Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) ลืม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ…………
"รินทร์หมายความว่าไงน่ะ ที่ว่าไม่ไว้ใจพี่เต้”
“พี่เต้เขาเป็นคนดีนะ รินทร์ก็น่าจะรู้หนิ!! ถ้ารินทร์ไม่มีเหตุผลล่ะก็ ฉันจะไม่ยุ่งกับรินทร์อีก”
............
“รินทร์ รินทร์! เป็นอะไรไปน่ะ?”
“รินทร์พาฉันออกมานอกร้านทำไมหรอ...?”
“อ๊ะ เอ่อ...”
เสียงของมีนทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากมโนภาพในหัวเลย มือของฉันยังจับมือของเธออยู่ ภาพที่เธอสะบัดมือออกเป็นภาพในความคิดของเราเอง
“ก็... แค่อยากให้มารอข้างนอกเฉยๆแค่นั้นเอง รอในร้านคนมันเยอะเนอะ”
“แถมเราไปยืนกรูหน้าเคาน์เตอร์ตั้ง 3 คนจะไปรบกวนคนอื่นเปล่าๆ”
(เธอจะเชื่อเราเปล่านะ)
............
“อ๋อ แบบนี้เองหรอ ฉันนึกว่ารินทร์มีเรื่องอะไรซะอีก”
“อ่า... แหะๆ”
เห็นรอยยิ้มของเธอแบบนี้แล้วเล่นเราทำไรต่อไม่ถูกเลยจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานนักพี่เต้คนนั้นก็เดินตามออกมา
“มีน โทษทีนะ ปล่อยให้รอซะนานเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณจริงๆนะคะ ที่เลี้ยง”
“เรื่องเล็กน้อยน่า ป่ะ... พวกเราไปดูหนังกันเถอะ”
“อื้อ! ไปกันเถอะ รินทร์”
“อะ...”
เพราะแบบนี้ พวกเราจึงไปเลือกหนังดูกัน โดยที่ฉันเดินตามหลังมีนกับพี่เต้
ทั้งสองคนก็ยังคงเว้นระยะห่างอยู่เหมือนเดิม แต่มีนทำท่าจะหลบสายตาพี่เต้ที่ชอบมองมาบ่อยๆ
(ทำไมกันนะ... เรากลัวที่จะเป็นคนพรากรอยยิ้มของเธอ)
(ในวันนี้เธอกำลังมีความสุขกับคนที่เธอชอบ กำลังยิ้มอย่างมีความสุข และถ้าเรากลายเป็นคนทำลายรอยยิ้มนั่น...)
(เราคง... ทำใจไม่ได้แน่...)
(อีกอย่าง ผู้ชายคนนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเธอ จะพูดส่งเดชโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้)
(......มีน......)
......
ความนิ่งที่เกิดจากทั้งสองคนนั้นกำลังสร้างความไม่เข้าใจบางอย่างให้เกิดขึ้นโดยที่ต่างคนต่างไม่รู้ตัว ในใจของมีนกำลังรู้สึกถึงความผิดปกติที่รินทร์เป็นวันนี้ แม้ว่าเธอจะยังมีรอยยิ้มที่มีความสุขเหมือนกับปกติ แต่หากใครได้รู้จิตใจของเธอตอนนี้...
รอยยิ้มของเธอกำลังเลือนหายไปแล้ว...
(...รินทร์......)
......
พวกเราเลือกหนังแนวโรแมนติกผสมดราม่าเรื่อง “ปล่อยมือเธอ” เรื่องราวของหญิงสาวผู้สูญเสียความทรงจำทุกอย่างแม้แต่ชายที่ตัวเองรักจากอุบัติเหตุ แต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ละทิ้งความพยายามที่จะสานความสัมพันธ์กับเธอให้เหมือนกับที่เคยเป็น
แม้ว่าจะพยายานสานความทรงจำกี่ครั้ง เธอก็ยังคงลืมเรื่องของชายหนุ่มคนนั้นเช่นเดิม... ช่างเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ดีแท้
ตอนที่พวกเขากำลังดูหนัง ฉันก็สังเกตว่ามือของพี่เต้พยายามจะจับมือของมีนให้ได้
(หึ ไม่ยอมหรอก)
โรงหนังที่มืดแบบนี้ช่วยให้ฉันทำอะไรโดยไม่มีใครสังเกตได้ง่ายขึ้น มีนเองก็สนใจแต่หนังจนไม่ได้มองมาที่ฉันเลย (แถมเห็นน้ำตาซึมด้วย)
ก่อนฉันจะมาที่นี่ พยายามฝึกใช้พลังเกี่ยวกับการเก็บของต่างๆไว้ในมิติเวลาที่ฉันเชื่อมต่อ ทำให้ตอนนั้นฉันเลือกหยิบของออกมาอย่างหนึ่งโดยไม่มีใครเห็น
“ไม้บรรทัด”
เอ่อ... เพราะเรายังไม่รู้จะกักเก็บอะไรไว้ในห้วงเวลานั่น เราเลยเลือกเป็นของใกล้ตัวนี่ล่ะ
*ผั๊วะ*
“อูย!”
“เป็นอะไรหรอคะ พี่เต้?”
“ไม่รู้สิ เหมือนมีใครเอาอะไรมาตีมือพี่เลย”
“เอ๋ แต่ฉันไม่เห็นใครเลยนะคะ”
(จากที่ใช้ไปเมื่อวาน เราก็พอจะรู้วิธีทำให้เวลาของเราคลาดเคลื่อนจากคนอื่นๆบ้างแล้ว)
(เป็นหลักง่ายๆอย่างการปรับเวลาให้คนรอบข้างเห็นเราช้าหรือเร็วกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งๆที่ความจริงแล้วฉันก็ยังอยู่ในเวลาเดิมแท้ๆ)
(เป็นไงล่ะ... อย่าได้คิดแตะเนื้อต้องตัวมีนเชียว-)
“ไหนพี่... ขอดูมือหน่อยสิคะ?”
(แว๊กกก)
อ-อะไรกันเนี่ย ทั้งๆที่ฉันอุตส่าห์ตีมือผู้ชายคนนั้นให้ไม่มายุ่งกับมีนแล้วแท้ๆ แต่มีนกลับเป็นคนไปจับมือผู้ชายคนนั้นเพื่อดูอาการเนี่ยนะ
“โห เหมือนจะแดงนิดหน่อยจริงๆนะค... เอ่อ”
“ว้าย!”
มีนตกใจที่เธอเผลอไปจับมือของเขา เลยรีบสะดุ้งเก็บมือตัวเองทันที
“เ-เอ่อ ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ฮะฮะ ไม่เป็นไรหรอก แต่พี่ว่า... มือของมีนนิ่มดีนะ”
“อ-อย่าพูดแบบนั้นสิคะ”
ประโยคนั้นเพียงแค่ประโยคเดียว ทำให้มีนเขินหน้าแดงขึ้นมาเลย
“เ-เอ่อ รินทร์...”
จ๋อยไปเลยสินะเรา... แทนที่จะขัดขวางความสัมพันธ์ไม่ให้มีอะไรเกินกว่าที่เรากังวล ตอนนี้เราจะยิ่งกังวลมากกว่าเดิมซะแล้วสิ เล่นซะซีดเลย
และสุดท้าย... พวกเราก็ดูหนังจนจบ โดยที่พวกเขาก็ยังไม่ได้จับมือกันเลยหลังจากนั้น
............
หนังจบแล้วก็มีโปรแกรมอื่นต่อ ฉันขอแยกมาเข้าห้องน้ำก่อนไปทำอะไรต่อนิดหน่อย
“เห้อ......”
ฉันถอนหายใจยาวจนคนที่กำลังล้างมืออยู่ข้างๆแอบมองเลย
(แทนที่จะขัดขวางไม่ให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอก้าวหน้า แต่กลายเป็นทำให้พวกเขายิ่งใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมแทนซะงั้น)
(ไอ้เราก็อยากแยกให้พวกเขาอยู่ห่างกันไว้เพื่อความปลอดภัยของมีน แต่จะเลี่ยงไม่ทำลายบรรยากาศเลยนี่มันก็ยากจริงๆแฮะ)
(เอาเถอะ... เราแค่พยายามให้วันนี้จบไปด้วยดีอย่างที่คิดละกั-)
(...กัน)
แต่ภาพพวกนั้นก็ยังติดอยู่ในหัวฉันอยู่ดี...
......
หลังจากทำธุระในห้องน้ำเสร็จ ฉันก็รีบออกมาเพราะไม่อยากให้พวกเขาสองคนรอ
“มาแล้วๆ”
“รินทร์!”
มีนยิ้มเหมือนกำลังมีความสุขกับอะไรสักอย่าง
“นี่จะเป็น ความทรงจำของพวกเราสามคน”
เธอชูตั๋วหนังที่ฉีกไปแล้วสำหรับ 3 ที่นั่งให้เราดู พี่เต้เหมือนจะให้มีนเก็บไว้เป็นของที่ระลึกสำหรับวันนี้
“พวกเราไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวกันบ่อยๆแบบนี้ นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งปีเลยนะ ที่พวกเราได้ออกมาเที่ยวด้วยกัน”
“งั้นหรอ... ก็ดีแล้วล่ะ”
“อื้อ... ดีจริงๆแหละ ถ้าหากว่า...”
เหมือนเธอจะพยายามพูดอะไรบางอย่าง เรารู้สึกว่าเมื่อกี๊เธอจะทำหน้าเฉยๆหรือเปล่านะ หรือเราอาจคิดไปเอง
“อ้ะ ไปที่อื่นกันต่อเถอะ”
มีนเดินคู่กับพี่เต้อีกเหมือนเดิม พวกเขาช่างคุยกันดูมีความสุขจริงๆ
ต่างกับฉัน... ที่ยังคาใจกับคำพูดของเธอเมื่อกี๊
……
โปรแกรมของพวกเราต่อไปคือเดินซื้อเสื้อผ้า ซึ่ง... เป็นโปรแกรมที่มีนเลือกไว้ เพราะเธออยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆไว้ใส่เวลามาเที่ยว
พวกเราเดินดูร้านกันอยู่สักพักก็เลือกร้านเสื้อผ้าสตรีได้ พี่เต้เหมือนจะเหงื่อตกนิดหน่อย เพราะการที่ผู้ชายเดินเข้าร้านเสื้อผ้าผู้หญิงนี่มันก็น่าอายอยู่จริงๆ
ฉันสังเกตพวกเขาทั้งสองคนก่อนที่จะเข้าร้าน พวกเขาเริ่มเข้ากันมากกว่าเดิม จนฉันได้แต่ยืนมองด้วยความไม่สบายใจอยู่ห่างๆ แถมท่าทีเขินอายในตอนแรกก็เริ่มลดน้อยลงไปทุกทีๆ
(หรือว่าเราจะคิดมากเกินไปจริงๆนะ ภาพพวกนั้นมันคงจะไม่จริงเสมอไป...)
“รินทร์ เข้าไปเดินดูเสื้อกันเถอะ”
“เอ๊ะ?”
ตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยิบราวกับว่านี่คือสิ่งที่เธอชอบมากๆ ก็เพราะเธอเป็นนักช็อปตัวยงอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้านี่แทบจะมีเต็มตู้อยู่แล้วมั้ง
พี่เต้บอกว่าจะยืนรอพวกเราอยู่นอกร้าน ตอนนั้นเธอเลยคว้ามือของเราพาเข้าไปในร้านโดยไม่ได้ถามกันสักคำ
และตอนที่เธอคว้ามือเรา...
*ภาพฉันเห็น... คือมีนกำลังถูกตบ...”
............
“นี่ๆ ชุดนี้คิดว่าไงบ้างรินทร์”
“รินทร์?”
ฉันได้แต่นิ่งเงียบหลังจากเห็นภาพนั้นเกิดขึ้นกับเธอในอนาคต ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วล่ะว่าเราไม่ได้คิดมากไปเองจริงๆ
“รินทร์มาทางนี้หน่อย”
เธอลากฉันเข้าไปที่ห้องลองเสื้อพร้อมกับชุดที่เธอถือกับยกทรงตัวหนึ่ง
*ในห้องลองเสื้อ*
“เป็นไงบ้างรินทร์? สวยไหม”
“อะ...เอ่อ... ก็สวยดีนะ มีนใส่อะไรก็เข้าหมดแหละ”
“เข้าหมดสินะ... งั้นถ้ายกทรงตัวนี้ล่ะ”
“เอ๋? มันจะไม่ดูใหญ่ไปหรอ...”
“ใหญ่อะไรกันล่ะ ที่ฉันใส่อยู่ตอนนี้ก็เริ่มคับแล้วนะ”
จะว่าไปก็ไม่ได้สังเกตเลยจริงๆนั่นแหละ ว่าหน้าอกของเธอใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก พอเทียบกับเราที่ไม่ค่อยมีแบบนี้แล้วมัน... -_-“
“นี่รินทร์... รินทร์รู้ไหมว่าฉันชอบสีอะไร?”
“หือ? เอ่... เหมือนจะสีฟ้า ถูกมะ?”
“อื้อ...แล้วสีที่ฉันไม่ชอบล่ะ......”
“สีที่มีนไม่ชอบ......!?”
เวลานั้น ฉันได้แต่ยืนนิ่งตาค้าง
ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกตัวให้เร็วกว่านี้ สีชุดที่เธอเลือกมาตั้งแต่แรก ทั้งยกทรงกับชุดกระโปรงยาวนั่น...
เป็นสีเขียว... สีที่เธอไม่ชอบที่สุด
“...ตั้งแต่ตอนที่รินทร์กินไอศกรีมรสวานิลลาตอนนั้นแล้ว...”
“...ไหนจะลากฉันออกมานอกร้านโดยไม่บอกเหตุผลอีก...”
"...ตอนอยู่โรงหนังก็ทำตัวไม่เหมือนปกติ..."
“...และก็ลืมเรื่องสีที่เราชอบไปทั้งๆที่เรื่องนี้รินทร์ไม่เคยลืมเลยสักครั้ง...”
......
“รินทร์ทำตัวแปลกไปจริงๆ มีอะไรปิดบังกันอยู่รึเปล่า?”
ในความรู้สึกของฉันตอนนี้ ห้องลองเสื้อที่นี่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่กดดันราวกับห้องมันแคบลงเรื่อยๆ รอยยิ้มของเธอที่เราพยายามรักษาไว้ไม่ให้หายไป
จริงๆมันหายไปตั้งนานแล้ว เธอสงสัยการกระทำของเรามาตลอด
“......มีน...”
“ฉันอยากรู้... ตั้งแต่รินทร์เจอพี่เต้ รินทร์ก็ทำตัวแปลกไป”
“บอกเหตุผลให้ฟังหน่อยสิว่าทำไม!?”
“คือ......คือว่า...”
ดูท่าภาพที่เราคิดเมื่อเช้า... ยังไงเราคงเลี่ยงที่จะไม่พูดไม่ได้แล้วสินะ
“...ฉัน...ไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้น”
“เห?”
“ฉันไม่รู้ว่าจะบอกเธอยังไง แต่ฉันรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด”
“ท...ทำไมถึงคิดงั้นน่ะรินทร์... พี่เขาไม่ดีแบบไหนล่ะ?”
“ฉ...ฉันไม่รู้!”
“ความรู้สึกของฉันมันบอกมาแบบนั้น ว่าถ้ามีนกับเขายิ่งสนิทกันมากเท่าไร มีนจะยิ่งไม่ปลอดภัยมากเท่านั้น นั่นเป็นความรู้สึกเดียวที่ฉันรู้!”
“ฉันกลัวว่ามีนจะตกอยู่ในอันตราย!!”
......
......
“เป็นอย่างนั้นเองหรอ?”
น้ำเสียงของมีนเปลี่ยนไป...
“เหตุผลที่รินทร์มากับฉันวันนี้... เพื่อขัดขวางไม่ให้ฉันได้อยู่กับพี่เต้สินะ”
“ไ-ไม่ใช่นะ มีนเข้าใจผิดแล้ว”
“รินทร์เป็นคนบอกว่าพี่เต้เป็นคนดีเองไม่ใช่หรอ? หรือว่ารินทร์จำที่ตัวเองพูดไม่ได้?”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงมาบอกว่าพี่เขาเป็นคนไม่ดี ทั้งๆที่...”
“ทั้งๆที่... เขาช่วยเก็บกระเป๋าสตางค์ของฉันได้... ถ้าเขาเป็นคนไม่ดี ป่านนี้ฉันคงไม่ได้กระเป๋าสตางค์คืนหรอก”
คำพูดของเธอ... เธอเชื่อใจผู้ชายคนนั้นว่าเป็นคนดีเพียงเพราะเรื่องนั้นงั้นหรอ?
“แ-แต่ว่า มันจะไม่บังเอิญเกินไปงั้นหรอ? การที่คนสองคนที่บังเอิญเจอกันจะมีความชอบอะไรเหมือนๆกันน่ะ”
“นี่มันไม่ใช่ละครนะมีน!!”
“...งั้นการที่รินทร์พยายามขัดขวางฉันแบบนี้... เขาเรียกว่าละครหรือเปล่า?”
“รินทร์ไม่มีหลักฐานว่าพี่เต้เป็นคนไม่ดีสักหน่อย อย่ามาว่าพีเขาเสียๆหายๆนะ!!”
“ใจเย็นๆก่อนสิมีน ฟังที่ฉันพูดหน่อย”
“แล้วรินทร์ฟังที่ฉันพูดบ้างไหมล่ะ...!!!”
เสียงที่เธอตะโกนออกมาทำให้ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอกำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจ...
(นี่ฉัน......ทำให้มีนร้องไห้...?)
“รินทร์ไม่รู้จักพี่เขาแต่กลับบอกว่าเขาเป็นคนไม่ดี”
(ไม่ใช่)
“ปกติฉัน...เชื่อคำพูดของรินทร์ตลอดนะ... แต่ทำไมครั้งนี้รินทร์ถึงไม่มีเหตุผลล่ะ...”
“หรือว่ารินทร์แค่ไม่อยากให้ฉันสมหวังในความรักงั้นหรอ?”
(ไม่ใช่!)
“ที่รินทร์บอกว่าจะช่วยฉันก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นเองสินะ”
(ไม่ใช่ มันไม่ใช่แบบนั้น!)
“ฉันน่ะ...ฉันน่ะ!!”
“เกลีย-”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้!!!”
*ครืนนนนน*
............
ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งมีนก็ถูกหยุดนิ่งจากพลังที่เราใช้ออกมาเพราะความโกรธ
ฉันไม่อยากได้ยินสิ่งที่เธอกำลังจะพูดเลยแม่แต่น้อย
"ขอโทษนะ... มีน"
ฉันเดินออกไปท่ามกลางความนิ่งเงียบจากทุกๆอย่างที่ถูกหยุด ภายในร้านเองก็ได้รับผลกระทบเดียวกัน
คนข้างนอกยังไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้มองเข้ามาที่ร้าน
ฉันเดินผ่านพี่คนนั้นไปอย่างหน้าตาเฉย...
ราวกับว่าพวกเราสองคนไม่เคยเจอกันมาก่อน
ทั้งความเสียใจกับความเจ็บใจของฉัน มันปนกันมั่วไปหมด...
ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่ง จะต้องโดนเพื่อนที่ตัวเองรักที่สุด "เกลียด" เข้าจนได้
.........
ไม่นานนัก เวลาภายในร้านก็กลับมาเป็นปกติ
มีนที่อยู่ในห้องลองเสื้อก็กลับมาขยับเหมือนกับคนอื่น ไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
เธอ...ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับรินทร์เลยสักนิด เธอไม่เคยเจอรินทร์เมื่อวาน วันนี้เธอก็มากับพี่คนนั้นแค่สองคนเท่านั้น...
มีนไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลยกับการที่ถูกลบความทรงจำช่วงเวลานั้นไป
(เอ๋)
(ทำไมฉัน... ถึงหยิบเสื้อผ้าสีนี้มาลองกันนะ?)
เวลาในวันนี้ของเธอกับรินทร์ ถูกตัดขาดไม่ข้องเกี่ยวกันอีก
............
............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ