที่หอบหายใจอย่างหนักและดูเหมือนว่าเขาแทบจะไม่ไหวอยู่แล้วแต่ก็ยังฝืนตัวเอง
“พอเถอะ ก็บอกแล้วว่านายจะทำให้ฉันเดือนร้อน” อากิที่เอือมละอากับความหัวแข็งของมิยากิเขาพูดพร้อมกับดึงข้อมือของมิยากิให้ออกจากสนามแต่ทว่าคนที่ถูกดึงนั้นกลับล้มทรุดลงจนทำให้อากิหันกลับไปมอง
ร่างเล็กที่หลับไม่ได้สติถูกอากิอุ้มพาไปที่ห้องพยาบาล อากิรู้สึกหงุดหงิดที่มิยากิดื้อรั้นทำอะไรไม่ดูสังขารตัวเอง เขาเป็นห่วงมิยากิมากจนทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกนี้ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้งๆที่เขาเพิ่งจะคุยกับมิยากิเพียงไม่ถึงวันด้วยซ้ำ
“โถ่เว้ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้นะ” อากิบ่นทั้งๆที่รีบพามิยากิไปที่ห้องพยาบาล
เมื่อมาถึงห้องพยาบาลอากิก็พบกับอาจารย์ที่ประจำอยู่ที่ห้องพยาบาล เป็นอาจารย์ที่หล่อมาก ดูหนุ่มเกินกว่าจะเป็นอาจารย์ด้วยซ้ำ
“เอ่อ...คือ...หมอนี่” อากิไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี ทั้งเขินทั้งอาย เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีเพื่อน ไม่เคยมีครอบครัว ไม่เคยดูแลใคร เขารู้สึกว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย
“พาเขาไปที่เตียงสิ” อาจารย์เห็นท่าทางของอากิก็พอจะเดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงตอบอากิด้วยสีหน้าอดขำไม่ได้
อากิพามิยากิมานอนที่เตียงก่อนจะหันไปมองอาจารย์ที่ยังเอาแต่อมยิ้ม ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“คุณยิ้มทำไม” อากิถามด้วยประโยคที่ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ทำให้อาจารย์ยิ่งหลุดขำออกมากว่าเดิม
“นายน่ะเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจล่ะสิ แล้วก็พูดดีไม่เป็นซะด้วย ทั้งที่มีนิสัยอ่อนโยนแต่กลับแสดงกิริยาก้าวร้าวออกมา” อาจารย์พูดไปยิ้มทำให้อากิหน้าแดงขึ้นมาจนต้องรีบกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง
“พูดเรื่องอะไร” อากิแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง
“รีบดูอาการหมอนี่สิ” เขาบอกอาจารย์ให้สนใจมิยากิ
อาจารย์จับชีพจรและตรวจดูร่างกายหลายๆอย่างแล้วก็หันมาพูดกับอากิ
“เลือดจางน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเขาไม่ได้อาการหนักขนาดที่ต้องตกใจ ให้พักไปเถอะฟื้นแล้วก็ดีขึ้นเองแหละ” อาจารย์ยิ้มให้กับอากิเพื่อคลายความเครียดให้เขาก่อนที่จะเดินไปหยิบอะไรบางอย่างที่โต๊ะ
“ไปล้างหน้าซะ จะได้สดชื่นแล้วรีบไปเรียนต่อได้แล้ว” อาจารย์ส่งผ้าเช็ดหน้าให้อากิพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
ทำไมกันนะ ทำไมอาจารย์คนนี้ถึงได้ใจดีนักล่ะ กับคนอื่นก็เป็นแบบนี้รึเปล่านะ อากิคิดในใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ได้เวลากลับบ้าน อากิรีบแวะไปที่ห้องพยาบาลทันทีเพื่อไปดูมิยากิ แต่พอเข้าไปก็พบว่านอกจากอาจารย์แล้วก็ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย
“เขากลับไปแล้วล่ะ พอดีพี่ชายที่อยู่ปี 3 มารับเขาน่ะ” อาจารย์พูดในขณะที่ในมือกำลังเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมจะกลับเช่นกัน
อากิได้ฟังก็รู้สึกโล่งใจจึงเดินออกจากห้องไป
“ให้ฉันไปส่งไหม” อาจารย์ถามอากิด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ
“ไม่ล่ะ” อากิตอบสั้นๆแล้วรีบเดินหนีไป เพราะรู้สึกว่าอาจารย์คนนี้กำลังคิดอะไรแปลกๆกับเขาอยู่แน่
อากิรีบกลับมาหาเจ้าลูกหมาที่อยู่ที่เดิม แต่ทว่าเขากลับไม่เจอมันเลย ในใจก็ได้แต่คิดว่ามันคงไปเล่นซนที่ไหนแน่
หรือว่าจะมีคนเก็บไปเลี้ยง เขาคิดในใจ
“อ้าว พ่อหนุ่ม คงจะมองหาลูกหมาที่อยู่ตรงนี้ประจำสินะ” หญิงชราคนหนึ่งพูดกับอากิเหมือนกับรู้ว่าอากิสงสัยเรื่องอะไร
อากิไม่ได้ตอบอะไรแต่แสดงออกผ่านสีหน้าแทนว่าอยากรู้
“มัน...ตาย...ไป...แล้ว...” หญิงชราพูดอย่างเนิบช้าแปลกๆ ก่อนจะค่อยๆกลายร่างเป็นตัวประหลาด ทำให้อากิตกใจอยู่ไม่น้อย
กายกรรมเหรอ!?
อากิแอบตั้งข้อสงสัยก่อนที่จะยืนมองอย่างไม่ได้กลัวอะไร ทั้งๆที่เมื่อกี้ตกใจเพราะคิดว่าเจออะไรแปลกๆ แต่พอนึกๆดูอีกทีก็คิดขึ้นได้ว่าความสมเหตุสมผลของเหตุการณ์นี้ก็คงจะได้ข้อสรุปว่า คุณยายกำลังเล่นกายกรรมอยู่แน่
แต่เวลาแบบนี้ เส้นทางเปลี่ยวๆแบบนี้น่ะเหรอ ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว
อากิเริ่มรู้สึกแปลกๆอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมเขาถึงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
“ขอ...พลังวิญญาณของเจ้ามาให้ข้า...” อากิเริ่มคิดได้ว่านี่คงไม่ใช่รายการอำกันเล่นแน่ๆ ก็เพราะเจ้าตัวประหลาดที่อยู่ข้างหน้านี้แขนมาเริ่มยาวขึ้นผิดปกติ หรือนี่จะเป็น ‘ปีศาจ’ ชั่ววูบความคิดของอากิเริ่มเขว เขาชักไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นมันคือสิ่งที่เขาไม่เชื่อมาโดยตลอด มันคือปีศาจจริงๆน่ะหรือ
พลั่ก!
อากิถูกแขนของเจ้าตัวประหลาดฟาดจนเขารู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่ประทะเข้ากลับหน้าท้องอย่างแรงจนจุกแทบหายใจไม่ออก เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ไม่สามารถจะทำได้ก็เพราะตอนนี้เขาไม่มีแรงที่จะหนีเลยสักนิด
สมองเริ่มคิดอะไรไม่ออก มันขาวโพลน อากิเริ่มรู้แล้วว่านี่คือปีศาจ ไม่ผิดแน่ ทั้งน่ากลัวทั้งมีกำลังมหาศาล เขาไม่มีอะไรจะไปสู้กับมันได้เลย แม้แต่แรงที่ใช้วิ่งหนียังไม่มี
เอาสิ เอาเลย ฆ่าฉันเลย ดีเหมือนกัน ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง ตายไปก็ดีแล้ว
อากิคิดในใจ ก่อนที่จะยอมรับกับความจริงแล้วหลับตาลงยอมให้เจ้าปีศาจมันกลืนกินตัวเขาไป
แต่ทว่าเขาสัมผัสได้ว่ากำลังมีบางอย่างเกิดขึ้น เขาลืมตาขึ้นช้าๆแต่ก็พล่ามัวไปหมด เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งผมยาวสีทองประกายแต่เห็นหน้าไม่ชัด ชายคนนั้นดูมีอำนาจอะไรบางอย่างจนน่าเกรงขาม แล้วปีศาจนั่นล่ะ มันหายไปแล้ว หายไป...
“เข้าสายอีกแล้วมิซารุ อากิ เทอมนี้เธอเข้าสายวิชาฉันมาหลายครั้งมากแล้ว ถ้ามีอีกเธอจะต้อง...” ยังพูดไม่จบอาจารย์ต้องชะงักเพราะสีหน้าของอากิแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่ารำคาญ เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้เป็นคนอย่างไรและเขาไม่ควรที่จะพูดมากไปกว่านี้
“เอ่อ...งั้นฉันจะลงโทษเธอ ไปวิ่งรอบสนาม 10 รอบ เอาล่ะส่วนคนที่เหลือตามฉันมาที่โรงยิมเล็ก วันนี้เราจะมีการฝึกแบบใหม่” อาจารย์พูดจบก็เดินนำนักเรียนจากโรงยิมใหญ่ไปที่โรงยิมเล็ก จนลืมไปเลยว่ายังมีนักเรียนที่มาสายอีกคนนั่นคือ มิยากิ
อากิเดินไปที่สนามเงียบๆ โดยไม่สนใจมิยากิที่เดินตามอยู่ด้านหลัง และเขาก็เริ่มวิ่งทันที
รอบที่ 1-3 สบายๆ ตอนนี้เขารู้สึกว่าการลงโทษของครูมันเด็กๆมากสำหรับเขา แม้แดดจะแรงแค่ไหนเขากลับไม่หวั่นเลยสักนิด
รอบที่ 4-5 ชิวๆ เรื่อยๆ เขารู้สึกโชคดีที่ไม่ต้องไปทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นๆในห้อง
รอบที่ 6-7 เริ่มเหนื่อยซะแล้วสิ มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าหากเขารู้สึกเหมือนกับตอนที่วิ่งรอบแรก
รอบที่ 8-9 อยากพักซะจริง เขาอยากจะหยุดและรีบไปดื่มน้ำให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ไม่ง่ายอย่างเขาคิดไว้ตั้งแต่แรก คอเริ่มแห้งแล้วต้องรีบวิ่งให้จบเร็วๆที่สุด
รอบสุดท้าย อีกเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้นที่เขาจะต้องอดทน
เขาวิ่งครบ 10 รอบแล้ว อากิรู้สึกเหนื่อยล้าและหาที่นั่งพักอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าในขณะนั่งลงไปได้ไม่ถึง 1 นาที เขากลับเห็นคนตัวเล็กวิ่งอยู่ ทั้งช้า และก็ดูเหนื่อยอะไรอย่างนี้นะ ผิวที่ขาวซีดอยู่แล้วกลับซีดลงไปอีก สีหน้าดูไม่ค่อยดีเอาซะเลย
“หมอนั่นเป็นผู้ชายแน่เหรอ” อากิพึมพำอยู่คนเดียว เพราะเขามองไปที่ร่างเล็กนั่นรู้สึกว่าไม่เหมือนเด็กผู้ชายเอาซะเลย ทั้งดูอ่อนแอแล้วก็หน้าตาที่น่ารักไม่รับกับการที่เป็นผู้ชายสักนิด
เขาจ้องมองร่างเล็กที่ดูเหมือนจะวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตรงไปยังมิยากิที่ตอนนี้สภาพล่อแล่เต็มที
“อย่าฝืนสิ ไม่ไหวก็ออกไปพัก ถ้าเป็นลมขึ้นมาฉันจะเดือดร้อนนะ” คำพูดของอากิอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ที่จริงแล้วเขาก็แอบห่วงมิยากิเหมือนกันเพราะด้วยความที่เป็นคนพูดดีไม่ค่อยเป็นจึงไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดอย่างไร
“แฮ่กๆ...แฮ่กๆ...ไม่...เป็นไรครับ...เหลือ...แค่...แฮ่กๆ...รอบเดียวเอง” มิยากิตอบทั้งๆที่หอบหายใจอย่างหนักและดูเหมือนว่าเขาแทบจะไม่ไหวอยู่แล้วแต่ก็ยังฝืนตัวเอง
“พอเถอะ ก็บอกแล้วว่านายจะทำให้ฉันเดือนร้อน” อากิที่เอือมละอากับความหัวแข็งของมิยากิเขาพูดพร้อมกับดึงข้อมือของมิยากิให้ออกจากสนามแต่ทว่าคนที่ถูกดึงนั้นกลับล้มทรุดลงจนทำให้อากิหันกลับไปมอง
ร่างเล็กที่หลับไม่ได้สติถูกอากิอุ้มพาไปที่ห้องพยาบาล อากิรู้สึกหงุดหงิดที่มิยากิดื้อรั้นทำอะไรไม่ดูสังขารตัวเอง เขาเป็นห่วงมิยากิมากจนทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกนี้ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้งๆที่เขาเพิ่งจะคุยกับมิยากิเพียงไม่ถึงวันด้วยซ้ำ
“โถ่เว้ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้นะ” อากิบ่นทั้งๆที่รีบพามิยากิไปที่ห้องพยาบาล
เมื่อมาถึงห้องพยาบาลอากิก็พบกับอาจารย์ที่ประจำอยู่ที่ห้องพยาบาล เป็นอาจารย์ที่หล่อมาก ดูหนุ่มเกินกว่าจะเป็นอาจารย์ด้วยซ้ำ
“เอ่อ...คือ...หมอนี่” อากิไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี ทั้งเขินทั้งอาย เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีเพื่อน ไม่เคยมีครอบครัว ไม่เคยดูแลใคร เขารู้สึกว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย
“พาเขาไปที่เตียงสิ” อาจารย์เห็นท่าทางของอากิก็พอจะเดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงตอบอากิด้วยสีหน้าอดขำไม่ได้
อากิพามิยากิมานอนที่เตียงก่อนจะหันไปมองอาจารย์ที่ยังเอาแต่อมยิ้ม ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“คุณยิ้มทำไม” อากิถามด้วยประโยคที่ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ทำให้อาจารย์ยิ่งหลุดขำออกมากว่าเดิม
“นายน่ะเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจล่ะสิ แล้วก็พูดดีไม่เป็นซะด้วย ทั้งที่มีนิสัยอ่อนโยนแต่กลับแสดงกิริยาก้าวร้าวออกมา” อาจารย์พูดไปยิ้มทำให้อากิหน้าแดงขึ้นมาจนต้องรีบกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง
“พูดเรื่องอะไร” อากิแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง
“รีบดูอาการหมอนี่สิ” เขาบอกอาจารย์ให้สนใจมิยากิ
อาจารย์จับชีพจรและตรวจดูร่างกายหลายๆอย่างแล้วก็หันมาพูดกับอากิ
“เลือดจางน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเขาไม่ได้อาการหนักขนาดที่ต้องตกใจ ให้พักไปเถอะฟื้นแล้วก็ดีขึ้นเองแหละ” อาจารย์ยิ้มให้กับอากิเพื่อคลายความเครียดให้เขาก่อนที่จะเดินไปหยิบอะไรบางอย่างที่โต๊ะ
“ไปล้างหน้าซะ จะได้สดชื่นแล้วรีบไปเรียนต่อได้แล้ว” อาจารย์ส่งผ้าเช็ดหน้าให้อากิพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
ทำไมกันนะ ทำไมอาจารย์คนนี้ถึงได้ใจดีนักล่ะ กับคนอื่นก็เป็นแบบนี้รึเปล่านะ อากิคิดในใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ได้เวลากลับบ้าน อากิรีบแวะไปที่ห้องพยาบาลทันทีเพื่อไปดูมิยากิ แต่พอเข้าไปก็พบว่านอกจากอาจารย์แล้วก็ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย
“เขากลับไปแล้วล่ะ พอดีพี่ชายที่อยู่ปี 3 มารับเขาน่ะ” อาจารย์พูดในขณะที่ในมือกำลังเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมจะกลับเช่นกัน
อากิได้ฟังก็รู้สึกโล่งใจจึงเดินออกจากห้องไป
“ให้ฉันไปส่งไหม” อาจารย์ถามอากิด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ
“ไม่ล่ะ” อากิตอบสั้นๆแล้วรีบเดินหนีไป เพราะรู้สึกว่าอาจารย์คนนี้กำลังคิดอะไรแปลกๆกับเขาอยู่แน่
อากิรีบกลับมาหาเจ้าลูกหมาที่อยู่ที่เดิม แต่ทว่าเขากลับไม่เจอมันเลย ในใจก็ได้แต่คิดว่ามันคงไปเล่นซนที่ไหนแน่
หรือว่าจะมีคนเก็บไปเลี้ยง เขาคิดในใจ
“อ้าว พ่อหนุ่ม คงจะมองหาลูกหมาที่อยู่ตรงนี้ประจำสินะ” หญิงชราคนหนึ่งพูดกับอากิเหมือนกับรู้ว่าอากิสงสัยเรื่องอะไร
อากิไม่ได้ตอบอะไรแต่แสดงออกผ่านสีหน้าแทนว่าอยากรู้
“มัน...ตาย...ไป...แล้ว...” หญิงชราพูดอย่างเนิบช้าแปลกๆ ก่อนจะค่อยๆกลายร่างเป็นตัวประหลาด ทำให้อากิตกใจอยู่ไม่น้อย
กายกรรมเหรอ!?
อากิแอบตั้งข้อสงสัยก่อนที่จะยืนมองอย่างไม่ได้กลัวอะไร ทั้งๆที่เมื่อกี้ตกใจเพราะคิดว่าเจออะไรแปลกๆ แต่พอนึกๆดูอีกทีก็คิดขึ้นได้ว่าความสมเหตุสมผลของเหตุการณ์นี้ก็คงจะได้ข้อสรุปว่า คุณยายกำลังเล่นกายกรรมอยู่แน่
แต่เวลาแบบนี้ เส้นทางเปลี่ยวๆแบบนี้น่ะเหรอ ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว
อากิเริ่มรู้สึกแปลกๆอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมเขาถึงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
“ขอ...พลังวิญญาณของเจ้ามาให้ข้า...” อากิเริ่มคิดได้ว่านี่คงไม่ใช่รายการอำกันเล่นแน่ๆ ก็เพราะเจ้าตัวประหลาดที่อยู่ข้างหน้านี้แขนมาเริ่มยาวขึ้นผิดปกติ หรือนี่จะเป็น ‘ปีศาจ’ ชั่ววูบความคิดของอากิเริ่มเขว เขาชักไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นมันคือสิ่งที่เขาไม่เชื่อมาโดยตลอด มันคือปีศาจจริงๆน่ะหรือ
พลั่ก!
อากิถูกแขนของเจ้าตัวประหลาดฟาดจนเขารู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่ประทะเข้ากลับหน้าท้องอย่างแรงจนจุกแทบหายใจไม่ออก เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ไม่สามารถจะทำได้ก็เพราะตอนนี้เขาไม่มีแรงที่จะหนีเลยสักนิด
สมองเริ่มคิดอะไรไม่ออก มันขาวโพลน อากิเริ่มรู้แล้วว่านี่คือปีศาจ ไม่ผิดแน่ ทั้งน่ากลัวทั้งมีกำลังมหาศาล เขาไม่มีอะไรจะไปสู้กับมันได้เลย แม้แต่แรงที่ใช้วิ่งหนียังไม่มี
เอาสิ เอาเลย ฆ่าฉันเลย ดีเหมือนกัน ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง ตายไปก็ดีแล้ว
อากิคิดในใจ ก่อนที่จะยอมรับกับความจริงแล้วหลับตาลงยอมให้เจ้าปีศาจมันกลืนกินตัวเขาไป
แต่ทว่าเขาสัมผัสได้ว่ากำลังมีบางอย่างเกิดขึ้น เขาลืมตาขึ้นช้าๆแต่ก็พล่ามัวไปหมด เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งผมยาวสีทองประกายแต่เห็นหน้าไม่ชัด ชายคนนั้นดูมีอำนาจอะไรบางอย่างจนน่าเกรงขาม แล้วปีศาจนั่นล่ะ มันหายไปแล้ว หายไป...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ