มาลย์มายา รีไรท์
เขียนโดย อาบตะวัน
วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 12.34 น.
แก้ไขเมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558 13.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เขาชื่อ ก้าบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“เจ๊น้ำฝันร้ายอีกแล้วเหรอคะ”
ดาริกา หรือ ดาด้า ลูกทีมฝ่ายการตลาดคนสนิทของธาราเอ่ยถามในเช้าแรกของการทำงาน หลังวันหยุดสุดสัปดาห์เพิ่งผ่านพ้น ลูกพี่สาวหันมามองหน้าเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยว่าด้ารู้ได้ไงหรอกค่ะ แหม! เจ๊ตะโกนซะดังขนาดนั้น ผนังห้องนอนเราเป็นไม้นะคะ ไม่ใช่ปูน ด้าสะดุ้งตามทุกทีเลย”
หล่อนยื่นถ้วยกาแฟให้ธารา
“พี่ก็เบื่อเหมือนกัน ฝันซ้ำ ๆ อยู่ได้ กะอีเรื่องคนเก่า ๆ”
ธาราจิบกาแฟ เลื่อนดูตารางการจองห้องของรีสอร์ท ตัวเลขช่วงหน้าฝนมันหดหายไปเป็นประจำทุกปี น่าเป็นห่วงรีสอร์ทจริง ๆ ล่วงเลยเดือนแห่งสายฝนมาสองเดือนกว่าแล้ว นักท่องเที่ยวก็โผล่มารับฝนบ้าง โผล่ ๆ ผลุบ ๆ หน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็คือทำตัวเลขยอดจองห้องพักให้มากที่สุด ยอดเงินสูง รีสอร์ทจะได้ดำเนินต่อไปได้อย่างมีความสุข แต่อาการฝันร้าย ฝันซ้ำ ๆ ที่ในฝันเหตุการณ์มักจะเปลี่ยนแต่หน้าคนในฝันไม่เคยเปลี่ยน ฝันบั่นทอนสุขภาพใจแบบนี้ มีผลกับการทำงานของหล่อนไม่น้อยเลย
ภาพฝัน คนหนึ่งเป็นเพื่อน อีกคนเป็นอดีตรักที่เจ็บปวด ไม่รู้หล่อนตั้งใจจะให้ลืมหรือจริง ๆ แล้วตัวเองอยากจะกอดเก็บความทรงจำนี้ไว้กันแน่
หญิงสาวจ้องมองสายฝน สายฝนพรำลงมาแต่เช้ามืด มองเห็นฟ้ามัวครึ้มมาตั้งแต่ยอดดอย ทิวทัศน์จากหน้าต่างสองของอาคารไม้ กรุด้วยกระจกรอบทิศ มองเห็นภูเขาสีเขียวหม่นสลับซับซ้อนนั้นได้อย่างเด่นชัด ในความครึ้มของท้องฟ้า ท่ามกลางความมืดมัวของบรรยากาศ ภูเขาลูกใหญ่ยังคงดูทะมึนขึงขัง ตระหง่านท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนอยู่ได้ทุกวี่วัน ฝนคงกำลังไล่ตามหลังมาอีกห่าใหญ่ เรือนปีกไม้หลังใหญ่น้อยลดหลั่นตามที่ลุ่มที่ดอนในเขตรีสอร์ท แลดูเหงาหงอย เมื่อสายฝนปรายโปรย
ธาราดีดลูกแก้วติดสปริงบนโต๊ะทำงานเล่น หล่อนรู้สึกจิตใจหม่นหมองมาตั้งแต่ตื่นนอนเมื่อเช้านี้แล้ว จะโทษฝันเมื่อคืนนี้ก็เป็นได้นะ
บนโต๊ะทำงาน รูปถ่ายสมัยเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ตั้งอยู่ที่นั่นด้วย รูปภาพกลุ่ม เพื่อนสาว เพื่อนหนุ่ม ยืนกอดคอกันยิ้มกว้างในชุดครุยปีกค้างคาวสีดำ หล่อนจากบ้านมาหลายปี บ้านหล่อนที่ปักษ์ใต้ ใช่...จากมหาวิทยาลัยด้วย มหาวิทยาลัยปักษ์ใต้ ที่มีหนุ่มกรุงเทพในรูปนั้นเป็นหนุ่มในฝัน ฝันจริง ๆ นะ เพราะผ่านไปกี่ปีแล้ว พ่อเพื่อนหนุ่มคนนี้ก็ไม่เคยได้รับรู้หรือรู้สึกรู้สาอะไรกับสาวหมวยเพื่อนร่วมก๊วนคนนี้เลย ว่าแล้วก็เสียดายเวลาเสียจริง ๆ แม้ว่าชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหล่อนไม่โสด แต่ก็สดใหม่เสมอ รอคนที่ใช่จริง ๆ ที่ยังคงมาไม่ถึงซักที
“ไม่รู้ว่าแกที่โง่ หรือฉันมันเซ่อก็ไม่รู้นะ”
ธารารำพึงรำพันกับรูปถ่ายเบา ๆ ใบหน้าเพื่อนหนุ่มเหมือนจะส่งนัยน์ตายียวนกวนอารมณ์กลับมา หญิงสาวเท้าคางจ้องตาชายหนุ่มในรูปนิ่ง
เวลานี่เป็นเหมือนกับสายน้ำจริง ๆ ไหลผ่านไปแล้วไม่มีวันหวนกลับ ธาราคิดเล่น ๆ ว่า หากหล่อนสามารถย้อนเวลากลับไปได้ หล่อนจะไม่มีวันยอมเสียเวลาไปไล่คว้าความรักที่ไม่เข้าท่าแบบนั้นมาเลย ธารานึกถึงแฟนหนุ่มที่เพิ่งเลิกร้างกันไป แล้วหลับตาสั่นหัวเบา ๆ อยากจะลืมเรื่องเหล่านั้นไปเสียให้หมด หากเป็นไปได้ ในช่วงเวลาที่หล่อนมีโอกาสนั้น หล่อนจะเลือกรัก คนที่หล่อนอยากจะรักจริง ๆ รักที่ผิดหวัง รักจอมปลอมอย่างนั้น อยากจะทิ้งมันไปเสียให้หมด
เมฆลอยต่ำ ฟ้ายังคงขมุกขมัว ฝนตกลงอย่างไม่ขาดสาย จังหวะของสายน้ำหยดลงข้างกระจกเป็นระยะสม่ำเสมอ หลาย ๆ สิ่งที่นี่ทำให้ธารารู้สึกเหมือนกับตัวเองได้มาปลีกวิเวก บางครั้งหล่อนเคยคิดเล่น ๆ ว่า อยากจะลองไปนั่งทำสมาธิบนป่าบนเขาดูบ้างจะได้ถือโอกาสสงบจิตสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน นี่แหละหนา คนมีแผลใจ ใจมันคอยแต่จะโหยหา เฝ้าคอยเฝ้ามอง ร่ำร้องอยากจะให้ใจมันแน่นมันเต็มอยู่ตลอดเวลา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนป่าบนเขาจะมีจริงไหมนะ หล่อนอยากจะตั้งจิตอธิษฐานขอสักครั้งจริง ๆ ขอให้ช่วยเรื่องรักสักหน่อยเถิด ขอรักดี ๆ รักที่อยากได้ ให้สมปรารถนาเหมือนใครคนอื่นเสียเถิด ตาหญิงสาวจ้องมองไปยังรูปภาพคนตัวสูงในชุดครุย จ้องมองในแววตาเขา ราวกับจะสื่อให้เขาได้รับรู้ความตั้งใจของหล่อนด้วย
“เพี้ยง”
ธาราเผลอหลุดปากออกมาเสียงดัง มือขาวพนมแต้อยู่ที่หน้าผากอย่างไม่รู้ตัว
“ทำอะไรอ่ะเจ๊”
ท้องฟ้าเปล่งประกายสว่างวาบ มองเห็นสายฟ้าแตกเป็นเส้นสีทองอยู่ในระยะใกล้ ๆ ธาราสะดุ้งมอง ช่างพอเหมาะพอดีกับคำอธิษฐานของหล่อน หน้าหมวยหันมามองข้างตัว
ลูกน้องสาวคนสนิทกำลังเลิกคิ้วมองหล่อนอย่างแปลกใจ ธารารีบลดมือลง แสร้งเช็ดไปมาตามเสื้อผ้ากลบเกลื่อน
“ไม่มี ไม่มีอะไรนี่”
“ตรู๊ด.....”
เสียงโทรศัพท์ในออฟฟิศดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ธารารีบกดเปิดลำโพงโทรศัพท์ ปั้นหน้าตั้งใจทำงานให้สมกับตำแหน่ง กลบลบเรื่องราวบ้าบอที่หล่อนเพิ่งเผลอตัวทำลงไปเมื่อครู่
“มีลูกค้าค่ะ เขาอยากคุยเรื่องห้องพักกับสถานที่จัดกิจกรรม”
เสียงพนักงานสาวหน้าฟร้อนดังให้ได้ยินทั่วกันทั้งออฟฟิศ ธารายิ้มกว้าง สบตากับลูกน้องทั้งสองที่มีแววตาเปล่งประกาย
หนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวรูปร่างล่ำบึ้กแนะนำตัวเองเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำเขายื่นนามบัตรแนะนำตัว ว่าชื่อ Eric เป็นผู้จัดการ VSP Group บริษัทเอกชนที่รับจัดกิจกรรมให้กับโรงเรียนนานาชาติทั่วโลก
“ผมกำลังจะจัดกรุ๊ปติดต่อกันยาวประมาณ 1 เดือนครับ”
1 เดือน !!! ธาราอยากจะร้องกรี๊ดดัง ๆ นับเป็นตัวเลขที่น่าปลาบปลื้มมาก หากหล่อนขายสำเร็จ หน้าฝนปีนี้ ตัวเลขของรีสอร์ทจะสวย ทำลายสถิติของทุก ๆ ปีเลยทีเดียว
“ส่วนนั่น ทีมงานของเราครับ”
สองหนุ่มหน้าตาเอเชียกำลังหอบเอกสารจำนวนหนึ่งก้าวเข้ามา คนหนึ่งดูออกได้ทันทีว่าเป็นคนเกาหลี หนุ่มผิวขาวซีด ใบหน้ากลมใหญ่ พูดจากด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงฟ้องเชื้อชาติ ส่วนอีกคนหนึ่ง.. รูปร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้ม หน้าตาคมคาย ..คนไทยแน่ ๆ แต่ทว่า ...!!
เสี้ยวหน้าหนึ่งของชายร่างสูงคนนั้นกลับดูคุ้นตาอย่างประหลาด ธาราพยายามเอี้ยวมองให้ตรงเคาท์เตอร์ เอียงคอมองจนแทบจะหัก ร่างสูงนั้นก็หันเข้ามาสบตาเจ้าหล่อนพอดี
“ไอ้ก้าบ...”
หล่อนว่าพลางชักศีรษะกลับอย่างรวดเร็ว ก็จังหวะเดียวกับที่หนุ่มยุโรปโบกมือขึ้นเป็นสัญญาณ ทั้งสองจึงหันหน้ามาแล้วเดินตรงเข้ามาเร็วขึ้นธาราลุกขึ้นยืนยิ้มทักทายแขกผู้มาใหม่ทั้งสอง
“Hello I’m Tara. Nice to meet you ”
หนุ่มเกาหลีแนะนำตัวกลับง่าย ๆ เขาเช็คแฮนด์แล้วยิ้มหวาน ในขณะที่คนข้าง ๆ ก็กำลังจ้องมองหญิงสาวอย่างสนใจ ธาราจึงชิงทักก่อน
“ไง...ก้า...เอ๊ย นนท์ใช่มั้ย”
ร่างสูงยิ้มตอบอย่างอารมณ์ดี เขาสูงกว่าธารากว่า 20 ซม. เป็นเหตุให้ต้องก้มมองต่ำเพื่อคุยกับคนร่างเล็ก
“เฮ้ย…!!! น้ำ...ใช่มั้ยเนี่ย...ไง สบายดีมั้ย”
เพื่อนเก่าร่วมกลุ่มสมัยเรียนมหาวิทยาลัย มาปรากฏกายเอาเมื่อ...กี่ปีผ่านไปแล้วเนี่ย ธารายิ้มเก้กัง ชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมที่หล่อนเพิ่งจ้องตาเขาผ่านรูปใบเก่าบนโต๊ะทำงาน เพื่อนเก่าคนเคยคุ้น เขาคือคนเดียวกับ ชายในฝัน ฝันจริง ๆ แทบจะทุกคืนที่นี่ ที่วันนี้มายืนตรงหน้า เหมือนเมื่อ 7 ปีที่แล้วเลย
ธารายังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรเพื่อนเก่า คุณอิริคก็สะกิดยื่นแผนงานที่รับมาจากพ่อหนุ่มเกาหลีหน้าบานมาให้
ธาราจึงต้องรีบหันมารับ หล่อนละสายตาจากภาพฝันตรงหน้าไปชั่วขณะ
ที่ออฟฟิศฝ่ายการตลาด
“โฮ้เร่...เจ๊น้ำ เป็นไงมั่งแขกเค้าชอบรีสอร์ทเรารึเปล่า”
สบชัยรีบถามหน้าบานยิ้มแฉ่งเกินเหตุอย่างมีพิรุธ
“ดาด้ามารายงานข่าวแล้วล่ะสิ ตื่นเต้นซะหน้าหุบไม่มิดเชียว”
เมื่อลูกพี่รู้ทัน ทั้งสองจึงปล่อยก๊ากลั่น
“ก็ยัยด้าบอกว่า หัวหน้ากรุ๊ปที่เป็นฝรั่งน่ะหล่อลากไส้เลย เจ๊น้ำน่ะ เช็คแฮนด์ไปปาดน้ำลายไป...ไหลย้อย”
“จะบ้าเหรอ ไม่ได้คิดอะไรเลย”
“เห็นยัยด้าว่า พี่เจอเพื่อนเก่าด้วยเหรอ ดีเลยพี่เพื่อนกันคุยง่าย ไม่ต้องจีบให้เหนื่อยแรง”
ธารากระตุกไหล่ ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการแสร้งส่ายหน้าเบื่อ ๆ
“อ๋อ ไอ้ก้าบน่ะเหรอ มันไม่ใช่หัวหน้าซักหน่อย พี่ว่าคนที่เป็นคนตัดสินใจว่าจะเอาหรือไม่เอาน่าจะเป็นคุณ อีริคมากกว่า”
“ทำไมเพื่อนพี่ชื่อประหลาดจัง คนอะไรชื่อก้าบ”
ดาด้าถามลอยๆ สบชัยหัวเราะ
“หน้าเขาเหมือนเป็ดรึเปล่าล่ะ เพื่อนตั้งไว้ล้อมั้ง รึไง เจ๊น้ำ”
ลูกพี่ร่างเล็กยิ้มขัน ขณะที่ผู้ช่วยสาวส่ายหัวดิก
“เฮ้ย หล่อน่ะเฟ้ย สูง แมน ผิวสีแทน ไหล่กว้าง น่าซบมากกกกกกก”
เจ้าหล่อนสาธยายราวกับพูดถึงชายในฝันเสียเอง ก่อนจะปิดท้ายด้วยประโยคที่ทำให้ธาราสำลักน้ำพรวดใหญ่
“สเป็คเจ๊น้ำเลย”
“ไอ้ด้า! ประเดี๋ยวเถอะแก ฉันไม่อยากได้ไอ้ก้าบมาทำแฟนหรอกย่ะ”
“พี่ไม่เอาเค้า รึเค้าไม่เอาพี่อ่ะ”
ขาดคำ สบชัยต้องรีบก้มหลบจานรองแก้วอย่างหวุดหวิด ก่อนจะเงยที่มาจากขอบโต๊ะมองคนปาที่ทำหน้าบูด พูดสะบัด ๆ
“ไม่เอาละ ไม่อยากเสียเวลาคุยกับพวกแก”
“อ้าว แล้วเจ๊จะไปไหนล่ะ”
ดาด้ารีบเข้ามาช่วยลูกพี่เก็บสัมภาระลงกล่อง พลางจ้องมองคนปากแดงที่กำลังแบกกล่องกระดาษอย่างสงสัย
“กลับห้องก่อน ตอนบ่ายมีงานพาลูกค้าดูรีสอร์ท ด้าติดต่อลุงชาติไว้ด้วยนะ พี่ว่าลูกค้าคงจะเข้าป่าวันพรุ่งนี้ด้วย”
ดาด้ารับคำ มองลูกพี่สาวเดินสาวเท้าเร็วรี่เหมือนกลัวถูกจับได้เรื่องอะไรซักอย่าง หล่อนหัวเราะนึกครึ้มใจว่า ผาดาวรีสอร์ทน่าจะได้เหตุอะไรให้ตื่นเต้นกันในเร็ววันนี้เสียแล้ว
ด้านธาราเดินกึ่งวิ่งกลับมายังห้องของตัวเอง หล่อนทิ้งร่างผอมลงบนเตียงนุ่มฟังเสียงหัวใจเต้นรัว อย่างหวั่นไหว แขนหล่อนโอบกล่องงานแต่ในใจยังครุ่นคิดภาพเจ้าก้าบ นนทภัทร ชายในฝัน ที่เล่าบอกใครต่อใครในรั้วมหาวิทยาลัยหล่อนอาจจะถูกหัวเราะ ธาราคิดพลางอมยิ้ม
เจ้านนท์ นนทภัทร ฉายา ก้าบ....
ชื่อเรียงเสียงนี้ มีที่มายังไงหนอ...
ตอนนั้น….
เหล่านิสิตใหม่ทั้งหลายกำลังถูกปรุงแต่งด้วยเครื่องทรงไม่พึงประสงค์ ทั้งสีบนใบหน้า สาคูอืด ๆบนศีรษะ เส้นผมทรงประหลาดที่เหล่ารุ่นพี่ช่วยกันเติมแต่ง
“เอาล่ะ”
เสียงรุ่นพี่ชายร่างใหญ่ยักษ์ตะโกนขึ้นกลางลาน เรียกความสนใจจากคนทุกกลุ่มในที่นั้นได้ไม่ยากนัก
“น้องผู้หญิงเข้าไปรอในหอประชุม น้องผู้ชายไปเข้าแถวรอข้างนอก พี่ช้างรออยู่ที่ประตูหอประชุมนะ”
รายการจับคู่กำลังจะเริ่มขึ้น เรียกเป็นทางการว่า “จับคู่บัดดี้” แบบไม่เป็นทางการว่า “จับคู่ผัวเมีย…”
โอ้! มายก้อด เป็นสิ่งที่ไม่อยากจะทำเอาเสียเลยจริง ๆ ธาราในวัย 18 ภาวนา แล้ว ภาวนาอีกขอให้ได้ใครก็ได้ที่หล่อ ขาว สูงมาเป็นสามีชั่วคราวในวันนี้
สาว ๆ ทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดีว่า ไม่มีใครจะเป็นผัวเดียวเมียเดียวในรั้วมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยผู้หญิง อย่างนี้ ดังนั้นในหนึ่งครอบครัว จึงย่อมมีเมียน้อยอีกอย่างน้อยสองคน
มือผอมบางข้างซ้ายของธาราในเวลานั้นจึงจับมั่นอยู่กับใครก็ไม่รู้อีกสอง ส่วนมือขวานั้นเล่าก็มีพี่ช้างเป็นคนจับไว้มั่น รอใส่ไว้ในอุ้งมือของสามีผู้อยู่หลังม่าน
“เอ้า ไป”
เมื่อฝั่งนอกหอประชุมส่งมือใครก็ไม่รู้มาพี่ช้างจึงจัดให้ทันที
มือของธาราถูกยัดลงในอุ้งมือของใครคนหนึ่งและแถมด้วยลูกผลักอีกโครมใหญ่จากรุ่นพี่ตัวบึ้ก อีกสองร่างผอม ๆ ก็ลอยติดร่างแหออกมาด้วย
เมื่อผู้เป็นเมียหลวงเงยหน้ามาพบกับสามีในฝ่ามือ ธาราก็แทบลมจับ
“ไอ้นนท์”
นนทภัทรในสมัยนั้นเป็นที่รู้จักของเหล่ารุ่นพี่และรุ่นเดียวกันเป็นอย่างดี ธารานั้นรู้จักและคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว และไม่อยากจะภาวนาถึง เพราะฉายาเบื้องต้นของนนทภัทรในตอนนั้นคือ
“หน้าผีบอดี้เริ่ด”
คือ หุ่นแมนเท่มาก แต่กรุณาตัดหัวทิ้ง รุ่นพี่หลายคนมาทาบทามพ่อหนุ่มนนท์ไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์คณะเพราะหุ่นที่แสนจะเพอร์เฟ็ค อันหาได้ยากในมหาวิทยาลัยห่างไกลความเจริญ แต่ไอ้หน้าอับ ๆ อันเต็มไปด้วย สิว และริ้วรอยนั้น รุ่นพี่ทั้งหลายบอกว่าเวลาอยู่กลางสนามทาแป้งหนา ๆ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก
แต่ในเวลานี้ มัน.. มาเป็นสามีของพวกเรา โอ้ ธาราเอ๋ย ทำบุญมาน้อยเหลือเกิน
“อ้าว ไอ้น้ำ”
มันทัก ส่วนอีกสองสาวนั้นมาทราบชื่อกันภายหลังว่า...อะไรซักอย่าง นึกไม่ออก รู้แต่เพียงทั้งสองนั่งทำหน้ามึน...ซึม ...งึม.....จ๋อยสนิท
ธาราแอบคิดเอาเองว่าสองสาวคงจะรู้สึกผิดหวัง...มาก...ไม่ต่างไปจากหล่อน
หลังจากนั้น แต่ละครอบครัวต้องถูกบังคับให้อยู่ในสภาพเดียวกัน คือ สามีนำหน้า ภรรยาทั้งสามตามหลัง ทุกคนต้องถอดรองเท้าออกโดยให้ผู้เป็นสามีร้อยเชือกฟางเข้ากับทุกคู่แล้วแขวนคอไว้ในระหว่างที่พาเหล่าภรรยาเดินไปตามฐานต่าง ๆ ที่รุ่นพี่วางไว้ โอ้! หน้าเน่า ๆกับรองเท้าแตะเต็มคอ...ช่างรับกับหน้ามันซะ...
“กร้อบกรัวต่อไป! เก้ามา!”
เสียงใหญ่ๆ ตะโกนลั่น สำเนียงของรุ่นพี่ร่างยักษ์บ่งบอกพื้นเพของคนประจำภูมิภาคได้เป็นอย่างดี ห้วน ดัง และทองแดง[1]
“มึงจื้ออะรัย”
แกถามเมื่อกลุ่มของธาราเข้าไปถึง ทั้งสี่ต้องตกใจจนไหล่ห่อ ก็อยู่ใกล้กันแค่นั้นทำไมต้องตะโกนด้วยก็ไม่รู้
“อะ เอ่อ ผมนนท์ครับ”
นนทภัทรตอบเบา ๆอย่างสุภาพ ธารากำลังจะอ้าปาก ก็ต้องรีบหุบเมื่อเสียงราวกับฟ้าผ่าสวนออกมา
“ฐานนี้ จื้อฐาน ป้อกุ๋นราม[2]! เวลามึงแนะนำตัวต้องแนะนำให้จั๊ดเจน! เอาใหม่!”
“อ่า...ผมชื่อนนท์ครับ เรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 เอกภูมิศาสตร์ครับ”
“ไอ้หน้าโง่! กูบอกว่าฐานป้อกุ๋นราม มึงเก้าใจมั้ย ป้อกุ๋นรามนั้น...”
แกตะคอกหน้าตาจริงจัง ธาราแอบสังเกตเห็นหนึ่งในภรรยาน้อยเริ่มน้ำตาซึม แต่ไอ้ก้าบ ที่ในเวลานั้นยังเป็นไอ้นนท์กลับอมยิ้ม
“ไอ้หน้าโง่! กูบอกว่าฐานป้อกุ๋นราม มึงเก้าใจมั้ย ป้อกุ๋นราม..นึ้น...”
แกตะคอกหน้าตาจริงจัง ธาราแอบสังเกตเห็นหนึ่งในภรรยาน้อยเริ่มน้ำตาซึม แต่ไอ้ก้าบ ที่ในเวลานั้นยังเป็นไอ้นนท์กลับอมยิ้ม
“อ้อ...ครับ ฐานพ่อขุนราม...นึ้น..นะครับ”
รุ่นพี่หันมามอง
"เฮ่ย...มึง...ห้ามล้อเลียนรุ่นพี่..."
นนทภัทรพยักหน้าอย่างอ่อนน้อม ลอบส่งสายสายยิ้มเจ้าเล่ห์มาทางธารา ก่อนจะหันกลับไปตะโกนก้อง
“กู! ...ชื่อนนท์! เอก ภูมิ! นี่เมียหลวงชื่อน้ำ เมียน้อยชื่อ...”
มันร่ายชื่อสมาชิกในครอบครัวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ดีมาก”
รุ่นพี่ยิ้มเหี้ยม
“ตีนี้บอกจื้อกร้อบกรัว[3]มึงมาจิ๊ มาฐานนี้ต้องมีจื้อ กร้อบกรัว ไม่งั้นไม่ป่าน[4]”
“เป็ด”
นนทภัทรตอบไปโดยไม่คิด แต่รุ่นพี่หน้าตาน่ากลัวกลับพยักหน้ารับ
“งั้นมึงต้อง เปลี่ยนจื้อให้เก้ากับนามตะกุล อะ มึงจะจื้ออะไร ไอ้ผัว”
“ก้าบครับ”
มันตอบไปง่าย ๆ
“เมียหลวงล่ะ”
“แก้บค่ะ”
ธาราตอบมั่ว ๆ หวังจะรอดไปง่าย ๆ แต่รุ่นพี่กลับจ้องหน้า
“เฮ้ย! มึง...อย่ามั่วจิ ตั้งอะไรให้มันเกี่ยวกับเป็ดหน่อย เอาใหม่”
“เอ่อ...”
หล่อนเกาหัวแกรก ชื่ออะไรที่มันเกี่ยวกับเป็ด
“หน้ามึงออกหมวยอินเตอร์ เดี๋ยวกูให้จื้อฝรั่งไปเลย เอา...แควก”
ธาราเงยหน้าขึ้นมองหน้ากร้านดำนั้นงง ๆ
“แควก ...แควก ๆ ไงมึงรู้จักมั้ยเสียงเป็ดฝรั่งนั้น...มึงจื้อนี้เลย อีแควก”
แกว่าหน้าตาเรียบเฉย ส่วนสองสาวเมียน้อย แกก็เป็นคนช่วยตั้งชื่อให้เช่นกัน
“มึง...จื้อ อีแกว๊ก...ส่วนมึง อีห่าน อีหลงมา บังเอิญผัวเก็บได้ เลยต้องอยู่กันไป”
ธาราแอบพ่นลมหายใจทางจมูก สองสาวก็คงจะแอบขำแต่ก็ไม่กล้ายิ้ม หญิงสาวจำได้ว่าตลอดทั้งวันของการรับน้อง ต้องใช้ชื่อนี้แนะนำตัวในการเข้าฐาน ทว่าชื่อ แควก แกว๊ก ห่าน กลับไม่โด่งดังเท่า “ก้าบ” ที่ทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อนเรียกติดปากกันตลอดมา จนไอ้มีฉายาเสริมก็คือ
“เคใหญ่...ไข่จ๊าบ...ก้าบภูมิ(พู-มิ)”
ที่มาของฉายาสุดอุบาทว์ก็มาจากเหล่าสาวประเภทสองที่เทใจเทคะแนนให้เชียร์ลีดเดอร์หน้าผีบอดี้เริ่ดคนนี้
“พวกแกไปรู้กับมันได้ไงว่าใหญ่ไม่ใหญ่”
ธาราเคยย้อนถามเล่น ๆ สาวเทียมกรีดนิ้วสาธยาย
“อู๊ยยยย...ก็ดูหุ่นมันสิยะ ตัวขนาดนั้นน่ะ เล็กได้เหรอ?”
“น่าเกลียด...ไปว่ามัน”
“ต๊าย! ยัยน้ำ หล่อนจะไปรู้อะไร ผู้ชายเค้าชอบย่ะ เชื่อสิ อีก้าบมันก็ชอบฉายานี้แหละ คนอาไร้...ถึงหน้าจะเน่า แต่เป้าก็เริ่ดดดด”
เสียงกระเทยสาวราวกับค่อย ๆเลือนหายไปในห้วงแห่งความทรงจำ ธาราลืมตามองเพดานห้อง กระพริบตาถี่ ๆ เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าคิดถึงเรื่องอดีตเลยลงต่ำมากเกินไปแล้ว เจ้าหล่อนถูฝ่ามือเข้ากับกระบอกตาแรง ๆ
“คิดไปถึงไหนเนี่ยเรา บ้าจริง ๆเลย”
นาฬิกาบอกเวลาหลังเที่ยง ธารารีบกระเด้งลุกขึ้นจากที่นอน
“หมดเวลาเพ้อเจ้อแล้ว ทำงาน ๆ”
บ่อยครั้งที่เมื่อรู้สึกเช่นนี้ ธาราก็อดเหน็บตัวเองไม่ได้ว่า เพราะคิดเป็นอยู่แค่เรื่องงานน่ะสิ ถึงได้โสดค้างปีอยู่บนป่าบนเขาอย่างนี้ไง... เฮ้อ
หลังมื้อเที่ยงธารานำเสนอแผนงานกิจกรรมในโรงแรมให้กลุ่มลูกค้าทราบโดยเริ่มตั้งแต่กิจกรรมเบา ๆ ภายในรีสอร์ทไปจนถึงกิจกรรมผาดโผนบนภูเขาใกล้รีสอร์ท คุณอีริคพยักหน้าฟังหญิงสาวอย่างตั้งใจ
“ช่วงนี้ที่นี่ฝนตกบ่อยหรือเปล่าครับ”
หัวหน้าฝรั่งยิงคำถามที่ฝ่ายการตลาดสาวต้องแอบถอนใจ ฝนอีกแระ..
“เอิ่ม..ก็เป็นช่วงหน้าฝนพอดีเลยน่ะค่ะ ฝนก็ลงบ่อยเอาเรื่องอยู่”
“ที่นี่เป็นภูเขาด้วยนะครับ”
คุณอีริคกวาดตาไปรอบ ๆ รีสอร์ท ทิวทัศน์เบื้องหน้า เบื้องหลังรายล้อมไปด้วยภูเขาเขียวชอุ่ม พลางหันมา สบตาเพื่อนในกลุ่มอย่างขอความเห็น
“แต่เราก็ต้องการรีสอร์ทที่ติดภูเขานะครับ กิจกรรมของเราส่วนใหญ่จะต้องอยู่ในป่า มันช่วยไม่ได้ที่เราจะต้องจัดกิจกรรมกันช่วงนี้ ผมว่าไม่ว่าที่ไหนก็ต้องมีฝนทั้งนั้นแหละครับ”
ใบหน้าคมคายฝั่งตรงข้ามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ธารามองหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อเวลาผ่านไป คนเราก็มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลง แม้แต่เจ้าก้าบ..อดีตผู้ชายหน้าผี กวนบาทา ปากเสีย.. มาวันนี้กลับพูดเข้าหูเพื่อนเก่าได้อย่างน่ารัก
คุณอีริคมองสมาชิกในกลุ่มสลับกับแผนงานในมืออย่างชั่งใจ เขาหันมาสบตาสาวสวยตรงหน้าก่อนจะยิ้มอย่างใจดี
“พรุ่งนี้เราจะเข้าป่ากันก่อนเลยหรือเปล่าครับ ผมอยากดูสถานที่ก่อนว่าจะเหมาะสมกับงานของเราหรือเปล่า”
ธารายิ้มน้อย ๆ
“ไม่มีปัญหาค่ะ สำหรับคืนนี้ถ้าคุณอีริคมีคำถามหรือจะเปลี่ยนแปลงตารางเวลาอะไร ก็แจ้งที่ดิฉันได้โดยตรงนะคะ ดิฉันอยู่ที่นี่ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ”
หญิงสาวยื่นนามบัตรให้
“ขอบคุณมากครับ คุณน้ำ”
หนุ่มฝรั่งร่างใหญ่รับนามบัตรมาใส่กระเป๋าเสื้อ เขายิ้มหวานให้หล่อนก่อนจะเลี่ยงออกไปบริเวณด้านข้างรีสอร์ทซึ่งเป็นโซนของ บริการสปากับนวดแผนไทย ธารายิ้มตามส่งลูกค้า หัวใจพองโตคับอกแบ๊นแบน... ไม่รู้ว่าระหว่างการจะได้ขายห้องพักกับสายตาหวานฉ่ำของพ่อฝรั่งหัวหน้ากรุ๊ปคนนี้ อย่างไหนเป็นสาเหตุที่แท้จริงกันแน่
ท้องฟ้าด้านนอกออฟฟิศดูมืดครึ้ม ฟ้าสีอมเทาเข้มกว่าเมื่อตอนเช้า ก้อนเมฆกลุ่มใหญ่ดูทะมึนแน่นหนัก เหมือนพายุจะเข้าเสียตอนบ่ายนี้แล้ว ธารารู้สึกเวียนหัวขึ้นมาดื้อ ๆ หล่อนมองสนามหญ้าด้านหลังล็อบบี้อย่างสงสัย ภาพเบื้องหน้าแลดูมืดมัว จะเป็นเพราะท้องฟ้าที่บดบังแสงแดดจนมืดมิดไม่เห็นอะไร หรือฝนมันตกลงมาแล้วกันแน่นะ หล่อนมองเห็นเหมือนกระท่อมชาวเขามาตั้งเด่นตรงกลางสนาม
กระท่อม...กลางสวนในรีสอร์ท อย่างนั้นหรือ? ใครมาอุตริทำอะไรแบบนั้น
ธาราเขม้นมองซ้ำ ก่อนที่เสียงเรียกจะกระตุกให้หล่อนสะดุ้งโหยง
“พี่น้ำคะ ลูกค้าขอคุยด้วยค่ะ”
เสียงน้องอ้อย ฝ่ายประชาสัมพันธ์เรียก ธารารู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นนอน หญิงสาวหันไปมองตามเสียง ก็พบนนทภัทรยืนรออยู่ที่นั่นด้วย
“อ้อ…จ้ะ เดี๋ยวพี่ไปนะ”
หล่อนมองไปที่ลานสนามข้างล็อบบี้อีกครั้ง ภาพเบื้องหน้าสว่างใส ไร้วี่แววก้อนเมฆก้อนใหญ่บนท้องฟ้า แดดจาง ๆ เริ่มทอสว่างกลางลานหญ้าเขียวชะอุ่ม หล่อนเขม้นตามองซ้ำอีกครั้งอย่างสงสัย กระท่อมเมื่อครู่นี้ก็หายไปด้วย นี่หล่อนตาฝาดหรือไงนะ
“เฮ้! น้ำ เป็นอะไรไปน่ะ”
ชายหนุ่มสะกิด คนหวั่นไหวพลันสะดุ้ง..แฟ้มงานหลุดตกจากมือเอกสารร่วงกองพื้น ชายหนุ่มหัวเราะ
“โทษที ๆ ขวัญอ่อนอะไรขนาดนี้เนี่ย”
เขาย่อตัวลงช่วยเก็บเอกสารธารารีบเก็บกระดาษที่ปลิวกระจายอยู่ทั่วทางเดินก่อนจะสอดไปในแฟ้มที่อยู่ในมือคนตัวสูง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขาก็ยิ้มให้
“เอ่อ.. ขอบใจมากนะ แก เอ่อ..นายมีอะไรเหรอ”
หล่อนยื่นมือออกไปรับเอกสารคืน หน้าตานิ่ง ๆ ดูเก้กังนั้นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะ
“เป็นอะไร แหม..ไม่ได้เจอกันนานแค่นี้ ทำท่าเหมือนคนไม่รู้จักกันไปได้”
นนทภัทรยิ้มล้อเลียน เขาก้มดูหน้าเพื่อนสาวเหมือนกับที่เคยทำเป็นประจำสมัยเรียน ธาราแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย เจ้าหล่อนตัวเล็ก ผอม หน้าขาวปากแดงมีแววตาเอาเรื่องอยู่ตลอดเวลา
“เหมือนเดิมเลยนะแกเนี่ย..ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย เตี้ย ...และ ..แบน”
นนทภัทรหัวเราะ ธาราหันขวับ
“อะไรยะ อะไรแบนไม่ทราบ”
“ไม่รู้สิ”
เขาลอยหน้า
“ว่างคุยกันซักสิบนาทีรึเปล่าล่ะ”
“จะคุยอะไรก็ว่าไปสิ”
ธารากอดแฟ้มไว้กับอก สายตาเริ่มสอดส่องไปตามระเบียง หวั่นใจว่าจะมีลูกน้องคนใดคนหนึ่งมาเจอเจ้าหล่อนกับเจ้าก้าบในเวลานี้เข้า จะเป็นข่าวให้เมาท์กันสนุกปาก
“คุยเรื่องงานของเธอนั้นแหละ ไปคุยที่อื่นดีกว่าไหมแถวนี้ไม่สะดวก”
ชายหนุ่มพูดจาเป็นการเป็นงาน ธารานิ่งจ้องมองมาดจริงจังก่อนจะอมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว นนทภัทรเปลี่ยนไปมาก ไม่สิ ดูเหมือนบุคลิกเขาจะเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนดูเหมือนจะเป็นที่รูปร่างหน้าตา เสี้ยวหน้าคมของชายหนุ่มเผยให้เห็นผิวสีแทนสวย เคราเข้มและตอหนวดที่รอเวลาโกน ผมหยักศกสีดำถูกรวบไว้ครึ่งศีรษะ มันยาวพอที่จะแต่งเป็นบ๊อบสวย ๆ แบบสาวสมัยใหม่ได้ ธาราคิดแล้วแอบหัวเราะคิกคนเดียว แต่กับเขา...ในชุดสบาย ๆ แบบนี้ มันเท่ละลายใจสาวเลยทีเดียว เฮ้อ...หายไปแล้วล่ะ พ่อหนุ่มหน้าผีบอดี้เริ่ดของฉัน
“ยิ้มอะไรน้ำ เราจะคุยเรื่องงานแกนะ สนใจมั่งดิ”
ธาราแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนนำเพื่อนหนุ่มเดินย้อนกลับมาที่ล็อบบี้ หล่อนเลือกที่นั่งที่ค่อนข้างส่วนตัวก่อนจะเริ่มกางเอกสารที่นำไปแสดงคุณอีริคมาให้นนทภัทรดูอีกรอบ
“ที่นำเสนอไปก็มีเท่านี้แหละ มันก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าจะชอบหรือเปล่าเท่านั้นเอง ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะอุปสรรคที่เรารู้ ๆกันอยู่ก็คือฝน...ซึ่งไปบังคับจัดการอะไรกะมันก็ไม่ได้”
หล่อนยักไหล่ จ้องมองใบหน้าคมคายตีหน้าเคร่งกับกระดาษตรงหน้าก่อนจะหันมาจ้องตาหล่อนอย่างจริงจัง
“ปัญหาจริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่ฝนหรอกน้ำ...ถ้าอยากขายได้นะ เราจะบอกอะไรให้ สองวันก่อนเราไปดูที่ รีสอร์ทแถวเชียงใหม่ สวยเหมือนที่นี่แหละ มีภูเขา มีน้ำตกแต่คุณอิริคไม่ชอบเพราะไม่ถูกใจน้ำตก มันเป็นน้ำตกไม่มีท่า รู้จักมั้ยท่าน้ำน่ะ”
ธาราพยักหน้า
“นั่นแหละ ถ้ามันไม่มี มันก็จะวางอุปกรณ์ประเภทถัง เชือกอะไรอย่างนี้ไม่ได้ แล้วมันก็ไม่ปลอดภัยกับเด็กด้วย”
ชายหนุ่มวาดมือไปบนอากาศให้เพื่อนสาวเข้าใจได้ง่ายขึ้น การตลาดสาวกอดอกอย่างครุ่นคิด
“แล้วจะให้ทำยังไง เกิดที่นี่น้ำตกไม่มีท่าเหมือนกัน เขาก็ไม่เอารีสอร์ทฉันน่ะสิ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ไปทำไว้คืนนี้เลยดีมั้ย”
“จะบ้าเหรอ ใครเค้าจะเอาท่าทำเอง ต้องเป็นท่าธรรมชาติสิ ตลกตายเลย เป็นน้ำตกแล้วดันมีท่าน้ำเหมือนจะเอาไว้ซักผ้า หรือว่ามีเรือมาจอดอะไรอย่างนั้น”
นนทภัทรเอะอะแต่ทว่ายิ้มขำ มองคนหน้าขาวปากแดงทำท่าครุ่นคิดยิ้มๆ
“ฉันยังไม่เคยเข้าป่า ไม่เคยเห็นน้ำตกที่ว่านั่นด้วย เลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง”
“อีกเรื่อง ป่าที่คุณอิริคชอบจะต้องเป็นธรรมชาติจริง ๆ ไม่ใช่มีชาวบ้านไปทำเป็นทางจักรยานหรือมีมอ’ไซค์ขับผ่านแบบนั้น แกไม่ชอบ โดยเฉพาะทางขึ้นเขา แกเป็นพวกซาดิสม์ทางจะต้องเป็นตรอกซอกที่มันขึ้นลำบาก ๆ โหด ๆ อะไรแบบนั้น ถ้าแกมีแบบนี้แกขายได้แน่”
นนทภัทรไม่พูดเปล่าเขายังเขียนรายละเอียดตามที่พูดมาไว้ในกระดาษก่อนจะยื่นส่งให้ธารา หญิงสาวรับมาอย่างซาบซึ้ง
“ขอบใจนะ..นนท์ แกอุตส่าห์ช่วยฉันด้วย ใจดีจังเลย”
“เปล่านี่”
ชายหนุ่มตอบเรียบ ๆ ดึงปลอกปากกาสวมกลับเข้าที่ก่อนจะเก็บลงในกระเป๋าเสื้อ
“เราแค่รำคาญคุณอิริค เกิดไม่ถูกใจที่นี่ เราก็ต้องออกไปหาที่อื่นกันอีก มันเสียเวลาน่ะ”
เขายักคิ้วให้ในขณะที่เพื่อนสาวทำหน้าหุบไปเรียบร้อยแล้ว หล่อนเก็บเอกสารบนโต๊ะเงียบ ๆ ก่อนจะมองเห็นคนตัวสูงลุกขึ้นยืน
“กลับก่อนนะน้ำ เรานัดเจอกันอีกทีพรุ่งนี้ใช่หรือเปล่า”
ธาราพยักหน้าแล้วเจ้าก้าบในความทรงจำของเจ้าหล่อนก็เดินจากไป หญิงสาวมองตามด้วยความรู้สึกสับสน เจ้าก้าบคนใจดี เจ้าก้าบปากหมา หรือว่าเขาจะแค่ปากไม่ตรงกับใจ
วูบหนึ่งธาราหลงคิดไปไกลว่าเขาอยากจะช่วยหล่อนเพราะเขาอาจจะมีใจให้เหมือนที่หล่อนเคยคิดมาตลอดสี่ปีที่ มหาวิทยาลัย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เคยเอ่ยปาก อดีตผู้ชายหน้าผีบอดี้เริ่ดคนนี้ยังคงมีมนตร์ให้ดึงดูดความสนใจอยู่ตลอดเวลา
กลางปีการศึกษา....โน้น..
“คู่ไบค์ ?”
กลุ่มนักศึกษาปี 1 นั่งคุยกันโฉ่งฉ่างที่โรงอาหารถึงโครงการที่สโมสรนักศึกษาจะจัดขึ้นราวปลายเทอม 1นี้ นักศึกษาปี 1 ทุกคนจะต้องมีคู่ไบค์ (bike) หรือคู่ที่จะซ้อนจักรยานเพื่อปั่นไปหาดตะโละกะโปว์ ชายหาดของจังหวัดปัตตานีเป็นระยะทางร่วม 30 กม.กิจกรรมรับน้องที่ช่วยส่งเสริมให้เด็กปี 1 รู้จักกันมากขึ้น
“เรียกอีกอย่างว่าแฟนมหาวิทยาลัย”
มดแดงสาวร่างท้วมอารมณ์ดีพูดขึ้นขณะข้าวเหนียวไก่ทอดยังเต็มปาก
“ทำไมต้องเรียกอะไรอย่างงั้นด้วยล่ะ”
ใครคนหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัย
“อ้าว! ก็เค้าให้ผู้ชายไปขอผู้หญิงมาไง... เรื่องนี้พวกหอชายมันรู้ดี รุ่นพี่เขาบอกกันมาแล้วตอนรับน้องหอกลางคืนน่ะ เห็นว่าพวกผู้ชายต้องรีบกันใหญ่เดี๋ยวผู้หญิงสวย ๆจะหมดเสียก่อน งานนี้ด้านได้อายอดกันล่ะ”
มดแดงเล่าต่อ เจ้าหล่อนมีเพื่อนสนิทผู้ชายจากโรงเรียนมัธยมมาหลายคนจึงเก็บตกข้อมูลเหล่านี้มาไม่ยากนัก ต่างกับสาวหมวยจากสุราษฎร์ธานีอย่างธารา ที่นอกจากจะมาจากโรงเรียนสตรีล้วนแล้ว ยังต้องมาทนรับมุกเข้าใจยากจากกลุ่มสาวประเภทสองอยู่ได้ทั้งเช้าทั้งเย็น
มหาวิทยาลัยห่างไกลความเจริญนี่...นอกจากจะหาผู้ชายยากแล้ว กระเทยก็ยังแยะอีกด้วย
“มีใครมาขอพวกแกรึยังวะ”
แพรวสาวบางกอกเจ้าของฉายา “สวย ถึก แนว แพรวเอกญี่ปุ่น” ตั้งคำถามแบบเบื่อ ๆ สำหรับเจ้าหล่อนแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องยากยิ่งนัก หนุ่ม ๆ ปี 1 เข้ามาใหม่ ๆ ก็มีความประหม่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องจะให้ทำใจกล้าน่าหวาดเสียวมาขอผู้หญิงเสียงดังแปดหลอด บุคลิกจิ๊กกี๋อย่างแพรวคงเป็นเรื่องยากไปใหญ่
“ยังอ่ะ เงียบเชียบ แต่ไอ้น้ำต้องมีแน่เลย มันสวยอยู่”
เสียงฮือฮาสมทบจากเพื่อนร่วมสาขาทำเอาธาราต้องรีบส่ายหัวรัวเร็ว ธาราจัดเป็นของแปลกในแดนใต้ ดงสาวตาคม แต่หล่อนเป็นอาหมวยร่างผอมบางซึ่งหาได้ยาก จึงจัดเป็นของโปรดหนุ่มใต้เลยทีเดียว
“ไม่มี ๆ ไม่เห็นมีใครมาพูดอะไรด้วยซักคน เพิ่งจะรู้เรื่องนี้จากไอ้มดแดงตอนนี้แหละ”
“ไม่มีใครอยากได้แกหรอก...ไอ้น้ำ พูดมากอย่างแก พาซ้อนท้ายก็หนวกหูตาย”
เสียงทุ้มอันคุ้นหูดังแทรกขึ้นมากลางวง นนทภัทรกำลังเข้ามาร่วมกลุ่มพร้อมกับเพื่อนสนิทหนุ่มหน้ามนคนสงขลา ‘นิกกี้’
เพื่อน ๆ แหวกที่นั่งให้สองหนุ่มอย่างอบอุ่น นนทภัทรนั่งลงสบาย ๆ ในขณะที่ผู้ชายมาดนิ่มอย่างนิกกี้จะมาพร้อมขนม ผลไม้เอาใจเจ๊สาย ‘สายใจ’ เจ๊ใหญ่ของเมเจอร์เสมอ ๆ
“อ้าว!! น้องนิกกี้ น้องนนท์ มาแล้วเหรอจ๊ะ มา ๆ ๆ มะ มาเมาท์กันตรงนี้เร็ว..”
แม้ว่าจะอยู่ชั้นปีเดียวกันแต่ด้วยอายุ ใบหน้า ประกอบกับบุคลิกท่าทางที่ทำให้เพื่อนร่วมก๊วนเทใจยกเจ้าหล่อนเป็น ‘เจ๊’ เจ๊สายใจก็ทำตัวเป็นที่รักของเพื่อนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“มาถึงก็กัดไอ้น้ำเลย...แกมีคู่ไบค์รึยังล่ะอีก้าบ”
แพรววางไส้กรอกอีสานลง ตั้งหน้าถามเพื่อนหนุ่มอย่างสนอกสนใจ นนทภัทรยักไหล่
“ยัง”
“เออ...ไม่ขอไอ้น้ำไปเลยล่ะ มันก็ยังไม่มีเหมือนกัน”
แพรวเสนอ ธาราชักกะตุกหันไปมองคู่ปรับอย่างตกใจ นนทภัทรมองหน้าเด็กสาวนิ่ง
“ไม่เอาหรอก ไอ้น้ำอ่ะนะ เอามาทำไม”
ธาราหยุดสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ พยายามสะกดอารมณ์นิ่งฟังเพื่อนฝูงหัวเราะอย่างอดทน ก่อนที่เสียงใครคนหนึ่งจะแทรกขึ้น
“ก็เห็นแกชอบกัดกับมันเป็นประจำไปไบค์ด้วยกันก็น่าจะสนุกดี”
นนทภัทรยิ้มพลางส่ายหน้า
“ไม่เอา..รอไปขอคนมาหมดม.ก่อนแล้วค่อยมาถามมัน”
ไม่พูดเปล่ายังหันมายักคิ้วให้เจ้าตัวก่อนจะเดินจากไปแบบชิว ๆ ไม่รู้สึกรู้สาปล่อยให้ผู้หญิงหน้าตาดีเจ็บแค้นตีอกชกหัวให้ผองเพื่อนได้หัวเราะเยาะกันต่ออย่างครึกครื้น
ธารารู้ดีว่าเหตุที่หล่อนกับเจ้าก้าบต่อปากต่อคำเป็นประจำนั้นทำให้เพื่อน ๆ เข้าใจผิดเกี่ยวกับเขาทั้งสองอย่างไร ทุกคนต่างเข้าใจคล้าย ๆกันว่าเจ้าก้าบสนใจธารา แม้แต่เจ้าตัวบางทีก็เผลอคิดอย่างนั้นไปด้วย แต่ทว่าบางทีมันก็ดูเหมือนจะเป็นการคิดไปเองมากกว่า ครั้งนี้ก็เช่นกัน นนทภัทรมักจะล้อเล่นเจ็บ ๆกับหล่อนอยู่เสมอ แม้แต่กับเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนมากมายเขาก็ไม่เคยจะละเว้น
ธาราเองก็ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการกระทำของเพื่อนร่วมกลุ่มคนนี้อยู่ไม่น้อย เหตุการณ์นั้นจึงกวนใจเด็กสาวอยู่เพียงไม่เกินข้ามวันเจ้าหล่อนก็ลืมไปเสียสนิท
แต่ทว่าในอีกไม่กี่วันต่อมา หลังจากชั่วโมงเรียนรวมจบลง ธาราก็รู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิด
“น้ำ ...แกมีใครมาขอไปไบค์รึยัง”
นนทภัทรยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงนั้น ธารามองรอยยิ้มเก้อ ๆนั้นอย่างงงงวย
“ยัง.... ถามทำไม”
หางเสียงเด็กสาวยังคงตระหวัด ไม่จำเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ลืม...เมื่อถูกสะกิดต่อมความหงุดหงิดก็เริ่มจะทำงาน
“เป็นคู่ไบค์เรามั้ย”
คำพูดเรียบ ๆ ออกจากปากคนตัวสูง...หนอยแน่ อีหน้าผี อีหุ่นดี อีโด่งดังในหมู่กระเทย ธารายืนมองหน้าไอ้ก้าบอย่างเคียดแค้น ดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับผู้ชายที่ประกาศต่อหน้าธารกำนันว่า
จะไม่มีวันมาขอหล่อนไปซ้อนท้ายจักรยานด้วย
“แกไปขอผู้หญิงมาหมดม.แล้วเหรอไง”
เด็กสาวกอดแฟ้มเชิดหน้าหรี่ตาถาม นนทภัทรหัวเราะอารมณ์ดี
“เปล่า...เรายังไม่ได้ไปขอใครเลย..เราให้เกียรติ..มาขอแกเป็นคนแรกเลยเนี่ย”
“เหรอ......”
ธาราทำเสียงสูง ใจเต้นโครมครามอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ในที่สุดอีหน้าผีบอดี้เริ่ดมันก็มาขอเรา วะฮ่า ๆ
อยากจะกระโดดโหม่งลงจากห้องสโลป (Slope)ให้หัวกระแทกบันได ซัก50 ขั้นเล่น ๆ ให้หายสะใจ เด็กสาวยืนเหล่มองไอ้ก้าบทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอย่างมีความสุข
“ตกลง แกจะไปกับเรารึเปล่า”
นนทภัทรเอียงหน้าถามซ้ำ เขาทำน้ำเสียงเหมือนกับสบาย ๆ อย่างที่เคยทำทุกครั้งแต่สีหน้าท่าทางยังคงฟ้องชัดถึงความประหม่า ธารามองท่าทีนั้นอย่างสดชื่น แต่ครั้นจะทำไว้เชิง คิดนาน ปล่อยให้หนุ่มยืนรอนานมากไป เกิดไอ้ก้าบเปลี่ยนใจขึ้นมาหล่อนจะลำบาก เพราะเวลาล่วงเลยมาป่านฉะนี้แล้ว ยังไร้วี่แววหนุ่มคณะอื่น ๆมามาทาบทามสู่ขอ เอ๊ย! มาทาบทามชวนไปซ้อนจักรยานด้วยเลย
“ไปสิ”
ธาราตอบรวดเร็ว แววตานนทภัทรแจ่มใสขึ้นมาทันควัน
“จริงนะ แกตกลงแล้วนะ”
เขาทวนซ้ำอย่างหยั่งเชิงแม้จะซ่อนรอยยิ้มกว้างมาก นั้นไม่มิด
“ เห็นแก่ที่แกว่าฉันเป็นคนแรกที่แกมาถามหรอกนะ ถึงได้ไปเนี่ย..”
ธาราตอบโดยไม่หันไปมอง รอยยิ้มที่ฉายซ่อนไว้กับตัวเองบอกความหมายอะไรได้มากมาย แต่ไม่อยากหันไปให้ใครเห็น ต่อเมื่อเจ้าก้าบหายไปจาก สายตานั่นแหละ ขาเล็ก ๆ คู่นั้นจึงจะก้าวออกไปได้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หล่อนมีอาการแบบนี้กับผู้ชายหน้าตาอัป...อย่างหาที่เปรียบไม่ได้คนนี้
“อะแฮ่ม...เจ๊ได้ยินนะจ๊ะ...หนูน้ำ”
เสียงเจ๊สายใจลอยมาแว่ว ๆ พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเจ๊ประจำกลุ่ม ธารายิ้มให้... อารมณ์ดีเกินกว่าจะคิดอะไรต่อไปได้อีก สองขาพาร่างเบาหวิวกลับไปที่หอพัก วันนั้นเด็กสาวรู้สึกเหมือนตัวเบามากกว่าทุก ๆ วันเลยล่ะ
ธารายังคงยิ้มค้างไปกับความหลังเกือบสิบปีที่แล้วก่อนจะค่อย ๆหุบลงอย่างเสียดาย เสียดายทั้งในเวลานั้นที่ในที่สุดแล้ว...เจ้าหล่อนก็ไม่ได้ไปไบค์เหตุเพราะปีนั้น สโมสรนักศึกษาเกิดมีปัญหาขึ้นมา เลยไม่มีโอกาสสัมผัสความรู้สึกที่ได้เป็นแฟนมหาวิทยาลัยกับเชียร์หลีดเดอร์หนุ่มผู้โด่งดัง อาจได้ซ้อนท้ายจักรยานในชุดคู่แฝดน่ารัก ๆ มีดอกไม้สวย ๆ ในตะกร้าและอาจจะได้ซบหลังเมื่อจักรยานต้องเบรกกะทันหันเพราะเจอเต่าตัดหน้า ว้า....ช่างน่าเสียดาย และก็เสียดายยิ่งกว่า ที่เวลาผ่านมาจนป่านนี้หล่อนก็ยังคงได้เป็นแค่เพื่อน แถมตอนนี้ก็เป็นเพื่อนเก่าวัย 26 ปี ที่ยังคงโสดอีกด้วย แง้....
[1] สำเนียงของคนใต้ที่พูดภาษากลางไม่ชัด
[2] พ่อขุนราม
[3] ครอบครัว
[4] ผ่าน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ