พิษเพลิงสิเน่หา

10.0

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,828 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558 11.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) พิษเพลิงสิเน่หา ตอนที่ 2 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

กรุงเทพมหานคร

นิ้วมือเรียวของภัทรษากดกริ่งประตูแล้วลดลงข้างกายเช่นเดิมพลางชะเง้อมองลอดรั้วอัลลอยเข้าไปด้านใน ไม่นานนักก็เห็นเด็กสาววิ่งออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คุณวุ้นมาเร็วจังค่ะ หนูคิดว่าจะมาตอนบ่ายๆ เสียอีก” แม่บ้านอายุราวยี่สิบต้นๆ ทักทายพร้อมเอื้อมมือเปิดประตูช่องเล็กอีกทางให้เจ้าของร้านขนมหวานหน้าปากซอยเข้ามาด้านใน

“ไม่มีใครอยู่เหรอจ๊ะ” ภัทรษาถามและยังไม่ได้ก้าวเข้าไปด้านใน

“คุณๆ ไม่อยู่ค่ะ ออกไปซื้อของข้างนอกแต่สั่งหนูเอาไว้แล้วว่าถ้าคุณวุ้นมาให้พาไปดูสถานที่วางขนมหวาน แล้วฝากรายการที่สั่งขนมเพิ่มเอาไว้ให้คุณวุ้นด้วยค่ะ” แม่บ้านสาวเรียกชื่อเจ้าของร้านขนมหวานหน้าปากซอยด้วยความสนิทสนมเพราะเป็นลูกค้าประจำมากว่าสองปี

ภัทรษารับกระดาษโน้ตแผ่นย่อมไว้แล้วกวาดสายตาไล่เรียงข้อความดังกล่าว หากอยู่กับคนในครอบครัวคงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจที่ได้รับออร์เดอร์มากกว่าเท่าตัวเช่นนี้ ทว่ารอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีนั้นก็ยังปิดเอาไว้ไม่มิด

“คุณวุ้นเป็นผู้หญิงที่ยิ้มสวยที่สุดเลยค่ะ ขนาดหนูเป็นผู้หญิงเห็นแล้วยังอดยิ้มตามไม่ได้” แม่บ้านสาวชมด้วยความจริงใจขณะเดินนำเข้ามายังสนามหน้าบ้าน

“ชมตรงๆ แบบนี่พี่ก็เขินแย่สิจ๊ะ” ภัทรษาบอกพลางกวาดสายตาไปยังสนามหญ้าเขียวขจี ตกแต่งด้วยไม้ประดับตัดกิ่งอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม ตรงกลางเป็นเวทีซึ่งมีชายหญิงราวสิบคนกำลังจัดสถานที่ตามมุมต่างๆ

“โต๊ะที่เรียงแถวยาวทั้งสองฝั่งจะวางอาหารแล้วต่อด้วยขนมหวานจากร้านคุณวุ้นนะคะ” แม่บ้านสาวบอกเล่าตามคำสั่งของเจ้านาย

ภัทรษาประเมินจำนวนแขกเหรื่อที่จะมาร่วมงานมงคลสมรสในครั้งนี้จากเก้าอี้คลุมผ้าสีเขียวเฉดที่อ่อนที่สุดแล้วผูกโบด้วยผ้าสีทอง ซึ่งวางเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ “แขกเกือบสองร้อยคนเลยเหรอจ๊ะ ตอนคุณนิก้าสั่งครั้งแรกเห็นว่าเชิญแต่คนที่สนิทไม่ถึงร้อย”

“ตอนแรกก็ได้ยินว่าอย่างนั้นล่ะค่ะ แต่แขกของคุณทิมจะมาจากอังกฤษเพิ่มหลายสิบคน คุณๆ กลัวว่าของคาวหวานจะไม่พอก็เลยสั่งเพิ่มค่ะ”

ภัทรษาเดินไปสำรวจโต๊ะซึ่งคลุมผ้าสีสะอาดตาเอาไว้ในสมองก็นึกถึงการจัดตกแต่งขนมไทยจากร้านของตนให้เข้ากับธีมงานแต่งในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่แม่บ้านสาวยังถ่ายทอดคำพูดของเจ้านายต่อไปเรื่อยๆ

“ส่วนงานในตอนเย็นแขกจะมีสักห้าสิบคนค่ะ คุณนิก้าติดใจทับทิมกรอบกับบัวลอยเผือกของร้านคุณวุ้นมาก อยากให้เพื่อนๆ ที่มาจากต่างประเทศลองชิม ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนก็ให้คุณวุ้นจัดการได้เลยค่ะ”

“จ้ะ เข้าใจแล้ว” ภัทรษารับพลางสอดกระดาษโน้ตไว้ในกระเป๋ากางเกง “พรุ่งนี้พี่จะจัดขนมมาจากบ้านเลยแต่มีบางอย่างที่ต้องมาจัดหน้างาน จะมาถึงนี่สักตีห้าครึ่งก็แล้วกัน”

“อ้อ... อีกอย่างค่ะ คุณนิก้าอยากให้คุณวุ้นคอยดูแลเรื่องขนมหวานตลอดงาน เธอว่าเพื่อนๆ คงจะอยากรู้ว่าขนมอร่อยๆ ทำมาจากอะไร”

“อ๋อ... เรื่องนั้นคุณนิก้าโทร.คุยกับพี่แล้ว ฝากบอกเธอด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง พี่กับไวน์จะอยู่แถวนี้ทั้งตอนเช้าและเย็น” ภัทรษาบอกอย่างเข้าใจในเหตุผลของเจ้าสาว แม้ว่าวทานิกาจะเป็นนางแบบชื่อดังระดับโลก เป็นลูกครึ่งรัสเซีย-ไทย ที่ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตในประเทศไทยเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่เคยจะลืมการกินอยู่อย่างคนไทย ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยที่เธอเองไม่เคยได้เห็นบ่อยนัก และยินดีที่จะถ่ายทอดในสิ่งที่ตนรู้ให้ต่างชาติได้รับฟัง

เสียงสนทนาเงียบลงชั่วขณะเมื่อดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงถูกขนเข้ามาอย่างมากมาย มันมากราวกับเนรมิตให้สนามหญ้าหน้าบ้านกลายเป็นสรวงสวรรค์อันงดงามและเป็นที่รู้กันดีว่า เจ้าบ่าวรูปหล่อคนดังรักและทะนุถนอมเจ้าสาวแสนสวยมากเพียงใด แม้ว่าทั้งคู่จะมีพยานรักด้วยกันหนึ่งคนแล้วก็ตาม

แน่ล่ะว่าเธอรับรู้ความรักที่ทั้งคู่ถ่ายทอดให้กันโดยสายตา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทั้งคู่เข้าไปซื้อขนมหวานในร้านของเธอ ทิโมธียังมองภรรยาตาเชื่อม มันไม่ได้เป็นการแสดงออกที่โฉ่งฉ่าง น่าเกลียด แต่สายตานั้นกลับบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่ารักและภักดีต่อผู้หญิงคนหนึ่งด้วยความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจ

“คุณนิก้าโชคดีมากๆ พรุ่งนี้เธอต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด” ภัทรษาเปรยออกมาด้วยความจริงใจ

“พรุ่งนี้หนูจะแต่งตัวสวยๆ คุณวุ้นกับไวน์ก็ต้องแต่งตัวสวยๆ ด้วยนะคะ” แม่บ้านสาวบอกพร้อมเอ่ยถึงญาติผู้น้องของภัทรษา ซึ่งมีอายุเท่ากับตน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำท่าจะปฏิเสธก็รีบเอนตัวเข้าไปกระซิบกระซาบใกล้ๆ “พรุ่งนี้จะมีนักฟุตบอลหล่อๆ มาร่วมงานเพียบเลยค่ะ คืนนี้หนูจะขัดผิวทาขมิ้นให้ผิวเหลืองผ่อง เผื่อว่าจะมีนักเตะแข้งทองสักคนมาตกหลุมรักแล้วพาหนูไปอยู่เมืองนอกบ้าง”

ภัทรษาหัวเราะกับท่าทางเคลิบเคลิ้ม ไม่รู้ว่าไปเอาความคิดเช่นนี้มาจากไหนแต่ถ้าพรรณลดา ลูกสาวของน้าเธอรู้ว่ามีนักเตะสโมสรดังมางานนี้ แม่ตัวดีคงจะกรี๊ดกร๊าดเป็นแน่เพราะชอบเพ้อถึงนักฟุตบอลหล่อๆ อยู่เป็นประจำ

“โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ไวน์ไม่ได้ไปเรียน ถ้ารู้ว่ามีนักฟุตบอลหล่อๆ มารวมกันที่นี่ต้องกรี๊ดแตกแน่ๆ” แม่บ้านสาวด้วยความดีใจอย่างเปิดเผย

“พี่จะไม่พาไวน์มาด้วยก็เพราะกลัวว่าแขกเหรื่อจะตกใจกับเสียงกรี๊ดนี่แหละ” ภัทรษาส่ายหน้าและพยักพเยิดไปยังด้านหลัง เมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาซักถามอะไรบางอย่างเกี่ยวกับทางเข้าออกของบ้าน จึงขอตัวกลับออกมาเสียก่อน

ทว่าบรรยากาศของบ้านสวนริมคลอง อันร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สนามหญ้าหน้าบ้านถูกเนรมิตให้กลายเป็นสวนกุหลาบส่งกลิ่นหอมอบอวล ผ้าสีขาว เขียวอ่อนและสีทองที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดยังตัดกับสีของบ้านเรือนไทยประยุกต์ ชั้นล่างสร้างด้วยปูนทาสีขาวสะอาดตา ตกแต่งประตูหน้าต่างด้วยไม้เนื้อดีสีแดงอมน้ำตาล ส่วนด้านบนเป็นเรือนไม้ทั้งหลัง ดูงดงามยิ่งนัก

ก่อนก้าวออกจากบ้านสวนภัทรษายังอดที่จะหันกลับไปมองบรรยากาศงดงาม อบอวลไปด้วยความรักอีกครั้ง อดคิดไม่ได้ว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนโชคดีที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับผู้ชายที่รักอย่างมีความสุขเช่นนี้ ฝ่าเท้าบอบบางในรองเท้าคัทชูหนังเนื้อนิ่มสีน้ำตาลยังก้าวเดินทอดน่องในเส้นทางที่คุ้นเคยไปเรื่อยๆ ในใจคิดถึงความรักที่เกิดขึ้นกับตนไม่บ่อยนัก เพื่อนต่างเพศที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแทบจะนับคนได้

หลังจบปริญญาตรีและทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งได้สองปี เธอก็ตัดสินใจเบนเข็มไปเรียนทำขนมไทยเพราะอยากจะมีกิจการเล็กๆ เป็นของตัวเองทั้งยังชอบในการทำขนมไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ร้านศาลาขนมไทยจึงเปิดตัวขึ้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา คิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง แม้ว่าจะต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลาออกไปพบปะเพื่อนฝูงนักแต่เธอก็สามารถสร้างรายได้ สร้างความมั่นคงให้กับชีวิตตัวเองด้วยสมองและสองมือ ถ้าตอนนี้จะยังไม่พบเจอเนื้อคู่หรืออีกครึ่งหนึ่งของชีวิตก็ไม่เป็นไร ก็พ่อกับแม่ของเธอท่านเคยพูดอยู่บ่อยๆ ว่า... เรื่องแบบนี้ไม่ต้องไปแสวงหาหรอก ถ้าเขาเป็นเนื้อคู่ของเราจริง ต่อให้อยู่ไกลกันคนละมุมโลก พรหมลิขิตก็ชักนำให้มาพบกันอยู่ดี

ภัทรษาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อนึกถึงคำพูดของบุพการี สิ่งที่รออยู่ตรงหน้าคืองานใหญ่ทั้งภาคเช้าและเย็น เธอจะต้องทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ลูกค้าไว้ใจเลือกร้านของตน

 

บ่ายวันเดียวกันนี้ รามอสก็เดินทางมาถึงประเทศไทย อากาศอันร้อนอบอ้าวยังไม่ได้ทำให้นักเตะหนุ่มหงุดหงิดได้เท่าการจราจรอันติดขัด เขาต้องใช้เวลานั่งรถจากสนามบินมาถึงบ้านสวนนี้ร่วมสามชั่วโมง หากโอโซนบริสุทธิ์แบบเมืองร้อนที่ปะทะเข้ากับใบหน้าก็ทำให้อารมณ์แย่ๆ นั้นคลายตัวลงได้มาก นั่นยังไม่รวมถึงบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักเพราะกลิ่นหอมของดอกไม้และการตกแต่งสำหรับงานฉลองสมรสในครั้งนี้

“ว่าไง ไอ้น้องชาย”

เสียงห้าวที่ดังขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้รามอสแหงนหน้าพร้อมกับเปิดยิ้มกว้างให้พี่ชายและพี่สะใภ้ที่ทักทายมาจากชั้นสองของตัวบ้าน นักเตะหนุ่มผายมือทั้งสองข้างออก แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าประทับใจกับบรรยากาศรอบตัวมากสักแค่ไหน

“สวย หอม ร่มรื่นจนฉันเกือบลืมไปว่าต้องนั่งแหง็กอยู่บนรถเกือบสามชั่วโมง” รามอสตอบอย่างตรงไปตรงมาและเดินขึ้นไปหาทั้งคู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คงไม่ลืมลูกบอลของลินนี่หรอกนะ” เป็นสิ่งแรกที่ทิโมธีทวงเพราะเฝ้าติดตามการแข่งขันแมตช์ล่าสุดตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งยังรู้ดีว่าลูกสาวตัวน้อยของตนนั้นจะอารมณ์ดีแค่ไหนหากได้ลูกฟุตบอลจากมือของผู้เป็นอา

แรกเริ่มนั้นรามอสเป็นคนเอาลูกฟุตบอลที่ได้จากการแข่งขันที่เขาสามารถทำแฮตทริกได้มาให้หนูน้อยโจเซลีน จากที่กำลังโยเยกลับหยุดร้องไห้และหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ ตั้งแต่นั้นมาแม่หนูน้อยโจเซลีนก็จะอารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้รับลูกฟุตบอลจากรามอส แถมยังเก็บไว้ในตู้ของเล่นเป็นอย่างดี พฤติกรรมที่ทำให้คนทั้งบ้านงงงวยและไม่เข้าใจว่าเด็กอายุสองขวบเศษจะตั้งใจเก็บสะสมลูกฟุตบอลไปเพื่ออะไร แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ทำให้โจเซลีนอารมณ์ดี คนทั้งคฤหาสน์แมคคินสันก็ยินดีที่จะทำตามความต้องการของคุณหนูคนเดียวอย่างถึงที่สุด

รามอสตีคิ้วใส่ตาคนเป็นพี่อย่างยั่วเย้าพลางสวมกอดกับวทานิกา “จะลืมของสำคัญของลูกสาวได้ยังไง เก็บใส่กระเป๋าเดินทางก่อนอย่างอื่นเชียวล่ะ”

ทิโมธีเบ้ปากและกลอกสายตาไปมาอย่างเอือมระอา “พวกไม่มีน้ำยา คอยแต่จะตู่ว่าลูกสาวชาวบ้านเป็นลูกของตัวเอง”

“โอ๊ย... ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหละ ลินนี่นี่ฉันพาไปฝากท้องเองตั้งแต่นิก้าเริ่มท้องจนเกือบจะคลอด แถมยังเป็นคนเลือกของใช้แรกเกิดให้ด้วย” รามอสยั่วถูกจุด เพราะเมื่อก่อนนี้แทบจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทิโมธี ถ้าความจริงที่ว่าต่างมีแม่บังเกิดเกล้าเป็นคนเดียวกันไม่เปิดเผยขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่ได้ออกกำลังด้วยกันนานสินะ” ทิโมธีบอกพลางกำหมัดทั้งสองข้าง ตั้งท่าจะประลองกำลังกับน้องชาย ในขณะที่ฝ่ายคู่ต่อสู้ก็หงายฝ่ามือแล้วกระดิกนิ้วอย่างยั่วยุ

“หยุดทั้งคู่เลยค่ะ ถ้ารู้ว่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรแล้วจะใช้แต่กำลัง ทำไมถึงไม่ยอมเลี่ยงสักทีนะ” วทานิกาสั่งห้ามทั้งเข้ามายืนตรงกลางระหว่างพี่น้อง

“โธ่ที่รัก! คุณก็เห็นว่ารามอสยั่วผมก่อน” ทิโมธีโอดครวญเมื่อเห็นภรรยามองด้วยสายตาคาดโทษ

“ได้ยังไงล่ะนิก้า คุณก็เห็นว่าทิมไม่เคยยอมรับความจริงนี้ได้สักที คนอะไรใจแคบชะมัด” รามอสสวนกลับทันควัน

“ไอ้...”

“บอกให้หยุดทั้งคู่” วทานิกาขึ้นเสียงพลางส่งสายตาร้องขอความช่วยเหลือจากมากาเร็ตที่ยืนดูพี่น้องต่อล้อต่อเถียงกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“รามอส มากับแม่” มากาเร็ตเรียกลูกชายคนเล็กเข้าไปหา ตั้งใจจะแนะนำให้ได้รู้จักกับแม่และน้าของวทานิกา

ทว่าก่อนเดินจากไปรามอสยังหันมายั่วเย้าทิโมธีอีกครั้ง “ลูกสาวผมร้องหาใช่ไหมครับ ลินนี่... ลินนี่จ๋า... แด็ดมาแล้ว”

“ดูมัน ดูมันยั่วโมโหผมสิ!”

วทานิกาขมวดคิ้วมุ่นเพราะเดิมทีคิดว่าสามีเพียงแค่เล่นหัวกับน้องชายเท่านั้น แต่ดูสีหน้าตอนนี้เหมือนว่าจะอารมณ์เสียจริงๆ “แค่เรื่องโจ๊กที่เอามาล้อเล่นกัน ทำไมคุณต้องซีเรียสขนาดนี้คะทิม”

โอ... วันนี้เขาเจอเรื่องช็อกหลายเรื่องทีเดียวล่ะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าประเพณีไทยจะมีพิธีรีตองหลายขั้นตอนถึงเพียงนี้ ขนาดว่ามีพยานรักอายุสองขวบครึ่งหนึ่งคน อยู่ในท้องอีกหนึ่งคนคืนนี้เขายังต้องแยกห้องนอนกับภรรยาตามความต้องการของแม่ยาย

วทานิการู้ดีว่าเรื่องของรามอสไม่ได้ทำให้สามีดูว้าวุ่นเช่นนี้ สายตาเว้าวอนที่ส่งมาก็ทำให้เธออ่อนอกอ่อนใจ จนเกือบใจอ่อนเอ่ยปากบอกผู้เป็นแม่ไปหลายครั้ง

“นะ... นิก้าของผม คุณก็รู้ว่าผมหลับไม่ลงถ้าไม่ได้กอดคุณเอาไว้” แบดบอยจอมโอหังกำลังงัดไม้เด็ดโน้มน้าวใจภรรยา

“แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะคะ ฉันไม่อยากขัดใจแม่” วทานิกาบอกด้วยความลำบากใจไม่น้อย ทุกครั้งที่เขาเรียกเธอว่า ‘นิก้าของผม’ เธอจะโอนอ่อนและยอมทำตามความต้องการของเขาอย่างว่าง่าย แต่ครั้งนี้ต้องใจแข็งเพราะไม่อยากขัดใจผู้เป็นแม่ “แต่ถ้าคุณไม่สบายใจ นิก้าจะลองเอ่ยปากกับคุณแม่ จะผิดใจท่านไปบ้างก็ต้องยอมล่ะค่ะ”

“แม่ตัวร้าย คุณก็รู้ว่าผมไม่มีวันผลักไสให้คุณทำเรื่องลำบากใจอย่างนั้น” ทิโมธีบอกอย่างรู้ทันความคิดภรรยา

“งั้นก็อย่าโอดครวญให้มากนักสิคะ ทำตัวให้เป็นปกติได้ไหม”

“ผมก็ต้องหงุดหงิดใจมั่งล่ะ อยู่ที่นี่จะกอดจะจูบเมียตัวเองก็ไม่ได้ ขนาดอยู่ในบ้านก็ยังต้องเก็บไม้เก็บมือให้ห่างจากคุณ ผมเคยชินกับเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน”

“ก็เพราะคุณเอาแต่ใจตัวเองจนเคยตัวน่ะสิคะ คนทั้งปราสาทแมคคินสันเขาเห็นจนชินตาแล้วต่างหาก” วทานิกาบอกเพราะหลังจากที่เธอย้ายเข้าไปอยู่ในปราสาทแมคคินสันกับเขา การที่เขาแสดงความรักต่อเธอดูเหมือนจะเป็นเรื่องชินตาของคนในบ้านไปเสียแล้ว

“คุณชอบออกทูนหัว” โอ่ตัวอย่างเหลือเชื่อ

“แล้วทำไมแค่ไม่กี่ชั่วโมงยอมให้ฉันบ้างไม่ได้เหรอคะ” ไม่ว่าเขาจะเอาแต่ใจตัวเองแค่ไหน สุดท้ายวทานิกาก็รู้ว่าจะครอบงำสามีได้โดยละมุนละม่อม

ทิโมธีส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมาอย่างพ่ายแพ้ ในโลกนี้มีสายตาของผู้หญิงสองคนที่ทำให้เขาไม่สามารถต่อต้านหรือมีความคิดสวนทางกับพวกเธอได้เลยนั่นคือ เมียและลูก!

“ยอมแล้วนิก้าจ๋า... ทำไมคุณถึงชอบต้อนผมให้จนมุมทุกครั้งนักนะ”

วทานิกาหัวเราะอย่างพึงใจเมื่อได้ทุกอย่างที่ปรารถนาจึงเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังกว้าง ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงเอาใจ “ท่องไว้สิคะที่รัก อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า แล้วจากนี้ไปเราจะเป็นของกันอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด คุณเป็นของฉัน ฉันเป็นของคุณในทุกความหมาย”

“อา... แทบรอไม่ไหว นิก้าของผม” ทิโมธีเอียงใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหูบางแล้วกระซิบถ้อยคำบางอย่างที่ทำให้วทานิการู้ว่า... สามีของตนเป็นนักธุรกิจที่คิดถึงผลกำไรทุกลมหายใจเข้า-ออก “สามวันสามคืนใช่ไหมที่เขาห้ามคู่บ่าวสาวออกจากห้องหอ”

วทานิกาเบิกตากว้างพลางส่ายหน้าเป็นพัลวัน “บ้าน่ะสิ ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน อย่ามาซี้ซั้วนะ!”

ทว่าคนซี้ซั้วกลับยิ้มพราย มองเธอตาเชื่อมนั่นก็แสดงให้วทานิการู้ตัวแล้วว่าสามวันหลังจากส่งตัวเข้าห้องหอคงไม่มีโอกาสได้ก้าวเท้าออกมาเป็นแน่ และถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงได้อับอายคนทั้งบ้านอีกครั้ง

“ไปทานข้าวกันดีกว่า วันนี้คุณแม่บอกว่าทำต้มยำกุ้งน้ำข้นให้ผมด้วย” รีบเปลี่ยนเรื่องและดันแผ่นหลังบอบบางให้เดินเข้าไปด้านใน

“ทิมคะ ไม่เอานะ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน” วทานิกาขืนตัวเอาไว้และเป็นฝ่ายรั้งท่อนแขนแข็งแรงของสามีจอมเอาแต่ใจให้เดินออกมาหน้าระเบียงบ้านอีกครั้ง “ลินนี่... ใครจะดูลินนี่”

“ลินนี่ชอบรามอสจะตาย ลูกแทบจะลืมเราไปด้วยซ้ำถ้าได้เล่นกับรามอส” ทิโมธีย้ำความจริงให้ภรรยาได้ฟัง

“ก็...” วทานิกาไร้ซึ่งเหตุผลที่จะมาต่อกรกับสามี สิ่งเดียวที่ทำได้คือปั้นหน้าราวกับจะร้องไห้เมื่ออับจนหนทาง เดือดร้อนคนเป็นสามีต้องสารภาพแบบหมดเปลือก

ก็เขาย้ำกับเธออยู่เสมอว่าไม่อาจต้านทานสายตาของเมียและลูกได้สักครั้ง!

“โธ่ ทูนหัว... คิดจริงๆ เหรอว่าผมจะทำให้คุณอายคนทั้งบ้านอย่างนั้น ถึงแม้ว่าอยากทำมาก อยากรักคุณซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ทุกอย่างก็ต้องมาจากความยินยอมพร้อมใจ มันถึงจะเป็นความสุขที่ผมปรารถนา เข้าใจไหมนิก้าของผม”

โอ... พ่อของลูก ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้นะ วทานิกาคิดในใจเพราะหากพูดออกไปก็กลัวใจทั้งตนและเขาจะแสดงความรักอย่างประเจิดประเจ้อ ยิ้มหวานเชื่อมที่มีให้ผู้ชายเอาแต่ใจเพียงคนเดียวจึงระบายบนใบหน้าของอดีตนางแบบชื่อดัง “รักคุณจัง ทิมมี่...”

“อ๋า... ใครให้เรียกหาทิมมี่ในเวลาที่ผมต้องจำศีลแบบนี้นะ เดี๋ยวความตั้งใจดีก็เป็นหมันซะหรอก” ทิโมธีโอดครวญพลางกัดริมฝีปากล่างอย่างระงับอารมณ์เป็นที่สุด เมื่อ ‘ทิมมี่’ ตื่นตัวกับเสียงหัวเราะเซ็กซี่ของสาวในดวงใจ

วทานิกาหัวเราะร่วน เข้าใจถึงสีหน้ารวดร้าวนั้นได้เป็นอย่างดี มือเรียวจึงเลื่อนเข้าไปบิดหน้าท้องแน่นตึงของสามี ขับไล่ความรู้สึกวาบหวาม “อย่าเกเรนักนะคะ ไปทานข้าวได้แล้ว”

“โอ๊ย... เหี่ยวหมด” ทิโมธีร้องออกมาไม่เบานักและมองตามร่างน่าปรารถนาของภรรยาที่เดินเข้าไปด้านในก่อน ปล่อยให้เขายืนสะกดกลั้นอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงแม้ว่าจะถูกประทุษร้ายด้วยการหยิกแรงๆ ของเธอก็ตาม

 

พิษเพลิงสิเน่หา โดยศิริพารา มีจำหน่ายเฉพาะอีบุ๊ก และสามารถดาว์นโหลดได้เต็มเนื้อหาวันนี้ที่ เมพ อีบุ๊ก meb e-book

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา