Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  39.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) Date

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

(?? 8.40)

......

“สถานีต่อไป เอกมัย......”

“Next Station, Ekkamai”

เสียงประกาศภายในขบวนรถไฟฟ้า BTS กึกก้องไปทั่วทั้งขบวน ช่วงวันเสาร์ที่คนส่วนมากหยุดมักจะเป็นช่วงที่คนใช้บริการ BTS ช่วงเช้าน้อยกว่าปกติเพราะไม่มีการทำงาน

รินทร์นั่งรถไฟฟ้ามาตั้งแต่เช้า เพราะสถานที่ที่พวกเขาจะนัดเจอกันคือที่ สถานีสยาม

บ้านของเธอกับบ้านของมีนอยู่คนละส่วนกัน แต่ก็ยังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

ส่วนเหตุผลที่รินทร์ชิงออกมาก่อน เพราะมีนบอกว่าพึ่งตื่นเลยจะตามไปทีหลัง

*เหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมาไม่นาน*

“รินทร์อยู่ตรง BTS แล้วหรอ!?”

“หวา! ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย! รินทร์ล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ”

“ตู๊ดๆๆ”

*ตัดกลับมา ณ เวลาปัจจุบัน*

............

(8.42 ... รู้สึกว่าต่อให้ตัวเองไม่ได้มองนาฬิกาก็จดจำช่วงเวลาได้)

(คงเพราะมันเกี่ยวข้องกับเวลาสินะ เราเลยกะช่วงเวลาที่ต้องตื่นได้โดยที่ไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกเลยแม้แต่น้อย)

มือของฉันสัมผัสกับจุดที่เคยมีแผลอยู่เมื่อวาน แผลพวกนั้นมันหายสนิทตั้งแต่เมื่อคืนวานจนฉันตกใจ

ตอนที่แกะผ้าพันแผลออก ก็เห็นว่าพวกแผลอะไรทั้งหมดหายสนิทหมด ซึ่งมันหายเร็วมากกว่าที่ฉันคิดไว้มาก

คงเพราะฉันอยู่ใกล้กับนาฬิกานี่ ร่างกายเลยดึงวงจรเวลามาสมานแผลได้เร็วกว่าที่มนุษย์ปกติสามารถทำได้

แต่ว่า...

*ช่วงก่อนจะนอน*

............

“ย้อนเวลา...”

ฉันพยายามย้อนเวลาเสื้อที่มีรอยขาดและรอยเลือดติดอยู่ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ไม่ว่าฉันจะทำยังไงก็ไม่สามารถทำได้

“ย้อนเวลา...!”

“เห้อ...”

ทำมาไม่รู้ตั้งกี่รอบจนตอนนี้ร่างกายของเราเริ่มเพลียอีกแล้ว

(ที่มันย้อนเวลาไม่ได้ หรือว่ามันจะมีเงื่อนไขการใช้บางอย่าง)

(ถ้าให้เทียบกับตอนนั้นที่วอร์เรนย้อนเวลากระสุนของเราออกมา มันจะค่อยๆออกมาในสภาพเดียวกับที่มันฝังอยู่ในไหล่ซ้ายเรา)

(แต่แผลก็ไม่หายไป... เหมือนอาการบาดเจ็บจะไม่สามารถรักษาด้วยการย้อนเวลาได้)

(เสื้อผ้านี่ก็เหมือนกัน... ส่วนที่ขาดไปก็ซ่อมแซมไม่ได้ คงต้องถามวอร์เรนดูวันหลังว่าหลักการใช้พลังมีเงื่อนไขอะไรบ้าง)

(แต่ว่า...)

ฉันกางมือออกไปยังเสื้อที่มีแต่รอยขาดตัวนั้น

“Maintain”

เสื้อที่ขาดตัวนั้นยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ นี่เป็นพลังที่ฉันใช้จัดการผู้หญิงซาดิสม์คนนั้น

*พลังในการรักษาสภาพเวลา*

(เงื่อนไขที่ฉันรู้ตอนนี้ มีแค่มันสามารถรักษาสภาพเวลาของสิ่งที่เลือก โดยที่การเปลี่ยนแปลงหรือการบิดเบือนเวลาไม่สามารถแก้ไขได้)

(แต่ว่า... เราก็ยังไม่รู้ความสามารถอื่นๆที่จะเอามันไปใช้ประโยชน์ได้เลย)

(หากมีใครจ้องจะฆ่าฉันเหมือนกับเจ้านั่นอีก เราจะแก้ไขสถานการณ์ได้แบบวันนี้ไม่นะ)

“เห้อ...”

ถอนหายใจอีกรอบแล้วสิเรา พอยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อย ตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้วด้วย

พรุ่งนี้ฉันมีนัดที่จะต้องไปเป็นเพื่อนเดทของมีน ทำให้ตอนนี้ฉันมองข้ามเรื่องเวลาพวกนี้ไปสักระยะหนึ่งก่อน

ส่วนอีตาวอร์เรนนั่นก็คงจะพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายหายดีอยู่แน่

พอคิดงั้นแล้วตอนนี้ก็เอาเสื้อนี่ไปทิ้งก่อนดีกว่า ไว้วันหลังค่อยซื้อมาใหม่ละกัน ก็ชุดโปรดของเราหนินะ

*ฟึ่บ*

สายตาของฉันจับจ้องไปที่ชุดนั้นที่ถูกปาทิ้งลงไปในตะกร้า บางทีฉันก็รู้สึกว่าชุดนั้นมันมีความหมายบางอย่างกับฉัน โดยเฉพาะ...ที่เกี่ยวกับความปรารถนาที่เราจะทำให้ได้อันนั้น...

*ตัดกลับมาปัจจุบัน*

“สถานีต่อไป พร้อมพงษ์”

“Next Station, Phrom Phong”

รูปภาพเล็กๆที่ฉันถ่ายคู่กับมีนเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์เสมอ ฉันหยิบออกมาดูกี่รอบๆก็ไม่เคยเบื่อ

พวกเรามีโอกาสทีไรก็มักจะไปเที่ยวเล่นกันตลอด ระยะหลังมานี่ก็อยากจะชวนไปเที่ยวอยู่เหมือนกัน แต่เราเองก็มีเรื่องอะไรต้องทำหลายอย่าง

มือซ้ายของฉันจับตรงกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่ใส่ไปวันนั้น ข้างในกระเป๋าเป็นนาฬิกาพกที่ฉันต้องพกติดตัวไว้ตลอดเวลาแล้ว...

“ถ้ารินทร์ว่าง ฉันอยากพารินทร์ไปเจอใครคนหนึ่งอยู่”

......

“อยู่ใกล้ๆเพื่อนของเธอไว้”

......

คำพูดของสองคนนั่นยังคงฝังอยู่ในความคิดของฉัน จะหลับตายังไงก็เห็นในหัวอยู่ตลอดเวลาอยู่ดี

(อยากเชื่อใจมีนอยู่เหมือนกัน ว่าเธอจะไม่เป็นไร แต่ว่า...)

(เรากลับรู้สึกกังวลใจมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว......)

............

(ณ ห้างใหญ่บริเวณใจกลางเมืองกรุงเทพฯ 9.49)

............

ตอนนี้คนเริ่มเดินกันมากขึ้น อีกแค่ไม่กี่นาทีห้างแถวนี้ก็จะเปิดให้เข้าแล้ว

มีนมาสายเหมือนเคยสิเนี่ย เธอมักจะเป็นคนทำอะไรเอื่อยเฉื่อยตลอด โดยเฉพาะเวลาเช้าแบบนี้

“รินทร์จ๋า!!”

(อะ คิดปุ๊ปก็มาปั๊ปเลย)

“ขอโทษนะ แฮ่กแฮ่ก ที่ต้องให้รอน่ะ”

“อ่า... ไม่เป็นไรหรอก นี่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอนัดคนๆนั้นมาเลย”

“อื้อ ฉันอยากมาเตรียมตัวก่อนน่ะ... คือ... ฉันยังเกร็งๆอยู่เลย”

มือทั้งสองข้างของเธอกำแน่นมาก คงจะเกร็งไปหมดจริงๆสินะ ถึงได้ชวนฉันมาเพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดอาการหวาดระแวง

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเล่นบริเวณด้านนอกห้างก่อนที่จะถึงเวลานัด ยืนอยู่เฉยๆแบบนั้นคงเบื่อกันพอดี

“จะว่าไป... พี่คนนั้นเขาอายุเท่าไรหรอ?”

“เอ่... น่าจะ 22 นะ เพราะเรียนอยู่ ปี 4 แล้ว”

“เห... ปี 4 กับม. 5 นี่ต่างกันหลายปีเลยนะ”

“อื้อ... มันก็ใช่น่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องของความรู้สึกล่ะก็... มันอาจจะไม่เกี่ยวกับตัวเลขก็ได้”

สีหน้าเคอะเขินของมีนทำให้เรามั่นใจว่าเธอคงจะชอบผู้ชายคนนั้นมากๆ อาจเพราะมีความชอบที่ตรงกันและเขาเป็นคนเก็บกระเป๋าสตางค์ของเธอได้ด้วย

“เห๊ะ?”

(ความรู้สึกแบบนี้มัน เหมือนมีใครแอบมองพวกเราอยู่เลย)

“เป็นอะไรไปหรอ รินทร์?”

“เปล่า... ไม่มีอะไร”

ฉันพยายามจ้องไปตรงม้านั่งแถวนั้นแต่ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ พวกเราสองคนเลยเดินกันต่ออีกหน่อยจนใกล้จะถึงเวลาที่นัดผู้ชายคนนั้นไว้

(แต่ทำไมเราถึงรู้สึกไปเองแบบนั้นได้นะ หรือจะเป็นเพราะ...)

......

ในจุดที่รินทร์มองไปเมื่อกี๊ มีผู้ชายคนหนึ่งสวมหมวกกับนั่งไขว่ห้างอยู่ คนๆนั้นมองพวกเขาทั้งสองคนที่กำลังเดินจากไปเรื่อยๆ

“...มีคนเห็นเราด้วยหรอเนี่ย...”

......

ตอนนี้ก็สิบโมงหน่อยๆ ห้างเปิดทำการแล้ว

พวกเราสองคนอยู่หน้าร้านไอศกรีมข้างในห้างที่เป็นที่เดทในวันนี้

มีนก็คอยสอดส่องพยายามดูว่ามารึยัง ส่วนฉันยืนพิงผนังใกล้ๆ คิดอะไรไปพลาง

(เขาคนนั้นจะเป็นคนไม่ดีจริงเปล่านะ ไม่สิไม่สิ อย่าพึ่งคิดอะไรแบบนั้น เราต้องเชื่อใจคนที่มีนชอบสักหน่อยสิ)

“มาแล้ว”

มีนโบกมือเรียกผู้ชายคนนั้น

ในตอนนั้นฉันก็เหลียวตาไปมอง ผู้ชายคนนั้นย้อมผมสีเหลือง ผมยาวถึงประมาณต้นคอ ตัวสูง ถ้ามองไกลๆจะนึกว่านักเลงเลยด้วยซ้ำ

แต่ที่สำคัญกว่านั้น

(ผู้ชายคนนี้... ทำไมเรารู้สึกคุ้นหน้าจัง)

“ว่าไงมีน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

“อื้อ ยังไงก็ได้เจอกันแล้วเนอะ พี่เต้”

“หลังจากที่... พวกเราไม่ได้เจอกันเลย พอมาเจอกันแบบนี้แล้วฉัน...”

“อายๆอยู่...นะคะ”

“ฮะฮะ พี่ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน”

(ทั้งสองคนคุยกันดูสนุกสนานเฮฮาดีนี่นา ผู้ชายคนนั้นถึงจะดูเหมือนนักเลง แต่ถ้ามองแค่ภายนอกคงด่วนสรุปแบบนั้นไม่ได้)

(แต่ว่าทำไมเราถึงรู้สึกผู้ชายคนนี้จัง ทั้งๆที่เราไม่เคยมีเพื่อนชื่อ เต้ มาก่อนเลย)

“เอ่อ มีนพาเพื่อนมาด้วยหรอ?”

“อ๊ะ ค่ะ! เพื่อนฉันชื่อนรินทร์น่ะค่ะ จะเรียกว่ารินทร์เฉยๆก็ได้”

“อ่า ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

ฉันรีบเดินออกมาทักทายเขาทันทีที่รู้ว่ามีนแนะนำตัวฉันไปแล้ว

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อเต้นะครับ”

ผู้ชายคนนี้ก็ปกติดีนี่นา อีตาวอร์เรนคงจะระแวงไปเองมั้ง

“เอ่อ ถ้าไงพวกเรามากันครบแล้ว ก็เข้าไปนั่งหาอะไรกินข้างในเถอะค่ะ”

“อื้อ ไปกันเถอะ”

มีนกับพี่เต้กำลังจะเดินเข้าไปในร้าน ทั้งสองคนดูจะเว้นระยะห่างกันเล็กน้อย โดยเฉพาะมีนที่พยายามเลี่ยงไม่จับมือกับพี่เขาทั้งๆที่พี่เขาพยายามส่งมือมาใกล้ๆ

“ร-รินทร์ ไปด้วยกันเถอะ!”

เธอรีบจับมือฉันพาเข้าร้านทันทีด้วยอาการเกร็งๆ มือของเธออุ่นหรือร้อนจนรู้สึกได้ชัดมาก

แต่ใครจะไปคิดล่ะ ว่าตอนที่เธอแตะต้องโดนตัวฉัน

ภาพที่เธอร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า... ก็ไหลเข้ามาในหัวฉันทันที

......

“โอ้ว มีนกับรินทร์เรียนที่เดียวกันหรอเนี่ย มิน่าล่ะถึงได้สนิทกันขนาดนี้”

“แหะๆ จริงๆก็สนิทมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ แต่รินทร์เขาไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนอื่นเลยไม่มีใครชวนเธอคุยเท่าไร”

“ไม่สุงสิงก็ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนา อย่างมีนเองก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองอยู่เหมือนกัน”

“เอ่อ... ฉันว่าฉันไม่มีเสน่ห์หรอกค่ะ”

“ไม่เอาน่า อย่าคิดงั้นสิ”

หลังจากที่พวกเราเข้ามาในร้าน พวกเขาทั้งสองคนก็คุยกันสนุกสนานเฮฮา ส่วนฉันได้แต่นั่งเงียบและชายตามองผู้ชายคนนี้

ใช่แล้ว ฉันไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ฉันเห็นภาพนั้นตอนโดนตัวมีน

“รินทร์ไม่กินไอศกรีมหรอ? จะละลายหมดแล้วนะ”

“อ๊ะ! อ่าๆ จะกินเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ”

รู้สึกฉันจะแสดงพิรุธออกมามากเกินไปแล้วแฮะ มัวแต่ระแวงจนลืมทำตัวให้เป็นธรรมชาติเลย

 ฉันเลยรีบกินไอศกรีมที่สั่งมาใหญ่เลย จนมีนทำหน้าเหมือนจะสงสัยอะไรอยู่

“รินทร์ดูแปลกไปจากเมื่อเช้านะ เป็นอะไรรึเปล่า?”

“อ่า ไม่มีอะไรหรอก อย่าพึ่งคิดมากน่า”

(เรายังไม่อยากพังบรรยากาศตอนนี้ ภาพที่เห็นนั่นอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้มั้ง เมื่อวานก็ป็นแบบนี้มาแล้วหนิ)

“เอ่อ... น้องรินทร์ดูเหนื่อยๆนะ ไม่สบายรึเปล่า”

“อ๊ะ สบายดีค่ะๆ”

(โดนถามมาแบบนี้จะเอาไงดีล่ะเนี่ย ตอนนี้คงทำได้แค่ตามดูอะไรไปเรื่อยๆ)

“มีน... เอาของพี่ไปกินสักหน่อยไหม? อร่อยนา...”

“เอ๋... จะดีหรอคะ?”

“ดีสิ อ่า... เดี๋ยวพี่ป้อนให้เอามะ?”

“เอ๊ะ เอ่อ ป้อนหรอคะ...?”

ทำไมฉันถึงต้องหงุดหงิดด้วยเนี่ย ทั้งๆที่พยายามเลี่ยงไม่ทำลายบรรยากาศแล้ว แต่การที่เราไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้และยังจะมาเห็นพวกเขาสองคนสนิทกันแบบนี้มัน

“พี่เต้ส่งมาให้ฉันกินก็ได้ค่ะ มีนเขาไม่ชอบวานิลลาเท่าไรน่ะ”

“อ๊ะ?”

ฉันรีบคว้าถ้วยไอศกรีมที่พี่เขาส่งมาให้มีนทันที (ตัดหน้าเอาดื้อๆ) และเอามานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย (จริงๆไม่ชอบวานิลลา)

“ร-รินทร์...!”

ไอ้ความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี่มันลำบากสุดๆไปเลย รู้สึกว่าสีหน้าฉันจะซีดออกมาเล็กน้อยเลยนะเนี่ย

“รินทร์... รินทร์ชอบวานิลลาด้วยหรอ?”

ใครจะไปบอกได้ล่ะว่าไม่ชอบ ฉันได้แต่พยักหน้าตอบเธอไปแค่นั้น

(ดูท่าฉันจะพังบรรยากาศซะแล้วสิ)

สุดท้ายฉันก็ต้องคืนไอศกรีมพี่เต้ไป เพราะฉันไม่ชอบรสวานิลลาเลยสักนิด บรรยากาศในตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

... ผ่านไปสักพัก ระหว่างอยู่ตรงเคาน์เตอร์รอชำระเงิน ...

“ทั้งหมด 415 บาทค่ะ”

“อ๊ะ วันนี้พี่เลี้ยงเองนะ พวกเธอสองคนไม่ต้องออกหรอก”

“ขอบคุณมากนะคะ”

“นี่รินทร์ก็ขอบคุณพี่เขาด้วยสิ”

“อ๊ะ? ขอบคุณค่ะ”

(เกือบไปแล้วไง เผลอทำหน้าบึ้งจนมีนเกือบสังเกตเห็นเข้าให้ซะแล้ว

(ไม่ได้ๆ ต้องตีเนียนเข้า-)

มือของพี่เต้กำลังสะกิดมือของมีน (มีนอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับพี่เขา)

แบบนี้มัน!

*ควับ*

พอจับมือมีนคราวนี้... มีภาพที่น่ากลัวโผล่ขึ้นมาอีกแล้ว...

ภาพมีนอยู่ในห้องที่มีผู้ชาย 4-5 คนยืนอยู่รอบๆ

“เอ้อมีน ไหนๆพี่เขาก็เลี้ยงแล้ว เราไปรอข้างนอกกันก่อนดีกว่า”

“เอ๊ะ? เ-เดี๋ยวสิรินทร์”

ฉันรีบพามีนออกไปนอกร้านทันที

รู้สึกฉันจะทำลายบรรยากาศอีกแล้วล่ะสิ แถมพวกเขาทั้งสองคนจะสงสัยฉันมากกว่าเดิมอีกแหงเลย

... ด้านนอกร้าน ...

“นี่รินทร์ ปล่อยมือก่อนสิ”

มีนสะบัดมือฉันออกมา เธอคงไม่เข้าใจเหตุผลที่ฉันทำแบบนี้แน่นอน

“รินทร์เป็นอะไรไปน่ะ? ตั้งแต่เธอเห็นพี่เต้ เธอก็แสดงท่าทีแปลกไปทันที”

“เอ่อ... ไม่มีอะไรแปลกสักหน่อย คิดมากไปเองเปล่า”

“โกหก รินทร์กำลังปิดบังอะไรเราอยู่ใช่ไหม?”

“ไม่มี ไม่มีจริงๆ”

แย่แล้ว มีนเริ่มจะสงสัยฉันซะแล้วสิ แม้แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่กล้าพูดสบตาเธอเลย

แต่เดิมแล้วมีนเป็นคนที่อ่านนิสัยคนเก่ง ยิ่งถ้ามีอะไรผิดปกติ เธอจะเป็นคนแรกที่สามารถตอบได้

จากตอนแรกที่มีนยิ้มมาตลอด ตอนนี้กลับไม่ยิ้มแล้ว ครั้งนี้เธอไม่พอใจเราจริงๆสินะ

“รินทร์...”

“เมื่อวานรินทร์บอกว่าจะสนับสนุนเรื่องเดทครั้งนี้ไม่ใช่หรอ?”

“และทำไม... รินทร์ถึงขัดขวางเราตลอดล่ะ...?”

“ถ้ามีอะไรอยู่ในใจทำไมไม่บอกฉันล่ะ!? พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ!”

ผู้คนที่เดินไปมาอยู่ในห้างหันมามองที่พวกเราสองคนที่ทะเลาะกันอยู่ พี่เต้ตอนนี้ยังไม่ได้เดินออกมาสินะ

เรารู้นิสัยของเธอดีกว่าใคร ถ้าเธอหยุดยิ้มเมื่อไรแปลว่าเธอโกรธมาก จริงๆเธอเป็นคนที่แทบจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา

ต่อให้ปิดบังต่อไปก็ไม่มีประโยชน์...

“......... มีน .........”

“...ฉัน......”

“ไม่ไว้ใจพี่เต้คนนั้น”

............

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา