Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ตอบรับความเป็นจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(ดาดฟ้า 14.35)
............
เจ้านั่น... ไม่มีท่าทีจะขยับเขยื้อนเลย
ระยะห่างของไอ้สารเลวนั่นกับเราอยู่ที่ประมาณ 20 เมตร ข้างหลังเราตอนนี้ก็เป็นริมดาดฟ้า ตอนนี้ได้แต่ต้องอย่าให้มันเดินเข้ามาใกล้กว่านี้แค่นั้น
แต่ว่า “ตัวแทน” ที่เจ้านั่นพูดถึงมันหมายความว่ายังไงกันแน่ และรวมถึงปืนที่หายไปนั่นด้วย
“โว้วๆ ไม่ต้องตั้งท่าน่ากลัวขนาดนั้นก็ได้ ตอนนี้ฉันยังไม่คิดจะฆ่าเธอหรอกนะ แม่สาวน้อย”
“...ฉันไม่หลงกลนายหรอกนะ อย่ามาเล่นลูกไม้ตื้นๆ หน่อยเลย!”
“ฟังกันบ้างสิแม่หนู ฉันอุตส่าห์จะเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ฟังสักหน่อย”
ไอ้แว่นสารเลวนั่นจู่ๆ ก็ชูแขนทั้งสองข้างขึ้นมา คงจะยืนยันว่าไม่มีอาวุธและไม่คิดจะเล่นตุกติกอะไร แต่ยังไงก็ไว้ใจเจ้านี่ไม่ได้
“เอาล่ะๆ ตั้งท่าแบบนั้นต่อไปก็ได้”
“งั้นฉันจะได้เล่าอะไรให้เธอฟังเป็นบุญก็แล้วกัน”
*ฟึ้บ*
“เอ๋?”
“สิ่งที่ฉันจะพูดอันดับแรก คือเธอไม่มีทางเอาชนะฉันได้”
“ด้วยพลังที่เธอมีตอนนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้”
ม...มันมาโผล่ข้างหลังเราตั้งแต่เมื่อไร...
ฉันรีบพลิกตัวคอยตั้งรับการโจมตีทีเผลอของเจ้านั่นทันที
“อย่าพึ่งๆ ฉันแค่จะแสดงความสามารถให้เธอดูไว้ก่อนแค่นั้นเอง”
“เธอจะได้เลิกทำอะไรบ้าๆ อย่างการคิดเอาท่อเหล็กตีลมเล่นเชียวล่ะ”
เจ้านี่... มันเยาะเย้ยเราอีกแล้ว...
นิสัยเจ้านี่ดูจะมั่นใจในความสามารถตัวเองสุดๆ พูดจาอวดเก่งตลอด...
แต่จุดที่เจ้านั่นยืนตอนนี้... ห่างกับริมดาดฟ้าเพียงแค่ไม่กี่ก้าว...
“ถ้าเราทำให้เจ้านั่นตกลงไปได้ล่ะก็---”
“คงคิดจะทำให้ฉันตกลงไปสิท่า”
“น...นาย... ทำไมถึงได้”
“ก็ฉันตั้งใจให้เธอคิดแบบนั้นเองหนิ ถึงได้มาโผล่ตำแหน่งนี้”
“เอาเถอะ ฉันพึ่งจะใช้พลังแบบนั้นไป ถ้าเธอผลักฉันตกลงไปคงจะลำบากน่าดู”
“พลัง?”
พลังแบบไหนที่เจ้านี่พูดอยู่กัน รอยยิ้มของมันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด อย่างกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่จ้องจะกินเนื้อเราได้ตลอดเวลา
“จะเข้าเรื่องเลยก็ได้”
“ตอนนี้เธอคิดว่า เธอยังเป็นคนปกติเหมือนคนทั่วๆไปอยู่รึเปล่า?”
“...เห?”
“เริ่มคิดอะไรออกแล้วสินะ จะได้พูดง่ายหน่อย”
“สิ่งที่เธอเห็นในดวงตาข้างหนึ่งนั่นน่ะ คือโลกแห่งความว่างเปล่า เป็นมิติกลางที่กั้นเขตแดนของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยเวลาในการรักษาวงจรชีวิตตัวเอง”
“โลกใบนั้นจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างจะหยุดนิ่ง สิ่งมีชีวิตทุกชนิด หรือแม้แต่ของทุกอย่างที่พึ่งพาวงจรเวลาของสิ่งมีชีวิตก็จะไม่มีตัวตน”
“เพราะมันเป็นโลกที่เหล่าผู้มีกระแสเวลาไหลผ่านไม่สามารถเข้าไปได้”
“ไม่สามารถเข้าไปได้...?”
“สิ่งที่นายพูดมาทั้งหมดนั่น จะให้ฉันเชื่อลงได้ไง?”
“ทั้งโลกนั่น... ความว่างเปล่าอะไรนั่นน่ะ”
ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ฉันเองก็เห็นสิ่งที่เจ้านี่กำลังอธิบายมาอยู่
ฉันในตอนนี้ทำอะไรมันไม่ได้เลย ทั้งๆที่ตอนที่มันเดินไปพล่ามไปมีช่องโหว่เต็มไปหมด
โอกาสที่จะแก้ไชสถานการณ์ดูจะหินมาก ชีวิตของฉัน...
“เธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ ฉันไม่กะจะเล่าอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”
“มันเป็นสิ่งที่คนอย่างเธอไม่มีทางเข้าใจ”
“การเชื่อมต่อมิติของเธอยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวฉันมาก”
ปืนนั่น... มือขวาของมันเอื้อมไปหยิบปืนที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมา!?
เจ้านี่มันเตรียมพร้อมแล้ว ฉันต้องระวังตัวให้มากขึ้นกว่านี้เหมือนกัน
“มีอะไรจะสั่งเสียไหม?”
............
“ไอ้แว่นกาก”
เจ้านั่น...กำลังยิ้ม ปืนนั่นก็เล็งมาทางเราอีกแล้ว...
มือฉันสั่น...
ใช่แล้วล่ะ ฉันยังกลัวอยู่ แต่ว่าถ้าไม่ได้ซัดเจ้านี่สักทีล่ะก็ ต่อให้ตายก็ต้องกลับมาซัดหน้ามันทั้งๆที่เป็นผีนั่นล่ะ
ทิศทางที่เจ้านั่นยิง ถ้าดูจากตำแหน่งปลายกระบอกปืนแล้วคงจะเป็นตรงนี้แน่ ต้องวัดใจกันไปเลย
*ปั้ง*
**ฟึ้บ**
ฉัน...ดีดตัวหลบกระสุนของเจ้านั่นมาทางซ้าย ถึงแม้ว่าจะไม่พ้นทั้งหมดก็ตาม...
“อั้ก!”
เอวฉันโดนยิงเฉี่ยวๆไป แต่จังนี้แหละ เป็นโอกาสเดียวที่เราจะโต้กลับได้!
ฉันใช้แรงขาที่พยายามตั้งท่าเพียงเสี้ยววิ ณ ขณะนั้น ดีดตัวพุ่งไปข้างหน้าอีกที
ระยะของมันอยู่ไม่ไกลเกิน 15 เมตร ถ้าเราหลบกระสุนที่สองของมันได้ล่ะก็...
*ปั้ง*
“ขวา!!”
ฉันเบรกตัวเองทันทีและพุ่งตัวออกมาทางขวา ทำให้กระสุนที่เจ้านั่นเล็งกดลงมานัดนี้ไม่โดนฉัน
“โหว...”
ฉันวิ่งลุยไปข้างหน้าเรื่อยๆ แม้ว่าจะมือสั่นอยู่ก็ตาม เหมือนจะวิ่งเร็วกว่าที่เคยวิ่งมาตลอดชีวิตเลย
จนกระทั่ง...ประชิดตัวเจ้านั่นได้
เจ้าแว่นนั่นใช้ขาดีดตัวถอยหลัง และเล็งปืนมาทางเราอีกครั้ง
*ปั้ง*
ไหล่ซ้ายฉัน...ถูกกระสุนฝังไปแล้ว แต่ว่า
จังหวะนี้แหละ!!
ฉันง้างท่อเหล็กเต็มที่ และฟันเป็นแนวราบใส่ไอ้แว่น นั่นเป็นแรงเฮือกสุดท้ายที่ฉันมี...
............
...........
มัน...หายไปไหน... หายไปเพียงแค่ชั่วพริบตา...
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้านี่มันหลบไปด้านข้างตั้งแต่เมื่อไร
พอฉันหันไป... ขาขวาของมันก็หวดเข้ามาที่ท้องฉันอย่างเต็มแรง
“อั้ก!!!”
แทนที่ฉันจะทรุดอยู่ตรงนั้น ตัวฉันกลับกระเด็นไปตามแรงเตะที่รุนแรงกว่าคนธรรมดาทั่วไปไกลถึงเกือบ 10 เมตร...
นี่ใช่... แรงมนุษย์แน่หรอ
ฉันที่กลิ้งลงไปกองอยู่ที่พื้นตอนนั้นไม่มีแรงขยับตัวอะไรอีกแล้ว
จุดที่เจ้านั่นเตะมามันเจ็บมาก เลือดไหลจากแผลทุกจุด แม้แต่...ที่ปากเล็กๆน้อยๆก็มี
*ตึก* *ตึก* *ตึก*
สติของฉัน... เริ่มจะเลือนราง...
เจ้านั่นเดินมาหาฉันและก็ล้วงเข้าหยิบของอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อนักเรียน (ตรงชายเสื้อนักเรียนหญิง)...
“ไม่นะ...”
“อย่าเอาไป”
เสียงของฉันเบามาก เสียงหายใจที่โรยรินแสดงออกถึงความทรมานออกมา
“ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าเธอไม่มีทางเอาชนะฉันได้”
“แต่ฉันก็ชื่นชมในความกล้าของเธอที่ยังคิดจะสู้กับฉัน”
“เธอเป็นตัวแทนแห่งเวลาคนแรกที่ไม่รู้จักวิธีการใช้พลังอะไรเลย แต่ก็ยังคิดสู้กับคนที่ใช้พลังพวกนั้นได้อย่างเต็มที่”
เจ้านี่...ชิงนาฬิกาของฉันไป...ต่อหน้าต่อตา
“เป็นนาฬิกาที่สวยมาก ฉันไม่เคยเห็นสื่อนำเวลาชิ้นไหนจะมีลายงดงามในรูปร่างของนาฬิกาพกมาก่อนเลย”
“ก็นะ... ฉันขอโทษด้วยที่ต้องทำกับเธอแบบนี้ พวกเราไม่มีความแค้นกันมาก่อน”
“แต่ไม่ว่าใครก็มาขัดขวางความแค้นนี้ไม่ได้”
ไอ้แว่นนั่น... กำลังจะเดินหนีไป... นาฬิกา... ของฉัน...
............
............
*ฟุ่บ*
“หืม?”
ด้วยแรง...ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด... ฉันพยายามเอามือจับขาของเจ้านั่นเอาไว้เพื่อไม่ให้หนีไป
“เอาคืนมานะ”
“ฉัน...ไม่ให้อภัยนายแน่...”
“ไม่ให้อภัย...? แค่เสียงจะพูดเธอก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว”
“เธอต้องการนาฬิกาเรือนนี้ทำไมกันล่ะ นี่คือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้”
“ถ้าเธอ... ไม่ใช่ผู้ถือครองของชิ้นนี้ล่ะก็... เธอคงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพใกล้ตายแบบนี้หรอก”
“ถ้าอยากจะโทษกันล่ะก็... โทษเจ้าสื่อนำเวลาตัวนี้เถอะ”
............
เยือกเย็น... เสียงตอนที่เจ้านั่นก้มลงมาพูดนั่น... ทั้งเยือกเย็น... ทั้งไร้ชีวิตชีวา...
มือที่ฉันจับขาเขาอยู่นั้นก็อ่อนแรงลงทันทีที่เขาพูดจบ ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงตัดสินใจปล่อย หรือฉันอาจรู้ตัวว่าเปลี่ยนแปลงโชคชะตาอะไรตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
เจ้านั่น...ค่อยๆเดินไปที่ประตูดาดฟ้า... ฉันได้แต่มองด้วยความรู้สึกเจ็บใจ
ความขุ่นหมอง ความเจ็บใจ ความโกรธ ความเศร้า... ทุกๆอย่างตอนนี้มัน...
ช่างเลือนราง
............
............
“หืม...?”
“ทำไม... เธอถึงยังลุกขึ้นมาอีก?”
ฉัน... ยืนขึ้นมา... ขาฉันตอนนี้สั่นตลอด...เลือดฉันที่ไหล่ก็ยังไหลไม่หยุด เสียงหายใจของฉันโรยรินมากๆ ตาของฉันยังพอฝืนที่จะไม่ให้ปิดได้
อาจจะดีกว่าถ้าฉันนอนยอมรับความเป็นจริงว่าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้
แต่ว่า...
“ฉัน...ไม่ปล่อยให้นายชิงของที่มีค่าของฉันไปเด็ดขาด!”
ด้วยสภาพแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน แค่เสียงที่ตะโกนนั่นก็ไม่เหลือแรงที่จะตะโกนต่ออีกสักรอบได้แล้วด้วยซ้ำ
“ของมีค่า...?”
เจ้านั่นหันหน้ากลับมาก่อนที่จะเดินไปพ้นประตู สายตาที่มันจ้องกลับมาดูจริงจังและยิ่งเยือกเย็นมากกว่าเดิม
“เธอบอกว่า... นาฬิกานี่เป็นของมีค่างั้นเหรอ?”
“...ใช่...”
“นั่นเป็นของ...เพียงชิ้นเดียวที่ฉันสามารถนึกออกได้ในชีวิต...”
“เพียงชิ้นเดียว...”
“หรือว่าเธอจะ...”
บรรยากาศของเจ้านั่นเปลี่ยนไป มันถอดแว่นเหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อและมองกลับมาหาฉัน
“ฉันคง... ต้องฆ่าเธอเดี๋ยวนี้แล้ว...”
แปลกใจ...? ไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไรเลยสักนิด
ฉันรู้ดีว่ายังไงฉันก็ต้องไม่รอดอยู่ดี ไม่ว่าจะพยายามสู้มากแค่ไหน
แต่แบบนี้คงดีแล้วใช่ไหม...
มันคงดีกว่านอนรอความตายตรงหน้า...
ทันทีที่เจ้านั่นยิงปืนมาที่ฉันในกระสุนนัดต่อไป
นั่นจะเป็น... จุดจบของฉัน...
ขาของฉันไม่มีแรงแม้แต่จะขยับ ทั้งๆที่ยืนขึ้นมาได้แล้วแท้ๆ
ความตายกำลังเฝ้ารอฉันอยู่... ไม่สิ...
ฮะฮะ ถ้าเอาตามหนังสือที่ฉันอ่านเมื่อเช้า เขาบอกว่าความตายเป็นเพียงการสิ้นสุดของเวลา ความว่างเปล่าต่างหากที่จะทำให้เกิดความตายที่แท้จริง ซึ่งนั่นหมายถึงการไม่มีตัวตนอยู่เลย
ฉันยังจำได้อยู่อีกหรอเนี่ย แต่อีกเดี๋ยว ก็คงไม่มีอะไรต้องจำแล้วล่ะ...
มือขวาที่ถือปืนของเจ้านั่น เล็งปากกระบอกปืนประมาณหน้าผากฉัน ถ้าเดาวิถีไม่ผิดน่ะนะ
ขาฉันก็ไม่มีแรงขยับ... ทั้งๆที่ทนมาจนถึงตอนนี้...
แต่คงไปต่อไม่ไหวแล้วสินะ...
ฉันหลับตา... ก้มหน้ายอมรับความเป็นจริงที่ฝืนชะตาแก้ไขอะไรไม่ได้
เจ้านั่นมองมาที่ฉัน ในตอนนี้ฉันไม่รู้ความคิดของเจ้านั่นเลยสักนิดว่ามันคิดอะไรอยู่
(ยัยนั่นฝืนทนยืนขึ้นมาด้วยสภาพแบบนั้นได้ แต่ร่างกายนั่นมันถึงขีดจำกัดแล้ว)
(แต่ทำไมกันนะ... ทำไมยัยนั่นถึงได้... ยิ้มอย่างสบายอกสบายใจแบบนั้น)
(คนทุกคนที่รอความตายจากเรา ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่เศร้าเสียใจ กลัวที่จะตายทั้งนั้น)
(แต่เธอกลับเลือกที่จะยิ้ม หรือว่า... เธอยอมรับให้มันเป็นอย่างนี้ได้งั้นหรอ?)
............
“ฉันชื่อ ควอส... ควอส แพทริค (Quas Patrick)”
“เธอชื่ออะไร”
............
“............รินทร์...... ฉันชื่อนรินทร์...”
“นรินทร์สินะ...”
(ยัยนั่น ยังคงยิ้มอยู่)
“ฉันจะขอจดจำชื่อนี้ไว้ หวังว่ามันอาจจะช่วยให้ใจของเธอสงบลงก่อนที่จะตาย”
“...อื้ม...”
............
ในความรู้สึกฉัน... เหมือนเจ้านั่นทำแสดงความรู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนี้ออกมา
ช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต... มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกนะ
จนถึงวินาทีนั้น... ฉันก็ยัง... ยิ้มตอบรับกับความเป็นจริง
*ปั้ง*
............
............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ