กุหลาบเพชร
8.8
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.33 น.
36 ตอน
3 วิจารณ์
36.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2559 21.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) สิ้นสุดความวุ่นวายในโรงเตี้ยม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ของทางการ และเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพก็มาที่โรงเตี้ยมเนื่องจากมีคนไปแจ้งว่ามีคนตายที่โรงเตี้ยมแห่งนี้ เจ้าหน้าที่กองปราบจากทางการสั่งให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรตรวจดูศพ แต่เจ้าหน้าที่ชันสูตรกลับมีอาการเงอะงะ ตื่นเต้น ไม่กล้ามองศพและ คล้ายกับทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อน จนทำให้เพ่ยอิงรู้สึกอึดอัดขัดใจจนทนไม่ไหว จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เป็นการเป็นงานว่า
"ขออนุญาติใต้เท้า ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ชันสูตรผู้นี้ยังใหม่และไร้ประสบการณ์ ขืนเป็นเช่นนี้เรื่องคงไม่จบสิ้นเสียที เพราะในที่เกิดเหตุมีคู่แม่ลูกที่ยืนเสียขวัญ จึงเห็นสมควรให้มีการเริ่มกระบวนการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ข้าขออนุญาติสรุปในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์และได้ตรวจสอบศพและหลักฐานสภาพแวดล้อมเบื้องต้นไว้แล้ว และท่านไม่ต้องกังวลว่าการแตะต้องศพและยุ่งกับหลักฐานในที่เกิดเหตุของข้าจะเป็นปัญหากับงานของท่าน เพราะข้าได้ใช้ถุงมือในการหยิบจับทุกสิ่ง เมื่อเวลาประมาณก่อนที่ท่านจะมาที่โรงเตี้ยมแห่งนี้ประมาณสองเค่อ (ประมาณ 30 นาที) ผู้ตายได้มานั่งสั่งอาหารที่โรงเตี้ยมแห่งนี้ หลังจากทานอาหารที่โรงเตี้ยมไปเพียงครู่เดียวเขาก็ล้มลงสิ้นใจตายทันที สภาพศพมีเลือดไหลออกมาจากจมูกและปาก มือเท้าเป็นสีม่วงคล้ำ หัวใจหยุดเต้นทันที ขากรรไกรแข็ง ร่างกายของผู้ตายไม่มีบาดแผลอื่นใด จากนั้นข้าได้ลองใช้ปิ่นเงินพิสูจน์ในอาหารของผู้ตาย พบว่าในอาหารที่เขาทานมีพิษผสมอยู่ หากท่านไม่มั่นใจใต้เท้าจะลองใช้เข็็มเงินพิสูจน์อาหารของเขาอีกรอบก็ได้ และนี้เป็นหลักฐานในย่ามสัมภาระของผู้ตายที่ข้าไปค้นเจอ มีตั๋วเงินจำนวนหนึ่งหมื่นตำลึง และจดหมายร้องเรียนอีกหนึ่งฉบับอยู่นี่ค่ะ"
มือปราบของทางการมองเพ่ยอิงด้วยแววตานึกทึ่งชื่นชมในรูปโฉมอันงดงามดุจ เทพธิดา การพูดจาคล่องแคล่ว ฉะฉานมีหลักการ ขั้นตอนการชันสูตรละเอียดไร้ช่องโหว่ ทั้งที่นางเป็นสตรีแต่ กลับกล้าที่จะตรวจสอบศพไร้ความตื่นตะหนก ราวกับผู้มีประสบการณ์ ก่อนจะรับหลักฐานมาจากมือของเพ่ยอิง
และเปิดจดหมายร้องเรียนของผู้ตายมาอ่านสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรใช้เข็มเงินพิสูจน์อาหารและพบพิษอยู่ในนั้นจริงดังที่หญิงสาวกล่าวจึง หันมาเอ่ยกับเพ่ยอิงว่า "ต้องโทษที่ข้าใช้คนไร้ประสบการณ์มาชันสูตร เพราะเห็นว่าอยากให้มาหาประสบการณ์แต่ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก ต้องขอบคุณแม่นางด้วยที่ช่วยตรวจสอบและให้การที่เป็นประโยชน์ ในอาหารของผู้ตายมีพิษอยู่จริงดังแม่นางว่า"
"ใครเป็นผู้ทำอาหารจานนี้ให้ผู้ตาย ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้!" เจ้าหน้าที่กองปราบเอ่ยปากถาม ก่อนที่เสี่ยวเอ้อจะออกมายอมรับด้วยน้ำเสียงสั่น อาการลนลาน
"เรียน..ต..ใต้เท้า ข้าเองขอรับ"
"อาหารที่เจ้าทำมีพิษจนทำให้คนถึงแ่ก่ความตาย เจ้าจะยอมรับผิดหรือไม่! ยอมรับมาเดี๋ยวนี้โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา"
"ข้า ฮือๆ ข้าทำเองขอรับใต้เท้า เถ้าแก่สั่งให้ข้าทำ เขาบังคับข้าขอรับ" เสี่ยวเอ้อรีบซัดทอดเถ้าแก่ทันที ในขณะที่ตัวเถ้าแก่ตวาดด้วยความโกรธ
"โกหก! ไอ้บัดซบเอ้ย สุนัขเลี้ยงไม่เชื่อง ใต้เท้าอย่าได้หลงเชื่อ"
"ข้าไม่ได้โกหกน่ะขอรับใต้เท้า ข้าไม่มีความแค้นและไม่เคยได้รู้จักชายผู้ตายมาก่อนแล้วข้าจะวางยาเขาได้ยังไง ถ้าเถ้าแก่ไม่บังคับ เขาบอกว่าถ้าข้าไม่ทำเขาจะฆ่าข้าน่ะขอรับ ฮือๆ"
เพ่ยอิงรีบให้การเพิ่มเติม "เรียนใต้เท้าก่อนที่ใต้เท้าจะมาที่นี่ข้าเห็น ทุกคนใน โรงเตี้ยมที่สั่งอาหารจากเสี่ยวเอ้อไม่มีใครเป็นอะไร จนกระทั่งผู้ตายมานั่งสั่งอาหารที่นี่ เถ้าแก่เดินเข้ามาและได้กระซิบสั่งการบางอย่างแก่เสี่ยวเอ้อแล้วจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นดังนั้นคำให้การของเสี่ยวเอ้อจึงมีมูลค่ะ และจากหลักฐานของผู้ตายที่พบจดหมายร้องเรียนเจ้ากรมการค้าต่อทางราชสำนัก ข้าคิดว่าใต้เท้าน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า เจ้ากรมการค้ามีหน้าที่ดูแลเก็บภาษีเกี่ยวกับการเปิดร้านค้าขายต่างๆโดยตรง จึงมีมูลเหตุมากพอที่เถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมจะมีส่วนในผลประโยชน์จนคิดกำจัดผู้ตายก่อนที่จะมีการร้องเรียนเกิดขึ้น หากใต้เท้าอยากทราบว่าเถ้าแก่จะมีส่วนรับผลประโยชน์หรือไม่ ข้าคิดว่าใต้เท้าน่าจะให้มีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของเถ้าแก่ผู้นี้ และดูจากสภาพศพของผู้ตายมีสภาพศพที่ตรงกับตำราพิษว่าเป็น 'พีชวง' นี่คะใต้เท้า"เพ่ยอิงนำตำราเกี่ยวกับพิษชนิดต่างๆส่งให้ใต้เท้าเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม และกล่าวเสริมว่า "ท่านสามารถให้คนของท่านไปถาม ตามร้านขายยาในระแวกนี้ว่ามีผู้ใดมาถามหายาพิษชนิดนี้ ที่มีลักษณะตรงกับเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมหรือไม่ก็จะทราบความจริงได้ค่ะ" เจ้าหน้าที่มือปราบแววตาเป็นประกายมองมาที่เพ่ยอิงไม่วางตา จนทำให้เฟยหลงมีสีหน้ากรุ่นโกรธหงุดหงิดมือกำหมัดแน่น ที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่กองปราบมีท่าทีสนใจเพ่ยอิง จนเฟยหนานที่นั่งอยู่ใกล้ๆ อดที่จะยิ้มขันในท่าทีของพี่ชายไม่ได้ เพราะตั้งแต่เป็นพี่น้องกันมา พี่ชายของเขาได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ที่เหี้ยมโหด เย็นชาและไร้หัวใจต่ออิสตรียิ่งนัก แม้แต่กับนางสนมของพระองค์ก็ได้รับการปฏิบัติที่แสนจะโหดร้ายและเย็นชายิ่ง แต่วันนี้หญิงสาวนางนั้นกับทำให้พี่ชายของเขา มีปฏิกิริยาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่จะว่าไปแล้วเขาเองก็เช่นกัน ที่แม้จะอยู่ในวังและเห็นสาวงามมามาก แต่ก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกใจสั่น และให้ความสนใจได้เท่ากับหญิงสาวใบหน้างดงามคมคายที่เป็นสหายกันนางนี้ และสายตาของเฟยหนานก็มองมาที่ปานตะวัน ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่กองปราบก็สั่งคนของตัวเองไปสืบข้อมูลจนในที่สุดก็ได้ทราบว่าเมื่อสามวันก่อนเถ้าแก่ได้ไปซื้อยาพิษพีชวง จากร้านขายยาร้านหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ก็ได้พาตัวเจ้าของร้านยา มาชี้ตัวเป็นพยานว่าเป็นเถ้าแก่ที่ซื้อยาจากร้านของเขาจริง
"มีพยานแบบนี้แล้วเจ้ายังจะแก้ตัวอยู่อีกหรือไม่" เจ้าหน้าที่กองปราบตวาดถามเถ้าแก่เสียงเข้ม แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมใช้มีดมาหยิบซ่อนไว้ในมือแล้ว วิ่งเข้าไปกระชากเด็กชายจากอกมารดาและจับเด็กเป็นตัวประกันอย่างรวดเร็ว เกินกว่าใครจะคาดคิด สถานการณ์ตึงเครียดทันที เพ่ยอิงแอบมาที่โต๊ะและปรึกษากับปานตะวัน
"ยัยวันพวกเราต้องรีบช่วยเด็กคนนั้นออกมาก่อน เดี๋ยวเธอช่วยดึงความสนใจเถ้าแก่คนนั้นให้ฉันหน่อยนะ" ปานตะวันพยักหน้ารับแล้วจึงทำทีเดินออกไปเกลี้ยกล่อมดึงความสนใจของเถ้าแก่ ในขณะที่เพ่ยอิงแอบมาที่กระเป๋าหยิบปืนสั้นรีบใส่กระสุนและเมื่อเห็นจังหวะที่พอเหมาะ อดีตร้อยตำรวจเอกหญิงก็ใช้ปืนสั้นยิงไปทีข้อมือของเถ้าแก่อย่างรวดเร็วแม่นยำ ปัง! กระสุนยิงเข้าใส่มือของเถ้าแก่จนทำให้มีดร่วงหลุดมือ ปานตะวันรีบอาศัยจังหวะดึงตัวเด็กชายตัวน้อยมาให้พ้นจากเถ้าแก่ อย่างรวดเร็วพร้อมกับตวัดขายกขึ้นถีบเถ้าแก่จนเซ และรีบพาเด็กมาส่งให้แม่ของเด็ก เพ่ยอิงยิงปืนอีกนัดเข้าสู่บริเวณไหล่ของเถ้าแก่จนร่างทรุดล้มลง จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ทางการควบคุมตัวไว้ได้ เจ้าหน้าที่กองปราบเอ่ยปากขอบคุณเพ่ยอิง ด้วยสายตาชื่นชมหลงใหลกับบุคลิกที่ดูสง่างามและรูปโฉมอันงดงามราวนางฟ้าส่งยิ้มหวานก่อนจะสั่งให้คนของตัวเองคุมตัวเถ้าแก่และเสี่ยวเอ้อไปไต่สวนและลงโทษต่อไปเจ้าหน้าที่กองปราบขอตัวลากลับไปอย่างเสียดาย เพราะยังอยากอยู่ที่นี่ต่อและคิดว่าหากมีโอกาสได้พบกับนางอีกคงดีไม่น้อย หลังจากสถานการณ์สงบเพ่ยอิงและปานตะวันก็กลับมาที่โต๊ะตัวเดิม เพ่ยอิงเก็บปืนเข้้าใส่กระเป๋าพร้อมกลับพูดกับปานตะวันอย่างปรารภ "เฮ้อ ตอนแรกฉันกะว่าจะชวนเธอกินอาหารและพักที่โรงเตี้ยมนี้ชั่วคราวตั้งหลักก่อน แต่ตอนนี้ทั้งเถ้าแก่ทั้งเสี่ยวเอ้อถูกจับไปหมดแล้ว เราคงต้องเปลี่ยนแผนไปที่อื่นกันและล่ะ"
"เออ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ ไม่นึกเลยแฮะว่ามาที่โลกนี้ไม่ทันไรก็ทำท่าว่าจะมีเรื่องวุ่นๆต้อนรับก่อนเลย แต่ก็สนุกดีเหมือนกันชีวิตมีสีสันดี แต่ฉันว่าวันนี้เธอน่าจะนึกถึงความหลังอดีตร้อยตำรวจเอกสาว ได้ชัดเจนที่สุดละมั้งฮึ เพ่ยอิง ทั้งมีการฆาตกรรม การชันสูตรศพ มีการช่วยเหลือตัวประกันครบสูตรเลยล่ะนะ เมื่อไหร่จะมีคิวให้ทหารหญิงอย่างฉันไปรบทัพศึกบ้างล่ะ"
"ขออนุญาติใต้เท้า ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ชันสูตรผู้นี้ยังใหม่และไร้ประสบการณ์ ขืนเป็นเช่นนี้เรื่องคงไม่จบสิ้นเสียที เพราะในที่เกิดเหตุมีคู่แม่ลูกที่ยืนเสียขวัญ จึงเห็นสมควรให้มีการเริ่มกระบวนการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ข้าขออนุญาติสรุปในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์และได้ตรวจสอบศพและหลักฐานสภาพแวดล้อมเบื้องต้นไว้แล้ว และท่านไม่ต้องกังวลว่าการแตะต้องศพและยุ่งกับหลักฐานในที่เกิดเหตุของข้าจะเป็นปัญหากับงานของท่าน เพราะข้าได้ใช้ถุงมือในการหยิบจับทุกสิ่ง เมื่อเวลาประมาณก่อนที่ท่านจะมาที่โรงเตี้ยมแห่งนี้ประมาณสองเค่อ (ประมาณ 30 นาที) ผู้ตายได้มานั่งสั่งอาหารที่โรงเตี้ยมแห่งนี้ หลังจากทานอาหารที่โรงเตี้ยมไปเพียงครู่เดียวเขาก็ล้มลงสิ้นใจตายทันที สภาพศพมีเลือดไหลออกมาจากจมูกและปาก มือเท้าเป็นสีม่วงคล้ำ หัวใจหยุดเต้นทันที ขากรรไกรแข็ง ร่างกายของผู้ตายไม่มีบาดแผลอื่นใด จากนั้นข้าได้ลองใช้ปิ่นเงินพิสูจน์ในอาหารของผู้ตาย พบว่าในอาหารที่เขาทานมีพิษผสมอยู่ หากท่านไม่มั่นใจใต้เท้าจะลองใช้เข็็มเงินพิสูจน์อาหารของเขาอีกรอบก็ได้ และนี้เป็นหลักฐานในย่ามสัมภาระของผู้ตายที่ข้าไปค้นเจอ มีตั๋วเงินจำนวนหนึ่งหมื่นตำลึง และจดหมายร้องเรียนอีกหนึ่งฉบับอยู่นี่ค่ะ"
มือปราบของทางการมองเพ่ยอิงด้วยแววตานึกทึ่งชื่นชมในรูปโฉมอันงดงามดุจ เทพธิดา การพูดจาคล่องแคล่ว ฉะฉานมีหลักการ ขั้นตอนการชันสูตรละเอียดไร้ช่องโหว่ ทั้งที่นางเป็นสตรีแต่ กลับกล้าที่จะตรวจสอบศพไร้ความตื่นตะหนก ราวกับผู้มีประสบการณ์ ก่อนจะรับหลักฐานมาจากมือของเพ่ยอิง
และเปิดจดหมายร้องเรียนของผู้ตายมาอ่านสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรใช้เข็มเงินพิสูจน์อาหารและพบพิษอยู่ในนั้นจริงดังที่หญิงสาวกล่าวจึง หันมาเอ่ยกับเพ่ยอิงว่า "ต้องโทษที่ข้าใช้คนไร้ประสบการณ์มาชันสูตร เพราะเห็นว่าอยากให้มาหาประสบการณ์แต่ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก ต้องขอบคุณแม่นางด้วยที่ช่วยตรวจสอบและให้การที่เป็นประโยชน์ ในอาหารของผู้ตายมีพิษอยู่จริงดังแม่นางว่า"
"ใครเป็นผู้ทำอาหารจานนี้ให้ผู้ตาย ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้!" เจ้าหน้าที่กองปราบเอ่ยปากถาม ก่อนที่เสี่ยวเอ้อจะออกมายอมรับด้วยน้ำเสียงสั่น อาการลนลาน
"เรียน..ต..ใต้เท้า ข้าเองขอรับ"
"อาหารที่เจ้าทำมีพิษจนทำให้คนถึงแ่ก่ความตาย เจ้าจะยอมรับผิดหรือไม่! ยอมรับมาเดี๋ยวนี้โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา"
"ข้า ฮือๆ ข้าทำเองขอรับใต้เท้า เถ้าแก่สั่งให้ข้าทำ เขาบังคับข้าขอรับ" เสี่ยวเอ้อรีบซัดทอดเถ้าแก่ทันที ในขณะที่ตัวเถ้าแก่ตวาดด้วยความโกรธ
"โกหก! ไอ้บัดซบเอ้ย สุนัขเลี้ยงไม่เชื่อง ใต้เท้าอย่าได้หลงเชื่อ"
"ข้าไม่ได้โกหกน่ะขอรับใต้เท้า ข้าไม่มีความแค้นและไม่เคยได้รู้จักชายผู้ตายมาก่อนแล้วข้าจะวางยาเขาได้ยังไง ถ้าเถ้าแก่ไม่บังคับ เขาบอกว่าถ้าข้าไม่ทำเขาจะฆ่าข้าน่ะขอรับ ฮือๆ"
เพ่ยอิงรีบให้การเพิ่มเติม "เรียนใต้เท้าก่อนที่ใต้เท้าจะมาที่นี่ข้าเห็น ทุกคนใน โรงเตี้ยมที่สั่งอาหารจากเสี่ยวเอ้อไม่มีใครเป็นอะไร จนกระทั่งผู้ตายมานั่งสั่งอาหารที่นี่ เถ้าแก่เดินเข้ามาและได้กระซิบสั่งการบางอย่างแก่เสี่ยวเอ้อแล้วจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นดังนั้นคำให้การของเสี่ยวเอ้อจึงมีมูลค่ะ และจากหลักฐานของผู้ตายที่พบจดหมายร้องเรียนเจ้ากรมการค้าต่อทางราชสำนัก ข้าคิดว่าใต้เท้าน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า เจ้ากรมการค้ามีหน้าที่ดูแลเก็บภาษีเกี่ยวกับการเปิดร้านค้าขายต่างๆโดยตรง จึงมีมูลเหตุมากพอที่เถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมจะมีส่วนในผลประโยชน์จนคิดกำจัดผู้ตายก่อนที่จะมีการร้องเรียนเกิดขึ้น หากใต้เท้าอยากทราบว่าเถ้าแก่จะมีส่วนรับผลประโยชน์หรือไม่ ข้าคิดว่าใต้เท้าน่าจะให้มีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของเถ้าแก่ผู้นี้ และดูจากสภาพศพของผู้ตายมีสภาพศพที่ตรงกับตำราพิษว่าเป็น 'พีชวง' นี่คะใต้เท้า"เพ่ยอิงนำตำราเกี่ยวกับพิษชนิดต่างๆส่งให้ใต้เท้าเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม และกล่าวเสริมว่า "ท่านสามารถให้คนของท่านไปถาม ตามร้านขายยาในระแวกนี้ว่ามีผู้ใดมาถามหายาพิษชนิดนี้ ที่มีลักษณะตรงกับเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมหรือไม่ก็จะทราบความจริงได้ค่ะ" เจ้าหน้าที่มือปราบแววตาเป็นประกายมองมาที่เพ่ยอิงไม่วางตา จนทำให้เฟยหลงมีสีหน้ากรุ่นโกรธหงุดหงิดมือกำหมัดแน่น ที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่กองปราบมีท่าทีสนใจเพ่ยอิง จนเฟยหนานที่นั่งอยู่ใกล้ๆ อดที่จะยิ้มขันในท่าทีของพี่ชายไม่ได้ เพราะตั้งแต่เป็นพี่น้องกันมา พี่ชายของเขาได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ที่เหี้ยมโหด เย็นชาและไร้หัวใจต่ออิสตรียิ่งนัก แม้แต่กับนางสนมของพระองค์ก็ได้รับการปฏิบัติที่แสนจะโหดร้ายและเย็นชายิ่ง แต่วันนี้หญิงสาวนางนั้นกับทำให้พี่ชายของเขา มีปฏิกิริยาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่จะว่าไปแล้วเขาเองก็เช่นกัน ที่แม้จะอยู่ในวังและเห็นสาวงามมามาก แต่ก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกใจสั่น และให้ความสนใจได้เท่ากับหญิงสาวใบหน้างดงามคมคายที่เป็นสหายกันนางนี้ และสายตาของเฟยหนานก็มองมาที่ปานตะวัน ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่กองปราบก็สั่งคนของตัวเองไปสืบข้อมูลจนในที่สุดก็ได้ทราบว่าเมื่อสามวันก่อนเถ้าแก่ได้ไปซื้อยาพิษพีชวง จากร้านขายยาร้านหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ก็ได้พาตัวเจ้าของร้านยา มาชี้ตัวเป็นพยานว่าเป็นเถ้าแก่ที่ซื้อยาจากร้านของเขาจริง
"มีพยานแบบนี้แล้วเจ้ายังจะแก้ตัวอยู่อีกหรือไม่" เจ้าหน้าที่กองปราบตวาดถามเถ้าแก่เสียงเข้ม แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมใช้มีดมาหยิบซ่อนไว้ในมือแล้ว วิ่งเข้าไปกระชากเด็กชายจากอกมารดาและจับเด็กเป็นตัวประกันอย่างรวดเร็ว เกินกว่าใครจะคาดคิด สถานการณ์ตึงเครียดทันที เพ่ยอิงแอบมาที่โต๊ะและปรึกษากับปานตะวัน
"ยัยวันพวกเราต้องรีบช่วยเด็กคนนั้นออกมาก่อน เดี๋ยวเธอช่วยดึงความสนใจเถ้าแก่คนนั้นให้ฉันหน่อยนะ" ปานตะวันพยักหน้ารับแล้วจึงทำทีเดินออกไปเกลี้ยกล่อมดึงความสนใจของเถ้าแก่ ในขณะที่เพ่ยอิงแอบมาที่กระเป๋าหยิบปืนสั้นรีบใส่กระสุนและเมื่อเห็นจังหวะที่พอเหมาะ อดีตร้อยตำรวจเอกหญิงก็ใช้ปืนสั้นยิงไปทีข้อมือของเถ้าแก่อย่างรวดเร็วแม่นยำ ปัง! กระสุนยิงเข้าใส่มือของเถ้าแก่จนทำให้มีดร่วงหลุดมือ ปานตะวันรีบอาศัยจังหวะดึงตัวเด็กชายตัวน้อยมาให้พ้นจากเถ้าแก่ อย่างรวดเร็วพร้อมกับตวัดขายกขึ้นถีบเถ้าแก่จนเซ และรีบพาเด็กมาส่งให้แม่ของเด็ก เพ่ยอิงยิงปืนอีกนัดเข้าสู่บริเวณไหล่ของเถ้าแก่จนร่างทรุดล้มลง จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ทางการควบคุมตัวไว้ได้ เจ้าหน้าที่กองปราบเอ่ยปากขอบคุณเพ่ยอิง ด้วยสายตาชื่นชมหลงใหลกับบุคลิกที่ดูสง่างามและรูปโฉมอันงดงามราวนางฟ้าส่งยิ้มหวานก่อนจะสั่งให้คนของตัวเองคุมตัวเถ้าแก่และเสี่ยวเอ้อไปไต่สวนและลงโทษต่อไปเจ้าหน้าที่กองปราบขอตัวลากลับไปอย่างเสียดาย เพราะยังอยากอยู่ที่นี่ต่อและคิดว่าหากมีโอกาสได้พบกับนางอีกคงดีไม่น้อย หลังจากสถานการณ์สงบเพ่ยอิงและปานตะวันก็กลับมาที่โต๊ะตัวเดิม เพ่ยอิงเก็บปืนเข้้าใส่กระเป๋าพร้อมกลับพูดกับปานตะวันอย่างปรารภ "เฮ้อ ตอนแรกฉันกะว่าจะชวนเธอกินอาหารและพักที่โรงเตี้ยมนี้ชั่วคราวตั้งหลักก่อน แต่ตอนนี้ทั้งเถ้าแก่ทั้งเสี่ยวเอ้อถูกจับไปหมดแล้ว เราคงต้องเปลี่ยนแผนไปที่อื่นกันและล่ะ"
"เออ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ ไม่นึกเลยแฮะว่ามาที่โลกนี้ไม่ทันไรก็ทำท่าว่าจะมีเรื่องวุ่นๆต้อนรับก่อนเลย แต่ก็สนุกดีเหมือนกันชีวิตมีสีสันดี แต่ฉันว่าวันนี้เธอน่าจะนึกถึงความหลังอดีตร้อยตำรวจเอกสาว ได้ชัดเจนที่สุดละมั้งฮึ เพ่ยอิง ทั้งมีการฆาตกรรม การชันสูตรศพ มีการช่วยเหลือตัวประกันครบสูตรเลยล่ะนะ เมื่อไหร่จะมีคิวให้ทหารหญิงอย่างฉันไปรบทัพศึกบ้างล่ะ"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ