Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  40.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) เพื่อนที่แสนดี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

(บ้านของมีน 22.32)

......

“แฟน!!!?”

ท่าทางรินทร์จะตกใจมาก อย่างกับว่าฟ้าจะผ่า แผ่นดินจะสะเทือนยังไงอย่างงั้น นี่แค่เรื่องแฟนเองนะเนี่ย

“เอ่อ... ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้นะจ๊ะ”

แต่ฉันไม่ยักจะรู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างหลังฉัน (แบบไม่รู้ว่ามีอยู่) จะแข็งเป็นหินไปซะแล้ว อาจจะกำลังผิดหวังจากอะไรบางอย่างก็เป็นได้

“คือ... ไม่ให้ตกใจมันก็... พูดยากนะ ตั้งแต่รู้จักมีนมาก็ไม่เคยเห็นข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนเลย นึกว่ามีนจะเป็นโรคแอนตี้ผู้ชายแบบฉันเหมือนกันซะอีก”

“ฉันว่าฉันไม่ได้เป็นหนักแบบรินทร์นะ แค่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาแค่นั้นเอง”

คำพูดของฉันเหมือนจะทิ่มเข้ากลางหัวรินทร์เลย แต่มันก็เป็นความจริงแหละ ที่ฉันไม่ได้แอนตี้หรือกลัวผู้ชายมากเท่ากับที่รินทร์เป็น

“แต่ว่า...แฟน... เอ่อ... คนที่มีนคุยด้วยอยู่ตอนนี้เขาเป็นคนยังไงเหรอ? พอจะพูดให้ฟังได้ไหม?”

“ก็... ฉันคิดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่งน่ะ พวกเราเจอกันโดยบังเอิญที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่งประมาณ 3 สัปดาห์ที่แล้ว”

“ตอนนั้นฉันไปกินอาหารที่นั่น หวังว่าจะเอามาฝึกทำไว้ให้รินทร์ของชิมดูน่ะ”

“ต้องลงทุนขนาดนี้เลยงั้นหรอ...” (เหงื่อตกเลยทีเดียว)

มันเป็นความทรงจำที่ฉันจำได้บ้างไม่ได้บ้าง คงเพราะไม่ค่อยได้สนใจเท่าไร รินทร์ตอนนี้ดูตั้งสมาธิกับเรื่องที่ฉันจะพูดมากแต่สายตากับจิกกัดมองอะไรที่อยู่ข้างหัวฉัน อย่างกับมีใครยื่นหน้ามาอยู่ใกล้ๆไหล่เรางั้นแหละ

“เอ่อ... รินทร์”

“เอ๊ะ? อ๊ะ ไม่มีอะไรหรอก มีนเล่าต่อเลย”

“เรื่องที่ฉันจำได้หลักๆ คือหลังจากที่ฉันกินอาหารเสร็จก็เตรียมที่จะเช็คบิล”

*ย้อนไปเหตุการณ์วันนั้น*

“เอ๋... กระเป๋าสตางค์? สงสัยฉันลืมอยู่ที่โต๊ะน่ะค่ะ รอสักครู่นะคะ”

ทำไมฉันถึงได้ขี้ลืมแบบนี้เนี่ย ต้องหัดแก้นิสัยขี้ลืมของตัวเองหน่อยซะแล้ว ขนาดเดินมาจ่ายตังค์ตรงหน้าเคาน์เตอร์ยังจะลืมกระเป่าตังค์ไว้ตรงที่นั่งอีก

ฉันที่กระวนกระวายสุดๆ รีบเดินกลับมาโต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่ทันที แต่กลายเป็นว่ากระเป๋าสตางค์ที่วางไว้ตอนแรกมันหายไปแล้ว

“เอ๋? กระเป๋าสตางค์ฉันล่ะ?”

ทั่วร้านก็หันมามองที่ฉันกันหมด เราพยายามกวาดสายตาไปรอบๆเผื่อมันจะร่วงอยู่ที่ไหน (ไม่ได้แครสายตาคนอื่นเลย)

และพอมองไปที่เคาน์เตอร์ก็เจอผู้ชายคนหนึ่งหยิบกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งที่ลักษณะใกล้เคียงกับของฉันไปวางไว้

ในหัวของฉันที่มัวแต่กระวนกระวายเพราะหากระเป๋าสตางค์ไม่เจอ ก็วิ่งปรี่ไปตรงเคาน์เตอร์เพื่อคุยกับผู้ชายคนนั้น

“นี่คุณคะ!”

เขาหันกลับมาที่ฉันด้วยหน้านิ่งๆ

“คุณหยิบกระเป๋าสตางค์ของฉันไปใช่ไหม?”

“เอ่อ... ก็”

“ถ้าคุณไม่บอกฉันจะแจ้งตำรวจจับคุณข้อหาขโมยของนะคะ”

“นี่คือ...”

ฉันไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาคิดจะพูดเลย

มือของฉันรีบล้วงกระเป๋าถือเพื่อหาโทรศัพท์โทรไปแจ้งตำรวจทันที

“ฟังกันก่อนสิครับ!!”

เขาตะโกนใส่กลับมาดังมากจนฉันสะดุ้งตกใจเลย

“พี่แค่เอากระเป๋าสตางค์ของน้องมาวางไว้ที่เคาน์เตอร์เท่านั้นเอง เพราะพี่เดินผ่านมาเห็นโต๊ะว่างแต่มีกระเป๋าสตางค์วางทิ้งไว้ตรงเบาะนั่ง”

“พี่เลยเอามาฝากไว้ที่เคาน์เตอร์เผื่อว่าจะมีใครกลับมาเอา”

ตอนนั้นเหมือนฉันจะนึกขึ้นได้ ว่าเดินสวนกับผู้ชายคนหนึ่งตอนวิ่งออกจากเคาน์เตอร์ คือคนนี้เองงั้นรึ? เรามัวแต่กระวนกระวายเลยไม่ได้มองอะไรเลย

“เอ่อ... คือ...”

“ฉันขอโทษด้วยค่ะ ฉ-ฉันรีบด่วนสรุปไปเอง ขอโทษจริงๆนะคะ!”

อายจริงๆ... ไม่คิดว่าความใจร้อนและด่วนสรุปของฉันจะทำให้เข้าใจผิดได้ขนาดนี้

เพราะงั้นฉันเลยโค้งขอโทษเขาตั้งหลายครั้งจนคนที่ร้านมองมาหมดเลย

“พอได้แล้ว พี่ไม่ได้จะต่อว่าอะไรหรอก เอาเป็นว่าถ้านี่เป็นของเธอก็เอาไปเลย”

เขาส่งกระเป๋าสตางค์ที่วางบนเคาเตอร์มาให้ฉัน

“ขอบคุณค่ะ”

ดีใจจริงๆ นึกว่าจะไม่ได้คืนซะแล้ว นิสัยชอบนับเงินในกระเป๋าสตางค์ของเราบางทีก็มักจะทำให้เกิดปัญหาแบบนี้บ่อยๆ

รู้สึกเหมือนรุ่นพี่คนนี้จะโบกมือกับเพื่อนผู้ชาย 2 คนที่นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้าน

และก่อนที่เขาจะเดินผ่านตัวฉันไปหาเพื่อนของเขา...

“น้อง...”

“ค-คะ?”

“น้อง...ชอบทำอาหารใช่ไหม? เอ่อ... พี่เองก็อยากเจอคนที่ทำอาหารเก่งๆมานานแล้ว แต่ต้องมาเจอกันที่นี่ก่อนนะ”

ใจฉันเต้นตึกตักตึกตัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอผู้ชายที่มีความชอบอะไรเหมือนๆกัน และเขาก็เป็นคนดีมากๆด้วย มันคงจะเป็นรักแรกพบของฉันล่ะมั้ง

“ค่ะ!”

............

*ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน*

“ในวันต่อมา ฉันก็ไปที่ร้านเดิมและได้เจอพี่เขาอีก เขาบอกว่าวันนี้เขามาคนเดียวเพราะอยากเจอเรา พวกเราเลยคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องต่างๆกันมากเลย ไม่ว่าจะอาหารที่ชอบ ร้านอาหารอร่อยๆ หรือเป็นรสนิยมของพวกเรา”

“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี... เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอผู้ชายแสนดีและมีความชอบเหมือนกับฉัน แม้แต่ตอนนี้ในใจก็ยังเต้นไม่หยุดเลยล่ะ”

“นี่รินทร์... เออะ?”

ไหงรินทร์ถึงได้ตาเป็นประกายราวกับมีน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มคลอตาอยู่อย่างนั้น?

“มีน!!”

จู่ๆ รินทร์ก็คว้ามือฉันเอาไว้ทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว

“ฮือ ฉันไม่คิดเลยว่ามีนจะได้เจอผู้ชายแสนดีแบบนั้น ฉันยินดีกับเธอด้วยนะ!”

“อะ-เอ่อ พวกเรายังไม่รู้จักกันดีขนาดนั้น ถึงฉันจะชอบเขามากก็เถอะ”

“แต่ก็อิจฉาอยู่ดีอะ เทียบกับผู้ชายเฮงซวยที่ฉันเจอแล้วต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย”

“เอ๊ะ?”

ผู้ชายที่รินทร์พูดถึงนี่หมายถึงใครนะ เท่าที่ฉันรู้จักก็ไม่เคยเห็นรินทร์คุยหรือสนิทกับผู้ชายคนไหนเลยนี่นา (ทำไมถึงรู้สึกว่ามีคนทำหน้าระรื่นกวนๆอยู่แถวนี้ได้นะ?)

ไม่นานนักรินทร์ก็ปล่อยมือออก และก็หยิบถ้วยชาที่ฉันเสิร์ฟเตรียมไว้มาจิบ...

“ไ...ไม่รู้สิ ฉันยังไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไรเลย ที่เหมือนกันก็มีแค่เรื่องอาหารที่ชอบเท่านั้นเอง”

“พวกเรายังรู้จักกันไม่ถึงเดือนเลยด้วย ยังไงก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะน่ะ”

“และพรุ่งนี้ก็... เขาชวนฉันไปที่ร้านอาหารฝรั่งเศสร้านหนึ่ง เขาบอกว่าอยากเจอฉัน เพราะตั้งแต่วันนั้นพวกเราก็ได้แต่คุยโทรศัพท์กันตลอด”

“พอเขานัดตรงๆแบบนี้แล้ว... ฉันเลยยิ่งประหม่าเข้าไปใหญ่เลย... เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายมานัดฉันออกเดท”

“เพราะฉะนั้นแล้ว... ช่วยเราหน่อยนะรินทร์!”

ฉันจ้องตาของรินทร์เพื่ออ้อนวอนขอร้องให้เขาไปกับเราด้วย รินทร์ที่ยังถือถ้วยชาค้างอยู่เหมือนจะลังเลอะไรบางอย่างอยู่

“คือ...ว่า...”

“ฉันคงรบกวนรินทร์น่าดูเลยสินะ... พึ่งจะโดนรถเฉี่ยวมาแบบนี้แล้วยังจะบังคับให้มาด้วยกันอีก ขอโทษด้วยนะที่ขอร้องอะไรเห็นแก่ตัว”

“อ่า... ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก... แค่ระยะนี้... มีเรื่องบางอย่างกวนใจฉันหลายเรื่องน่ะ”

“เรื่องกวนใจ... พอจะบอกเราได้ไหม?”

“เอ่อ...”

(เราจะดึงให้เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายพวกนี้ไม่ได้ อีตานี่เองก็คงจะไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่เราจะทำในตอนนี้...)

“งั้นไม่เป็นไรนะรินทร์ ฉันค่อยเลื่อนนัดเขาไปก่อนก็-”

“ไม่... ฉันจะไปพรุ่งนี้ด้วย”

“เอ๋”

เธอวางถ้วยน้ำชาที่โต๊ะเหมือนเดิม และยิ้มส่งมาที่ฉัน

“ฉันอยากรู้ว่าหน้าตาของผู้ชายในฝันของมีนเป็นยังไง และฉันอยากให้เธอได้ทำความรู้จักกับเขามากขึ้น โดยเริ่มต้นที่การออกเดทแรกนี่ล่ะ”

รู้สึกรินทร์จะเอาใจช่วยฉันมากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

“ไว้ใจได้เลย ถึงฉันจะไม่เคยคบกับใคร แต่ฉันจะช่วยสานความสัมพันธ์ให้พวกเธอเอง”

“เหะ... มีน...”

“รินทร์...รินทร์—!!!”

ฉันพุ่งเข้าไปกอดรินทร์ด้วยความดีใจทั้งน้ำตาทันที

“แง้ ขอบคุณมาก ขอบคุณรินทร์มาก!”

“รินทร์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเลย”

“อื้อ...”

ดีใจจริงๆ ที่วันนี้ฉันมีเพื่อนที่คอยเป็นห่วงและสนับสนุนฉันตลอดเวลาแบบนี้ แค่นี้ฉันก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้วล่ะ

............

............

(ผ่านไป 8 นาที : ระหว่างทางกลับบ้าน)

หลังจากที่ฉันมาแวะมาที่บ้านมีนและได้รับปฐมพยาบาล พวกเราสองคน ไม่สิ เหลือแค่ฉันคนเดียวในความทรงจำเธอแล้วนี่นา

ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว และบอกให้มีนฝากขอบคุณแม่ของเธอที่ปฐมพยาบาลฉันด้วย (จริงๆก็มีอีกคนแหละนะ)

สรุปแล้วมีนก็นัดฉันไว้ตอนเก้าโมงครึ่งของวันเสาร์พรุ่งนี้ เพราะเธอนัดกับผู้ชายคนนั้นไว้ประมาณสิบโมง

อะ... ไม่ได้ถามชื่อของผู้ชายคนนั้นเลยแฮะ แต่ไว้พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้วล่ะ

ตอนนี้มีเรื่องชวนหงุดหงิดต้องทำก่อน...

ตั้งแต่ตอนที่พวกเราออกมา วอร์เรนก็ไม่ยอมคุยกับฉันเลย ไหนยังเดินหนีและนิ่งเงียบทำอารมณ์บูดนั่นอีก

“นี่ วอร์เรน”

“วอร์เรน หยุดก่อนสิยะ!”

วอร์เรนหยุดหลังจากที่ฉันเรียก

“นายเป็นอะไรของนายน่ะ ทำหน้าอย่างกับอารมณ์เสียอะไรมา”

“หรือนายเซ็งที่ฉันเอาแต่คุยกับเพื่อนจนไม่ได้สนใจเรื่องเวลาอะไรพวกนั้น”

“ถ้าหมายถึงเรื่องนั้นฉันก็ขอโทษด้วย แต่ว่าฉันเป็นห่วงเพื่อนนี่นา ไว้จบเรื่องนี้พวกเราค่อยมาคุยกันต่อก็ได้”

วอร์เรนตอนนั้นกำลังยืนคิดอะไรอยู่บางอย่างก่อนจะหันมาคุยกับเรา

“ช่างเรื่องเวลาไปก่อน เรารู้ว่าเธอไม่มีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องนั้นหรอก”

“แต่เธอว่า... มันไม่แปลกหรอก?”

“ที่ผู้ชายคนนั้นรู้ว่าเพื่อนของเธอที่ชื่อมีนนั่นสนใจเรื่องทำอาหารด้วย”

“เอ๋?”

สีหน้าวอร์เรนเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่มีนพูดออกมา แปลว่าที่เขาทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้ตั้งแต่ตอนนั้นหมายถึงเรื่องนี้งั้นหรอ?

“มันแปลกยังไง?”

“...เดิมทีถ้าพวกเธอเจอกันที่ร้านอาหาร เวลาจะทักกันเรื่องรสนิยมเธอก็ต้องพูดถึงเรื่องอาหารสิ ถูกไหม?”

“แล้วทำไม... ผู้ชายคนนั้นถึงพูดเรื่องทำอาหารเจาะจงซะขนาดนั้นล่ะ”

“เอ๋? ไม่ใช่ว่าพี่คนนั้นแค่บังเอิญพูดออกไปเล่นๆงั้นหรอ?”

“เรื่องบังเอิญ......?”

เหมือนฉันพูดอะไรผิดไปเลย สีหน้าวอร์เรนดูซีเรียสกว่าเดิมอีก

“การที่ยัยบ้าอย่างเธอมาถีบหน้าเราก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนกันนั่นล่ะ”

“เรียกฉันว่ายัยบ้างั้นหรอ?”

“แล้วเธอคิดว่า... การที่คนสองคนที่มีความชอบเหมือนกันมาเจอกันมันด้วยความบังเอิญราวกับโชคชะตาพัดพามาแบบนั้น...”

“ในชีวิตจริงมันจะสวยหรูแบบที่เกิดขึ้นในละครงั้นหรอ?”

(จริงสิ อีตานี่พูดถูกนี่นา)

สิ่งที่วอร์เรนพูดทำให้ฉันเอาแต่ก้มหน้าคิดทบทวนเรื่องต่างๆอีกครั้ง ว่าสิ่งที่วอร์เรนพูดนั้นจริงสุดๆ ทำไมฉันถึงไม่ฉุดคิดขึ้นมาเลย

(การที่คนบังเอิญเจอกันแบบนั้น และจู่ๆเจ้านั่นจะพูดเรื่องนั้นออกมาส่งเดชเลยมันออกจะ)

“พิรุธ... ใช่ไหมล่ะ”

“ถ้าเป็นเราเป็นเพื่อนเธอ ก็คงจะฉุดคิดตั้งแต่คำพูดนั้นแล้ว”

“แต่สำหรับเพื่อนเธอคนนั้น ในหัวเขาคงกำลังคิดแต่เรื่องอื่นจนไม่ได้ใส่ใจถึงสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดเลย”

“มิหนำซ้ำ ยิ่งเป็นความรู้สึกที่เหมือนรักแรกพบ... กับคนที่ช่วยเราไว้แบบนั้น”

“ไม่มีใครอยากคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดีหรอก”

ฉันเงยหน้าขึ้นมามองตาของวอร์เรนที่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิด แม้แต่ฉันในตอนนี้ก็ยังคิดแบบเดียวกันหลังจากไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบ

“ถ้ามันเป็น... ถ้ามันเป็นอย่างที่นายพูดมาล่ะก็...”

ความกังวลในใจฉันเริ่มก่อตัวขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีในวันพรุ่งนี้...

“อยู่ใกล้ๆเพื่อนของเธอไว้”

“นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยเพื่อนของเธอได้... พยายามอย่าให้เพื่อนของเธอไปในที่ประหลาดๆ หรืออยู่กับผู้ชายคนนั้นเพียงสองคนเด็ดขาด”

ใกล้ๆงั้นหรอ...... วอร์เรนพูดก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงสะพานลอยแถวนั้น

“เธอกลับไปเถอะ... ทางกลับคอนโดของเรามันคนละทางกับเธอ”

“จำไว้แค่นั้นก็พอ ปกป้องเพื่อนของเธอไว้ให้ดี”

“......แล้ว... นายจะช่วยฉันด้วยไหม?”

“......ไม่รู้สิ... ก็อาจจะมาได้ล่ะมั้ง”

“ขอตัวก่อนล่ะ”

ฉันพยายามจะทักเรียกเขาอีกครั้ง แต่ก็ไม่อยากพูดออกไปเพราะอะไรบางอย่าง ราวกับว่าฉันรู้เหตุผลนั้นดีอยู่แล้ว...

ร่างกายของเขา...... ยังไม่หายดี...

ทั้งๆที่พึ่งฟื้นจากสภาพบอบช้ำแบบนั้นขึ้นมา แต่ก็ยังฝืนทำตัวให้เหมือนปกติไว้เพื่อไม่ให้เราสังเกตได้

“นายนี่มัน......เป็นไอ้บ้าจริงๆ”

......

ณ กลางสะพานลอย วอร์เรนนั่งพิงกับราวสะพานไว้เพราะร่างกายอ่อนล้า ขากับตัวเกร็งไปหมด เขาเลือกที่หลบไม่ให้ใครบางคนต้องเห็นเขาในสภาพแบบนี้

“ให้ตายสิ น่าสมเพชชะมัดยาก...... ขืนเป็นแบบนี้ยัยนั่นคงหัวเราะเราแย่...”

เขามองไปยังดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอย่างงดงาม... ช่วยให้จิตใจของเขาสงบนิ่ง

“แต่แบบนี้...ก็ไม่เลวเหมือนกัน”

............

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา