Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  40.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

40) Call for help

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

(จังหวัดนนทบุรี 16.09)

............

ณ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี

เป็นจังหวัดในพื้นที่เขตปริมณฑลของประเทศไทย

แม้ว่าความเจริญอาจจะไม่เท่าเมืองหลวง แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีศูนย์ราชการหลายแห่งส่วนกลางอยู่ที่นี่เช่นกัน

และสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องมาที่นี่นั้น...

ก็เพราะภารกิจที่มาตันท์มอบหมายให้ฉันมาทำเพื่อเป็นเงื่อนไขในการปลดล็อคกำไลข้อมือกระตุ้นประสาทที่คิชิดะสวมให้ฉัน นอกจากนี้ก็เพื่อพิสูจน์ว่าฉันไม่ใช่คนที่ฆ่าทุกคนในธนาคารมหาพรด้วย

หากฉันหนี ก็เท่ากับว่าฉันยอมรับว่าตัวเองคือคนที่ลงมือฆ่าพวกเขา...

ถ้าไม่ได้คิชิดะช่วยอธิบาย สื่อนำเวลาของฉันอาจจะถูกทำลายทิ้งไปแล้ว แต่นั่นก็ทำให้เขาต้องมาอยู่กับฉันที่นี่เช่นกัน

และก็... ยังมีเรื่องซับซ้อนอีกหลายอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกคาใจ ฉันมั่นใจว่าคิชิดะจะต้องอธิบายให้ฉันเข้าใจได้โดยไม่ต้องรอมาตันท์มาพูดให้ฟังแน่นอน

แต่ตอนนี้เรื่องพวกนั้น... คงถามคิชิดะตอนนี้ไม่ได้

เพราะพวกเรา...

กำลังปลอมตัวอยู่......

............

จากตอนแรกที่ฉันใส่ชุดนักเรียน คิชิดะแนะนำให้ฉันใส่ชุดธรรมดาแทนชุดโรงเรียนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับสถานศึกษา และนี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกเรียนด้วย

เขาเลยสนับสนุนงบให้ฉันไปเลือกชุดมาเปลี่ยน ถึงฉันจะปฏิเสธและจะขอใช้เงินตัวเองก็เถอะ

ชุดที่ฉันเลือกมาเป็นเสื้อยืดคล้ายเสื้อกันหนาวหนาๆสีส้มออกน้ำตาล กางเกงยีนผ้ายืดแบบขายาว หมวกแก๊ปแบน และก็รองเท้าผ้าใบทั่วๆไป

“ชุดแบบนี้โอเคพอยัง?”

ฉันให้คิชิดะยืนรออยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์เพื่อรอเก็บเงิน พอฉันเดินไปหาเขาเพื่อโชว์เสื้อผ้าที่เลือก ผลที่ได้ก็...

“ชุดไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ ขอแค่พวกเขาจำหน้าคุณไม่ได้ก็พอ”

“เอ่อ... ค่ะ......”

รู้สึกเหมือนฉันสูญเสียความมั่นใจไปยังไงไม่รู้ เขาไม่ได้สนใจฉันเลยแม้แต่น้อย หน้าซีดแปลกๆ

ถึงฉันจะไม่ใช่คนบ้าแฟชั่น แต่การโดนเมินเฉยแบบนี้มัน... เสียหมดเลย

กลับมาเข้าเรื่องภารกิจต่อดีกว่า

พวกเราออกมาจากห้างหลังจากซื้อเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

จุดหมายของพวกเราคือพิกัดที่มาตันท์บอกว่าน้องสาวของคุณคิชิดะแจ้งตำแหน่งของคนที่ชื่อเกลไรนั่นเอาไว้

เห็นว่าจะต้องไปรวมตัวกับน้องสาวด้วยล่ะมั้ง

เครื่องพกพาที่คิชิดะถือไว้เป็นเครื่องฉายภาพแบบโฮโลแกรม ซึ่งตอนนี้ฉายภาพแผนผังแผนที่แบบเดียวกับที่ฉายบนจอภาพ ช่างดูเป็นอุปกรณ์ที่ไฮเทคล้ำหน้ามากจนฉันรู้สึกประหลาดใจมากเลย

 (เครื่องมือเจ๋งๆเต็มไปหมดเลย... องค์กรนี้มีทุนเยอะขนาดไหนกันแน่เนี่ย)

ระหว่างที่พวกเรากำลังเดินไปยังจุดหมาย ฉันก็เกิดสงสัยเหตุผลที่คิชิดะบอกให้ฉันเปลี่ยนชุดนอกเหนือจากเรื่องชุดนักเรียนที่จะมีผลกระทบตามมา

ในที่สุดฉันก็ลองถามเขาเรื่องปลอมตัวขึ้นมา

“คุณ... คิชิดะคะ?”

“เรียกคิชิดะเฉยๆก็ได้ครับ”

“...... คิชิดะ... ทำไมถึงให้ฉันปลอมตัวล่ะ คุณ--- นายไม่เห็นจะปลอมตัวด้วยเลยหนิ?”

“...คุณนรินทร์รู้จัก Silver Lotus ใช่ไหมครับ?”

“เห?”

เขารู้เรื่องนี้ได้ไง? ฉันไม่เคยบอกใครเลยนี่นา

“รู้ได้ยังไงคะ?”

“... ตอนที่คุณมาตันท์พูดถึงกลุ่ม Silver Lotus ขึ้นมา... คุณก็มีท่าทีตกใจขึ้นมา”

“ผมเลยเชื่อว่าคุณน่าจะรู้จักกับกลุ่มนั้นด้วยเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องดี”

“ผมเลยให้คุณไปปลอมตัวไว้ดีกว่า”

เขาสังเกตฉันตอนนั้นด้วยหรอเนี่ย?

“คิดว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นแล้วนะเนี่ย... องค์กรนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” (บ่นเบาๆ)

“ตะกี้ชมหรือด่าครับน่ะ?”

ต่างคนต่างเมินเรื่องที่พูดไปเมื่อกี๊ และคิชิดะก็อธิบายต่ออีกเล็กน้อย

“ผมไม่รู้ว่าคุณกับ Silver Lotus จะมีความสัมพันธ์กันยังไง แต่ถ้าคุณเป็นศัตรูกับพวกเขา ผมยิ่งไม่ควรปล่อยให้องค์กรพวกเราตาหน้าคุณเป็นภัยต่อองค์กรแน่”

(... เขาเป็นคนดีกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลยนะเนี่ย)

“ขืนองค์กรผมไปทำอย่างนั้นแล้ว...”

“คงเสียชื่อแน่”

พอฟังแบบนั้นแล้วรู้สึกเหงื่อตกยังไงไม่รู้ เหมือนเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องฉันเลย

(เขาห่วงภาพลักษณ์องค์กรเองหรอกเหรอ นี่เราคิดเข้าข้างตัวเองไปเองสินะ)

“ถึงที่หมายแล้วครับ”

ถนนที่พวกเรายืนอยู่ตอนนี้มีชื่อว่า “ถนนติวานนท์”

และสิ่งที่จุดที่เรายืนอยู่นั้นเป็นพิกัดที่น้องสาวคิชิดะแจ้งมา

“จะว่าไป... คิชิดะมีน้องสาวด้วยหรอ?”

“ครับ... พวกเราเป็นพี่น้องฝาแฝดน่ะ”

“ตอนนี้เธอคงจะอยู่แถวนี้แหละ ผมขอลองติดต่อดูก่อน...”

เขาหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อติดต่อหาน้องสาวของเขา

ฉันมองดูลาดเลารอบๆ ก็เห็นว่าแถบนี้ส่วนใหญ่เป็นชุมชนเมือง ใกล้ๆนี้ก็มีแมนชั่นที่ดูดีพอตัวอยู่แห่งหนึ่ง

ผ่านไปสักพัก คิชิดะเริ่มจะชักสีหน้าแปลกๆออกมาพร้อมกับจ้องมือถือ (แต่ฉันไม่ได้มองอยู่หรอกนะตอนนั้น)

“เอ่... ทำไมมิซายากิถึงไม่รับหว่า”

“หือ?”

คิชิดะกดโทรไปอีกรอบ...

และก็ยังไม่มีใครรับเหมือนเดิม

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ คิชิดะ?”

เขาถือมือถือไว้ที่ระดับอกหลังจากไม่มีใครรับสายเลย

“แปลก... ปกติมิซายากิไม่เคยปล่อยสายทิ้งไว้เลยสักครั้งนี่นา...”

“ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับภารกิจภายในองค์กรด้วยแล้ว เธอยิ่งไม่ห่างมือถือใหญ่”

“มันเกิดอะไรขึ้นนะ...?”

ระหว่างที่เขากำลังทำสีหน้าครุ่นคิด สักพักก็มีสายโทรเข้ามาหาเขาทันที

คิชิดะไม่ได้มองหน้าจอโทรศัพท์และรีบกดรับทันที

“ฮัลโหล! มิซายากิหรอ? ตะกี้โทรไปทำไมถึงไม่รับ---”

“นี่ฉันเอง กิฟเฟน”

“......คุณกิฟเฟน?”

รู้สึกว่าฉันจะเดาถูกว่าคนที่โทรมาไม่ใช่น้องสาวของเขา

“โทรมามีอะไรงั้นเหรอครับ?”

“คือว่านะ... ตะกี้ฉันพึ่งได้รับสายจากมิซายากิน่ะ”

“เอ๋?”

คิชิดะเริ่มกระวนกระวายแล้ว

“มิซายากิโทรมาหาฉันเพราะบอกว่าโทรไปหานายไม่ติด เหมือนตอนนี้เธอกำลังตกที่นั่งลำบากแล้วล่ะ”

“เห็นว่ามีพวกกลุ่ม Silver Lotus สองคนกำลังไล่ล่าเธออยู่อีกโซนของเมืองนี้”

“ไล่ล่า!!?”

“เพราะงั้นฉันจึงโทรมาบอกนายนี่ไงล่ะ ฉันก็เตรียมจะไปสมทบเธออยู่พอดี”

“ฉันจะแจ้งพิกัดทิ้งไว้ละกัน ตอนนี้สถานการณ์ทางนั้นคงจะไม่ค่อยดีเท่าไร”

“แล้วเรื่องของเกลล่ะครับ?”

“เรื่องนั้นฉันไม่รู้ ยังไงเมมเบอร์ของพวกเราก็ย่อมสำคัญกว่า”

“ปล่อยให้เด็กนั่นจัดการคนเดียวไปก็ได้ ฉันไปก่อนล่ะ”

“เดี๋ยวสิครับ...”

*ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด*

ผู้ชายคนนั้นวางสายไปแล้ว ฉันรู้สึกถึงลางไม่ดีอะไรบางอย่าง

“เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของนายงั้นหรอ?”

“......... คุณกิฟเฟนบอกว่าเธอกำลังโดนตามล่าอยู่อีกโซนหนึ่งของเมืองนี้”

“ว่าไงนะ!?”

สีหน้าของคิชิดะกังวลเรื่องน้องสาวของเขามาก ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อดี

“......คุณนรินทร์ คือผม...”

“...นายไปเถอะ......”

“เอ๊ะ?”

“น้องสาวของนายสำคัญกับชีวิตมากนี่นา ถ้าเป็นฉันก็คงทำแบบเดียวกับที่นายคิดอยู่นี่แหละ”

“แต่ว่า ภารกิจนี้...”

“......”

ฉันไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน เพราะถ้าเขาไปช่วยมิซายากิ แปลว่าฉันจะต้องสู้กับเกลคนเดียว

“ไม่เป็นไรหรอก... ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องที่ฉันต้องจัดการเองอยู่ดี”

“ฉันพอจะเอาตัวรอดได้อยู่น่ะ

(ถ้าไม่มีกำไลนี่ เราก็ไม่อยากจะเข้ามาวุ่นวายกับคนพวกนี้เท่าไรนักหรอก)

เขาเหมือนจะทำสีหน้ากังวลเรื่องของเราอยู่เหมือนกัน

“... คุณนรินทร์... ไม่เป็นไรแน่นะครับ?”

ฉันพยักหน้าตอบเขา ถึงจะไม่มั่นใจ แต่ก็พยายามฝืนยิ้มเพื่อปลอบใจตัวเองในสถานการณ์เช่นนี้

“งั้นผมขอโทษนะครับ”

สุดท้ายเขาก็รีบบึ่งกลับไปทางที่รถจอดไว้ตรงห้าง

ตั้งแต่พวกเรามาที่นี่ พวกเราก็เลี่ยงเรื่องการใช้พลังเวลาให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ถูกจับการเคลื่อนไหวได้

“อ๊ะ แว่นตาอยู่ไหนหว่า... เจอละ”

ฉันเอาแว่นตาที่ใส่ไว้ตรงกระเป๋าเสื้อมาใส่ เป็นแว่นตาดำที่ดูสวยอยู่เหมือนกัน

“...... ก็เข้าท่าดีอยู่นะนี่”

และในตอนนั้น... ที่ฉันรู้สึกว่ามีคนเดินผ่านมาทางนี้

ดูเหมือนจะเป็นคนที่ฉันคุ้นเคยด้วย

พอฉันหันไปข้างหลัง ก็ได้เห็นกับผู้ชายคนนั้นในสภาพที่ใส่เสื้อเชิ้ตไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร

แกลลิค เกล ยืนอยู่ด้านหลังฉัน...

สายตาของเขามองมาที่ฉันแบบเบลอๆนิดหน่อย ฉันจึงไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่

ฉันไม่คาดคิดว่าฉันจะมาเจอเป้าหมายของภารกิจไวขนาดนี้ บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองซวยทุกงวดเลยเหมือนกัน

............

............

ณ บริเวณที่ไกลจากจุดที่นรินทร์อยู่เล็กน้อย

มีหนุ่มคนหนึ่งอยู่บนดาดฟ้าของตึก 30 ชั้น ซึ่งมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ด้วย เขากำลังส่องกล้องมองไปยังนรินทร์และแกลลิค เกล

“เห... เจอกันไวดีแฮะ”

“ไม่คิดว่าจะได้ดูอะไรสนุกๆเร็วขนาดนี้นะเนี่ย”

ในจังหวะที่เขาพูดจบ เขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นแถวลานจอดเฮลิคอปเตอร์

จู่ๆก็มี ฮ. ลำหนึ่งโผล่ขึ้นมาอยู่บนฟ้าห่างจากจุดจอดเพียงแค่ 10 เมตรในทันที มันถูกพาข้ามเวลามาพร้อมกับคนที่อยู่ข้างใน ฮ.

ผู้ชายผมหยักศกสีฟ้าน้ำทะเลหยุดส่องกล้องและเดินมาตรงลาน ฮ. ที่ ฮ. ลำนั้นกำลังลงจอด

“คิดเหมือนกันใช่ไหม... คุณอัศวินจอมเสแสร้ง”

คนที่โดดลงมาจาก ฮ. ก่อนที่ ฮ. จะลงจอด

ก็คือ มาตันท์...

เขาข้ามเวลามาอยู่ตรงริมดาดฟ้า และมองไปยังจุดที่นรินทร์กับแกลลิค เกล ยืนอยู่ ซึ่งมันไกลเกินกว่าสายตาของมนุษย์ปกติจะมองเห็น แม้แต่ผู้ที่เป็น Keeper ก็ไม่สามารถมองเห็นภาพที่อยู่ไกลขนาดนั้นได้ (เนื่องจากความสามารถด้านเวลาไม่มีผลกับการดึงประสิทธิภาพให้การมองเห็นนั้นดีขึ้นแต่อย่างใด ต่างกับสมรรถภาพด้านพลังกายที่ถูกดึงมาครบเต็มเวลา)

มาตันท์หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบก่อนจะคุยกับผู้ชายหัวหยักศกคนนั้น

“ฟู่ว......”

“อย่าเรียกฉันด้วยฉายานั้นสิ รู้สึกมัน Contrast ยังไงไม่รู้นะ”

ผู้ชายหัวหยักศกหันหน้ามาคุย และกำลังเดินมาริมดาดฟ้าตรงจุดที่มาตันท์อยู่

“แหม่... ก็มันสมกับเป็นคุณนี่นา”

“ทั้งสูงส่ง สง่างาม......”

“และเจ้าเล่ห์”

ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ตรงริมดาดฟ้าทั้งคู่แล้ว

“แต่นายเองก็ไม่แพ้กันหรอกนะ กิฟเฟน......”

“เหรอ? แต่ฉันแค่ทำตามคำสั่งของใครบางคนเองนะ”

“แต่ก็ทำนอกเหนือจากที่สั่งทุกที”

“ก็แหม่... กินข้าวมันไก่ก็ต้องสั่งพิเศษเพิ่มไปหน่อยสิ ถึงจะได้อรรถรสที่คู่ควร”

“ป่านนี้คิชิดะคงกระวนกระวายขับรถบึ่งไปอีกฟากหนึ่งของเมืองแน่เลย”

และมันก็เป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริงๆ คิชิดะกำลังขับรถด้วยความรู้สึกร้อนรนเพื่อไปช่วยน้องสาวของเขา

“ฉันแค่บอกให้นายหาทางทำยังไงก็ได้เพื่อให้คิชิดะออกห่างจากยัยผู้หญิงคนนั้นเองไม่ใช่รึไง?”

“ก็บอกแล้วว่าจะกินข้าวมันไก่ทั้งทีก็ต้องสั่งพิเศษหน่อยดิ แล้วมันไม่ได้ผลหรือไง”

“คิชิดะวิ่งแจ้นไปโน่นละ นายไม่ชอบหน้าหมอนั่นอยู่แล้วก็ไม่เห็นต้องไปแครอะไรเลย”

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กิฟเฟนหลอกให้คิชิดะออกห่างไปไกลๆจากนรินทร์ตามที่มาตันท์ต้องการด้วยเหตุผลบางอย่าง

ดูเหมือนมาตันท์จะขี้เกียจคุยเรื่องนี้ต่อเลยจะวกกลับมาเรื่องของนรินทร์

“...... ช่วยแสดงให้ฉันดูทีเถอะ”

“ความสามารถในฐานะ Keeper ผู้ถือครอง Linker ของเธอ”

เขาพูดทั้งๆที่คาบบุหรี่ (ดูหล่อซะ... น่าถีบยังไงไม่รู้)

เป้าหมายที่แท้จริงของภารกิจนี้ก็คือ

*เพื่อดูความสามารถของนรินทร์*

ในตอนนี้สถานการณ์ของนรินทร์จะเป็นยังไงต่อไปก็ไม่อาจรู้ได้ เมื่อแกลลิค เกล ยืนมองเขาอยู่

จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...

............

............

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา