กุหลาบเพชร
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.33 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2559 21.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) คดีฆาตกรรมในโรงเตี้ยม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกลุ่มของพวกนายทหารสามนายนั้น มาสังสรรค์ดื่มเหล้ากันแค่ชั่วพักใหญ่ก็พากันกลับไป ครู่เดียวก็มีผู้ชายคนหนึ่งมีย่ามสะพายสำภาระมาเพียงใบเล็กๆเดินเข้ามาภายในโรงเตี้ยม ต่อมาก็มีแม่ลูกคู่หนึ่งที่เป็นคุณแม่ยังสาวกับเด็กผู้ชายอายุราวๆสามสี่ขวบมานั่งกินที่โรงเตี้ยมนี้ด้วย เพ่ยอิงและปานตะวันไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้มาใหม่แต่อย่างใด หลังจากเสี่ยวเอ้อนำหมั่นโถวและน้ำชามาส่งให้พวกเธอ และการที่พวกเธอสั่งแค่หมั่นโถวกับน้ำชาสองที่เพราะ เนื่องจากก่อนที่จะถูกพามายังที่โลกยุคอดีต พวกเธอทานอาหารมากันบ้างแล้ว เพ่ยอิงและปานตะวันต่างคนต่างนั่งกินหมั่นโถวไปพลาง อ่านตำราหนังสือที่พวกเธอซื้อมากันไปพลางโดยไม่สนใจ สองหนุ่มโต๊ะข้างๆที่จับตามองดูพวกเธอด้วยความสนใจอยู่ตลอด
แล้วเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยม ก็เดินเข้ามาสั่งการคนของตัวเองเสียงดัง จนสองสาวละสายตาจากหนังสือ หันมาให้ความสนใจกับเถ้าแก่ผู้มาใหม่ เพ่ยอิงสังเกตุว่าเถ้าแก่ เหลือบสายตามองไปยังชายที่เข้ามาใหม่ครู่หนึ่งเธอเห็นเถ้าแก่คนนั้นเผยรอยยิ้มร้ายแบบแปลกๆ ก่อนจะขวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อมากระซิบบางอย่าง โดยที่เสี่ยวเอ้อมีอาการตกใจหน้าซีดส่ายหน้าอย่างกลัวๆแต่ก็ต้องก้มหน้ารับข้อความ จากนายของตนด้วยอาการที่เหมือนจำยอม เพ่ยอิงเพ่งมองกิริยาเหล่านั้นด้วยความสนใจเพราะรู้สึกโดยสัญชาติญาณของตำรวจ ว่ามีสิ่งพิรุธแปลกๆเกิดขึ้น
แต่แล้วเวลาผ่านไปก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อมีเสียงล้มตึงมาจากโต๊ะของชายที่เข้ามาใหม่ และมีเสียงกรีดร้องอย่างตกใจจากแม่ที่นำเด็กมาด้วย ทั้งร้านเกิดความวุ่นวายทันทีเมื่อชายที่เข้ามาใหม่ นั่งกินอาหารจากเสี่ยวเอ้อที่นำมาส่งเพียงครู่เดียวก็ล้มลงสิ้นใจตายทันที เมื่อมีคนตายที่คาดว่าน่าจะเป็นคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น ทำให้อดีตร้อยตำรวจเอกหญิงอย่างเพ่ยอิงอดที่จะทำหน้าที่ตำรวจตามความเคยชินของตัวเองไม่ได้ เธอรีบสั่งการคนในโรงเตี้ยมด้วยน้ำเสียงราบเรียบเฉียบขาด สั่งให้ทุกคนในโรงเตี้ยมที่กำลังวุ่นวายอยู่ในความสงบและสั่งห้ามไม่ให้เถ้าแก่และเสี่ยวเอ้อออกจากสถานที่เกิดเหตุ เพราะถือว่าเป็นผู้ต้องสงสัย และเดินไปที่หน้าโรงเตี้ยมเรียกให้คนข้างนอกรีบตามเจ้าหน้าที่ทางการมาที่โรงเตี้ยมเพราะมีคนตาย เฟยหลงนั่งมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสนใจ เพราะดูเหมือนว่านางจะไม่ตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแม้แต่น้อย และยังมีสติที่จะสั่งการผู้คนได้อย่างเหมาะสมรวดเร็ว ราวกับเป็นเรื่องที่นางคุ้นชินมานับไม่ถ้วนแล้ว
เพ่ยอิงรีบเดินมาเปิดกระเป๋าของตัวเองหยิบถุงมือมาสวม พร้อมกับเดินไปตรวจสภาพศพตามหน้าตาร่างกายของชายผู้นั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ล้วงปิ่นปักผมเงินที่ตัวเองซื้อมาจากร้านค้าในเมือง เดินไปจิ้มปิ่นเงินลงในอาหารของชายผู้ตายขึ้นมาดูด้วยสีหน้าครุ่นคิด สำรวจสัมภาระของผู้ตายตรวจดูสิ่งของต่างๆและกลับมานั่งที่โต๊ะ ปานตะวันถามเพื่อนสาวของตัวเองด้วยน้ำเสียงเบาแบบเดิมให้ได้ยินกันแค่สองคน โดยยังคงไม่รู้ตัวว่าสองหนุ่มฝึกยุทธหูดีโต๊ะข้างๆได้ยินชัดเจน "เป็นไงบ้างเพ่ยอิง"
เพ่ยอิงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบรวดเร็วว่า "ดูจากสภาพศพและลองใช้ปิ่นเงินพิสูจน์ดูแล้วชัดเจนว่า ผู้ตายโดนวางยาพิษในอาหารและแน่นอนว่านี่เป็นคดีฆาตกรรม จากการพิสูจน์ตามหลักฐานเท่าที่เห็นและจากการสังเกตุปฏิกิริยามั่นใจได้ว่า คนที่วางยาพิษคือเสี่ยวเอ้อคนนั้น ที่ถูกเถ้าแก่ที่เป็นเจ้านายสั่งการอีกทีเพราะก่อนที่จะมีการตายเกิดขึ้นฉันสังเกตุเห็นว่า เถ้าแก่เหลือบมองและยิ้มไปที่ผู้ตายแบบแปลกๆ และกระซิบสั่งการบางอย่างแก่เสี่ยวเอ้อโดยที่ ตัวเสี่ยวเอ้อเองมีสีหน้าตื่นตกใจกลัว แต่ก็ดูเหมือนถูกบังคับให้ต้องทำอย่างไม่เต็มใจ แล้วยิ่งเมื่อสังเกตุกิริยาของเถ้าแก่หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นตายแล้ว ถึงแม้จะแสร้งทำเป็นตื่นตกใจ แต่ก็ยังไม่เนียนพอที่จะปกปิดอาการดีใจของตัวเองได้อยู่ดี"
"แต่เรื่องนี้เถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยม คงเป็นผู้รับคำสั่งมาจากคนอื่นอีกต่อหนึ่งเพราะจากที่ฉันไปสำรวจสิ่งของ ของผู้ตายดูแล้วมีตั๋วเงินจำนวนมหาศาลกับจดหมายร้องเรียนปิดผนึกถึงราชสำนัก ฉันรองเปิดอ่่านดูแล้ว เนื้อความในจดหมายคือการยื่นเรื่องร้องเรียน เจ้ากรมการค้าพร้อมกับหลักฐานการรับสินบนที่ผู้ตายตั้งใจจะร้องเรียนไปยังราชสำนัก เมื่อผนวกเข้ากับการฆาตกรรมในครั้งนี้สันนิฐานว่า เจ้ากรมการค้าทำเรื่องทุจริตรับสินบนอย่างมิชอบจนทำให้ผู้ตายได้รับความเดือดร้อนและ คิดจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อราชสำนักแต่เจ้ากรมการค้าคงรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตายอยู่ก่อนแล้ว"
"จึงสั่งให้เถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมแห่งนี้ ที่คงมีผลประโยชน์ตอบแทนให้กัน หาทางกำจัดผู้ตายก่อนที่ผู้ตายจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อราชสำนัก แล้วจากนั้นเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมก็สั่งให้เสี่ยวเอ้อ วางยาพิษใส่ในอาหารของผู้ตาย ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่คดีที่สืบยากเย็นอะไรเลย เพราะมีหลักฐานที่บ่งบอกได้ชัดเจนทั้งมูลเหตุแรงจุงใจ ตั๋วเงินและหนังสือร้องเรียนที่มีต่อเจ้ากรมการค้าและยาพิษที่สามารถใช้เข็มเงินหรือปิ่นเงินตรวจสอบได้ชัดเจน ก็ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า เจ้ากรมการค้าคนนี้เป็นขุนนางกังฉินที่ทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ของตน และเป็นผู้สั่งการให้เถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมฆ่าผู้ตาย หากทางการสั่งให้มีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของเถ้าแก่โรงเตี้ยม และพบว่ามีหลักฐานตั๋วเงินที่ได้รับผลประโยชน์จากเจ้ากรมการค้าล่ะก็ คดีฆาตกรรมในครั้งนี้ก็ปิดลงได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ทางการด้วยนั่นแหละนะ ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฏหมาย ที่ซื่อตรงและมีความสามารถมากแค่ไหน เพราะไม่ว่าจะบ้านเมืองไหน มันก็ต้องมีพวกทุจริตประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ทั้งนั้นแหละ ยิ่งเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันถึงขุนนางในราชสำนักด้วยแล้ว หากผู้รักษากฏหมายไม่เที่ยงธรรมล่ะก็คดีฆาตกรรมที่สามารถจบได้ง่ายๆ ก็อาจผิดเพี้ยนไปได้เหมือนกัน" เฟยหลงนั่งฟังการสันนิฐานของหญิงสาวด้วยรอยยิ้มถูกใจ 'หึ หญิงจากโลกอื่นที่มีสติปัญญาความรู้ความสามารถไม่ด้อยกว่าชายชาตรีเลยแม้แต่น้อย นับว่าข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว นอกจากความงามราวนางสวรรค์ ยังมีสติปัญญาความสามารถที่เหนือล้ำไปกว่าหญิงสาวในแผ่นดินนี้ เจ้าทำให้นางสนมในวังของข้ากลายเป็นหญิงชั้นต่ำไร้ค่าไปทันทีเลยทีเดียว'
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ