Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  40.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) เวลาที่สวนกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

(โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง 7.30)

............

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรุ่งเช้าของวันอาทิตย์

หน้าห้องผู้ป่วยห้องหนึ่ง มีผู้ใหญ่สองคน ทั้งชายและหญิง ยืนคุยกับหมอที่เหมือนจะเป็นผู้ดูแลคนไข้ภายในห้อง

“เธอยังไม่มีทีท่าจะฟื้นเลยหรอครับ?”

“หมอก็บอกไม่ได้นะ... อาการลูกสาวของคุณยังทรงตัว หากแต่สมองที่ได้รับการกระทบกระเทือนแบบนั้นอาจส่งผลให้ระบบประสาทบางส่วนนั้นหยุดชะงัดลง”

“นี่ก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะรู้สึกตัวเลย”

“สิ่งเดียวที่หมออยากให้พวกคุณเชื่อตอนนี้ คงจะเป็นปาฏิหาริย์แหละครับ”

“ขอตัวก่อนนะครับ มีคนไข้ฉุกเฉินรอผ่าตัดที่ห้อง ICU”

ใบหน้าของทั้งสองคนยังคงเคร่งเครียดหลังจากทราบอาการที่หมอคนนั้นบอก ก่อนที่เขาจะเดินจากไป

“คุณคะ......?”

“ปาฏิหาริย์งั้นหรอ......”

“อย่าพูดบ้าๆนะ... ให้พวกเราเพียงสองคนเฝ้ารอปาฏิหาริย์...”

“แล้วคนอื่นๆล่ะ... เพื่อนของลูกสาวพวกเราหายไปไหนกันหมด!!”

เสียงของผู้เป็นพ่อตะโกนดังหน้าห้องๆนั้น มีเพียงแค่สองคนนี้ที่เข้าใจความหมายของสิ่งที่พยายามจะพูดออกมา

“นับตั้งแต่...... นับตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อนแล้ว...... เงาหัวสักคนก็ไม่มี!!”

“ทำไมล่ะ? ลูกสาวของพวกเราทำอะไรผิด!!!”

“ยัยนรินทร์!!”

“คุณคะ ใจเย็นๆก่อนค่ะ”

ผู้เป็นพ่อคนนั้นพยายามสงบสติตามที่แม่ต้องการ ก่อนจะแง้มประตูห้องผู้ป่วย มองดูอาการลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขาที่หลับใหลเป็นเจ้าหญิงนิทรามานานกว่าสองสัปดาห์กว่าๆ

พ่อของเด็กคนนั้นแสดงความกังวลต่ออาการของลูกสาวตนเอง

“เมื่อไรจะฟื้นขึ้นมาสักที ญาดา”

หญิงสาวคนนั้นคือเจ้าหญิงนิทราในโลกแห่งความเป็นจริง... ผ้าพันแผลที่พันรอบหัว เครื่องช่วยหายใจ สายน้ำเกลือ... เธออยู่ในสภาพนี้มานานกว่าสองสัปดาห์แล้ว

ปาฏิหาริย์... คือสิ่งที่จะช่วยชีวิตเธอได้

และถ้าปาฏิหาริย์มันไม่เกิดล่ะ...

............

(บ้านของนรินทร์ 7.30)

“ฮึบ...”

บิดขี้เกียจตั้งแต่เช้าเลยนะเนี่ย ฉัน

เป็นอีกครั้งที่ไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาปลุกก็ตื่นได้ตรงเวลาพอดิบพอดี ตราบที่นาฬิกาพกยังอยู่ใกล้ตัวเราก็คงไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาปลุกเลยล่ะมั้ง

(เรื่องเมื่อวานก็ลงเอยด้วยดี)

(พ่อกับแม่ของมีนก็มารับพวกเราสองคนกลับบ้าน)

(ส่วนวอร์เรนก็ขอแยกกลับคนเดียว)

“เอ๊ะ หายไปไหนแล้ว?” <<< มีนเอะใจขึ้นมา

(ก็ไม่แปลกหรอกนะที่จะมองไม่เห็นน่ะ) (มีแค่ฉันสินะ...)

ฉันเดินลงมากินน้ำในตู้เย็น ก่อนจะเช็คกับข้าวที่เคยซื้อตุนไว้ในตู้

“ต้องซื้อมาตุนเพิ่มสินะ”

(ปกติเราต้องซื้อกับข้าวมาตุนเป็นประจำทุกๆ 3 วัน แต่สัปดาห์ที่แล้วเข้าโรงพยาบาลนานเลยไม่ได้แวะออกไปซื้อเลย)

สรุปแล้วเราวางแผนไว้ว่าจะไปซื้อกับข้าวตอนบ่ายๆ เพราะต้องทำงานบ้านในวันนี้หลายอย่าง พอไม่มีเรื่องปวดหัวแล้วมันก็สบายใจดีจริงๆแหละนะ

แม้ว่า... รูปภาพที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ฉันเดินผ่านจะทำให้ฉันหยุดคิดเรื่องอะไรต่างๆขึ้นมาก็เถอะ

“ความปรารถนาของเรา...”

“วันนี้ขอสงบๆ สักวันก่อนแล้วกัน ไว้คราวหน้าค่อยว่ากันใหม่”

เรื่องยุ่งยากที่เกิดขึ้นมาติดต่อกันตั้ง 2 วันทำให้วันนี้ฉันอยากจะพักผ่อนให้เต็มที่

ช่วงเช้าเป็นช่วงที่ทำความสะอาดบ้าน เพราะไม่ได้ทำงานบ้านมาเลยทั้งอาทิตย์อันดับแรก คือเอาขยะที่รวมไว้ตั้งหลายวันไปทิ้งนอกบ้าน

ฉันเดินถือถุงขยะมาถึงหน้าประตูบ้าน พอเปิดประตูออกมาก็เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่นอกรั้วประตูนอกบ้าน

“อรุณสวัสดิ์จ้ะ รินทร์”

“มีน!”

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอแวะมาที่บ้านฉัน แถมครั้งนี้เธอยังตื่นเช้าสุดๆเลยซะด้วย ปกติเธอมักจะตื่นสายในวันหยุดแบบนี้ตลอด

ฉันวางถุงขยะไว้ข้างๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรั้ว

“รินทร์! ไหล่ซ้ายของเธอไปโดนอะไรมา!? ถึงได้มีรอยแผลเป็นน่ากลัวแบบนั้น?”

“เอาะ”

จริงสิ เรายังไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ให้เธอฟังเลยหนินะ

“เรื่องมันยาวน่ะ ไว้จะเล่าให้ฟังนะ”

“ว่าแต่รีบตื่นเช้าขนาดนี้มีธุระอะไรหรอ?”

“อะ... อื้อ... นี่จ้ะ!”

เธอส่งถุงใบหนึ่งมาให้ เหมือนจะใส่อะไรไว้ข้างใน

“เอ๊ะ... นี่มัน?”

“ลองหยิบออกมาดูสิ”

น้ำหนักขนาดนี้ ถุงรูปแบบนี้ ไม่ผิดแน่

และก็เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ ถุงนี่ใส่เสื้อผ้าเอาไว้ เป็นเสื้อตัวเดียวกับที่ขาดไปของฉัน จนฉันดีใจมากเลย

“นี่มัน! เสื้อตัวโปรดของฉันหนิ!”

“มีนซื้อมาให้งั้นหรอ?”

“ใช่ ก็เสื้อตัวโปรดของรินทร์ขาดไปตั้งแต่สองวันก่อนนั่นใช่มะ เพราะงั้นนี่ถือเป็นทั้งคำขอบคุณและคำขอโทษในเรื่องต่างๆน่ะ”

“แต่กว่าฉันจะหาชุดเจอก็ต้องตระเวนไปทั่วเลยล่ะ โชคยังดีที่ฉันเจอร้านที่รินทร์พวกเราเคยไปซื้อเสื้อด้วยกันพอดี”

“ไม่ต้องลงทุนขนาดนั้นก็ได้ แต่ก็ขอบคุณนะ ฉันดีใจมากเลยล่ะ”

“ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสกลับมาใส่อีกครั้งซะแล้ว”

ตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนพวกเราจะแยกย้ายกันกลับ ฉันได้เล่าเรื่องราวคร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้นเกี่ยวกับฉันและวอร์เรน

แต่เพราะพ่อกับแม่ของมีนมารับพอดี ทำให้เล่าได้ไม่หมด มีนคงตระเวนหาเสื้อตัวนี้มา

(ที่มีนมาวันนี้ คงอยากจะฟังเรื่องราวต่อจากเมื่อวานด้วยสินะ)

“เข้ามาในบ้านก่อนสิ ยืนคุยข้างนอกแบบนี้คงไม่ดีเท่าไร”

“จ้ะ”

มีนยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าอันแสนอ่อนโยน เป็นรอยยิ้มที่เติมเต็มความสดใสให้กับคนรอบข้างได้ดีเลย

............

ฉันเอาน้ำมาเสิร์ฟให้มีนที่นั่งอยู่ในห้องทานอาหาร

“ขอโทษนะ ที่มารบกวนซะเช้าตรู่แบบนี้”

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงวันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว”

“งั้นหรอ”

เธอดื่มน้ำที่เราวางไว้ให้เล็กน้อยก่อนจะวางไว้เหมือนเดิม

“ว่าแต่... ทำไมเมื่อวานผู้ชายที่ชื่อวอร์เรนคนนั้นถึงหายตัวได้ล่ะ?”

“ฉันยังไม่หายสงสัยเลย”

“มันไม่ใช่หายตัวหรอก แต่มันเป็นการทำให้เวลาของเขาคลาดเคลื่อนจากการมองเห็นของผู้อื่นแค่นั้นเอง”

“จริงๆเจ้านั่นก็ยังอยู่ที่เดิมด้วยซ้ำ”

“เป็นแบบนั้นเองหรอ”

“รินทร์นี่ดีนะ ที่ยังเจอผู้ชายนิสัยดีๆแบบเขาน่ะ”

“แค่ก แค่ก”

มีนพูดซะฉันสำลักน้ำเลย

“อีตานั่นน่ะนะนิสัยดี ทำตัวกวนประสาทขนาดนั้น โรคจิต ลามปาม ทำตัวเกรียนไปวันๆ ฉันล่ะไม่เห็นว่าอีตานี่จะมีข้อดีตรงไหนเลย”

“เอ่อ... มันก็อาจมีส่วนจริงนะ...”

“แต่ถ้า......”

“เทียบกับคนที่ฉันเจอแล้ว... มันคนละเรื่องกันเลย”

บรรยากาศรอบข้างของมีนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอจะยังยิ้มเหมือนปกติ แต่สภาพจิตใจของเธอก็ยังคงบอบช้ำจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้อยู่

“มีน......”

“ไม่ต้องห่วงหรอกรินทร์ ฉันโอเคขึ้นแล้วแหละ”

“ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะอยากจะเอาเสื้อตัวนั้นมาให้”

“รวมถึงอยากรู้เรื่องที่ยังไม่เข้าอีกน่ะ”

“......ถ้างั้น”

“ฉันจะค่อยๆลำดับเหตุการณ์ให้ฟัง ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ”

มีนยิ้มตอบเราที่ทำสีหน้าจริงจัง

สรุปแล้ว ฉันเล่าทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับฉันให้เธอฟัง ไม่ว่าจะเรื่องความทรงจำของสองสัปดาห์ก่อนที่หายไป ตอนที่เห็นโลกเป็นกับโลกที่ว่างเปล่า เรื่องที่ฉันถูกตามฆ่า ตอนเจอวอร์เรน ช่วงที่อยู่โรงพยาบาล ขอบเขตพลัง ระดับพลัง กลุ่ม Silver Lotus ที่ยังเป็นปริศนา รวมถึงเรื่องเมื่อวานในส่วนที่เธอโดนลบความทรงจำไปด้วย

ฉันเล่าให้เธอฟังตามลำดับเหตุการณ์ทุกๆเรื่องอย่างกระชับ

(ผ่านไปประมาณ 15 นาที)

“...เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้นี่เอง...”

“ในที่สุดฉัน...”

“ก็เข้าใจทุกอย่างสักที”

จะว่าไงดี บอกว่าเข้าใจทุกอย่าง แต่ตาเธอที่หมุนติ้วๆนั่นมันฟ้องชัดเลยว่ากำลังสตั๊นกับเรื่องที่พูดมาทั้งหมดนั่นมาก

“เออะ หน้าเธอดูจะไม่ฟอลโลว์ตามที่พูดเมื่อกี๊นะ”

“คือแบบ... มันเยอะซะจนซับซ้อนไปหมดเลยน่ะ ฉันไม่เข้าใจว่าแรงจูงใจของคนพวกนั้นคืออะไรกันแน่”

“ฉันเองก็เหมือนกัน... จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังหาคำตอบพวกนั้นไม่ได้เลย”

“บางทีถ้าฉันถลำลึกเข้าไปในการควบคุมเวลามากกว่านี้ อาจจะได้คำตอบอะไรเพิ่มขึ้นก็ได้”

“แต่ว่า...”

มีนทำแววตาเหมือนจะเป็นห่วงเราออกมา

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันดูแลตัวเองได้อยู่แล้วล่ะ”

“เรื่องนั้นก็รู้นะ แต่ถ้าตามที่วอร์เรนบอก ผู้ที่ใช้นาฬิกาเป็นตัวแทนเวลานี่จะมีความปรารถนาบางอย่างอยู่สินะ”

“ถ้างั้นแล้ว... ความปรารถนาของรินทร์คืออะไรล่ะ”

“เรื่องนั้นน่ะหรอ......”

ฉันก้มหน้าไปครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะใช้มือซ้ายหยิบนาฬิกาที่อยู่ในกระเป๋าตรงชายเสื้อขึ้นมา

“...มีนเอง... ก็คงจะรู้ใช่ไหม?”

“เรื่องที่ฉันจำอะไรเกี่ยวกับพ่อและแม่ไม่ได้เลย”

“......อืม......”

“มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพวกเขา แม้แต่ลุงและป้าเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน”

“รินทร์กำลังสงสัยว่า... มันเกี่ยวกับพลังบิดเบือนเวลาใช่ไหม?”

“...ใช่...”

“ถึงจะยังไม่ชัวร์ แต่ก็น่าจะมีความเป็นไปได้มากสุด”

“แม้แต่เรื่องที่ฉันได้นาฬิกาเรือนนี้มาเมื่อไรก็ยังจำไม่ได้ ราวกับว่าความทรงจำของฉันและคนอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องนั้นถูกลบออกไป”

“การที่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างแบบนี้ มันเจ็บปวด”

มือของฉันกำนาฬิกาแน่น มีนทำสีหน้าที่เริ่มจะจริงจังมาขึ้น เหมือนตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวระหว่างที่มองเราอยู่

(รินทร์...... คิดเรื่องนี้มาตลอดจริงๆด้วย)

(เพื่อนของรินทร์ทุกคนรู้ว่ารินทร์จำเรื่องพ่อแม่ของตัวเองไม่ได้จึงเลี่ยงที่จะคุยเรื่องนี้)

(ถึงจะเห็นรินทร์ทำตัวปกติอยู่ทุกวัน แต่ในใจของรินทร์ยังคง...)

(อยากหาคำตอบเรื่องพวกนั้น)

“...ให้ฉันช่วยแบ่งสิ...”

“เอ๋?”

ฉันสงสัยในความหมายที่มีนกำลังจะสื่อ

“ให้ฉัน... ช่วยแบ่งความเจ็บปวดนั่น”

“ฉันจะเป็นมืออีกคู่ช่วยให้รินทร์นำความทรงจำกลับมาเอง”

รอยยิ้มของเธอ... ช่างอ่อนโยน ผ่อนคลายความกังวลใจของเราออกซะหมดเลย

“ขอบคุณมากนะ”

“แต่จริงๆก็ไม่ใช่แค่พวกเราสองคนหรอก ยังมีอีตานั่นอีกคนด้วย”

“หมายถึงวอร์เรนน่ะนะ?”

“อื้อ หลังจากที่พวกเราต่างคนต่างเป็นหนี้บุญคุณกันและกัน”

“ตานั่นก็รับปากว่าจะช่วยฉันตามหาความทรงจำของสองสัปดาห์ก่อนที่หายไป รวมถึงช่วยทำให้ความปรารถนาของเราเป็นจริงด้วย”

(จะว่าไปแล้ว... ตอนนี้ตานั่นจะทำอะไรอยู่นะ)

............

*ณ โรงเรียนมาเจสติกวิทยา 8.00*

เอ่อ... ผมไม่ได้เป็นผู้ชายน่าสงสัยอะไรนะครับ เผอิญว่ารับปากกับยัยเหมียวบางตัวไว้ว่าจะช่วยตามหาความทรงจำที่หายไปของเธอกลับมา เลยต้องเอาวันที่ควรจะพักผ่อนแบบนี้มานั่งสืบหาข้อมูลอะไรแทน

จากภาพเพียงบางส่วนที่ผมเห็นตอนที่แตะต้องตัวเธอเมื่อวันนั้น มีความทรงจำบางส่วนของเธอหลงเหลือไม่โดนลบไปอย่างสมบูรณ์ คงต้องเรียกว่าถูกเวลาปิดกั้นไว้มากกว่า

ตอนนี้ผมไล่ดูข้อมูลในระบบออนไลน์ภายในโรงเรียนนี้อยู่ ทะเบียนรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมปลายแต่ละห้องๆ

“เห... สมกับเป็นโรงเรียนดังในย่านนี้ ระบบทะเบียนในสถาบันนี้ทำมาดีใช้ได้เลย มีข้อมูลครบครันซะขนาดนี้”

“ยังดีที่คอมเครื่องนี้มีคนใช้เมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่งั้นคงอ่านรหัสด้วยพลังพวกนั้นไม่ได้แน่”

“ญาดา ญาดา ญาดาอยู่ไหนหว่า...”

“คนที่อยู่ในความทรงจำของยัยนั่นก็ใส่ชุดคล้ายๆกันนี่นา หรือชุดนักเรียนของคนไทยมันเหมือนกันหมดเลยทุกสถาบันล่ะเนี่ย”

“อยากกลับบ้านไปนอนจังแฮะ-”

“หะ”

(ผู้หญิงคนนี้... ญาดา น้ำมุณี)

(ชั้น ม.5/2 ห้องเดียวกับยัยนั่นนี่หว่า)

(เดี๋ยวนะ... ข้อมูลพวกนี้มัน!!!)

รู้สึกเหมือนจะมีคนเดินผ่านมาทางนี้ อาจจะเป็นภารโรงหรืออาจารย์ที่เข้ามาในโรงเรียน

ผมเลยต้องรีบปิดคอมและเดินออกมาจากห้องเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดสังเกต ส่วนคนที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้ก็มองไม่เห็นผมแน่นอนอยู่แล้ว

ตอนนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาจากบันไดทางขึ้น มุ่งไปทางเดียวกันกับห้องทะเบียนศึกษาที่ผมออกมายืนอยู่หน้าห้อง

ผมกำลังจะเดินไปตรงบันได เพราะข้อมูลที่รู้ตอนนี้ก็เหลือเฟือแล้ว

จนผมสวนกับผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งที่เดินผ่านมา...

ผมหันไปมองผู้ชายคนนั้นด้วยความแปลกใจ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ภารโรง แต่เหมือนจะเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ (จากภาพที่เคยเห็น)

(ผู้อำนวยการงั้นรึ?)

(มาทำอะไรในวันหยุดแบบนี้หว่า?)

ช่างเหอะ ผมไม่ได้มีธุระอะไรกับเขา สิ่งที่ผมต้องทำต่อไปตอนนี้คือติดต่อยัยรินทร์

“ควรจะติดต่อยัยนั่นดีไหมนะ...”

“หวังว่ายัยนั่นจะรับกับเรื่องพวกนี้ได้”

ว่าแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์มาเตรียมกดเบอร์------

............

............

(ยัยนั่นไม่ได้ให้เบอร์เราไว้นี่หว่า!!!) รู้สึกฟ้าผ่าลงหัวในบัดดล

(มีแต่เราที่ทิ้งเบอร์ไว้เผื่อติดต่อกลับ)

กุมขมับในความงี่เง่าของตัวเองเลยจริงๆแบบนี้

(ไอ้บ้าเอ๊ย! ทำไมถึงได้งี่เง่าขนาดนี้กันนะ)

มัวแต่ยืนอึ้งหน้าโรงเรียนแบบนี้คงช่วยอะไรไม่ได้ คงต้องไปที่บ้านของนรินทร์โดยตรงเลยท่าจะดีกว่า

พอคิดงั้นแล้ว ผมก็ดูนาฬิกา

เวลาราวๆ 8.15 รินทร์ก็คงจะตื่นแล้ว ผมก็เลยมุ่งหน้าไปยังบ้านของเธอ

แต่ในวินาทีที่ผมกำลังเดินไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้สังเกตเลย

ว่าตรงถนนฝั่งตรงข้ามของผม

มีนกำลังขี่มอเตอร์ไซค์พารินทร์ไปที่ไหนสักแห่งอยู่

............

............

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา