กุหลาบเพชร
8.8
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.33 น.
36 ตอน
3 วิจารณ์
36.43K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2559 21.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) สองสาวต่างโลก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทางด้านเพ่ยอิงและปานตะวันหลังจากที่ออกจากป่า มาโผล่ในตัวเมืองด้วยความช่วยเหลือของเทพหนุ่ม หลังจากแวะเข้าร้านค้าและร้านหนังสือเพื่อซื้อ สิ่งของและหนังสือที่ตัวเองต้องการ เพ่ยอิงที่เหลือบไปเห็นป้ายชื่อโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง ก็เอ่ยปากชวนปานตะวันเข้าพักเพื่อสั่งอาหารและหาที่พักชั่วคราว เพราะยังหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้ตัวเองไม่ได้
"นี่ยัยวัน ฉันว่าพวกเราเข้าไปพักในโรงเตี้ยมแห่งนี้กันก่อนเถอะ พวกเรายังต้องใช้เวลาตั้งหลักและคิดหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้ตัวเอง ในระหว่างที่กำลังคิดว่าจะเอายังไงกันดี ก็อาศัยพักที่โรงเตี้ยมแห่งนี้แล้วจะได้สั่งอาหารกินกันด้วยไง"
เมื่อตกลงกันได้แล้วสองสาวก็เดินเข้ามาในโรงเตี้ยม และที่โรงเตี้ยมนี้ก็มีเฟยหลงเฟยหนาน นั่งสั่งอาหารอยู่ก่อนแล้ว และทันทีที่ชายหนุ่มทั้งสองได้เห็นหญิงสาวทั้งสองนาง ก็ต้องตะลึงงันไปเมื่อหญิงสาวสองนางที่เดินเข้ามาใหม่ต่างก็เป็นหญิงที่งดงามที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมา ทั้งที่พวกเขาอยู่ในวังก็ต้องได้พบสาวงามมากมาย โดยเฉพาะเฟยหลงที่เหล่านางสนมของเขาล้วนได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามทั้งสิ้น แต่ก็ยังไม่มีสนมนางใดงดงามเทียบเท่าหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าหวานละมุนดวงตาคมโตฉายความมั่นใจริมฝีปากสีชมพูเป็นธรรมชาติเป็นความงามที่ไร้การแต่งหน้าประทินโฉมใดๆ แต่กระนั้นก็ยังงดงามราวนางสวรรค์รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม จนแม้แต่เฟยหลงที่ได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ผู้แสนโหดเหี้ยมเย็นชาไร้หัวใจ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างที่ไม่เคยมอบให้นางสนมคนใดของเขามาก่อน
เช่นเดียวกับอ๋องเฟยหนานที่ ตาเป็นประกายจับจ้องกับหญิงสาวที่มีใบหน้าสวยคมคาย ท่าทางการเดินคล่องแคล้ว บุคลิกของนางดูคล้ายกับชายชาตรี ในขณะที่ทั้งสองหนุ่มตกตะลึงกันอยู่นั้น แต่ทางด้านสองสาวกลับไม่ได้สนใจ ที่จะสังเกตุมองมายังสองชายหนุ่มแต่อย่างใด สองสาวเลือกนั่งโต๊ะข้างๆถัดไปทางขวามือของที่ชายหนุ่มทั้งสองนั่งอยู่ โดยเลือกนั่งหันหน้าออกมาทางปากประตู ทั้งสองเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหารด้วยกันสองที่และก็เริ่มต้นสนทนากัน แม้จะเป็นการสนทนาที่ค่อนข้างเบาแต่เนื่องจาก สองหนุ่มโต๊ะข้างๆล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธจึงทำให้สามารถได้ยิน บทสนทนาของสองสาวโดยที่พวกเธอไม่รู้ตัว
"เพ่ยอิงเธอซื้อหนังสืออะไรมาอ่านเหรอ"
"อ๋อ... เป็นหนังสือเกี่ยวกับกฏหมายของที่นี่น่ะ ฉันกับเธอเป็นคนมาจากโลกมิติอื่นที่แตกต่างจากที่นี่ ในฐานะที่พวกเราถูกท่านเทพส่งให้มาอยู่ที่โลกแห่งนี้ ฉันก็อยากจะศึกษากฏหมายของทางนี้ จะได้ไม่เผลอไปทำผิดอะไรเข้าน่ะ ในเมื่อพวกเราต้องมาอยู่ที่นี่เริ่มต้นชีวิตใหม่กันแล้ว ในฐานะที่ฉันเคยเป็นตำรวจที่เคยทำหน้าที่เป็นผู้รักษากฏหมายมาก่อน แม้จะมาอยู่ในโลกที่ต่างจากเดิมแต่ก็ไม่อยากจะทำสิ่งใดผิดกฏของที่นี่ เพราะบ้านเมืองแต่ละที่ล้วนแต่มีกฏระเบียบด้วยกันทั้งนั้น และมันก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรู้เอาไว้นอกจากจะทำให้เราไม่หลงกระทำความผิดโดยไม่รู้ และยังเป็นการป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบ แล้วของเธอล่ะ ซื้อหนังสืออะไรมาอ่านเหรอ ถ้าให้ฉันเดานี่คงไม่พ้นหนังสือเกี่ยวกับการรบของทหารล่ะมั้ง"
"มันก็แน่อยู่แล้วสิ อดีตทหารหญิงยศพันตรีอย่างฉันจะมีอะไรให้สนใจไปกว่าเรื่องทางการทหารกันล่ะ ฉันอยากจะรู้ว่าทหารในยุคสมัยนี้เขามีวิธีฝึกการสู้รบกันยังไง แตกต่างจากการฝึกทหารของโลกที่พวกเราจากมากันยังไง ซึ่งเท่าที่อ่านดูแล้วรู้สึกว่าของที่นี่ จะเน้นเรื่องยุทธวิธีในการรบโดยการวางแผนที่สลับซับซ้อนกว่าในยุคของพวกเรา อาจจะเพราะว่าในสมัยนี้ยังไม่มีอาวุธที่ทันสมัย อานุภาพร้ายแรงมาใช้เหมือนยุคของพวกเรา จึงทำให้จำเป็นต้องวางแผนการกันให้แน่นอนลัดกุมกว่าเดิม เพราะของที่นี่จะรบโดยการใช้ดาบ หอกสู้กันบนหลังม้าถ้าพลาดพลั้งก็อาจหมายถึงชีวิต แต่ของฉันใช้ปืนระเบิดและอาวุธสงครามที่สามารถโจมตีได้จากระยะไกลแต่ประสิทธิภาพในการทำลายล้างจะร้ายแรงกว่ามาก จึงไม่ต้องวางแผนอะไรยุ่งยากเหมือนการรบของทหารที่นี่"
"หืม...พวกนางเป็นหญิงสาวที่มาจากโลกอื่นอย่างนั้นหรือ น่าสนใจจริงๆ"
"พะยะค่ะนอกจากพวกนางจะมีที่มาที่ไม่ธรรมดาแล้ว จากที่ฟังพวกนางสนทนากันแล้ว รู้สึกว่าพวกนางจะมีหน้าที่การงานที่รับผิดชอบเยี่ยงชายชาตรีอีกด้วยนะพะยะค่ะ เจ้าพี่"
สองหนุ่มต่างยิ้มพอใจที่แอบได้ยินบทสนทนาที่ทำให้รู้ความลับ ที่มาของสองสาวงามที่พวกตนให้ความสนใจ โดยที่ทั้งสองสาวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการสนทนากันด้วยน้ำเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน จะทำให้มีบุคคลอื่นแอบล่วงรู้เรื่องราวของพวกเธอ
"นี่ยัยวัน ฉันว่าพวกเราเข้าไปพักในโรงเตี้ยมแห่งนี้กันก่อนเถอะ พวกเรายังต้องใช้เวลาตั้งหลักและคิดหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้ตัวเอง ในระหว่างที่กำลังคิดว่าจะเอายังไงกันดี ก็อาศัยพักที่โรงเตี้ยมแห่งนี้แล้วจะได้สั่งอาหารกินกันด้วยไง"
เมื่อตกลงกันได้แล้วสองสาวก็เดินเข้ามาในโรงเตี้ยม และที่โรงเตี้ยมนี้ก็มีเฟยหลงเฟยหนาน นั่งสั่งอาหารอยู่ก่อนแล้ว และทันทีที่ชายหนุ่มทั้งสองได้เห็นหญิงสาวทั้งสองนาง ก็ต้องตะลึงงันไปเมื่อหญิงสาวสองนางที่เดินเข้ามาใหม่ต่างก็เป็นหญิงที่งดงามที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมา ทั้งที่พวกเขาอยู่ในวังก็ต้องได้พบสาวงามมากมาย โดยเฉพาะเฟยหลงที่เหล่านางสนมของเขาล้วนได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามทั้งสิ้น แต่ก็ยังไม่มีสนมนางใดงดงามเทียบเท่าหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าหวานละมุนดวงตาคมโตฉายความมั่นใจริมฝีปากสีชมพูเป็นธรรมชาติเป็นความงามที่ไร้การแต่งหน้าประทินโฉมใดๆ แต่กระนั้นก็ยังงดงามราวนางสวรรค์รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม จนแม้แต่เฟยหลงที่ได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ผู้แสนโหดเหี้ยมเย็นชาไร้หัวใจ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างที่ไม่เคยมอบให้นางสนมคนใดของเขามาก่อน
เช่นเดียวกับอ๋องเฟยหนานที่ ตาเป็นประกายจับจ้องกับหญิงสาวที่มีใบหน้าสวยคมคาย ท่าทางการเดินคล่องแคล้ว บุคลิกของนางดูคล้ายกับชายชาตรี ในขณะที่ทั้งสองหนุ่มตกตะลึงกันอยู่นั้น แต่ทางด้านสองสาวกลับไม่ได้สนใจ ที่จะสังเกตุมองมายังสองชายหนุ่มแต่อย่างใด สองสาวเลือกนั่งโต๊ะข้างๆถัดไปทางขวามือของที่ชายหนุ่มทั้งสองนั่งอยู่ โดยเลือกนั่งหันหน้าออกมาทางปากประตู ทั้งสองเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหารด้วยกันสองที่และก็เริ่มต้นสนทนากัน แม้จะเป็นการสนทนาที่ค่อนข้างเบาแต่เนื่องจาก สองหนุ่มโต๊ะข้างๆล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธจึงทำให้สามารถได้ยิน บทสนทนาของสองสาวโดยที่พวกเธอไม่รู้ตัว
"เพ่ยอิงเธอซื้อหนังสืออะไรมาอ่านเหรอ"
"อ๋อ... เป็นหนังสือเกี่ยวกับกฏหมายของที่นี่น่ะ ฉันกับเธอเป็นคนมาจากโลกมิติอื่นที่แตกต่างจากที่นี่ ในฐานะที่พวกเราถูกท่านเทพส่งให้มาอยู่ที่โลกแห่งนี้ ฉันก็อยากจะศึกษากฏหมายของทางนี้ จะได้ไม่เผลอไปทำผิดอะไรเข้าน่ะ ในเมื่อพวกเราต้องมาอยู่ที่นี่เริ่มต้นชีวิตใหม่กันแล้ว ในฐานะที่ฉันเคยเป็นตำรวจที่เคยทำหน้าที่เป็นผู้รักษากฏหมายมาก่อน แม้จะมาอยู่ในโลกที่ต่างจากเดิมแต่ก็ไม่อยากจะทำสิ่งใดผิดกฏของที่นี่ เพราะบ้านเมืองแต่ละที่ล้วนแต่มีกฏระเบียบด้วยกันทั้งนั้น และมันก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรู้เอาไว้นอกจากจะทำให้เราไม่หลงกระทำความผิดโดยไม่รู้ และยังเป็นการป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบ แล้วของเธอล่ะ ซื้อหนังสืออะไรมาอ่านเหรอ ถ้าให้ฉันเดานี่คงไม่พ้นหนังสือเกี่ยวกับการรบของทหารล่ะมั้ง"
"มันก็แน่อยู่แล้วสิ อดีตทหารหญิงยศพันตรีอย่างฉันจะมีอะไรให้สนใจไปกว่าเรื่องทางการทหารกันล่ะ ฉันอยากจะรู้ว่าทหารในยุคสมัยนี้เขามีวิธีฝึกการสู้รบกันยังไง แตกต่างจากการฝึกทหารของโลกที่พวกเราจากมากันยังไง ซึ่งเท่าที่อ่านดูแล้วรู้สึกว่าของที่นี่ จะเน้นเรื่องยุทธวิธีในการรบโดยการวางแผนที่สลับซับซ้อนกว่าในยุคของพวกเรา อาจจะเพราะว่าในสมัยนี้ยังไม่มีอาวุธที่ทันสมัย อานุภาพร้ายแรงมาใช้เหมือนยุคของพวกเรา จึงทำให้จำเป็นต้องวางแผนการกันให้แน่นอนลัดกุมกว่าเดิม เพราะของที่นี่จะรบโดยการใช้ดาบ หอกสู้กันบนหลังม้าถ้าพลาดพลั้งก็อาจหมายถึงชีวิต แต่ของฉันใช้ปืนระเบิดและอาวุธสงครามที่สามารถโจมตีได้จากระยะไกลแต่ประสิทธิภาพในการทำลายล้างจะร้ายแรงกว่ามาก จึงไม่ต้องวางแผนอะไรยุ่งยากเหมือนการรบของทหารที่นี่"
"หืม...พวกนางเป็นหญิงสาวที่มาจากโลกอื่นอย่างนั้นหรือ น่าสนใจจริงๆ"
"พะยะค่ะนอกจากพวกนางจะมีที่มาที่ไม่ธรรมดาแล้ว จากที่ฟังพวกนางสนทนากันแล้ว รู้สึกว่าพวกนางจะมีหน้าที่การงานที่รับผิดชอบเยี่ยงชายชาตรีอีกด้วยนะพะยะค่ะ เจ้าพี่"
สองหนุ่มต่างยิ้มพอใจที่แอบได้ยินบทสนทนาที่ทำให้รู้ความลับ ที่มาของสองสาวงามที่พวกตนให้ความสนใจ โดยที่ทั้งสองสาวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการสนทนากันด้วยน้ำเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน จะทำให้มีบุคคลอื่นแอบล่วงรู้เรื่องราวของพวกเธอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ