มาลย์มายา รีไรท์

9.8

เขียนโดย อาบตะวัน

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 12.34 น.

  13 ตอน
  11 วิจารณ์
  15.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558 13.56 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) "ต้น" เขาคือน้องมาลัย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ธารานอนมองสายน้ำเกลืออย่างเบื่อหน่าย นี่ก็ล่วงเข้าวันที่สองแล้วหลังจากออกจากป่าวันนั้น เมื่อคืนนี้เองที่ดาด้ามากระโดดเหยง ๆ บอกข่าวดีกับหล่อนว่า กรุ๊ปวีเอสพีตกลงจองที่พักกับผาดาวรีสอร์ทแล้ว ผู้จัดการสาวรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก โล่งใจไปหมด ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องที่ทุกคนปลอดภัยจากน้ำป่าวันนั้น ไม่รู้เป็นเพราะอะไรมาดลจิตดลใจให้คุณอิริคเลือกที่นี่ ธาราหันมองทางหน้าประตู ที่โต๊ะรับแขกภายในห้องพักมีของฝากมากมายกองอยู่ กระเช้าผลไม้จากคุณขวัญ ถุงผลไม้เยี่ยมไข้จากน้อง ๆ ในแผนก ไหนจะถุงอาหารของคนเฝ้าไข้อย่างดาด้ากับสบชัยที่กินเหลือไว้เป็นห่อ ๆ นั่นอีก

ธาราสะดุดตาเข้ากับช่อดอกไม้สีขาวบนโต๊ะ ดอกลิลลี่ช่อใหญ่สวยสะพรั่งยังแลดูสดใหม่

“จ๊ะเอ๋ เจ๊น้ำ ตื่นแล้วเหรอ”

ดาด้าเปิดประตูเข้ามาทักหน้ายิ้มแฉ่ง เจ้าหล่อนหันไปทำตาโตกับช่อดอกไม้ช่อโตนั้นเช่นเดียวกัน

“อุแม่เจ้า...จากใครกันเนี่ยเจ๊...สวยเว่อร์อ่ะ”

ธาราขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ชี้นิ้วรัวเร็วไปทางช่อดอกไม้

“เอามาดู ๆ”

ดาด้าแทบจะหอบวิ่งมาส่งให้ลูกพี่สาวถึงเตียง สีหน้าคนเคยป่วยแลดูกระตือรือร้นขึ้นอย่างฉับพลัน ขออย่าให้เป็นคุณขวัญนึกเฮี้ยนมาให้ของขวัญแบบนี้เลย.. เอาเป็นผู้ชายซักคนให้ชีวิตมันมีสีสันขึ้นซักหน่อยเหอะ ธาราภาวนาในใจ

“Hope you get better soon”

                                                   Eric

 

 

 

 

การ์ดสีแดงโชว์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อผู้ส่งติดหราแสดงความมั่นอกมั่นใจอยู่คู่กับดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่นั่น สองสาวจ้องมองกันตาค้างครู่หนึ่งก่อนจะพ่นลมออกทางจมูก ก้มหน้าหัวเราะกันจนหน้าแดง

“มันชักจะทะแม่ง ๆ อยู่นะ หัวหน้ากรุ๊ปคนเนี้ย...”

ดาด้ายิ้มเผล่ มองลูกพี่สาวยกมือที่ติดสายน้ำเกลือขึ้นสางผมเก้อ ๆ ยิ้มหน้าบาน

“หรือไงล่ะ ?”

ลูกพี่ย้อนถามเสียงสูง

“ ขนาดน้ำป่ายังมาทำอะไรความสวย ความเก่งของเจ๊ไม่ได้เลย”

ธารายักไหล่ พูดเชิด ๆ

“หนูว่า เป็นเพราะแผลบนหัวเจ๊มากกว่านะ เค้าคงรู้สึกผิด ที่ทำผู้จัดการฝ่ายขายรีสอร์ทเราหัวแตก เข้าโรง’บาลอ่ะ”

ดาด้าว่าทำตาใส ทำเอาสาววัย 26 ปีหุบยิ้ม หล่อนวางช่อดอกไม้กลับลงไปกับกองอาหาร

“เจ๊ฝากงานกับด้าต่อซักสองสามวันนะ”

ธาราว่า อีกกว่าสัปดาห์ที่กรุ๊ปใหญ่จะเข้ามาพักที่รีสอร์ท หญิงสาวอยากจะกลับไปปักษ์ใต้ เยี่ยมบ้านซักสามสี่วัน ลาป่วยแล้วต่อด้วยลาพักร้อนเสียเลย คุณขวัญคงไม่ว่าอะไรในเมื่อกลับมาอีกทีกรุ๊ปใหญ่จะเข้ามาอยู่ยาวเป็นเดือนขนาดนั้น กำไรรับหน้าฝนเห็น ๆ

 

จากเชียงรายสู่สุราษฎร์ฯ... รถสองแถวออกตัวตีฝุ่นตลบฟุ้งจากหน้าร้านอะไหล่รถยนต์ ขนาดห้องแถวสองคูหา ธาราเดินกึ่งวิ่งเข้ามาที่หน้าบ้าน เสียงตึง ๆ จากชั้นสอง สลับเสียงตะโกนโหวกเหวกระหว่างแม่กับพี่สาวทำให้หมวยคนเล็กต้องหยุดขึ้นเงยหน้ามอง

“แม่ แม่ขา น้ำกลับมาแล้วค่า”

ธาราตะโกนเรียกขึ้นไป แม่โผล่หน้ามาทางระเบียงพร้อมผ้าปิดจมูกสีลาย โบกมือที่มีถุงมือยางสีส้มทักทายลูกสาวคนเล็ก

“มาแล้วเหรอลูก มาดูเจ้รื้อของนี่ ของอันไหนจะเอาไม่เอาก็รีบขึ้นมาดูเร็วเข้า”

เสียงแม่ตะโกนดังอู้อี้ หญิงสาววางสัมภาระไว้ที่ออฟฟิศของเตี่ยก่อนจะขึ้นไปชั้นบน เจ๊ใหญ่กำลังรื้อห้องนอนเก่าที่ปัจจุบันใช้เป็นห้องเก็บของอย่างขะมักเขม้น ลังขนาดเล็กใหญ่ถูกเลื่อนออกมาจากที่ของมัน ตีฝุ่นฟุ้งกระจายไปถึงระเบียง

“ลังอันนั้นของแกหมดเลยยายน้ำ หนักโคตร.... ไปดูดิ๊ อันไหนจะเก็บอันไหนจะทิ้ง เจ๊จะเคลียร์บ้านหน่อย เก็บของไว้เยอะ บ้านใกล้พังแล้วเนี่ย”

เจ๊ใหญ่พูดผ่านผ้าปิดปากกันฝุ่น ฟังไม่ค่อยถนัดนัก ธาราเกาหัวแกรก อะไรเนี่ย...เพิ่งจะกลับมาถึงบ้านแท้ ๆ ยังไม่ทันได้พัก มาเจองานซะละ หล่อนแทรกตัวเองผ่านแม่ ผ่านข้าวของระเกะระกะในห้อง เข้าไปรื้อของในลังทีวีเก่า ข้าวของสมัยหล่อนยังเรียนหนังสือทั้งนั้น แต่เยอะขนาดนี้คงต้องรื้อเป็นชั่วโมง เฮ้อ...

“ของน้ำลังเดียวเหรอเจ๊”

“เยอะ ของแกอ่ะ ยัดใต้โต๊ะหนังสืออีกลัง”

เจ๊ชี้มือไปทางมุมห้องใกล้ห้องน้ำ ลังห่อกระดาษสีใบใหญ่ซุกอยู่ในนั้น ธาราเดินไปออกแรงลากมันออกมา ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกระดาษเปื่อยได้อายุขัยแล้ว หรือเพราะหล่อนออกแรงมากเกินไป ลังจึงได้ฉีกแควก...ของมากมายในนั้นทะลักออกมาตกกระจายเกลื่อนพื้น

“เอ๊า.... นี่ยังรกไม่พออีกรึไงนิ”

เจ๊ใหญ่บ่น แม่ยืนหัวเราะอยู่ข้าง ๆ ธาราได้แต่โคลงหัว ลำบากจริง ๆ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไปนอนเปิดแอร์ให้หายเหนื่อย นี่กลิ่นส้วมรถทัวร์ยังเหม็นติดเสื้อไม่หายเลย เจองานหนักงานยาวของจริงนะนี่

เสียงดนตรีอันคุ้นหู ดังขึ้นใกล้ ๆ ให้หญิงสาวหันไปมองหาที่มาของเสียง หน้าหนูเซรามิกสีน้ำตาลสามตัวยิ้มหวานนอนเอียงกะเท่เร่ปล่อยลานจากฐานกล่องดนตรีหมุนไปช้า ๆ ก่อนจะเงียบลง

ธารายิ้มน้อย ๆ มองหน้าเจ้าเพื่อนเก่าเคย “สนิท” อย่างดีใจ หล่อนหยิบมันขึ้นมาเช็ดฝุ่นบนหัวของพวกมันออกด้วยฝ่ามือ เมื่อกี่ปีมาแล้วนะที่หล่อนนอนฟังเสียงนี้ก่อนนอนทุกคืน มันช่วยกล่อมให้ใจคนเหงาสงบลงได้ทุกวัน กลบความเหงา เจือจางความคิดถึง และดึงความรักมากมายเข้ามาแทนที่...ก่อนที่ความผิดหวังในใจของหล่อนเองนั่นแหละ ที่ผลักดันเจ้าเพื่อนตัวน้อยเหล่านี้เข้าไปอยู่ในกล่องอย่างไม่ไยดี

หลายปีเชียวนะ ที่ไม่ได้เจอกัน

กองกระดาษเป็นตั้ง ๆ กองกระจัดกระจายอยู่ไม่ห่างกันนัก ธาราเอากล่องดนตรีหนูสามตัววางตักก่อนจะเขยิบไปเลือกดูกองกระดาษใกล้ ๆ ตัว มาพิจารณาทีละตั้ง อะไรบางอย่างมัดรวมกันอยู่ในถุงพลาสติกสีขาวหม่น ธาราจับออกมาดู สมุดเล่มสีชมพูก็เลื่อนหลุดออกมาจากปากถุง ตกอยู่ใกล้ ๆ เจ้าหนูสามตัวเหมือนมีใครมาจับวาง หน้ากระดาษในนั้นไม่ถึงกับเหลืองเก่า แต่มันก็เริ่มแข็งจนใกล้ “กรอบ” ธาราพลิกอ่านทีละหน้าอย่างเบามือ

ใครบางคนเคยพูดไว้ให้หล่อนจำได้..ตัวอักษรในไดอารี่เป็นเหมือนม้วนวีดีโอแห่งความทรงจำ ที่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพลิกหน้ากระดาษนั้นออกอ่าน ภาพแห่งความทรงจำในช่วงเวลานั้น มันก็จะย้อนกลับคืนมา คมชัด เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

ธารากำลังมองเห็นภาพนั้น เด็กหนุ่มผิวเข้ม นัยตาโศก ผมหยิกเป็นลอน รอยยิ้มแสนซุกซนขี้เล่น ได้ยินเสียงเรียกหล่อนเบา ๆ ราวกับเขายืนอยู่ไม่ไกล

“พี่น้ำครับ พี่น้ำคนสวยของต้น”

ต้น เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่น้ำได้พบเจอในวันรับน้องของมหาวิทยาลัย เจ้าของกล่องดนตรีหน้าหนูสามตัว และเป็นอดีตเจ้าของหัวใจของเธอตลอดสามปีที่เหลือในรั้วสีฟ้าแดนปักษ์ใต้

ต้นปีการศึกษา 2552

หน้าประตูมหาวิทยาลัยเนืองแน่นไปด้วยเหล่านิสิตชั้นปีที่สองที่จับกลุ่มกันพูดคุยสัพเพเหระ ในมือของแต่ละคนถือพวงมาลัยดอกไม้สดไว้มั่น ฝั่งตรงข้ามของประตูรั้ว ด้านหลังซุ้มอุโมงค์ทางมะพร้าวระยะทางราว ๆ 4 เมตรกว่า น้อง ๆ นิสิตปีหนึ่งกำลังยืนเข้าแถวรอกันอย่างตื่นเต้น ประเพณีรับขวัญน้องมาลัยได้เริ่มขึ้นแล้ว

“ที่นี่เค้าไม่มีพี่รหัส น้องรหัสกันหรือไงวะ ที่เชียงใหม่เค้าเรียกกันแบบนั้นนะ เท่จะตาย”

‘เล็ก’ สาวเหนือ รูมเมทสุดแบ๊วของแพรว พูดพลางขยับแว่นอย่างเหนื่อยหน่าย หล่อนมองดูคิวยาวเหยียดแล้วถอนใจ

“ก็ม.เราเค้าใช้พวงมาลัยไปคล้องคอน้องมาอ่ะ เราก็เรียกพี่มาลัยน้องมาลัย เก๋จะตาย ไม่ต้องให้ตัวเลขกำหนดด้วยว่าใครจะได้ใครเป็นพี่เป็นน้อง ใช้มาลัยคล้องเอาเลย ลุ้นดี เพี้ยง...ขอให้ได้น้องน่ารัก ๆ ทีเถอะ”

เจ๊สายใจตอบ ชะเง้อชะแง้รอดูคิวที่หดสั้นเข้า ๆ ด้วยใจระทึก มดแดงยืนพนมมือภาวนาอยู่ใกล้ ๆ

“สาธุ!!!...ไม่หล่อขอขาววะ!!”

เสียงตีกลองร้องเพลงจากกลุ่มรุ่นพี่ ดังเรียกความครึกครื้นไปทั่วบริเวณ ธาราในวัย 19 ปี ยืนทำหน้าขาวปากแดงอยู่ไม่ห่างจากกลุ่มเพื่อน ๆ ในมือของหล่อนกำพวงมาลัยดอกไม้สดไว้มั่น มดแดงเพิ่งจะคล้องคอรุ่นน้องไปหมาด ๆ หล่อนพา ‘น้องมาลัย’ เดินไปสักการะพระบรมรูปอันเป็นที่เคารพของขาวรั้วฟ้าขาว เด็กผู้หญิงบุคลิกทอมบอยตัวอ้วนกลมที่เจ้าหล่อนเพิ่งได้รับขวัญในฐานะน้องมาลัยคนแรกและคนเดียว คงทำให้จิตใจของมดแดงไม่ใคร่รื่นเริงเท่าไรนัก ธาราได้ยินแพรวกับเจ๊สายใจหัวเราะคิกคักกันอยู่ข้างหลัง

ร่างหนึ่งเดินกึ่งคลานออกมาจากซุ้มประตู รอให้คิวถัดไปอย่างธาราได้บรรจงคล้องพวงมาลัย รับขวัญ ‘น้องมาลัย’ ทันทีที่พ้นจากประตูซุ้ม ร่างนั้นก็ยืดตัวขึ้น เผยให้เห็นเด็กหนุ่มร่างสูง ผิวสีแทน หน้าตาคมเข้มแบบหนุ่มใต้ ทว่าลักยิ้มที่มุมปากทั้งสองข้างกลับทำให้เขาดูเป็นเด็กน่ารักสดใส รอยยิ้มนั้นตรึงสายตาของสาว ๆ รุ่นพี่อย่างแพรว เจ๊สาย ยัยเล็กและแน่นอน ธาราด้วย

“เฮ่ย..พี่มาลัยไม่มีสิทธิ์จีบน้องตัวเอง คนนี้ฉันจอง”

แพรวกระซิบ เล็กกับเจ๊สายกระแอมขึ้นดังๆ แต่ธาราไวกว่า

“พี่น้ำนะคะ”

“สวัสดีครับพี่น้ำ ผมชื่อต้นครับ มาจากหาดใหญ่”

แม้แต่เสียงก็ยังหล่อ เหล่ารุ่นพี่มองตามอย่างหลงใหล ธารารีบชักชวนให้ ‘น้องมาลัย’ของเธอไปยังพื้นที่อื่น อย่างน้อย ๆ เหล่าเพื่อน ๆ ผู้หิวโหยควรจะมีโอกาสได้คล้องคอน้องมาลัยของตัวเองและหยุดลามเลีย น้องมาลัยของหล่อนทางสายตาเสียที

การ์ดแผ่นน้อยปลิวออกมาจากสมุดบันทึกเล่มเก่า เรียกธาราให้กลับคืนจากภวังค์เมื่อวัยแรกรุ่น หญิงสาวถอนใจกับความทรงจำที่แสนน่ารัก ที่กลับมาสร้างความขมขื่นให้หล่อนอย่างไม่มีวันลืม

“ของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตผม คือรอยยิ้มของพี่...จาก ต้น(ไม่อยากเป็นแค่น้องมาลัย)”

หล่อนยัดการ์ดกลับเข้าไปในสมุดอย่างมีอารมณ์ก่อนจะโยนมันกลับเข้าไปในลังตามเดิม ไร้ประโยชน์ที่จะมานั่งคิดถึงคนแบบนั้นอีก เสียเวลาเปล่า

 

                  หลังจัดการกับมื้อเย็นอันแสนจะอิ่มหนำ ผัดเผ็ดปลากระเบนของแม่ยังรสดีกระแทกลิ้น กระเทือนทุกอารมณ์เหมือนเคย เจ๊ใหญ่หรือเจ๊ฟ้า พี่สาวคนโตขอตัวขึ้นไปจัดห้องต่อ ธาราก็อยากจะนอนพักเสียที

“พรุ่งนี้ ลื้อจะกลับแล้วเหรอ”

เตี่ยถาม กระแอมดัง ๆ ให้คอโล่ง เห็นแม่บอกว่า เตี่ยพยายามลดบุหรี่ลง แต่ดูอาการแล้ว ธาราอยากจะให้เตี่ยเลิกสูบไปเลยจะดีกว่า

“ยังค่ะเตี่ย น้ำจะอยู่ซัก 3 – 4วัน ช่วงนี้ลูกค้าไม่เยอะ อยากไปเจอเพื่อน ๆ ก่อน”

“เหรอ วันก่อนก็เห็นมาคนนึงนะ เพื่อนลื้อน่ะ ชื่ออะไรนะแม่ มาซื้ออะไหล่ที่ร้านก็มาถามหาน้ำ ว่าจะกลับเมื่อไหร่”

เตี่ยพูดเรื่อย ๆ แต่แม่ดูมีท่าทีอึดอัด นางเหลือบตาขึ้นจากหนังสือที่อ่านแวบหนึ่งก่อนจะพูดอ้อมแอ้ม

“ตาต้นน่ะ เขามาทำงานในเมือง เลยแวะมาถามถึงน้ำด้วย”

ธาราสะดุดบันไดเล็กน้อย ชื่อนี้โผล่ขึ้นมาอีกและ... หญิงสาวเดินขึ้นต่อไปโดยไม่พูดไม่จา ง่วงก็ง่วงเหนื่อยก็เหนื่อย ชีวิตสาววัย 26 ปีนี่มันมีอะไรน่าสนใจมั่งนะ นอกจากเรื่องงานการกับเรื่องผู้ชาย นี่ถ้าหล่อนได้อยู่ในพื้นที่ชุมชนมีผู้คนล้นหลามแบบสาวสังคมทั่วไป ชีวิตหล่อนคงจะมีสีสันมากกว่านี้ นี่อะไร วัน ๆ ผ่านไปโดยไร้สิ่งมีชีวิตเพศผู้ ไม่อยากจะพูด ว่าขนาดหมาแมวที่รีสอร์ท ยังเป็นตัวเมียเลย ครั้นจะมีผ่านมา ก็ดันเป็นแต่ของเก่า คนเก็บ ที่ไม่เคยแม้แต่จะได้เด็ด ได้ดม ได้อะไรทั้งสิ้น น่าเบื่อที่สุด

เสียงฟ้าร้องครืน ๆ ดังมาจากข้างนอก พอเริ่มค่ำ ฝนก็เริ่มตั้งเค้า ความจริงเป็นเรื่องดีของที่นี่ กลางวันอากาศทั้งร้อนทั้งเหนียว ฝนตกมาหน่อยอากาศก็จะเย็นสบายขึ้นมาบ้าง ธารามองผ่านประตูกระจกที่ระเบียงห้องของตัวเอง เห็นฝนเริ่มโปรยปรายลงมาผ่านท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม นาฬิกาบนผนังบอกเวลาใกล้สองทุ่ม ธารากระตุกสายตากลับมาที่หัวเตียงของตัวเอง กล่องดนตรีหน้าหนูสามตัววางอยู่ที่นั่น เจ้าหนูทั้งสามยิ้มหวานให้หล่อน หญิงสาวขมวดคิ้ว

ถ้าไม่ใช่แม่ก็ต้องเป็นเจ๊ฟ้าแน่ ๆ หวังดีประสงค์ร้ายหรือเปล่าเนี่ย ...

ประกายท้องฟ้าแปลบวาบทางระเบียง ก่อนจะมีเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงใหญ่ แม้จะดังไกล ๆ แต่คนกลัวฟ้าก็ตกใจไม่น้อย เงาใครบางคนเคลื่อนไหวข้างนอกระเบียง ในความมืด หล่อนเห็นเป็นเงาผู้หญิงราง ๆ

“เจ๊เหรอ...มาเอาอะไร”

ธาราตะโกนถามออกไป ระเบียงห้องของหล่อนกับพี่สาวอยู่ติดกัน อาจจะเป็นเจ๊ใหญ่หรือแม่ ที่มาหาหล่อนผ่านห้องพี่ก็เป็นได้

เสียงกรุ๋ง กริ๋ง ดังขึ้นที่หัวนอนของหล่อนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ธาราหันกลับมามองอย่างตกใจ กล่องดนตรีหน้าหนูสามตัวหมุนช้า ๆ ส่งเสียงดังเบา ๆ ทำไมลานจึงยังค้างอยู่ไม่รู้จักหมดเสียที ธารานึกสงสัย ในใจเริ่มหวาดหวั่น เมื่อตอนสายก็ทีหนึ่งแล้ว... หล่อนละความสนใจจากระเบียงห้องเดินกลับมาที่กล่องดนตรีหล่อนอยากพิจารณาใกล้ ๆ แม้จะรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ความแปลกใจและอยากรู้กลับมีอิทธิพลมากกว่า หล่อนเอื้อมมือไปจับกล่องดนตรีตั้งใจจะเอามาพิสูจน์ให้หายสงสัย

พรึบ!!

ไฟดับ! ไฟในห้องของธาราดับมืดสนิท แสงสว่างจากท้องฟ้าวาบขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงที่ระเบียงปรากฎตัวที่นั่น มองเห็นอย่างแจ่มชัดเมื่อห้องของหล่อนไร้แสงไฟ หล่อนมวยผมสูง สวมผ้าถุงยืนอยู่ตรงนั้น !!!

เสียงฟ้าร้องตามมาอีกครืนใหญ่ ธาราตกใจผงะถอยหลัง ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว นี่หล่อนตามมาถึงสุราษฎร์เลยเหรอ!!??!!

ผีชาวเขานี่ทุ่มเทจังนะ...ลงทุนนั่งรถทัวร์เหม็นส้วมมาจากเชียงรายด้วยกันเชียว

ธาราคิดแล้วก็ยังนึกกลัว เรื่องของสาวมะยีที่ดาด้าเล่ายังคงติดอยู่ในหัว..ในใจ สลัดยังไงก็ไม่ออก คิดถึงทีไรยังขนลุกขนชันไม่หาย นี่ก็ไม่รู้ว่ามีผีสิงอยู่ในรอยหัวแตกนี่ด้วยรึเปล่า!!???!!

หล่อนตัดสินใจเดินออกมาทางประตูหน้าห้อง เลี้ยวไปทางประตูห้องเจ๊ใหญ่ เคาะประตูห้องดัง ๆ สองทีแล้วรีบเปิดพรวดเข้าไปนั่งบนเตียงเจ๊อย่างรวดเร็ว

เจ๊ใหญ่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ หล่อนนุ่งผ้าถุงกระโจมอกลายปาเต๊ะ ขมวดผมขึ้นสูง จ้องกลับมามองหน้าน้องสาวอย่างงงงวย

“ผีหลอกมารึไง ยายน้ำ หน้าตื่นเชียว”

เจ๊ล้อแล้วยิ้มขำ หมวยเล็กมองภาพเบื้องหน้าแล้วก็อยากจะขำด้วย แต่ใจที่เต้นรัวทำเอาหล่อนพูดตะกุกตะกัก

“เจ๊....เมื่อกี้เจ๊ออกไปนอกระเบียงรึเปล่าอ่ะ”

“ออกดิ”

เจ๊ใหญ่ตอบสั้น ๆ เอาหน้าซุกอยู่ในตู้เสื้อผ้า โชว์หลังลายพร้อยส่งกลิ่นแป้งตรางูหอมเย็นฟุ้ง

“ก็ออกไปเอาผ้าขนหนูเข้ามานี่ไง ฝนมันจะตกอ่ะ แกไม่เห็นเหรอ”

ธาราผ่อนลมหายใจยาว ๆ ออกทางปาก มือทาบเบาที่หน้าอก ตกใจปอดแทบจะหลุดออกจากขั้ว แหม...แล้วทีตะโกนเรียกไปเมื่อกี้ก็ทำเฉย ทำเป็นไม่ได้ยินกันซะอย่างนั้น หญิงสาวโล่งใจแล้วฉุกสังเกตอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ทำไมห้องเจ๊ใหญ่ไฟไม่ดับล่ะ!!!!

“ห้องเจ๊ไฟไม่ดับเหรอ ทำไมห้องน้ำมันดับล่ะ??”

“ดับมั้งไม่รู้สิ ตอนเจ๊อาบน้ำก็ไม่สังเกตนะ มันมาแล้วนี่ แกลองกลับไปดูที่ห้องสิ”

เจ๊ใหญ่นั่งเช็ดผมหน้ากระจกตอบอย่างไม่ใส่ใจ ธาราลุกออกมาจากห้องหล่อน ได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมาแว่ว ๆ ว่า ถ้าพรุ่งนี้ว่าง มาช่วยรื้อของห้องเก่าต่ออีกนะ.... ธาราแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน พรุ่งนี้มีนัดกับยัยมดแดง คิดถึงนางจะแย่ มีเรื่องเมาท์เต็มไปหมดเนี่ย..

ธาราบิดประตูเปิดเข้าห้องตัวเองช้า ๆ เห็นแสงสว่างลอดออกมาก็ใจชื้น เสียงแอร์ดังหึ่ง ๆ ปนกับเสียงฝนข้างนอก มันดังกว่าที่ได้ยินในห้องพี่สาวเมื่อกี้นี้ หล่อนมองไปรอบห้องก็พบว่าประตูระเบียงเปิดอยู่

“อ่าว... ใครมาเปิดไว้ตอนไหนล่ะน่ะ”

ข้างนอกฟ้าร้องครืน ๆ ฝนตกหนักดูราวกับจะเป็นพายุเสียด้วย ธาราจิ๊กปากอย่างหัวเสีย ฝนจะสาดเข้าห้องนอนแล้วนั่น หล่อนเดินกระทืบเท้าตึง ๆระบายอารมณ์ระหว่างไปเลื่อนปิดประตูกระจก

“รำคาญจริง..จริ๊ง....นู่น นี่ นั่น ตลอดเวลา อะไรนักหนา”

แสงสว่างวาบที่ระเบียงทำให้มองเห็นผ้าแขวนอยู่ที่ราว ใครก็ไม่รู้ลืมไว้ ป่านนี้คงเปียกหมดแล้วแต่ทิ้งไว้แม่รู้เข้าก็จะโดนด่าเปล่า ๆ ธาราตัดสินใจเดินฝ่าฝนออกไปหยิบ เปียกบ้างอะไรบ้างก็ช่างปะไรเดี๋ยวก็ต้องได้อาบน้ำอยู่ดี

เงาใครบางคนเคลื่อนไหวเร็ว ๆ อยู่ข้างหน้า แถวฝั่งห้องเจ๊ใหญ่ หล่อนเห็นแค่ชายผ้ากับข้อเท้าก้าวฉับ ๆ หายไปทางประตูห้องข้าง ๆ ธาราจ้องมองอย่างแปลกใจ เมื่อกี้ชุดนอนที่เจ๊เลือกเป็นสีอะไรน้า ...ใช่สีดำลายแดงหรือเปล่า ??

ภาพที่เห็นก่อนจะหายไปจากสายตาเป็นแบบนั้น ข้อเท้าขาว ๆ กับชายผ้าสีดำตัดด้วยขอบสีแดง....

ฝนยังคงตกหนักอยู่อย่างนั้น ธารายืนค้างให้ตัวเปียกข้างนอกสักพักก่อนจะตัดสินใจ เดินไปดูที่ห้องข้าง ๆ เจ๊ใหญ่กำลังนอนกระดิกเท้าเล่นคอมอยู่บนเตียง ชุดสีชมพูแปร๋นทำให้ธาราเกาหัวแกรก หรือว่าหล่อนจะตาฝาดไปเอง หญิงสาวตัดสินใจลืมไปเสีย ก่อนจะเดินกึ่งวิ่งเหยาะ ๆ กลับมาที่ระเบียงห้องของตัวเอง แสงสว่างจากท้องฟ้าวาบขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สว่างจ้าจนธาราต้องหลับตาด้วยความกลัว หล่อนนั่งยอง ๆ ข้างประตูห้อง ปล่อยให้ฝนสาดเข้าหน้าตาหัวหูอย่างเต็มที่ เดี๋ยวก็จะอาบน้ำแล้ว รอเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ผ่านไปค่อยคลานกลับเข้าไปในห้องก็แล้วกัน

แต่ทว่าทุกอย่างกลับเงียบ.... ฟ้าไม่ร้อง ไม่มีเสียงฟ้าผ่าอะไรทั้งสิ้น

ฝนยังคงตกหนักต่อเนื่อง สาดมาที่หน้าและตัวของหญิงสาว ไม่ไหวละ ธาราคิด กลับห้องเลยละกัน

“อยู่ ๆ ฝนมาตกอย่างงี้ได้ไงนะ”

เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นข้างตัว ธาราลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจ ท่ามกลางสายฝนหล่อนมองเห็นเด็กหนุ่มยืนค้ำหัวหล่อนอยู่

ธาราลูบหน้าที่เปียกฝน เปิดทัศนียภาพให้แจ่มชัดขึ้น เด็กหนุ่มจริง ๆ ด้วย

“ต้น!!”

“เราจะกลับหอยังไงกันดีเนี่ย พี่น้ำ”

ธชาหรือต้น หนุ่มรุ่นน้องยืนปาดน้ำฝนออกจากหน้า สายตาจับจ้องที่สายฝนอย่างครุ่นคิด ธาราขยับลุกขึ้นยืนก็พบว่าส่วนบนของร่างกายโขกเข้ากับหลังคาเหล็กเสียงดัง โป๊ก

“เอ๊า พี่น้ำ ลุกขึ้นยืนทำไม นั่งนิ่ง ๆ สิครับ”

ธาราหันมองไปรอบ ๆ ตัว อย่างประหลาดใจสุดขีด เพราะหล่อนกำลังนั่งอยู่ในป้อมยามเก่า ด้านหน้าเป็นถนนลาดยาง ด้านข้างเป็นอาคารเรียน และด้านหลังเป็นประตูทางลัดออกไปสหกรณ์หน้ามหาวิทยาลัย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนี่!!!

ฝนไม่ตกโดนตัวหล่อนแล้ว แม้ว่าข้างนอกนั่นสายฝนจะกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสายกระแทกลงหลังคาป้อมยาม เสียงดังกราวเกรียวเหมือนเทลูกปัดลงบนสังกะสีเป็นถัง ๆ ธารานั่งอยู่บนเก้าอี้เหล็กตัวเก่าภายในป้อม ต้นยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวเธอ เอาหลังตัวเองบังน้ำฝนให้

ธาราจำเหตุการณ์นี้ได้ มันเคยเกิดขึ้นกับหล่อนเมื่อหลายปีมาแล้ว เวลาพลบค่ำ ที่ไกลสายตาผู้คน กับน้องมาลัยสุดหล่อ ในวันที่ทั้งมหาวิทยาลัยรู้กันโดยทั่วแล้ว ว่าหล่อนกำลังคบอยู่กับรุ่นพี่หนุ่มชาวกรุง หล่อนิด เข้มหน่อย แถมขึ้นชื่อว่าขี้หึงบรรลัย

“น้ำเริ่มขึ้นแล้วครับพี่น้ำ”

เอาล่ะสิ… มหาวิทยาลัยติดทะเลอย่างนี้ แน่นอนว่าทุกครั้งที่ฝนลงหนัก ๆ น้ำมันไหลลงทะเลไม่ทัน ก็มักจะเอ่อขึ้นท่วมพื้นเสมอ ธาราจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หล่อนกำลังมองเห็นภาพตัวเองทำพลาดมหันต์ ในปีนั้น วันที่ฝนตกหนัก ในวันที่น้ำท่วมขังบนพื้นถนน ธาราเผลอตัวปล่อยใจไปกับการยอมขึ้นขี่หลังน้องมาลัยขณะเดินข้ามถนนที่เจิ่งนองด้วยน้ำสูงขนาดครึ่งแข้งกลับไปที่หอพัก ด้วยเหตุผลกระแดะหรืออะไรไม่รู้ได้ นึกขึ้นมาแล้วหล่อนยังรู้สึกเกลียดตัวเองไม่หาย ที่ในวันต่อมา ก็มีข่าวเรื่องพี่มาลัยน้องมาลัยมาแอบสวีทบนถนนสายเปลี่ยวตอนค่ำ ๆ เป็นเหตุให้หล่อนทะเลาะกับพี่เค และเลิกกันในเวลาต่อมา แน่นอน ความสัมพันธ์ของหล่อนกับพ่อหนุ่มยิ้มสวย ก็เริ่มขึ้นตั้งแต่คืนนี้แหละ

ใช่ !!! มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ไม่สิ ไม่มีวันเกิดขึ้นเลยต่างหาก..

ธารานึกถึงเหตุการณ์หัวแตกกับเจ้าก้าบ ที่หล่อนคิดว่ามันเป็นความฝัน แต่แล้ว มันกลับไม่ใช่ หล่อนย้อนเวลาได้ และหล่อนจะแก้ไขมันเสีย เรื่องราวระหว่างหล่อนกับธชาจะต้องไม่มีวันเกิดขึ้น

“มืดแล้วนะครับ เราลุยน้ำกลับกันทั้งอย่างนี้เลยดีมั้ย ฝนก็เริ่มซาลงแล้วนี่”

ธชาเอ่ยขึ้นก่อน เขาหันมามองหน้าเด็กสาวยิ้ม ๆ

“พี่น้ำเดินไหวไหมเนี่ย ให้ผมแบกไปไหมครับ น้ำสูงเหมือนกันนะ”

เขาบุ้ยปากไปทางถนนเบื้องหน้าซึ่งลาดลงต่ำสุดปลายทางที่สายตามองเห็น น้ำขังเจิ่งขึ้นสูงราวครึ่งแข้ง แน่นอนว่า สำหรับผู้หญิงร่างเล็กอย่างธาราหล่อนต้องเปียกอย่างน้อย ๆ ก็จากรองเท้ามาถึงขากางเกงล่ะ

“ไม่เป็นไรหรอก พี่เดินเองได้ เอาของมาด้วย เดี๋ยวถือเอง”

หล่อนตอบห้วน ๆ โดยไม่มองหน้าคนถาม แต่คนตัวสูงก็ก้มหน้าลงมายิ้มเผล่ให้สาวเจ้าตกใจเล่น ๆ

“เจ็บขาอยู่นะ ผ้าพันแผลเปียก แผลเน่า ขาลายไม่รู้ด้วยนะครับ”

เด็กหนุ่มยิ้มล้อ ธารารีบก้มมองดูขาตัวเอง ต่ำจากกางเกงสามส่วนลงไป มีผ้าก๊อซสีขาวพันแน่นอยู่ใต้เข่าขวาเล็กน้อย เมื่อลุกขึ้นขยับก็พบว่ารู้สึกเจ็บ นี่หล่อนไปโดนอะไรมานะ

“ไปกันเถอะครับพี่น้ำ เดี๋ยวมืดพวกผมจะโดนว้ากแล้ว ผมไม่อยากโดนว้ากเดี่ยว พี่ช้างโคตรโหดเลย”

เขาทำหน้าเหยเก มือข้างหนึ่งพยุงแขนธาราให้ออกมาจากป้อมยามที่หลบฝน ธาราเขยิบตัวหนี

“ไปก็ไปสิ พี่เดินเองได้ เดินเลย เร็วเข้า เดี๋ยวไม่ทัน โดนว้ากไม่รู้ด้วยนะ”

หล่อนพูดรัวเร็ว ถอดรองเท้าแตะมาถือไว้ มองแผลที่ขาอย่างงง ๆ จำไม่ได้ว่ามายังไง แต่ก็ไม่แคร์ แค่แผลเน่า ดีกว่าโดนเมาท์ไปตลอดอย่างที่ผ่านมา แถมยังต้องกลายมาเป็นแฟนหมอนี่อีก ไม่ ๆๆ มันจะต้องเปลี่ยน อดีตจะต้องเปลี่ยน

ธาราเดินกะเผลก ๆ ลุยน้ำไปอย่างไม่แคร์คนข้างหลัง น้ำเริ่มซึมเข้าแผลจนรู้สึกแสบ แต่ชีวิตที่ผ่านมา ผ่านร้อนหนาวมาหลายปีแล้ว หล่อนเคยเจ็บมากกว่านี้หลายเท่า แค่น้ำเข้าแผลแค่นี้เอง สบายมาก

“นี่พี่น้ำโกรธอะไรผมรึเปล่าเนี่ย”

ธชาลุยน้ำตามมาถามอย่างสงสัย ที่จู่ ๆ พี่มาลัยคนสวยก็ทำหน้ามึนตึง อย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทั้งสองยังคุยกันถูกคอ ทั้งระหว่างทางเดินกลับจากร้านหนังสือ จนกระทั่งมาหลบฝนด้วยกัน นี่เขาเผลอทำอะไรให้หล่อนโกรธหรือเปล่านี่

“เปล่านี่...ไม่ได้โกรธ”

“ไม่โกรธก็หันมาคุยกันก่อนสิครับ”

สีหน้าเด็กหนุ่มเริ่มฉายแววกังวล เขาเดินตามเด็กสาวแบบกระชั้น มือสองข้างทั้งถือหนังสือ ทั้งหิ้วรองเท้า ชายกางเกงกีฬาสีดำเปียกน้ำไปเรียบร้อยแล้ว คนตัวสูงไม่ยอมละสายตาไปจากหน้าเล็ก ๆ ที่ดูไร้อารมณ์นั้น สายฝนยังคงพรำลงมาไม่ขาดสาย ทัศนียภาพเบื้องหน้าเริ่มดูมืดมัว เมื่อน้ำขึ้น ไฟถนนก็ดับ ธารามองไปไกลอีกนิด หล่อนเห็นว่าที่สุดถนนใกล้อาคารหอพักนั้น ไม่มีน้ำขังแล้ว การเดินลุยน้ำมันเชื่องช้าและหล่อนก็ไม่อยากให้ธชาคอยตื๊ออยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้ หล่อนอยากไปให้ถึงฝั่งนั้นเร็ว ๆ  ไปให้ห่าง ๆ จากน้ำเสียงและแววตาของเขา พระเจ้า ขอบคุณที่ฟ้ามันมืด หล่อนไม่อยากจะสบเข้ากับดวงตาคู่นี้เลย ใจมันสั่นไหวไปหมด หล่อนเคยเจอมาแล้ว และก็แพ้มาแล้วด้วย

“พี่น้ำครับ”

ธชาดึงแขนหล่อนไว้อย่างหมดความอดทน ธาราขยับตัวหนีแต่เขากลับจับแขนหล่อนแน่นขึ้น ธาราจึงได้แต่เบี่ยงหน้าหลบ

“เอ๊ะ... พี่น้ำครับเศษด้ายอะไรติดที่ใต้ตาพี่น่ะครับ”

เด็กหนุ่มทำน้ำเสียงประหลาดใจ เขาทำท่าเอี้ยวตัวมองหน้าหล่อน ธาราชะงักฟัง และพยายามยกไหล่ขึ้นถูหน้าตัวเอง

ธชาอมยิ้ม พยักเพยิดบอกทิศทางให้ธารา

“นั่นแหละครับ ๆ ด้ายสีแดง ๆ แปลกจัง เมื่อตะกี๊ไม่เห็นมี”

ด้ายสีแดง!!

ธาราหันขวับ

“จริงเหรอต้น ด้ายสีแดงเหรอ ตรงไหน”

หล่อนว่าพลางก้มหน้าลงถูไปมากับไหล่ ธชาหัวเราะ

“พี่น้ำช่วยผมถือหน่อยของครับ”

เขายื่นถุงหนังสือให้ ธารารับมาแต่โดยดีพลางยื่นหน้าให้เด็กหนุ่มอย่างกระตือรือร้น

“เส้นสีแดงครับ เล็กนิดเดียว พี่น้ำหลับตานะครับ”

หล่อนหลับตาอย่างว่าง่าย รู้สึกถึงมือเย็น ๆ ประคองหน้าหล่อนขึ้นเบา ๆ ปลายนิ้วเขี่ยที่แก้ม และริมฝีปากเย็น ๆ ประกบเข้าที่ริมฝีปากของเธอ ธาราลืมตาขึ้นทันที กระตุกตัวเองหนีแต่เด็กหนุ่มโอบรัดหล่อนเข้ากับตัวเขา กดริมฝีปากเย็นเยียบแต่นุ่มนวลลงไปอย่างกระชับและเนิ่นนาน

ธาราเกือบเคลิบเคลิ้มไปกับท่าทีนุ่มนวลของเขา ก่อนที่ภาพในความทรงจำในห้องนอนแคบ ๆ ของชายหนุ่มปรากฎขึ้น ภาพหญิงสาวผิวคล้ำสวย นั่งยิ้มอยู่ในห้องนอนของเขา ภาพที่ผุดขึ้นมาเพียงแว่บเดียวแต่สะกิดแผลในใจของหญิงสาวให้เจ็บจี๊ดขึ้นมาโดยฉับพลัน หล่อนสะบัดตัวเองให้หลุดจากพันธนาการของเขา

“เด็กบ้า!”

หล่อนทิ้งของทั้งหมดลงบนน้ำอย่างไม่ไยดี ก่อนจะจ้ำก้าวขาเจ็บ ๆ ให้พ้นเขตน้ำนองไปเท่าที่กำลังของหล่อนจะทำได้ให้เร็วที่สุด

นี่ขนาดเป็นเด็กอายุ 18 เขาอายุแค่ 18 เท่านั้นเองนะ แล้วในวันนั้นล่ะ วันที่เขาไม่ได้เด็กเท่านี้ ในห้องสองคนกับผู้หญิงคนนั้น วันที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกับผู้หญิงรุ่นพี่อย่างเธอแล้ว ...เขาจะทำอะไรกันมากกว่านี้อีกไหม พ้นวันนี้ไป หล่อนจะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหมอนี่อีกใช่ไหม หล่อนจะไม่มีอดีตอะไรกับเขาอีก พอกันที...

ธชามองท่าทีของหญิงสาวอย่างตกใจ เขาก้มลงเก็บถุงหนังสือและขนมที่เพิ่งซื้อมาจากพื้นน้ำนองช้า ๆ สองขายาว ๆ ยังก้าวตามหญิงสาวไปไม่ห่าง

ธาราเดินพ้นเขตที่ลุ่มมาแล้ว หล่อนวางรองเท้าแตะลงสวมแล้วเดินต่อบนพื้นถนนลาดยางต่อไป ข้างหน้าใกล้ ๆ หอพักมีแสงไฟ หล่อนต้องรีบไปที่นั่น ธารากุมที่หัวใจตัวเอง ใจยังสั่น หล่อนรู้สึกว่าหล่อนมือเย็นเฉียบ แน่นอน...เพราะตัวหล่อนเปียกฝนนี่นา แต่ทำไม ใบหน้าถึงร้อน หล่อนรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวไปหมด ขอบตาก็ร้อน

“พี่น้ำครับ รอต้นก่อน”

เสียงเด็กหนุ่มร้องเรียกตามมาอย่างร้อนรน แต่ธาราไม่ยอมหันกลับไปมอง

ร่างใครคนหนึ่งตะคุ่ม ๆ   อยู่บริเวณก่อนถึงหอพักชาย ใต้แสงไฟจากหลอดนีออนบนถนน เขานั่งอยู่ข้าง ๆ รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนกำลังมีปัญหากับมันอยู่ ธาราจำแผ่นหลังและท้ายทอยของเขาได้แม่นยำ

“ก้าบ!!”

นนทภัทรหันมาตามเสียงเรียก เขาลุกขึ้นยืนแทบจะทันทีที่เห็นสาวเพื่อนร่วมก๊วน มือของเขาข้างหนึ่งถือหัวเทียนรถมอเตอร์ไซค์อีกข้างมีผ้าเปื้อนคราบน้ำมัน ทั้งมือและแขนขาของเขาดูไม่ค่อยสะอาดชวนมองเท่าใดนัก แต่ธารารู้สึกยินดีมากที่เจอเขา

“ก้าบ มาทำอะไรที่นี่น่ะ”

ธาราร้องถามเสียงร้อนรนจนคนตัวสูงแปลกใจ เพื่อนหนุ่มกวาดตามองไปด้านหลังเห็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องก็มีสีหน้าตื่น ๆ ในอารมณ์ของคนที่ไม่ปกติเช่นเดียวกัน นนทภัทรคลายมือลงจากอุปกรณ์ซ่อมมอเตอร์ไซค์ของเขา หันมายิ้มและพูดเรื่อยๆกับคนตรงหน้าอย่างไม่คนไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

“รถเสียน่ะ น้ำคงเข้าไปในท่อ แกจะไปไหนเนี่ย มืด ๆ ค่ำ ๆ”

“จะกลับหอน่ะ แกไปส่งฉันหน่อยสิ จูงไปก็ได้นะ ไปส่งที”

ธาราลนลานพูด มีธชาขยับตัวอย่างอึดอัดอยู่ด้านหลัง เด็กหนุ่มยืนถือถุงพลาสติกใส่หนังสือซึ่งตอนนี้มันเปียกจนไม่เหลือสภาพของหนังสือใหม่ แต่ดูเหมือนธาราจะไม่สนใจมันเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่นานหล่อนดูดีใจนักหนา ที่หนังสือนวนิยายเล่มต่อเรื่องโปรดวางตลาดแล้ว

“พี่น้ำครับเราคุยกันก่อนได้มั้ยครับ”

เด็กหนุ่มพูดเสียงแหบพร่า ธาราไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง หล่อนพยายามอย่างยิ่งที่จะส่งสายตาเป็นนัยให้นนทภัทรเข้าใจและช่วยพาหล่อนออกไปให้พ้นจากไอ้เด็กรูปหล่อบ้าคนนี้เสียที แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายในคืนเดือนมืดอย่างนี้

“เออ... นั่นสิไอ้น้ำ น้องแกเค้าจะคุยด้วย แกจะมารีบกลับหอทำไมตอนนี้วะ”

นนทภัทรพูดเสียงเรียบ เอาผ้าเช็ดคราบน้ำมันที่เกาะหนาตามนิ้วมือ สบตาทั้งสองคนเป็นระยะ ธาราพยายามขยิบตาซ้ำ ๆ

“ฉันว่าจะคุยกะแกเรื่องสอบน่ะ ป่ะ ไปส่งฉันหน่อย”

“สอบอะไร?? สอบเสร็จหมดแล้วเนี่ย ไม่งั้นแกจะไปหาซื้อนิยายมาอ่านทำไม บ้าเปล่าไอ่น้ำ”

เพื่อนหนุ่มโคลงหัว ทำท่าจะนั่งลงซ่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจต่อไป ธารานึกอยากเขกกะโหลกเขาซักโป๊ก ไม่รู้ว่าเขาโง่จริง ๆ หรือแกล้งโง่ หรือจงใจจะแกล้งหล่อนกันแน่

“ฉันหิว ... ไปกินข้าวด้วยหน่อย... นะ ฉันอยากกินข้าวกะแกน่ะ”

เจ้าก้าบเงยหน้าขึ้นจ้องตากับเพื่อนคนสนิท มองตาที่คนตรงหน้าตั้งใจขยิบจนดูเหมือนจะเป็นโรคชักกะตุก เขาเลื่อนตามองไปข้างหลัง ธชาดูจะไม่วางตาจากพี่มาลัยคนสวยของเขาเลย แววตานั้นฉายความกังวลให้เห็นอย่างเด่นชัด นนทภัทรลุกขึ้นยืน ถอนใจยาว ๆ

“เฮ้อ...น้ำท่วม รถก็สตาร์ทไม่ติด แกจะมาวุ่นวายอะไรกะเราตอนนี้เนี่ย..ไอ้น้ำ กลัวผีเหรอ กลัวแกก็เดินกลับไปหาอะไรกินกะน้องมาลัยแกซี่ ไป”

เขาเท้าสะเอว บิดขี้เกียจหาวอ้าปากกว้าง

“ขอบคุณครับพี่ก้าบ นะครับพี่น้ำ เดี๋ยวต้นไปส่งหาอะไรกินกัน นะ .. ต้นก็หิว”

ธชายิ้มพูดรัวเร็วอย่างดีใจ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน เด็กหนุ่มทำเป็นลูบท้องนิ่วหน้า ถุงหนังสือเปียกน้ำที่มือแกว่งไปมาน้ำหยดตามขาเด็กหนุ่มเป็นทาง แต่ดูเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันแม้แต่น้อย ธารายังไม่ละสายตาจากนนทภัทร หล่อนเห็นเขากระตุกยิ้มที่มุมปาก ยักคิ้วใส่หล่อนอย่างไม่ใส่ใจความทุกข์ร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น ธาราทำปากขมุบขมิบสาปเขาอย่างแค้นเคือง

หนอย...อีก้าบ อีไม่หล่อ อีใจดำ อีตูดเหม็น (เฮ้ย!!) จำไว้เลยนะ!!!

ธชาค่อย ๆ เอื้อมมือมาจับแขนเด็กสาวอย่างเบามือ ใจคอเด็กหนุ่มพลอยหวั่นไหว นี่เขาตัดสินใจทำพลาดมหันต์เลยใช่มั้ย พี่มาลัยที่น่ารักของเขาถึงได้มึนตึงเฉยชากับเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมา ก่อนอย่างนี้

ธาราเฉยมากจริง ๆ หล่อนดึงแขนกลับโดยไม่แม้แต่จะหันไปมอง ช่างหัวมัน ใครไม่ช่วยก็อย่าช่วย กลับเองก็ได้วะ .... ขาข้างที่เจ็บก็ยังรู้สึกเจ็บ แต่ที่ใจก็เจ็บเหมือนกัน แม้จะแยกไม่ออกว่าเจ็บเพราะสาเหตุอะไรแต่ก็รู้สึกเจ็บ ธาราเดินลากขาไปตามถนนเพื่อกลับหอพัก ทางแยกข้างหน้าพาเอางงอยู่ เอาตรง ๆ หล่อนก็แอบลืมว่าตอนนี้ ปีนี้ หล่อนพักอยู่ที่ไหน หออะไร แต่ก็เดินไปก่อน เดินไปให้ไว เสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มยังตามกระชั้นชิด ธชายังคงตามง้องอนหล่อนอย่างไม่ลดละ ธารารู้สึกถึงขอบตาที่ร้อนผ่าว หล่อนสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะหยุดเดิน ...

“ต้น ... พอได้ละ กลับไปที่หอต้นเถอะ พี่กลับของพี่เองได้”

หญิงสาวตัดสินใจพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน เด็กหนุ่มเห็นหล่อนหยุดจึงรีบเดินวกเข้ามายืนตรงหน้า สบตาสาวเจ้าอย่างอ้อนวอน

“ต้นรักพี่น้ำนะครับ พี่น้ำโกรธต้นเหรอ”

คนตัวสูงพูดเสียงแผ่ว หญิงสาวขอบตาร้อนเริ่มรื้นด้วยน้ำตา คนอยากพูด... เขาก็ได้พูด คนอยากทำ... เขาก็ได้ทำ ทำวันนี้ ...ตอนนี้ ตอนที่เป็นที่จุดเริ่มต้น เริ่มต้นอย่างนั้นหรือ ธาราคิด อกแน่นตันเหมือนหายใจไม่ค่อยออก แล้วคนที่มาจากปลายทางอย่างหล่อนล่ะ ได้จดจำ ซึมซับความเจ็บปวดไว้นานแล้ว หล่อนมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกแตกต่างจากวันแรกที่ถูกสารภาพรักแบบนี้หรือเปล่า แม้จะรูปแบบแตกต่างกัน แต่สถานการณ์ก็ไม่ยอมเปลี่ยน แววตาคู่นี้ หล่อนจำได้ มือคู่นี้ หล่อนก็จำได้ คนคนนี้ที่หล่อนเคยรักและทำร้ายหล่อน หล่อนก็จำได้ นี่หล่อนควรจะยอมปล่อยให้อดีตมันส่งให้อนาคตมันได้  ‘เป็น’ อย่างที่มัน ‘เป็น’ อยู่แล้วไหม

เสียงมอเตอร์ไซค์ดังเหมือนคนแก่ไอโขลก ๆ มาจากถนนด้านหลัง ก่อนจะผ่อนความเร็วและเบรกแฉลบที่ใกล้ ๆ หนุ่มสาวทั้งคู่

นนทภัทรนั่นเอง!!

“ลืมบอกแกไปว่ะไอ้น้ำ นิกกี้มันเอากล้วยมาจากบ้านเยอะเลย จะฝากเอาไปให้มดแดงกะเจ๊สายด้วย แกแวะไปเอากับเราแป๊บดิ ว่าจะไปเองก็ขี้เกียจดอดขึ้นหอหญิงเองอีก เสี่ยง”

เขาพูดเรื่อย ๆ สีหน้าราบเรียบจริงจัง ธารามองค้อนหน่อย ๆ แบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียก ตบหัวแล้วลูบหลัง แหม..เขาขยิบตาขอให้ช่วยแทบตาย ทำเป็นไม่สนใจ แล้วทีอย่างนี้ทำเป็นมาช่วย ... ชิ .. อีก้าบ

“แล้วเมื่อกี๊ก็ไม่บอก”

หล่อนว่าทำหน้าตึง ส่งสายตาจิกกลับไปอย่างรู้กัน เจ้าก้าบยักไหล่ มองดูเพื่อนสาวกระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์คันเก่ง แหม...เจ้าหล่อนยังมีแก่ใจชายตามองหนุ่มรุ่นน้องอีกนะ เจ้าเด็กหนุ่มธชายืนอ้ำอึ้งเป็นใบ้กินอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าโต้อะไรออกไป กฎการรับน้องมหาลัยมีกันอยู่แล้ว ทุกคนรู้ดี “รุ่นพี่เป็นใหญ่ รุ่นน้องมีสิทธิ์เป็นศูนย์” หือ... ก็เจ็บ !!

ธาราจึงเป็นอิสระจากพื้นที่ตรงนั้นมาอย่างง่ายดาย…

นนทภัทรเหวี่ยงมอเตอร์ไซค์ออกมาทางด้านหลังมหาวิทยาลัย น้ำขังตามหลุมบ่อบนถนน ทำให้ต้องตวัดมอเตอร์ไซค์หลบไปหลบมาฉวัดเฉวียน ธาราดึงเสื้อเขาไว้แน่น ดาวบนฟ้าแลดูสวยจัง หญิงสาวเหม่อมอง ขณะลมตีปะทะหน้าผากเย็นรื่น เนื้อตัวก็รู้สึกหนาว… เสื้อผ้ายังเปียกอยู่เลย

“แกคิดอะไรของแกวะน้ำ”

จู่ ๆ นนทภัทรก็เอ่ยขึ้น

“หือ…คิดอะไรเหรอ”

“ก็เรื่องน้องต้นนี่ไง… อะไรของแกเนี่ย แล้วพี่เคอ่ะ เกิดเค้ารู้แกจะทำยังไง”

ไอ้ก้าบผ่อนความเร็วลง ลดความแรงของลมให้เสียงคุยกันของทั้งคู่ชัดขึ้น ธาราถอนหายใจแรง ๆ

“ฉันไม่สนใจพี่เคเท่าไหร่หรอก”

ใช่… ไม่สนใจจริง ๆ นะ หล่อนไม่เคยนึกเสียใจหรือเสียดายอะไรกับรุ่นพี่คนนี้เลย การได้มาคบกับเขาก็เหมือนเป็นอุบัติเหตุแห่งความอ่อนเยาว์ ไร้เดียงสาและความเกรงใจรุ่นพี่เท่านั้น เขาใช้ความเป็นรุ่นพี่มาขอแกมบังคับให้รุ่นน้องอย่างหล่อนมาเป็นแฟน เป็นมาตั้งหลายเดือน ยังไม่เห็นจะรู้สึกว่ารุ่นพี่หนุ่มคนนี้จะรักหล่อนตรงไหน เผลอ ๆ ยังพยายามจะล่วงเกินหล่อนด้วยซ้ำ ไม่น่าปลื้มเลยซักนิดเดียว

“ส่วนเรื่องต้น …ฉันก็ไม่ได้สนใจน้องเค้าเลยนี่ แกก็เห็น ฉันไม่อยากไปกับน้องเค้า ใช่มะ?”

หล่อนเลิกคิ้วถามเพื่อนหนุ่ม เน้นน้ำเสียงในตอนท้ายอย่างมั่นอกมั่นใจ หมกเม้มความรู้สึกตื่นระทึกเอาไว้ ซีนบอกรักเมื่อครู่นี้มันไม่ธรรมดาเลย ตาคู่หวาน คำพูดหวาน พากันหลอมละลายหัวใจหล่อนไปเกือบเสียทั้งหมด นี่ก็เกือบหลวมตัวโอเคเซย์เยสสร้างซีนหวานกลางซอยมืดกันต่อแล้วเนี่ย... ธาราคิดพลางทำตาเยิ้มเงียบ ๆ คนเดียว

“เหรอ....”

นนทภัทรแกล้งลากเสียง

“แล้วแกไปจูบกับน้องเค้าทำไม”

ธาราหล่อยปล่อยมือจากการเกาะกุมชายเสื้อเด็กหนุ่มอย่างทันใด

นี่ ไอ้ก้าบเห็นด้วยเหรอ!!!

“ไม่ใช่แค่เรานะ ที่เห็น พี่เชอร์รี่ก็เห็น แกลำบากแน่...ไอ้น้ำ”

อุ่ย... คิดในใจแต่ไอ้ก้าบเหมือนจะได้ยิน แต่อะไรนะ!! พี่เชอร์รี่อย่างนั้นเหรอ ???

พี่เชอร์รี่ รุ่นพี่ปี 3 ผู้หญิงคนนี้ผ่านไปอีกกี่ปีหล่อนก็ไม่มีทางลืม สาวฮอทของมหาวิทยาลัยเจ้าของตำแหน่ง “Sex symbol” เชียร์ลีดเดอร์ตัวเด่นของคณะ ตัวการสำคัญที่มาดึงเอาเจ้าก้าบไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์ด้วยไอเดียแจ่ม “เอาแป้งทายืนไกล ๆ ก็ไม่มีใครเห็น” หล่อนเป็นคนสวยจัด สาวภาคกลางผิวคล้ำ ตาคม นมใหญ่ !!! ชนิดที่เวลาตะโกน “สาม!!!!สี่!!!!” กองเชียร์ลีดเดอร์พากันยกแขนพร้อมกัน พรึบ!! พาเอากองเชียร์ข้าง ๆ หันมาจ้องเป็นตาเดียวกัน ก็เนื้อเน้น ๆ จะทะลักออกมาจากแขนเสื้อกล้ามอยู่แล้ว ขนาดผู้หญิงด้วยกันยังอยากมองเลย

ธาราอิจฉาเจ้าหล่อนสุด ๆ เพราะนนทภัทรเองก็ไม่ต่างกับหนุ่ม ๆ พวกนั้น เอ่ยคำไหนไม่มีชื่อพี่เชอร์รี่หลุดปากออกมาเป็นไม่มี ใฝ่ฝันถึงตลอดเวลา และก็ใช่... ที่หล่อนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพี่เคด้วย

“แล้วมืด ๆ ค่ำ ๆ แกไปทำอะไรแถวนั้นกับพี่เชอร์รี่วะ”

หล่อนตวัดเสียงถามเคือง ๆ นนทภัทรอ้ำอึ้ง

“ก็ไปส่งพี่เค้าทำธุระ”

“ธุระอะไรของแกวะ แถวเนี้ย...”

ธารายังคงซักต่อ

“ก็ธุระ แบบเดียวกะแกกะน้องมาลัยแกนั่นแหละ รุ่นพี่รุ่นน้องเหมือนกันนี่”

เขาตัดความห้วน ๆ ธารากอดอกนิ่งเงียบ นึกโมโหอยู่ในใจ โมโหด้วย อายด้วย กลัวด้วย กลัวว่าหลังจากเหตุการณ์วันนี้แล้วเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป อนาคตของหล่อนกับต้นจะเปลี่ยนแปลงได้มั้ย แต่หล่อนตัดสินใจแล้ว ยังไงหล่อนก็จะไม่มีวันเริ่มต้นกับเด็กหนุ่มคนนี้ให้ประวัติซ้ำรอยเดิมอีก ไม่มีวัน...

“ แล้วตกลงแกจะทำไงกับชีวิตแกต่อเนี่ย ห่ะ น้ำ จะเลิกคบกับพี่เค แล้วคบกับน้องเค้าอย่างงั้นเหรอ”

ดูเหมือนนนทภัทรยังคงติดใจเรื่องธชาไม่หาย เขาขี่มอเตอร์ไซค์เลยออกมานอกมหาวิทยาลัยแล้ว เลยหอพักของเขาด้วย ไฟถนนในเมืองส่องแสงพราวพราย เมืองเล็ก ๆ แต่ความสงบไม่ค่อยมีนักหรอก ปัญหาใหญ่ไทยแลนด์แดนปักษ์ใต้ ใครก็รู้ แต่หล่อนก็รักที่นี่ ... 4 ปีที่เคยเรียนอยู่หล่อนก็โหยหาบรรยากาศเก่า ๆ มาตลอด โชคดีจังที่ได้กลับมา

“ฉันไม่คบใครทั้งนั้น พี่เคฉันก็ไม่เอา ต้นฉันก็ไม่”

ลมเย็น ๆ พัดผ่านกลางถนน คนตัวเปียกรู้สึกตัวสั่น ฝนลงปรายแตะหน้าผาก หล่อนแหงนหน้าขึ้นมอง เมฆเต็มฟ้า ฝนมาอีกแล้ว...

“เป็นแฟนแกไม่ได้เหรอก้าบ”

พูดออกไปแล้วก็อาย... มาสารภาพอะไรกลางฟ้ากลางฝน หล่อนเลื่อนตามองด้านหน้าก่อนจะพบว่าไม่มีเจ้าก้าบที่นั่น ไม่มีมอเตอร์ไซค์คันเก่า หล่อนไม่ได้อยู่บนถนนอีกแล้ว ท้องฟ้ามืดหนาด้วยก้อนเมฆดำเหมือนกัน แต่หล่อนกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงห้องของตัวเอง!!!

ธารายืนงงอยู่ที่ระเบียง เหมือนเมื่อตอนที่หล่อนออกมาเก็บผ้าที่ตากไว้บนราว หญิงสาวยืนหันซ้ายหันขวา ท้องฟ้ามืดสนิท ฝนโปรยปรายลงมาเป็นละอองฝอย ความรุนแรงของท้องฟ้าเมื่อตอนหัวค่ำหายไปแล้ว เหลือเพียงแต่เมฆก้อนใหญ่และความชุ่มฉ่ำรอบกาย

ธารารู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบตั้งตัวไม่ทัน หล่อนเลื่อนเปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง ไฟในห้องสว่างอย่างที่หล่อนเห็นก่อนหน้านี้

นี่หล่อนไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย??!! หล่อนคงไม่ได้ละเมอเดินบนระเบียงแล้วไปโผล่ที่มหาวิทยาลัยเดิมของตัวเอง จะบ้าไปแล้ว !!! มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่หล่อนจะเดินไปพร้อมกับวัยเพียง 19 ปี ที่มีน้องมาลัยสุดหล่อเดินอยู่ข้าง ๆ หล่อนก้มมองดูที่ขาของตัวเอง มันไม่เจ็บอีกแล้ว ทว่า.... มันกลับมีแผลเป็นจาง ๆ มาแทนที่ผ้าพันแผลผืนเมื่อครู่นี้ !!! หล่อนยกมือขึ้นปิดปาก ความรู้สึกใหม่ถาโถมเข้ามาในใจ หล่อนรู้สึกเหมือนท้องมันเบาโหวง มันไม่ใช่ความฝันจริง ๆ

หญิงสาวกวาดตาเข้าไปในห้อง นาฬิกากลางห้องบอกเวลาใกล้สี่ทุ่ม เสียงกุกกักยังดังมาจากห้องเจ๊ใหญ่ ไฟจากระเบียงห้องเจ๊ดับมืดไปแล้ว เจ๊อาจจะยังไม่นอน...หญิงสาวมองไล่ลงมาจากผนัง บนหัวเตียงหล่อนดูโล่งตา กล่องดนตรีหน้าหนูสามตัวไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกแล้ว.... ธารารีบปราดเข้าไปที่หัวเตียง หล่อนเดินเสาะหาจนทั่วห้องก็ไม่มี มันหายไปไหนแล้ว… หรือว่า… ธาราเริ่มสังหรณ์ใจ หรือว่ามันไม่เคยมีอยู่… อดีตของหล่อนมันเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม!!??!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา