มาลย์มายา รีไรท์

9.8

เขียนโดย อาบตะวัน

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 12.34 น.

  13 ตอน
  11 วิจารณ์
  15.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558 13.56 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ในภาพฝัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“อะไรนะเจ๊...นี่หนูต้องไปด้วยเหรอ”

ดาด้าร้องเสียงสูงขณะนั่งมองลูกพี่สาวนั่งแปรงผมในชุดนอน หลังมื้อค่ำในโรงแรมกลางดอยพนักงานทั้งหลายก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในรีสอร์ท ดาด้าเป็นแขกประจำที่มักจะแวะมาเยี่ยมเยียน พูดคุยและบางคราวถึงกับหลับคาห้องลูกพี่สาวไปเลย

“แหม..ไปแป๊บเดียว พี่อยากให้แกกับสบชัยได้ไปดูโซนในป่าเวลาเรามีลูกค้าที่สนใจกิจกรรมในป่า เราจะได้อธิบายได้”

ธาราอธิบาย มองดูหน้าลูกน้องนิ่วหน้าอย่างขบขันพลางเดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาจัดเตรียมของ

“เราไม่ต้องไปนอนไม่ใช่เหรอเจ๊ แล้วเจ๊เอาของไปด้วยทำไมน่ะ”

“โฮ้ย...ก็เอาไปเผื่องั้นแหละเข้าป่าดูต้นน้ำเผื่อตกน้ำตกท่าจะได้มีเสื้อผ้าเปลี่ยน แต่พวกคุณอิริคกับลุงชาติน่ะ ถึงขั้นเอาเต็นท์ไปเลยนะ เขาต้องนอนดูบรรยากาศกลางคืนด้วยแต่พี่ไม่เอาว่ะ กลัว”

ลูกพี่ส่ายหน้าทำท่าขนลุกแต่ลูกน้องสาวกลับกอดหมอนทำตาลุกวาว

“ว้าย..นอนด้วยเหรอเจ๊...โรแมนติกอ่ะ หนูอยากนอนมั่ง อิอิ เผลอ ๆ ดึก ๆจะแกล้งมุดเต็นท์พ่อหนุ่มเกาหลี

สร้างซีรีย์มันคาป่ามันซะเลย ฮิ้ว”

ลูกพี่สาวมองค้อน “เราไม่ได้ไปนอน...เราแค่ไปส่ง แล้วก็กลับ” ดาด้าเบ้ปาก แอบบ่น “ก็เป็นแต่แบบนี้..คานถึงได้แน่นนักไง..ฮึ”

 

ดาริกากลับห้องไปแล้ว ธารานั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะทำงาน เม็ดฝนกระเซ็นเป็นฝอยที่กระจกหน้าต่างสีชา ภายนอกมืดมิดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น หญิงสาวคิดถึงนนทภัทร เขาดูดีขึ้นมาก จริง ๆ ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เขาแทบจะไม่มีอะไรที่น่าเกลียดเลยนอกไปเสียจากหน้าที่เต็มไปด้วยสารพัดสิว จนมองเห็นแค่เค้าหน้าคมและแววตาที่เปล่งประกายนั่น รูปร่างสูง กล้ามเนื้อแน่น บุคลิกที่ร่าเริงสดใส เออหนอ...แค่สิวหายออร่าก็ปรากฎ หล่อนเองก็ได้สัมผัสกับเพื่อนหนุ่มคนนี้มาแล้วนานถึงสี่ปี ว่าต่อให้เขาจะหน้าตายับเยินแค่ไหน เขาก็ยังเป็นที่หมายปองของกระเทยทุกรุ่นในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าจะมีสาว ๆ บางนางแอบชอบเขา เหมือนที่ตัวหล่อนที่แอบฝันถึงเขามาตลอดด้วยหรือเปล่า...

อะไรบางอย่างสะท้อนเป็นเงาอยู่ที่หน้าต่าง...

ธาราหันไปมอง มันเป็นมือสีขาวบางเคลื่อนไหวช้า ๆ ที่เงากระจกสีชานั่น

หญิงสาวแทบหยุดหายใจ หล่อนทำงานที่นี่มาเกือบ 3 ปี เรื่องผีเรื่องสางนั้นไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนเลย หล่อนกระเถิบตัวหนีจากโต๊ะข้างหน้าต่างก่อนจะพบว่ามือนั้นก็กระตุกตามหล่อนมาด้วย เมื่อหล่อนจับมือตัวเองไว้แนบอกจึงได้เห็นว่า เงานั้นเป็นมือของตัวเอง....

ธาราถอนใจโล่งอก ใจยังคงเต้นรัวเหมือนตีกลอง หล่อนรู้สึกว่าตัวเองนี่ชักจะบ้าไปทุกวันแล้ว หล่อนหมุนตัวกลับไปที่เตียงนอน ก่อนจะพบว่าหล่อนกำลังหันไปประจันหน้ากับใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่น!!

คนตรงหน้าเป็นหญิงสาว หล่อนสวมชุดผ้าฝ้ายสีดำลายแดงแบบชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ผิวขาวซีด หล่อนยิ้มเหยียดริมฝีปากบาง มองไม่เห็นฟัน ตาที่ไร้แววนั้นยังคงฉายให้เห็นความขี้เล่น ผมเกล้ามวยสูงพันด้วยผ้าผูกกระดิ่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งให้ได้ยินยามลมพัด ธาราผงะถอยหลัง

“คุณเป็นใครน่ะ! เข้า... เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง!!”

ธาราอยากจะพูดออกไปว่า ออกไปจากห้องฉันนะ! แต่ความรู้สึกบางอย่างเตือนตัวเองอยู่ในใจว่าอย่าพูดอะไรแบบนั้น หญิงคนนั้นเขม้นมองหล่อนนิ่ง นางดูเหมือนหญิงชาวเขา ทว่าใบหน้าสวยซีดขาว ยิ้มแบบไม่เห็นฟันค้างอยู่อย่างนั้น ... นิ่ง เหมือนภาพวาด ค่อย ๆ ยกมือประสานกันช้า ๆ ที่เอว นาทีนี้เองที่ธาราสังเกตเห็นนิ้วก้อยของนาง นิ้วเรียวซีดมีด้ายเส้นสีแดงเล็ก ๆ พันโดยรอบ ปล่อยปลายเชือกยาวเลื้อยลงพื้น ธารามองหาปลายเชือกแต่พบว่ามันจากหายไปจากสายตาเหมือนมันยาวเลยออกไปจากประตูห้อง

นางจุปากเบา ๆ เตือนสติ สีหน้ายังคงเดิม ไม่ขยับแม้แต่ริมฝีปาก สายตาของนางเลื่อนจากใบหน้าของธารามาเป็นที่มือ พลอยดึงสายตาของธาราให้เลื่อนลงมองตาม

ที่มือของธาราก็ปรากฎด้ายสีแดงเช่นเดียวกัน แต่ทว่ามันไม่ได้มีเพียงเส้นบาง ๆ เพียงเส้นเดียวเหมือนอย่างหญิงชาวเขานั้น มันกลับเป็นด้ายสีแดงพันระโยงระยางครบทุกนิ้วบนมือข้างซ้ายของหล่อน

“เฮ้ย!! นี่มันอะไรกันเนี่ย!!”

ธาราตกใจมาก หล่อนชูนิ้วมือที่เต็มไปด้วยด้ายสีแดงนั้นขึ้น ปลายของมันยาวลากลงพื้นต่อไปไกลถึงไหนไม่รู้ได้ รู้แต่หล่อนพยายามที่จะดึงมันออกไป ทว่าด้ายเหล่านั้นกลับพันธนาการหล่อนให้มากขึ้นไปอีก ธารากรีดเหมือนคนเสียสติ เสียงหัวเราะเบา ๆ จากหญิงชาวเขาตรงหน้า ดูครื้นเครง แต่บาดลึกเข้าไปในใจ เสียงแหลมเล็กดังก้องทั่วห้อง

“คู่หมายหลายหน้า เสาะหาบ่เหมือนใจ๋[1]...”

ธาราออกแรงกระชากด้ายที่นิ้วมือสุดแรง ก่อนจะพบว่าตัวเองนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก ทั้งที่อากาศหนาวเย็น เสียงฝนข้างนอกตกพรำ ๆ

หล่อนนอนอยู่บนเตียง มือที่ค้างอยู่ในอากาศนั้นว่างเปล่า ไร้วี่แววของเศษด้ายใด ๆ คนตัวเล็กหายใจแรงจนอกโยน เสียงลมหายใจกระแทกจากทางปากเหมือนคนวิ่งมาราธอน มันเป็นเพียงแค่ความฝัน หล่อนแค่ฝันไปเท่านั้น....

 

น้ำตกบนดอยเสมอดาวดูสวยอย่างน่าประทับใจ ธารายังรู้สึกโหวง ๆ ในอก ใจหาย หล่อนรู้สึกเหมือนเหตุการณ์เมื่อคืนนั้นเป็นเรื่องจริง เป็นฝันภาพสีที่มีผีสาวชาวเขาในชุดดำลายแดงมาเกี่ยวข้อง ดาด้ากับสบชัยสนุกสนานอยู่กับการเก็บภาพน้ำตกจากหน้าผาสูงชันในช่วงหน้าฝน หน้าน้ำหลาก แรงกระแทกของน้ำที่ตกมาจากที่สูงสาดกระเซ็นเป็นละอองฝอยแรงและสวยจนดูต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างสดเขียวยิ่งขึ้นไปอีก ลุงชาติพาลูกค้ากับทีมงานเข้าป่ามาลึกโข อากาศยามสายดูโล่งโปร่งขึ้นมานิดหน่อย คุณอิริคเองก็ดูพึงพอใจกับธรรมชาติรอบตัว เขาชวนธาราคุยเรื่อย ๆ ไประหว่างทาง

“น้ำตกที่นี่สวยมากเลยนะครับ”

“เราเรียกกันว่าน้ำตกภูสอยดาวค่ะเป็นน้ำตกที่อยู่โดดเด่นที่สุดบนดอยเสมอดาว ที่นี่มีจุดชมวิวที่สวยมากไม่ว่าจะเป็นฤดูอะไรตอนเช้า ๆ จะต้องมีหมอกเสมอ ๆ คนจีบกันใหม่ ๆก็ชอบมากันนะคะ มันโรแมนติกดี”

ธาราพยายามข่มใจให้ลืมฝันร้ายของตัวเองไป หล่อนพูดติดตลกให้หนุ่มฝรั่งยิ้มขำ เหลือบมองหางม้าสีดำสลวยเป็นระยะ

“แล้ว... คุณธาราเคยพาแฟนมาดูวิวที่นี่ด้วยหรือเปล่าครับ”

ธารากระตุกนิด ๆ เมื่อเห็นลูกน้องทั้งสองได้ยินประโยคคำถามแล้วไหล่กระเพื่อม หล่อนกระแอมเป็นเชิงเตือนก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวาน

“ดิฉันยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ”

ว่าแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อน ตาสีน้ำข้าวดูจะแจ่มวาวให้คนพูดสะเทิ้น เสมองไปยังหุบเขาสีเขียวข้างหน้าแทน อิริคหัวเราะหึ ๆ

“ดีจริงนะครับ เอ่อ... ผมหมายถึงวิวที่นี่น่ะครับ สวยจริง ๆ เอ่อ.. ที่จริงเราแพลนไว้ด้วย ว่าอยากจะพานักเรียนขึ้นไปดูตาน้ำด้วยมันจะสนุกมากขึ้นไม่ทราบว่าคุณธาราจะสะดวกพาเราไปดูหรือเปล่าครับ”

“โอ้! ไม่มีปัญหาเลยค่ะ”

หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจก่อนจะหันไปทางชายวัยกลางคนที่เดินอยู่ไม่ห่างกันนัก

“ลุงชาติเตรียมตัวมาอย่างดี คุณอิริคอยากดูอะไรลุงชาติแกจัดให้ได้ค่ะ จริงมั้ยคะลุงชาติ”

ลุงชาติพยักหน้ายิ้มรับ อิริคปรอยตาละห้อย

“คุณน้ำไม่ไปด้วยกันเหรอครับ ผมคิดว่าพรุ่งนี้คุณจะยังอยู่ในป่าด้วยกันเสียอีก”

“ดิฉันต้องไปทำงานในออฟฟิศต่อน่ะค่ะ เอาไว้คุณอิริคดูที่นี่เสร็จเราค่อยมาคุยกันต่อนะคะ”

เสียงหัวเราะหึ ๆ ดังมาจากด้านหลัง ธาราเหลือบไปมองเห็นนายก้าบ เพื่อนเก่ากำลังพูดคุยอยู่กับซางฮุนอย่างออกรส เขาดูเข้ากันได้ดีกับเสื้อผ้าง่าย ๆ แต่ดูทะมัดทะแมง ต่างกับหล่อน ที่แม้จะเข้าป่า แต่พร็อพก็แน่นมาก หน้าแน่น ผมเรียบตึง ปล่อยหางม้ายาวสลวยจากหมวกแก๊ปใบสวย สวมเสื้อยืดสีเขียวขี้ม้า กางเกงห้าส่วนลายทหาร รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ทุกอย่างดูเนี้ยบไปหมด

“จะไปประกวดนางงามทหารพรานหรือไงแม่คู้ณ...แก้มแดงเป็นตูดลิงมาเชียว”

ถ้อยคำหวานหูดังขึ้นข้างตัว คนตัวสูงสปีดความเร็วเข้ามาใกล้ ธาราค้อนตากลับ

“ปากเสีย”

นนทภัทรหัวเราะ

“แกจะแต่งหน้าไปสู้กับใครเหรอ นี่ในป่านะไม่ใช่ห้าง”

เขายังคงวิจารณ์ จ้องนัยน์ตาสีดำนั้นด้วยแววตาล้อเลียน ธาราช้อนตามอง กระซิบกลับเสียงขุ่น

“แกเข้าใจคำว่ามืออาชีพแมะ มืออาชีพน่ะ ฉันเป็นนักขายจะต้องดูเนี้ยบตลอดเวลาไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ตาม ต่อให้แต่งชุดทำสวน...หน้าฉันก็ต้องเป๊ะ”

หญิงสาวตีหน้าเคร่ง นนทภัทรแกล้งทำหน้าทึ่ง ยกนิ้วโป้งให้

“เยี่ยมเลย...เป๊ะจริง ๆ”

เมฆจับกลุ่มครึ้มหนาอยู่บนท้องฟ้าเป็นที่น่าผิดสังเกตเมื่อเวลาเริ่มสายแดดจัดจ้าที่สาดลอดกิ่งไม้เริ่มจางหายไป ทีมงานเดินป่าเริ่มแหงนหน้าขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะพบว่ามีหยดน้ำหล่นลงปะทะที่ใบหน้า 1 หยด 2 หยด 3 และ 4 ตามมาติด ๆ ก่อนที่จะตั้งตัวทัน ท้องฟ้าก็รั่วเสียแล้ว สายฝนลงกระหน่ำรวดเร็วและรุนแรงเสียจนน่าตกใจ ลุงชาติตะโกนก้อง

“มาทางนี้ครับหลบฝนกันก่อน”

ชะง่อนผาด้านข้างน้ำตกลึกพอที่จะให้ทุกคนหลบเข้าไปได้ ธารานึกขอบคุณที่ใต้ชะง่อนหินนั้นเป็นพื้นยกสูงพอที่จะกันไม่ให้กระแสน้ำไหลเซาะเข้ามาได้ 7 ชีวิตนั่งดูสายฝนที่สาดลงมาอย่างหนักหน่วง

“จบกัน” ดาด้าพึมพำ มองสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอย่างหมดอาลัยตายอยาก

ลุงชาติหายไปจากกลุ่มประมาณครู่ใหญ่ก่อนจะกลับมาในสภาพเนื้อตัวเปียกโชก หมวกสานปีกกว้างกลายเป็นเพียงที่กรองน้ำที่ยังคงมีหยดน้ำไหลผ่านตามหน้าผาก

“น้ำในห้วยขึ้นสูงมากเลยครับ ตอนนี้มันท่วมทางที่เราขึ้นมาด้วย ไหลเชี่ยวเลย ผมว่าเราคงต้องติดอยู่ที่นี่ซักพักก่อน”

สีหน้าแกไม่ดีนัก แต่ธาราไม่ดียิ่งกว่า ซวยของแท้จริง ๆ นี่ถ้ามีน้ำป่ามาด้วยอีกนับว่าโคตรซวยไปเลย คุณอิริคยังนั่งปรึกษางานกับเพื่อนในกลุ่ม นาน ๆ จะหันมายิ้มกับหล่อนเสียทีหนึ่ง ธารารู้สึกร้อนรน ตอนนี้หล่อนเริ่มไม่อยากขายอะไรแล้ว ภาวนาขอให้เพียงให้คนที่นี่ปลอดภัยกลับไปโรงแรมได้ก็พอ

“รอฝนซาแล้วเราค่อยไปดูต่อกันนะคะ”

ธารากระเถิบมาใกล้กลุ่ม VSP พลางว่าอ้อมแอ้ม สีหน้าจัดจ้านเมื่อตอนเช้าดูเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด คุณอิริคยิ้มให้

“No problem, คุณน้ำ Don’t worry หิวหรือเปล่าครับ จะเที่ยงแล้ว”

หล่อแล้วยังใจกว้าง ธาราคิดอย่างตื้นตัน ผู้ชายหล่อ ไซส์ยุโรป (ก็ยุโรปน่ะสิ) จิตใจดี อบอุ่น ไม่แปลกใจเลยที่สาวไทยมากมาย ยอมเสียดุลการค้าไปใช้นามสกุลฝรั่ง ก็เขาน่ารัก น่าใคร่ น่าเอาไปเก็บไว้ใช้เองขนาดนี้ แล้วดูผู้ชายไทยซิ!! ช่างน่ารักเหลือรับ คุณชายก้าบ กำลังนั่งดูสายฝนอย่างชื่นมื่น แถมกินมื้อเที่ยงแบบไม่สนใจใครอีกต่างหาก ธารานึกหงุดหงิดตัวเอง ไม่รู้ไปพลาดท่าให้หลงชอบมันอยู่ตั้งหลายปีได้ยังไง

ฝนซาลงบ้างแล้ว เหลือแต่ละอองโปรยปราย ตะวันก็เริ่มบ่ายคล้อย เป็นอันได้ข้อสรุปเมื่อลุงชาติกลับเข้ามาบอกอีกรอบว่า รู้สึกน้ำป่าจะมา ทางเดินที่ข้ามมาเมื่อครู่ มีน้ำเต็มไปหมด ยังกลับไม่ได้และชะง่อนผาที่หลบฝนตรงนี้ก็ไม่ปลอดภัยนัก

“คืนนี้น้ำต้องมาอีกแน่ เราต้องย้ายขึ้นข้างบนครับ มีถ้ำอยู่ตรงนั้น ปลอดภัยกว่า”

ลุงชาติว่า ลูกทีมทั้งหมดจึงต้องหอบสัมภาระย้ายถิ่นฐานตามลุงชาติเดินฝ่าฝนไต่ขึ้นเขาไปอย่างทุลักทุเล พื้นทางลาดชันเมื่อเปียกฝนเดินยากยิ่งกว่าขามา เศษใบไม้เปียกแฉะทำให้การยึดเกาะลำบาก รองเท้าผ้าใบสวยหรูของธาราแทบจะไม่มีคุณสมบัติในการกันลื่นเลยเมื่อต้องมาเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ กลุ่มของคุณอิริคเดินตามประชิดลุงชาติอย่างกระฉับกระเฉง ในขณะที่ธาราเดินรั้งท้าย เมื่อเห็นว่าตนเองจะช้าเกินไปจึงเร่งให้ดาด้ากับสบชัยรีบเร่งฝีเท้าตามขึ้นไปก่อน

“ไปเทคแคร์ลูกค้าก่อนไป...เดี๋ยวพี่จะรีบตามขึ้นไป”

“แก่แล้วเหรอเจ๊ ดูเหมือนแรงไม่ค่อยจะมีเลยนะ”

ดาด้าแซวหัวเราะคิกคัก สบชัยโบกมือบ๊ายบายซ้ำเติม ก่อนจะเดินลิ่วขึ้นไปบนเนินเขา ธารายึดกิ่งไม้ไว้ข้างหนึ่งเพื่อจะก้มดูพื้นรองเท้า หญิงสาวหงุดหงิดไม่น้อยที่พื้นรองเท้าดูเหมือนจะไม่มี “ดอกยาง” ช่างไม่ยึดเกาะอะไรเอาเสียเลย

“ซื้อมาเพราะสวยจริง ๆ จำไว้เลย คราวหน้าต้องหาอุปกรณ์เข้าป่าแบบดี ๆ หน่อยแล้ว”

อะไรบางอย่างลื่น ๆ เย็น ๆ ไหลผ่านหลังมือหญิงสาวช้า ๆ ประสาทสัมผัสทำให้ต้องรีบหันมามอง งูเขียวตัวยาวเลื้อยพาดผ่านเจ้าหล่อนไปอย่างไม่เกรงกลัว มันเลื้อยช้า ๆ เนิบ ๆ โชว์พื้นท้องเสียงเขียวเรือง ธารารีบสะบัดมือ

“ว้าย!! งู!!!”

มือหลุดออกจากกิ่งไม้ ธาราเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองพลาดอย่างมหันต์ พื้นรองเท้าไร้ดอกยางพาหล่อนไถลลงจากเนินอย่างรวดเร็ว หล่อนพยายามจะไขว่คว้ากิ่งไม้ระหว่างทางแต่ก็ไม่เป็นผล อะไรบางอย่างกระแทกเข้ากับศีรษะแรง ๆ ธารารู้สึกมึนไปชั่วขณะ ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะค่อย ๆ รางเลือนและหายวูบไป

เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้....หญิงสาวจึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ รู้สึกถึงหมอนนุ่มนิ่ม ผ้าห่มผืนบางและเสียงพัดลมเพดานหมุนขวับ ๆ หล่อนพลิกตัวช้า ๆ ก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่างข้างตัว

“อี๋...น้ำลายยืดเชียวไอ้น้ำ...อุบาทว์”

สมุดจดงานถูกขาเจ้าหล่อนชนจนเลื่อนไป เจ้าของสมุดขยับให้กลับมาวางตรงที่เดิม ไอ้ก้าบนั่งอยู่ข้างเตียงเบ้ปาก ส่ายหน้ามองหญิงสาวอย่างรังเกียจ

“เฮ้ย ...แกมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย”

ธาราสะดุ้ง ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง สำรวจสิ่งรอบตัวอย่างประหลาดใจ ห้องสี่เหลี่ยมสีขาวนั้นดูคุ้นตา มันดูเหมือน อพาร์ทเมนท์ของมดแดง เพื่อนสนิทของหล่อนเมื่อครั้งเรียนอยู่มหาวิทยาลัย หญิงสาวหันซ้ายหันขวา บรรยากาศในห้องดูคุ้นตามาก ทว่ามันดูผิดปกติเพราะหล่อนจำได้ว่า ตัวเองอยู่ในป่ากับกลุ่มลูกค้านี่นา

แล้วนี่มันอะไรกัน !!??!!

ธารานั่งอยู่บนเตียงตามลำพังมีเจ้าก้าบนั่งทำงานอยู่ข้างเตียง เจ้าก้าบซึ่งกำลังส่งสายตาเดียดฉันท์มายังหล่อน ยังคงเป็นผู้ชายหน้าตาเขรอะไปด้วยสารพัดสิว ไม่ได้หล่อมาดแมนอย่างที่เห็นที่รีสอร์ท ธาราลุกพรวดไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ผู้หญิงหน้าตาหมวยจืด ๆ มีผมหน้าม้าคนหนึ่งจ้องตอบกลับมา

“ทำอะไรของแกน่ะ ไอ้น้ำ เห็นแล้วยัง รอยน้ำลายยืดบนแก้มแกน่ะ ตรงนั้นแหละ”

นนทภัทรส่งเสียงร้องบอก เขาทำคิ้วขมวดเอานิ้วชี้ที่หน้าเด็กสาวพลางแสร้งทำท่าขยะแขยง ธาราป้ายแก้มเร็ว ๆ อย่างไม่ใส่ใจ หล่อนมองไปรอบ ๆ ห้อง เสื้อนักศึกษาติดตราเข็มมหาวิทยาลัยแขวนอยู่ที่ฝาผนัง ไม่ใช่ไซส์ของหล่อน กองรองเท้าแตะหลากสี หลายคู่ที่ข้างประตู หนังสือที่โต๊ะข้างเตียง ดูยังไง นี่มันก็อพาร์ทเมนท์ของยายมดแดง เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยชัด ๆ ที่ซึ่งหล่อนเคยอยู่ตอนเรียน เจ้าก้าบอยู่ที่นี่ หล่อนพอจะนึกออกถึงเหตุการณ์นี้ราง ๆ เหตุการณ์ที่หล่อนตื่นขึ้นขณะนอนกลางวันแล้วมีเจ้าก้าบมาเอะอะโวยวายส่งเสียงรังเกียจเรื่องหล่อนนอนน้ำลายยืด...แต่..แต่ว่ามันผ่านมานานมากแล้วนี่นา ..แล้วหล่อนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน

“แก...กะ...ก้าบ”

ธาราพยายามสะกดความตื่นตระหนกของตนเอง บางทีหล่อนอาจจะแค่ฝันไป

“อะไร .. ไปล้างหน้าหน่อยดีมั้ย เหม็น”

เขาทำเป็นอุดจมูก แต่ธาราไม่สนใจ

“วัน...วันนี้...เอิ่ม...เป็น..วันอะไร..”

“วันเสาร์น่ะสิ...ไม่งั้นแกจะมานอนอืดตรงนี้ได้เหรอ...วันจันทร์นี้มีสอบนะเว้ย...อ่านหนังสือรึยัง”

ฮ้า...ช่วงสอบ ตอนปี 2 ใช่ ๆ หญิงสาวพอจะนึกออกราง ๆ แล้วทำไมหล่อนถึงต้องมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ อ้อ...ใช่ หล่อนแค่ฝันไปเท่านั้นเอง ต้องเป็นฝันแน่ ๆ

“ก้าบ แกช่วยหยิกฉันทีสิ”

ธารายื่นแขนให้ เพื่อนหนุ่มมองหน้าสงสัย

“ไม่เอา ไม่ใช่กระเทย...จะได้มาหยิก ...อะไรของแกเนี่ย”

เขาเขยิบหนังสือหนี ก่อนจะลุกขึ้นไปทำงานที่โต๊ะหนังสือ สมัยเรียนป.ตรี นนทภัทรมักจะมาคลุกคลีที่ห้องของมดแดงเป็นประจำ ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ห้องนอนแต่เป็นศูนย์รวมของ เพื่อน ๆ ในกลุ่มไม่ว่าจะเป็นธารา มดแดง เจ๊สาย แพรว หรือแม้แต่เจ้าก้าบกับนิกกี้ก็มักจะมาอยู่พูดคุย ดูทีวีด้วยกันที่นี่บ่อย ๆ ปัญหาก็คือในเวลานี้หล่อนจำได้ว่าหล่อนอยู่ในป่าและพลัดตกลงมาจากเนินเขา...แล้ว..จู่ ๆ หล่อนมาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร ธาราครุ่นคิดอย่างสับสนงงงวย มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนเราจะย้อนอดีตได้ ดังนั้นทางเดียวที่จะพิสูจน์ได้ว่านี่คือความฝันก็คือ

ธาราหันซ้ายขวาแล้วก็สะดุดตาเข้ากับระเบียงห้อง ทุกครั้งที่หล่อนฝัน หล่อนมักจะ”เหาะ”ได้เสมอ ระเบียงนี้เป็นทางเดียวที่หล่อนจะพิสูจน์ได้ว่าเรื่องประหลาดที่กำลังเจออยู่นี้ ไม่ใช่ความจริง

“อ้าว! แกจะไปทำอะไรน่ะ”

ไอ้ก้าบร้องถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวเดินไปเปิดประตูเลื่อน ธาราไม่สนใจฟัง เรื่องของคนในความฝันล้วนไม่มีความจริงใด ๆ ทั้งสิ้น เสียเวลาเปล่าที่จะพูดคุยกับนนทภัทรในเวลานี้ สู้ตื่นไปเจอคนที่เป็นปัจจุบันและหล่อแล้วดีกว่า ธาราขยับกางเกงสามส่วนตัวโคร่งขึ้นให้ถนัดเพื่อจะขึ้นยืนบนขอบระเบียง แค่อพาร์ทเมนท์ชั้น 2 มันจะไปมันส์อะไรถ้าแค่ตกลงมา ระดับธารามันต้องกระโดดแบบเหินเวหา ถลาร่อนลงแล้วเชิดหัวขึ้นแบบนก หล่อนฝันแบบนี้บ่อย มันสนุกอย่าบอกใครเลย

“เฮ้ย ๆ ไอ้น้ำ แกจะทำอะไรน่ะ”

นนทภัทรร้องอย่างตกใจ ธรรมดาภาพในความฝันมักจะมัวซัว เห็นอะไรเลือนลางอยู่เสมอ ครั้งนี้ออกจะแปลกหน่อยตรงที่ภาพคมชัดและเสียงก็ชัดด้วย ธาราออกแรงดันตัวเองให้ปีนขึ้นไปบนขอบระเบียงได้สำเร็จ หล่อนกางแขนออกกว้าง จะบินทั้งทีมันก็ต้องมีสไตล์กันหน่อย หล่อนโน้มตัวไปข้างหน้ารอคอยที่จะพบกับความตื่นเต้นเหมือนเช่นที่เคยพบในความฝัน

“ไอ้น้ำ!!!!”

แรงลมที่รอคอยไม่ได้มาปะทะใบหน้า ธาราไม่ได้ล่องลอยอยู่บนอากาศอย่างที่คาดหวัง ไอ้ก้าบทะลึ่งพรวดเข้าคว้าตัวหล่อนไว้เพียงเสี้ยวนาทีที่หล่อนจะร่อนลงสู่เบื้องล่าง ร่างสูงใหญ่ตรงเข้าโอบรัดและดึงกลับเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว น้ำหนักตัวบวกกับแรงเหวี่ยงส่งผลให้ธาราหัวโขกกับหน้าต่างก่อนจะล้มทับลงบนตัวเด็กหนุ่ม

“โอ๊ย! อีก้าบ!!! เจ็บนะ”

เด็กสาวกุมหน้าผากเจ็บจนชาและมึนไปหมดเมื่อค่อยๆลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมแขนก็เพื่อนหนุ่ม นนทภัทรค่อยขยับตัวพร้อมกับดันตัวเพื่อนสาวให้ลุกขึ้น เขาประสานสายตาเข้ากับเด็กสาวหน้าขาวปากแดงตรงหน้าด้วยแววตาตระหนก นนทภัทรผู้ซึ่งยังคงอยู่ในฉายาหน้าผีบอดี้เริ่ด ทำให้ธาราสบตาด้วยแล้วต้องพยายามส่ายหน้าซ้ำ หน้าผากที่เจ็บเมื่อครู่เริ่มปูดโนขึ้นมา

“แกจะบ้าเหรอ!”

นนทภัทรตวาดเสียงดัง ดูตกใจมากเกินกว่าจะพูดคำอื่นใดออกมาได้ ผู้ชายแมน ๆ อกสามศอกที่แขนข้างหนึ่งยังโอบตัวหล่อน ตีหน้ายักษ์แถมยังดูเหมือนขอบตาจะแดง ๆ

“แกทำฉันหัวโน”

ธาราว่าห้วน ๆ ขยับไหล่หนีจากอ้อมแขนนั้น แต่กลับลื่นไถลให้ตัวซุกกลับไปใกล้เขายิ่งขึ้นไปอีก ธาราไม่เคยเข้าใกล้เพื่อนหนุ่มขนาดนี้มาก่อน กลิ่นกายของนนทภัทรที่หล่อนเผลอสูดเข้าไปเต็มรัก ลมหายใจที่เป่ารดกันเพียงแค่ช่วงปลายจมูกสัมผัส มือที่ยันหน้าอกกว้างนั้นไว้สัมผัสได้ถึงความสั่นไหว ถ้านี่เป็นเพียงแค่ความฝัน ก็ช่างเป็นฝันที่รันจวนใจเป็นที่สุด นนทภัทรกับหล่อนในวัย 19 ปี ใกล้ชิดกันตามลำพัง จริงสิ ถ้านี่เป็นเพียงแค่ความฝัน คงจะไม่เป็นไรใช่ไหมถ้าหล่อนอยากพูดในสิ่งที่ค้างคาใจมานานแสนนาน สิ่งที่หล่อนอยากรู้แต่ไม่เคยกล้าถาม อยากรู้จังว่าผู้ชายในความฝันคนนี้จะตอบหล่อนว่ายังไง

“ก้าบ..”

ธาราเริ่ม สบตากับเพื่อนหนุ่มนิ่งนาน ใจที่เต้นโครมครามร้องบอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่า อย่าได้อาย อย่าได้แคร์ นนทภัทรตรงหน้าคนนี้เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุ 19 ปี ที่ ... ที่อยู่ในความฝันเท่านั้น ลองพูดลองถามออกไป

“แกชอบฉันรึเปล่า”

แววตาคนตัวโตเบิกขึ้นเล็กน้อย จะประหลาดใจหรือตกใจอะไรก็แล้วแต่ แต่หล่อนได้พูดออกไปแล้ว ธาราค่อยเผยอยิ้ม นัยน์ตายังจับจ้องอยู่ตรงหน้าของคนหน้าสิว เป็นความระทึกที่ชุ่มชื่นหัวใจที่สุดในโลก...เอ..ชักไม่ค่อยจะอยากตื่นจากฝันแล้วสิ

“น้ำ...”

นนทภัทรเรียกชื่อหล่อนเสียงแผ่ว เลื่อนมือมาจับที่ไหล่เบา ๆ

“แกจะบ้าเหรอ...ก่อนจะถามอะไรช่วยระวังหมัดพี่เคกับหน้าเราหน่อยนะ”

ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกพรวด หมดรักหมดซึ้งภายในเสี้ยวนาที ธาราถูกทิ้งให้นั่งงงอยู่ที่ระเบียงตามลำพัง พี่เค...พี่เคที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย...

“พี่เค ?? พี่เคไหนวะ??”

เมื่อหมดปัญญาจะนึกออก หล่อนจึงต้องเดินกลับเข้ามาถามมือยังลูบป้อยที่หน้าผากปูดบวม

“แกเป็นอะไรของแกวะไอ้น้ำ แปลก ๆ นะวันเนี้ย...แฟนตัวเองก็จำไม่ได้”

นนทภัทรตอบหน้ายุ่ง เขาทำเป็นนั่งอ่านหนังสือต่อที่โต๊ะแต่ใบหูที่เป็นสีแดงเรื่อ ๆ นั้น ก็สามารถฟ้องให้ผู้หญิงวัย 26 อย่างธารามองออกได้ไม่ยากว่า คำพูดของหล่อนเมื่อครู่นั้นไม่ได้เป็นเพียงกระแสลมที่ผ่านลอยไป

“แฟนเหรอ”

ธาราทวนคำ พอจำได้ราง ๆ ถึงผู้ชายปักษ์ใต้หล่อคมเข้ม ที่เหมือนกับจะชะแว้บเข้ามาในช่วงชีวิตของหล่อนไม่กี่เดือนแล้วก็จากไปตลอดกาล ไม่เห็นจะน่าจดจำอะไรตรงไหน

“เอางี้”

หล่อนยังไม่ลดละ

“ถ้าฉันไม่มีแฟน แกจะบอกได้รึเปล่าว่าชอบฉันมั้ย”

ธารายืนข้างเก้าอี้ ยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างตั้งใจ ถึงจะไม่หล่อแต่ก็เร้าใจ หน้าอย่างนี้แหละดึงดูดใจมาจนถึงปูนนี้ นนทภัทรนั่งนิ่งสายตายังอยู่ที่หนังสือบนโต๊ะ ใบหูเป็นสีแดงเข้ม เขาชำเลืองตามองดูผู้หญิงหน้าหมวยอย่างช้า ๆ แล้วดึงสายตากลับอย่างหวั่น ๆ วันนี้ธารามาแปลกกว่าทุกวัน ดูรอบจัด มีชั้นเชิงต่างจากอาหมวยหน่อมแน้มที่เขาคอยแหย่ได้ทุกวันไม่เคยเบื่อ

“เพ้อเจ้อน่ะ”

เขาว่าพลางพับเก็บสมุดเดินหนี

“ใครเขาจะไปชอบผู้หญิงปากมากอย่างแก ไอ้น้ำ ได้แฟนเป็นพี่เคก็สุดยอดแล้วจะทำหน้าหม้อปากมันอะไรแถวนี้ ฮะ และเราก็ได้ข่าวมาด้วยนะ ว่าแกไปคั่วเด็กปีหนึ่งไว้ด้วย ไม่สวยแล้วยังกล้าเจ้าชู้อีกนะแก”

“นี่ก็อีกเรื่อง...ทำไมแกถึงได้ชอบว่าฉันนัก เห็นกับคนอื่นแกก็พูดดี๊ดี ทีกะฉันละก็...”

ธาราไม่พูดเปล่า เดินตามไปติด ๆ นนทภัทรเดินหนีหล่อนเพิ่งสังเกตเห็นเดี๋ยวนี้เองว่าเขาหน้าแดง อย่างว่าแหละ หน้าอย่างหมอนี่ดูยากชะมัดว่ามันเขินหรือโกรธก็พ่อคุณเล่นเป็นสิวซะหน้าแดงหน้าดำปนกันยุ่ง วู้อารมณ์เสีย เอ... หรือว่าแต่ก่อนที่ด่าเราฉอด ๆ เจ้านี่จะแอบเขินอยู่เหมือนกัน

“จะกลับละ เบื่อพูดด้วยเหม็นขี้ฟัน”

เด็กหนุ่มทำท่าจะเปิดประตูแต่ธาราจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดไปอย่างเด็ดขาด

“เดี๋ยวก่อนสิ”

ไม่พูดเปล่าเด็กสาวยังดึงแขนไว้มั่น แต่นนทภัทรไม่อยากยุ่งด้วยเขาขืนตัวไว้

“มาคุยกันก่อนสิ อยากรู้...”

ธาราว่าจับแขนนั้นไว้แน่น

“เฮ่ย...อย่ายุ่งน่ะ จะกลับแล้ว ปล่อยๆ “

นนทภัทรพยายามจะดันตัวเด็กสาวออก แต่ว่าพื้นห้องนั้นเป็นไม้ปาร์เก้ขัดมันประกอบกับหนังสือของนนทภัทรนั้นเกะกะเอาการ

“เฮ้ย ๆ ๆบอกว่าปล่อย ว้าก!!!”

เมื่อทั้งสองออกแรงยื้อกันไปมาก็ลื่นล้ม นนทภัทรเป็นฝ่ายลื่นเองเขาถลาเข้าชนและล้มทับธารา ลำพังตัวใหญ่ล่ำสันของนนทภัทรนั้นก็ทำให้ผู้หญิงร่างเล็กอย่างธาราจุกอยู่พอสมควร แต่ทว่าหนังสือเล่มหนาที่เจ้ารูปไม่หล่อถือมาด้วยนั่นสิ กลับหล่นลงมาซ้ำ สันหนังสือหนาหนักนั้นกระแทกตรงเข้าที่หน้าผากที่ปูดบวมนั้นพอดิบพอดี

“โอ๊ย ! ตายห่าละ ไอ้น้ำ เป็นอะไรรึเปล่าแก! ไอ้น้ำ!”

นนทภัทรรีบกวาดหนังสือออกไปแต่ทว่า...ธาราก็นิ่งไปแล้ว...

หญิงสาวรู้สึกปวดที่หน้าผาก ปวดมากจนเหมือนกับไม่ใช่แค่โน ปูดบวมอย่างที่เห็น หล่อนยกมือขึ้นลูบคลำที่หน้าผากเบา ๆ น้ำเหนียว ๆก็ติดมือออกมา

“กะแล้วเชียว หัวแตกด้วย”

หล่อนพึมพำ เป็นเสียงที่แหบพร่าแผ่วเบามากจนรู้สึกเหมือนเป็นเสียงของคนอื่นไกลที่ไม่ใช่ตัวเอง หญิงสาวปรือตาขึ้น เปลือกตาช่างหนาและหนัก เคราะห์กรรมอะไรกันนักหนาหนอ... ภาพที่ปรากฏต่อสายตาเบื้องหน้าเป็นท้องฟ้าสีดำสนิท ดวงดาวพร่างพราวระยิบระยับเต็มไปหมด ฟ้าที่ไม่มีเมฆ ไม่เห็นดวงจันทร์ ได้ยินแต่เสียงหริ่งหรีดเรไรดังระงมอยู่รอบตัว

“น้ำ”

เสียงใครคนหนึ่งเรียกขึ้นข้างตัว เสียงทุ้มต่ำและอ่อนโยน ทว่าเป็นสำเนียงภาษาไทยที่ไม่ชัดนัก ดวงตาสีฟ้าขุ่นจ้องกลับมามองที่หล่อนอย่างดีใจ

“คุณน้ำ...คุณเป็นยังไงบ้าง”

“คุณอิริค”

หล่อนเรียกเสียงแผ่ว บรรยากาศรอบตัวดูกลับมาเป็นปกติ ป่าบนดอยเสมอดาวยามค่ำคืนดูสวยงามเหลือเกิน กลิ่นไอดินหลังฝนตกผสานรับกับเสียงหริ่งหรีดเรไร เสียงฝีเท้าของใครบางคนย่ำเร็ว ๆ มาใกล้ ๆ

“เจ๊ ...เป็นอะไรมากรึเปล่า”

ดาด้าเข้ามาจับแขนหล่อนเบา ๆ สีหน้าวิตกกังวลขอบตาแดงช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มา สบชัยมานั่งอยู่ใกล้ ๆ ด้วย

“แก่แล้วสิเจ๊ เดินขึ้นเขานิดเดียว..ก็ลื่นตกเขาสลบไปเป็นครึ่งวันเลย”

ครึ่งวันเชียวเหรอ ธาราเหมือนกับหลับฝันไปแล้วก็เพิ่งตื่นขึ้นมา แล้วพ่อคุณชายตัวดีในความฝันคนนั้นล่ะ ไปอยู่เสียที่ไหน หญิงสาวส่ายตามองหาเพื่อน (เก่า) หนุ่มอย่างลืมตัว

“เราคงต้องนอนที่นี่นะครับคุณน้ำ เดี๋ยวข้างในกางเต็นท์เสร็จแล้ว คุณน้ำย้ายเข้าไปนอนในถ้ำนะครับ มันปลอดภัยกว่าเยอะเลย”

ลุงชาติเข้ามาคุยด้วยอีกคน ธาราพยักหน้ารับ

 

ในถ้ำอากาศเย็นไม่ต่างอะไรจากข้างนอกเพียงแต่แห้งและดูปลอดภัยกว่า เสียงลมข้างนอกกรรโชกน่ากลัว พวกผู้ชายก่อกองไฟไว้ที่ใกล้ ๆ ปากถ้ำเสียงกองฟืนประทุแทรกระหว่างเสียงคนพูดภาษาอังกฤษ ภาษาไทยปนกันไปกันมา กี่โมงแล้วก็ไม่รู้ ธาราเริ่มหิวแล้ว การเป็นคนป่วยที่ยังมีสตินี่ ไม่ใช่เรื่องที่หล่อนพึงปรารถนาเลย

“สู้หลับฝันต่อจากตะกี้ยังดีซะกว่า”

หล่อนบ่น หนาวก็หนาว ฝนบ้าฝนบออะไรก็ไม่รู้อีตอนมันตกที่รีสอร์ทก็ไม่ค่อยจะชอบมันอยู่แล้ว เล่นมาตกเอาซะน้ำป่าไหลนองในป่าแบบนี้ หล่อนยิ่งเกลียดมันเข้าไปใหญ่

“บ่นอะไรของแกน่ะ”

หน้าคุ้น ๆ โผล่มาที่หน้าต่างเต็นท์ ธาราสะดุ้งเด้งลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วก็ปวดที่แผลขึ้นมาฉับพลัน

“อูย”

“อ้าวเฮ้ย ระวัง ๆ”

นนทภัทรร้องห้ามอย่างตกใจ สีหน้าเป็นกังวลฉายออกมาแวบหนึ่งให้คนเจ็บใจชื้น

“เอาขนมมาให้ คิดว่าแกชอบขนมปังมากกว่ากล้วยหรือปลากระป๋องนะ อ่ะ”

มือยาวยื่นส่งขนมมาให้ ธาราลุกขึ้นนั่งรับขนมปังมากินแต่โดยดี นนทภัทรนั่งอยู่ที่ประตูเต็นท์มองหน้าผากหญิงสาวอย่างครุ่นคิด

“ที่เดียวกันกับคราวก่อนเลยแกว่ามั้ย”

เขาว่า ตายังจับจ้องอยู่ที่ผ้าพันแผล ธาราเหลือบตามอง

“อะไรที่เดียวกัน”

“อ้าว ก็ไอ้แผลหัวแตกนี่ไง คราวก่อนที่เราทำหนังสือหล่นโดนหัวแก ก็ตรงนี้แหละ จำไม่ได้เหรอ”

ชายหนุ่มว่าแล้วหัวเราะต่อแห้ง ๆ ธาราปล่อยขนมปังหลุดจากมือ

“แกว่าอะไรนะ!!!!”

“อะไร แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย...ตกใจหมดเลย จำไม่ได้เหรอไง”

นนทภัทรทำท่าปลอบตัวเองด้วยการลูบหน้าอกป้อย ธาราลนลานจนลืมอาการเจ็บศีรษะ สันหนังสือเล่มหนาที่ตกลงบนหน้าผากของหล่อนอย่างนั้นเหรอ มันไม่เคยเกิดขึ้นไม่ว่าจะเมื่อไหร่ นอกเสียจากในความฝันเมื่อบ่ายนี้เท่านั้น นี่มันหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าสิ่งที่หล่อนได้ทำลงไปเมื่อครู่ในฝันของหล่อนเองนั้น เขา..นนทภัทร...รับรู้ได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ

“แกหมายความว่ายังไง ก้าบ แกบอกมาซิ เมื่อไหร่”

“อ้าว เรียกชื่อเดิมได้ แต่เรื่องตัวเองหัวแตกตอนปีสองดันลืม ไอ้น้ำ ฮ่าๆๆ”

เสียงเรียกชื่อนนทภัทรด้วยสำเนียงแปร่งหูดังขึ้นแว่ว ๆ นนทภัทรจึงผละออกจากเพื่อนสาวไปอย่างไม่ไยดี สีหน้าชายหนุ่มยังคงอมยิ้มอย่างชื่นบานทิ้งให้เพื่อนสาวช็อกกับเหตุการณ์ที่หล่อนไม่อยากจะเชื่ออยู่ตรงนั้น

[1] คู่ครองมีหลายคน เลือกหาได้แต่ไม่ตรงกับความต้องการของใจตัวเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา