Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  40.30K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) รักษาสภาพเวลา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

(มิติว่างเปล่า 21.18)

............

(แบบนี้ท่าจะไม่ดีจริงๆแล้ว เรามัวแต่สนใจการต่อสู้ที่เห็นอยู่จนลืมเรื่องยัยนั่นไปเลย)

(ถ้ายัยนั่นปล่อยเด็กให้ห่างตัวแม้เพียงเล็กน้อยล่ะก็... ที่นี่ที่เป็นมิติแห่งความว่างเปล่าก็จะดูดกลืนเด็กคนนั้นหายไป ราวกับว่าเด็กคนนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่ในแกนเวลาเลย)

“เอ้า เอ้า... ทำไมถึงกัดฟันซะขนาดนั้นล่ะ”

“เจ็บใจสินะ ที่ทำอะไรต่อไม่ได้”

(ชิ)

ผมในตอนนี้ได้แต่ยืนดูสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ ไอ้ผู้ชายคนนั้นตอนนี้น่าจะยังบาดเจ็บจากการต่อสู้กับผมอยู่ แต่ยัยนั่นตอนนี้กำลังจับเด็กเป็นตัวประกันพร้อมมือซ้ายที่ถือปืนพกอยู่ (ถนัดมือซ้าย)

แววตาของเด็กคนนั้น... ไร้ซึ่งชีวิตชีวา... คงเพราะถูกดึงตัวมายังมิตินี้ ทำให้อยู่ในสภาพไร้ตัวตนตั้งแต่แรก แต่เพราะยัยนั่นเป็นตัวแทนผู้เชื่อมต่อเวลาเหมือนกับเรา เลยยังรักษาการมีอยู่ของเด็กคนนั้นได้

ถ้าเราพาเด็กคนนั้นกลับไปมิติเดิมได้ ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่สภาพแบบนี้ คงต้องรีบเข้าประชิดตัวให้ไวที่สุด ถึงแม้ว่าไอ้ทักษะข้ามเวลานี่จะไม่ใช่แบบที่เราถนัดเท่าไร ใช้ดาบสั้นจู่โจมน่าจะได้เปรียบสำหรับพวกที่ใช้อาวุธปืน

*กึ้ก*

มิติว่างเปล่าจากภายในสื่อเวลาของผมถูกเปิดออกอีกครั้ง ผมหยิบดาบออกมาจากด้านในช่องว่างมิตินั่น แต่คราวนี้เปลี่ยนไปใช้มือซ้ายที่ดาบ เพราะเหตุผลบางอย่างที่จำกัดการเคลื่อนไหวของผม

“นายจะ... ยอมให้เด็กนี่หายไปอย่างงั้นสินะ?”

“งั้นก็ได้ ถ้าต้องการแบบนั้นล่ะก็...”

“เชิญเลย...”

มือของยัยนั่นกำลังปล่อยตัวเด็กให้พ้นห่างจากตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จังหวะนี้เราต้องเข้าไปคว้าตัวเด็กให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

(เคลื่อนย้ายข้ามเวลา!)

*ฟึ่บ*

(อีกนิดเดียว เอื้อมให้ถึงเด็กคนนี้และก็จัดการยัยนั่-)

มือของผมเอื้อมไปเพื่อคว้าตัวของเด็กคนนั้น แต่ว่า... ยัยนั่นคว้าตัวเด็กกลับไปต่อหน้าต่อตาของเรา

“โทษทีนะ คนที่จะสู้กับนายไม่ใช่ฉันหรอก...”

ระหว่างทีเราเอื้อมมือเพื่อคว้าเด็กคนนั้น... ไม่ใช่เพียงแค่คว้าตัวไว้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ร่างของเราสภาพนี้กำลังเป็นเป้านิ่งให้โดนโจมตีจากอีกคนที่อยู่ข้างหลังของเราตอนนี้

(ฉิบหายแล้ว!)

เรารับรู้ถึงพลังการข้ามเวลาของเจ้านั่น แต่มันสายไปแล้ว...

“ฮึ่ย!!”

เจ้านั่นเหวี่ยงค้อนขวางเล็งใส่อกของผม แม้ว่าผมจะใช้ดาบสั้นป้องกันได้ แต่เพราะดาบสั้นในตอนนี้รับพลังที่มีมากเกินไปของเจ้านั่น...

จึงทำให้คมดาบหักออกเป็นเสี่ยงๆ......

ด้วยแรงปะทะที่รุนแรงแบบนั้น ร่างของผมจึงกระเด็นไปไกลหลายเมตรก่อนที่จะกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้น และตกลงมาที่พื้นหลังจากติดอยู่ไม่นาน

“อ้อก!”

พลังทำลายขนาดนี้... แทบจะไม่ได้ถูกบั่นทอนพลังจากการป้องกันเมื่อครู่เลย แบบนี้มันแทบจะเรียกว่าโดนอัดเต็มๆเลยด้วยซ้ำ

“นายนี่ดูไม่ได้เลยนะ เคนนี่”

“ช่างเถอะน่า ขอแค่ได้ซัดเจ้านั่นสักเปรี้ยงเต็มๆก็พอใจแล้วล่ะ”

“แหม่ แหม่ ทั้งๆที่ยืนแทบไม่ได้งั้นเหรอ อยากโง่ไปโดนกับดักเองทำไมล่ะ”

“หนวกหูเฟ้ย!”

การโจมตีโดนแบบเต็มๆครั้งเดียวทำให้ร่างของผมชาและชอกช้ำได้ถึงขนาดนี้ เราประมาทเจ้านี่มากเกินไป พละกำลังของมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ถ้ายัยนั่นไม่จับเด็กเป็นตัวประกันไว้ล่ะก็เราคง...

“หืม... ยังจะยืนไหวอีก”

“ทั้งๆที่โดนแรงเหวี่ยงของข้าเข้าไปเต็มแรงแบบนั้น แกคงจะผ่านการเชื่อมต่อเวลามานานน่าดูสินะ กระแสเวลาที่ไหลผ่านอยู่ในร่างของแกเลยช่วยให้ร่างกายของแกแข็งแกร่งขึ้นจนทนพลังระดับนั้นได้”

“แต่ว่า... เวลาของแกมันหมดแล้วล่ะ... กลับไปใช้ชีวิตสงบๆที่บ้านไก่อ่อนของแกซะเถอะ”

เจ้านั่นที่เลือดออกทั่วทุกจุดจากการปะทะกับกับดักของเรากำลังถือค้อนเตรียมอัดผมที่ยังยืนขาสั่นตัวไม่ตรงอยู่ ถ้าโดนหวดอีกแค่ครั้งเดียวผมคงลงไปกองแน่นอน

“ป...ปล่อย”

“หา? พูดอะไรของแกน่ะ ไม่ได้ยินเลย”

“ปล่อยเด็กคนนั้นกลับไปซะ”

“เขายังมีอนาคตที่รออยู่ ยังมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง อย่าทำให้เขาต้องพบกับจุดจบแบบนี้เลย”

เสียงที่สั่นเทาของผมเปล่งออกไปให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมไม่อยากให้เด็กคนนั้นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรเลยต้องมาเดือดร้อนกับการต่อสู้ครั้งนี้ ทั้งๆที่ผมอุตส่าห์ย้ายมาสู้ที่นี่เพื่อแบบนั้นแล้ว เจ้าพวกนั้นกลับ...

“ก็ได้... งั้นฉันจะปล่อยเด็กคนนี้”

“แต่ว่า... คงต้องรอให้เพื่อนฉันอารมณ์เย็นลงก่อนนะ”

*แกร๊ก*

ไอ้ยักษ์นั่นพุ่งเข้ามาหวดร่างของเราอีกครั้ง คราวนี้มันเหวี่ยงค้อนไปทางซ้ายจนตัวเรากระเด็นไปกลางทางเดินสวนสาธารณะ

ซี่โครงที่โดนหวดมันเจ็บมากๆ ถึงมันอาจจะไม่หัก แต่ก็ปวดทรมานสุดๆ

เจ้านั่นตอนนี้เก็บอาวุธไปแล้ว ตอนนี้มันกำลังหักนิ้วมือพร้อมที่จะซัดผมด้วยมือเปล่าแล้วล่ะ

“ขอเอาคืนแกกับเรื่องเมื่อกี๊ก็แล้วกัน”

“ไว้ค่อยทำลายนาฬิกาของแกก่อนที่จะตายเอาก็ยังได้”

เจ้ายักษ์นั่นคงไม่ปราณีผมแน่นอน แบบนี้ดูท่าชีวิตของผมคงจะถึงจุดจบแล้วล่ะ ความประมาทของเรานำมาซึ่งหายนะจริงๆสินะ

“แหะๆ ขอโทษที่ไปต่อไม่ได้แล้วนะครับ”

“พี่...”

*ฮูมมม*

ความรู้สึกแบบนี้มัน... พวกเราทั้งสามคนรู้สึกได้ถึงพลังประหลาดที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้

มีตัวแทนผู้เชื่อมต่ออีกคนกำลังเคลื่อนย้ายตัวเองเข้าสู้มิตินี้...

ยัยนั่นดูจะตกใจกับความรู้สึกนี้มาก รีบหันปากกระบอกปืนไปด้านหลังเพื่อเล็งใส่คนที่วิ่งมาแทบจะถึงตัวแล้ว แต่เพราะเธอคนนั้นวิ่งมาเร็วเกินกว่าที่จะตามความเร็วทัน...

นรินทร์...พุ่งเข้ามาชิงตัวเด็กไปจากอ้อมแขนของพิม เคนนี่ที่เตรียมจะต่อยเราอยู่ก็ชะงักไปชั่วขณะ...

“หนี!!!”

ยัยรินทร์นั่นตะโกนมาดังมากเหมือนจะให้ผมได้ยินเลย

*ปั้ง*

กระสุนที่ผู้หญิงคนนั้นยิงผ่านร่างนรินทร์ที่กำลังเลือนหายไปจากมิติว่างเปล่าเพื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

“เวรเอ๊ย! ยัยบ้านั่นชิงตัวเด็กกลับไปแล้ว”

“งั้นนายจงตายซะเถอะ!”

“เอ๊ะ?”

ร่างของผมหายไปจากมิติว่างเปล่านั่นแล้ว... เพราะผมไม่คิดจะถูกรุมอยู่ในนี้คนเดียวหรอกนะ

............

“บ้าจริง พวกมันหนีกันไปหมดแล้ว!”

“พิม พวกเราเองก็รีบกลับไปโลกเดิมกันเถอะ”

“รู้แล้วล่ะน่า ไม่ต้องพูดมากได้ไหม!”

สีหน้าของพิมแสดงออกมาซึ่งความโกรธสุดๆ ในขณะที่เคนนี่กำลังสับสนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงจะรู้ว่าสองคนนั่นน่าจะรู้จักกัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาช่วยทันเวลาแบบนี้ด้วย

ร่างของทั้งสองคนกำลังเลือนหายไปจากมิติว่างเปล่า... การต่อสู้กำลังเคลื่อนย้ายที่อีกครั้ง......

............

(สวนสาธารณะ 21.27)

พิมย้ายร่างของตัวเองกลับมายังมิติแห่งความจริงอีกครั้ง โดยพบว่าสองคนนั่นหนีไปแล้ว

“หนอนแน่... คิดจะเล่นซ่อนแอบกันงั้นรึ?”

“ได้เลย เดี๋ยวเจ๊จัดให้!!”

“เคนนี่…!”

“เคน...นี่...”

ความเงียบงันเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาอันตกตะลึงของพิม

ร่างของเคนนี่ที่พึ่งเคลื่อนย้ายผ่านมายังมิติแห่งความเป็นจริง ถูกแผงตะปูที่วอร์เรนเตรียมไว้รอบๆจุดที่เขายืนทิ่มเข้าเต็มตัว

เพราะเขาขยับเขยื้อนร่างกายหลังจากที่เข้ามายังมิตินี้ จึงทำให้เขาโดนแผงตะปูไม่รู้กี่สิบหรืออาจร้อยตัวรอบๆจุดที่เขายืนทิ่มไปเต็มแขน เต็มขา เลือดออกมาทุกจุดที่โดน

“อ๊ากกกกกกกกก!!!”

“เคนนี่!!”

ร่างของเคนนี่ที่ช็อคจากความเจ็บปวด สลบไปในสภาพที่นั่งคุกเข่าทั้งอย่างนั้น... ความโกรธเกรี้ยวของพิมเพิ่มพูนขึ้นจากการที่เห็นคู่หูของเธอลงไปกองแบบนี้

......

“ไอ้พวกสารเลว ฉันจะฆ่าแก!!!”

......

(ความรู้สึกแบบนี้มัน... ของผู้หญิงคนนั้นงั้นรึ?)

ฉันแบกร่างเด็กที่ยังไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัวมา พร้อมกับวอร์เรนที่วิ่งตามเรามาจากข้างหลัง

ตอนที่รับความรู้สึกถึงพลังนั่น ฉันสะดุ้งจนเผลอหยุดวิ่งไปชั่วขณะ

“อย่าหยุดวิ่ง!”

“สิ่งที่พวกเราทำได้คือต้องหนีไปให้ไกลที่สุด พลังของเธอตอนนี้เองก็ยังใช้ได้ไม่เต็ม...ที่...”

“อั้ก!”

“วอร์เรน!”

ฉันก้มมองดูวอร์เรนที่ทรุดลงไปโดยมีเลือดกระเซ็นออกมาจากปาก ดูท่าร่างกายเขาจะบาดเจ็บหนัก และยิ่งเขาใช้พลังแปลกๆในการหยุดแผงตะปูบนอากาศนั่นด้วย

“เราจะ... กันยัยนั่นให้เอง...”

“จะบ้าหรอนาย ทรุดลงไปแบบนั้นยังคิดทำอะไรอีกยะ!?”

“นี่ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ... พาเด็กคนนั้นหนีไปซะ!!”

“จะไม่ใช่ธุระของฉันได้ไงยะ... นายบอกว่าจะช่วยฉันตามหาความทรงจำกลับมานะ!”

“ก็บอกไปแล้วไงว่าปฏิเสธ สมองช้าจนฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเลยรึไง!”

“ไอ้คำพูดที่สวนกับแววตาของนายแบบนั้น เด็กอนุบาลยังอ่านออกเลยย่ะ!!”

วอร์เรนตอนนี้ดูจะ... มึนไปชั่วขณะหนึ่ง เขาคงไม่คิดว่าการโกหกของเขาจะทำได้ไม่เนียนเอาซะเลย แววตาของตานี่มันฟ้องออกมาสุดๆ

“นอกจากนั้นฉันเห็นภาพนายกำลังสู้อยู่กับใครด้วยตอนที่ฉันแตะโดนตัวนาย”

“เธอเห็นงั้นหรอ?”

“อื้อ ฉันจะช่วยนายเอง”

“......นรินทร์...... ก่อนเธอจะไปสู้ อย่าได้เลือกสู้กับยัยนั่นในมิติว่างเปล่าล่ะ”

“เพราะไม่งั้น ยัยนั่นจะใช้โอกาสนั้นจับคนอื่นมาเป็นตัวประกันอีก...”

“อื้อ เข้าใจแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะ ที่บอก”

“ฉันจะ ได้ตอบแทนหนี้บุญคุณของนายแล้วล่ะ...”

“......นรินทร์......”

ฉันวางร่างเด็กที่ยังไม่รู้สึกตัวอยู่แถวๆม้าหินของอีกฝั่งถนน ละแวกนี้มีคนเดินพลุกพล่านไม่ค่อยเยอะมาก ถ้าสู้กันด้วยการบดบังมิติทั่วๆไปแบบที่วอร์เรนบอกคงจะ...

“วอร์เรน หลบอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”

“......อย่าตายล่ะ”

ฉันที่กำลังจะเดินออกไปบนถนนหยุดชะงักไปชั่วขณะ

“เราไม่คิดห้ามเธอแล้วล่ะ แค่อย่าตายกลับมาก็พอ”

“วอร์เรน......”

“อ๊ะ บอกไว้ก่อนนะ น้องเหมียวเธอยังติดตามากเลยล่ะ อยากเห็นเธอใส่อีกจัง”

“เงียบไปเลยนะยะ!” (อาย)

“......นอกจากเรื่องนั้นแล้ว... ฉันในตอนนี้มีความปรารถนาบางอย่างที่อยากทำให้ได้”

“ความปรารถนา?”

พอฉันพูดจบ ก็เดินต่อจากจุดนั้นทันที โดยหยิบท่อเหล็กแถวนั้นขึ้นมาก่อนจะเดินออกไปกลางถนน

... ท่ามกลางความมืดมิดในหมู่บ้านที่มีถนนสายหลักเพียงแค่เส้นเดียว ผู้คนไม่ค่อยเดินไปมามากเท่าไร เวลาในนาฬิกาพกของฉันก็ยังระบุเวลาเป็น 21.33 ซึ่งยังไม่มีความปกติอะไรเกิดขึ้น ...

“โห ไม่หนีแล้วงั้นหรอ?”

ผู้หญิงคนนั้นที่เดินมาหาฉันพร้อมกับแววตาและรอยยิ้มอันน่ากลัวโดยไม่มีใครสังเกต ดูเหมือนเธอจะปกปิดมิติเวลาไว้เช่นกัน ฉันเก็บนาฬิกากลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที...

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าแถวนี้จะมีตัวแทนเชื่อมต่อเวลาคนอื่นอยู่ด้วย...”

“เธอเป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนั้นงั้นหรอ”

“ไม่เชิงหรอก บางทีก็ไม่อยากรู้จักเลยมากกว่า”

“อ่อ... งั้นเหรอ... ถ้างั้นก็ค่อยคุยกันง่ายหน่อย”

“เวลาที่ยิงเธอพรุนไปทั่วร่าง... เพื่อนของเธอที่แอบดูอยู่จะได้เสียใจสุดๆไงล่ะ”

(น่าขนลุกชะมัด) เล่นซะเราหน้าซีดไปเลยเจองี้

“ขอถามอะไรอีกอย่าง เธอใช้พลังอะไรในฐานะตัวแทนผู้เชื่อมต่อเวลาเป็นบ้าง”

“...ไม่รู้สิ... ไว้ลองดูก็อาจจะรู้ก็ได้...”

“...แหม่ ใช้พลังสดๆเลยงั้นหรอ ถ้างั้นล่ะก็...”

“จะจัดให้เดี๋ยวนี้ล่ะ!!”

*ปั้ง*

............

พิมเล็งปืนไปที่แขนซ้ายของนรินทร์ ซึ่งในจังหวะนั้นรินทร์อ่านทิศทางการเคลื่อนที่ของกระสุนได้ เพราะความสามารถในการอ่านเวลา จึงทำให้เบี่ยงตัวหลบได้ แต่ว่า...

*ฉึก*

“อึ้ก!”

กระสุนของพิมเร็วมากกว่าความเร็วที่กระสุนปกติควรจะเป็น แถมตลอดทางที่กระสุนยิงผ่านได้สร้างคลื่นลมที่คมมากตัดผ่านมาตลอดทาง

(อะไรกัน?)

รอยยิ้มของพิมที่ดูจะสะใจกับการได้เห็นแผลตื้นๆของรินทร์คงจะยังไม่เพียงพอ

พิมกระหน่ำยิงมากกว่าเดิมหวังให้รินทร์ตั้งตัวไม่ถูก ในจังหวะนั้นรินทร์ที่พอจะนึกถึงวิธีการเร่งเวลาได้บ้าง เลยใช้พลังแบบครึ่งๆกลางๆ ความเร็วในการเร่งของเธอไม่สม่ำเสมอ

รินทร์พยายามวิ่งเข้าไปหลบที่กำบังตรงแผงลอยข้างเสาไฟบริเวณนั้น

“เปล่าประโยชน์น่า”

*ปั้ง*

กระสุนยิงทะลุเสาไฟจนเป็นรูกว้าง เสาไฟตรงนั้นเลยเริ่มทรุดตัวลงจะล้มตรงแผงลอยที่รินทร์หลบอยู่

(แย่แล้ว!)

เสาไฟโค่นลงมาทับตำแหน่งที่รินทร์หลบอยู่พอดี วอร์เรนที่แอบดูอยู่อีกฝั่งหนึ่งถึงกับตกใจกลัวว่ารินทร์จะเป็นอะไรรึเปล่า เพราะตอนนี้เธอยังใช้พลังได้ไม่คล่องดีด้วย

แต่โชคยังเข้าข้างที่เธอกระโจนออกมาทันก่อนที่จะโดนเสาไฟทับ คนบริเวณนั้นที่มองไม่เห็นพวกเธอสองคนแตกตื่นกันไปทั่ว

การต่อสู้ที่นี่เกิดขึ้นในมิติหลัก ที่ทั้งสองคนทำนั้นคือการบิดเบือนช่วงเวลาที่ตัวเองอยู่ ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นพวกเธอเพราะอยู่คนละช่วงเวลา

ระหว่างที่รินทร์นั่งกองอยู่ตรงกลางถนนมองไปที่เสาไฟต้นที่ล้มนั่น พิมก็ถือปืนเล็งไว้ที่เธอ

“ฉันเร่งเวลา จนอานุภาพในการทำลายล้างของมันสูงกว่ากระสุนธรรมดาทั่วไป”

“ถ้าเธอโดนยิงเข้าเต็มๆล่ะก็ คงพรุนไปแล้วล่ะ”

ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น สิ่งที่รินทร์คิดจะทำต่อไปคือการยืนรับกระสุนนั่นโดยพยายามคิดถึงตอนที่เธอหยุดเวลากระสุนของควอสเมื่อตอนนั้นให้ได้ และตามด้วยการลบเวลากระสุนให้หายไปจากมิตินี้

เธอตั้งท่าเตรียมตั้งรับพร้อมกับอาวุธในมือ พยายามตั้งสมาธินึกเรื่องเมื่อวันนั้น ถึงเธอจะรู้ว่ากระสุนมีพลังทำลายล้างสูงและรวดเร็วมาก แต่นั่นเป็นวิธีที่เธออาจจะแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นรองอยู่ตอนนี้ได้

(ตั้งสติไว้ ตั้งสติไว้ ตอนนั้นเราตกใจจนใช้พลังไม่ถูก ตอนนี้เราควรตั้งสมาธิไปกับการใช้พลังนั้นให้ดี)

(วงจรเวลา กระแสเวลาที่ไหลออกมาจากนาฬิกาพกเรือนนั้น... ต้องดึงความรู้สึกนี้ให้แปรเปลี่ยนเป็นการสร้างขอบเขตเวลา แต่จะได้ผลแน่หรอ...)

“ขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ พรุนไปซะเถอะ”

หลังจากพิมเปลี่ยนแม็กกระสุน เธอก็กระหน่ำยิงออกมา 3 นัดต่อทันที กระสุนทั้งสามนัดเล็งไปที่ส่วนต่างๆของรินทร์ได้อย่างแม่นยำ จนเกือบจะถึงตัวอีกเพียงแค่เศษเสี้ยววินาที

“หยุด!”

*ครืน*

กระสุนทั้งสามนัดถูกหยุดอยู่ตรงหน้า แต่ทว่า... รินทร์กลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในร่างกายทุกๆส่วน

(อึ้ก!)

เธอไม่สามารถหยุดกระสุนทั้งสามนัดได้สนิทเนื่องจากพลังของเธอใช้มาไม่เพียงพอที่จะหยุดการเร่งความเร็วของกระสุนทั้งสามนัด เธอจึงต้องจำใจเบี่ยงตัวหลบให้ไวที่สุดจนกระสุนสองนัดเฉี่ยวไหล่กับเอวด้านขวาของเธอระหว่างรีบโยกตัวหลบออกมาทางซ้าย

กระสุนพุ่งด้วยความเร็วที่ลดลงผ่านตัวรินทร์ไป เข่าของเธอทรุดลงมาข้างหนึ่ง มือซ้ายของเธอจับแผลที่เอวของเธอด้วยความเจ็บปวด

“แหม่ แหม่ โทษทีนะ กะว่าจะให้หลับสบายๆแล้วสักหน่อย”

สถานการณ์ของรินทร์ตอนนี้ย่ำแย่มาก เธอพยายามยืนขึ้นมาสู้ต่อทั้งๆที่ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววที่จะเอาชนะได้เลยแม้แต่น้อย

วอร์เรนยังคงจับตาดูการต่อสู้นี้อยู่ไกลๆ

(ยัยนั่นยังไม่เชื่อใจพลังที่ตัวเองรู้สึก ถ้าเกิดหวั่นไหวแม้เพียงเล็กน้อย พลังที่ใช้ได้ก็จะครึ่งๆกลางๆแบบนั้นอยู่ตลอด)

(ตอนที่ยัยนั่นพยายามเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้ครั้งแรก คงเพราะความตั้งใจที่แน่วแน่ที่จะยื้อชีวิตไว้เป็นตัวช่วยให้พลังนั่นคงที่)

(แต่สภาพของยัยรินทร์ตอนนี้...)

*แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก*

(การบิดเบือนที่ครึ่งๆกลางๆแบบนั้น ทำให้วงจรเวลาในร่างกายถูกช่วงชิงไปอย่างมาก ถ้ารินทร์ยังฝืนใช้พลังแบบนั้นอยู่ล่ะก็...)

*ปั้ง*

นรินทร์พุ่งหลบกระสุนเข้าซอกบ้านหลังหนึ่ง คลื่นที่กระสุนตัดผ่านบาดขาขวาของนรินทร์ไปเป็นทางยาว

(อึ้ก! ไม่พ้นอีกแล้ว)

อาการของนรินทร์ตอนนี้ยังไม่ค่อยดีเท่าไร การบิดเบือนเวลานั่นช่วงชิงเวลาของตัวเธอเองมากกว่าที่คิดมาก ตอนนี้เธอได้แต่หายใจโรยรินด้วยความเหน็ดเหนื่อย รวมถึงอาการบาดเจ็บที่มีตอนนี้ด้วย

“หลบเข้าไปๆ อยากรู้จริงว่าเธอจะทนได้สักกี่น้ำกัน”

“กระสุนฉันไม่มีทางหมดหรอกนะ มันยังซ่อนอยู่ในห้วงเวลาของฉันอีกเป็นโหลเลยล่ะ”

“หนีต่อไปก็เปล่าประโยชน์... ถ้าไม่อยากทรมานก็ส่งนาฬิกามาให้ฉันทำลายทิ้งซะดีๆ”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

ไม่มีใครได้ยินเสียงหัวเราะของเธอชัดไปกว่ารินทร์และวอร์เรนอีกแล้ว เสียงหัวเราะที่แสดงให้เห็นถึงความคิดที่บิดเบี้ยวหรือจิตใจที่ผิดปกติซ่อนไว้ภายในของเธอ

การรับมือผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ง่ายๆ ระหว่างผู้ที่ควบคุมกระแสเวลาที่ไหลออกมาเป็นกับผู้ที่ยังควบคุมได้ไม่คล่องแบบรินทร์นั้นแตกต่างกันอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นรินทร์ก็ยังไม่ยอมแพ้อยู่ดี เธอตั้งใจที่จะเอาชนะผู้หญิงคนนั้นเพื่อเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ตอนนี้ไปให้ได้

(ทำไงดี...เราไม่รู้จุดอ่อนของยัยนั่นนอกจากเรื่องที่เธอใช้อาวุธระยะไกล กับใช้พลังเร่งเวลาได้ชำนาญมาก)

(เร่งเวลา...? ชำนาญ...?)

(จะว่าไป...เรายังไม่เห็นว่ายัยนั่นบิดเบือนเวลาแบบอื่นๆเลยนี่นา?)

(หรือว่าที่จริงแล้วยัยนั่นใช้พลังอื่นไม่ได้เลยนอกจากการเร่งเวลา... ถ้าอย่างนั้นแล้ว...)

“คิดจะหลบไปถึงเมื่อไรกัน”

ระหว่างที่เธอถือปืนเล็งไปที่ซอกบ้านหลังนั้น นรินทร์ก็พุ่งออกมาทันที จังหวะนั้นพิมกำลังหันปากกระบอกปืนเล็งไปที่ไหล่ขวาของเธอ

(ข้ามเวลา)

ตัวของรินทร์หายวับไปพร้อมกับนาฬิกาที่ถูกร่างขึ้นมาทันที โดยตัวของเธอโผล่มาด้านหน้าของพิม แต่ด้วยระยะห่างที่รินทร์โจมตีไม่ถึง... รินทร์ยังคงค้างอยู่ในท่าพร้อมที่จะพุ่งโจมตีในระยะที่ห่างกับผู้หญิงคนนั้นมากพอตัว จนอยู่ปลายกระบอกปืนของเธอคนนั้น

(อ-อะไรกัน? เราข้ามเวลามาแล้วนี่... แล้วทำไมถึงได้เป็นแบบนี้)

(หรือว่า...จะเป็นเพราะเรายังควบคุมพลังที่มีไม่ได้)

“เสียใจด้วยนะ เธอเลือกที่จะตายเอง”

(แต่เราบอกอีตานั่นไปแล้วว่าเราจะสู้กับยัยนี่เอง แล้วทำไมเราถึงผิดคำพูดกันล่ะ...)

“เธอมาได้เท่านี้ล่ะ”

(เราไม่อยากผิดคำพูดใครอีกแล้ว... เราอยากจะทำให้ได้ตามสิ่งที่พูด)

“บ๊ายบายนะจ๊ะ ที่รัก—”

(และทำไม...ถึงยัง...)

*ปั้ง*

............

*จู่ๆ เสียงบางอย่างก็เข้ามาในหัวของฉัน*

*ญาดา: พรุ่งนี้... เราไปนั่งรถไฟเหาะกันนะ รินโกะ*

*รินทร์: .........อื้อ!*

............

............

*แกร๊ก แกร๊ก* (เสียงกระสุนตกลงที่พื้น)

“เอ๊ะ”

“กระสุน... ตกอยู่ข้างล่าง”

ฉันยังไม่ถูกยิงงั้นหรอ จังหวะนั้นฉันคิดว่าตัวเองน่าจะถูกยิงไปแล้วนี่นา เพราะฉันใช้ความสามารถหยุดเวลาไม่ทันด้วย แล้วทำไมถึงได้...

“ชิ”

พิมรีบทิ้งระยะห่างทันที จากการที่เธอทิ้งระยะห่างแบบนี้ทำให้ฉันรู้ถึงทักษะเวลาที่เธอถนัดได้ทันที

(ทำไม กระสุนถึงผ่านไปไม่ถึงยัยนั่น)

(ก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้วว่ามันไม่ได้ใช้พลังหยุดเวลาอะไรเลย แต่ทำไมกระสุนถึงผ่านไปไม่ถึงตัวของยัยนั่น)

“แบบนี้ต้องฆ่าให้ตายเท่านั้น!”

สีหน้าของเธอมีแต่ความโกรธราวกับว่าจะฆ่าคนให้ตายด้วยความทรมาน ในตอนนั้นฉันเองก็ยังรู้สึกแปลกใจกับพลังบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ในตัวฉัน ได้แต่ก้มมองมือซ้ายของตัวเองที่ไม่ได้จับอาวุธเวลานั้น

*ปั้ง ปั้ง ปั้ง*

ฉันสะดุ้งยกแขนสองข้างขึ้นมากันทันที แต่พอยังลืมตามาดู ก็เห็นกระสุนพวกนั้นไหลผ่านร่วงลงสู่พื้นข้างร่าง

...วืด...

(อะไรกัน... กระสุนของฉันกระเด็นออก... ไม่สิ มันอย่างกับ... ไหลโค้งหลบตัวยัยนั่นไปเลย)

เป็นตอนนั้นที่ฉันเริ่มรับรู้ว่าพลังที่ไหลเวียนผ่านมาเมื่อกี๊คืออะไร มันรู้สึกมีอะไรต่างออกไปจากพลังอื่นๆที่เราพยายามใช้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันกลับเข้าใจพลังนี้ได้เป็นอย่างดี หรือมันอาจเป็นพลังอะไรสักอย่างที่เหมาะกับตัวฉันล่ะมั้ง

“แก...!!!”

ฟิวส์ของเธอคนนั้นดูท่าจะขาดสุดๆแล้ว ใบหน้าน่ารักๆในตอนแรกหายไปหมดเลย เราเองตอนนี้ก็ยังต้องลองใช้พลังนี้ดู มันอาจเป็นพลังที่ใช้จัดการยัยโรคจิตนั่นได้ด้วย

ฉันเอามือทั้งสองข้างจับท่อเหล็กขวางไว้ด้านหน้าของฉัน ก่อนที่จะหลับตาเพื่อรับรู้ถึงกระแสพลังที่ไหลเวียนในร่างกายผ่านจากนาฬิกาที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อฉัน

(เริ่มรู้สึกได้แล้วล่ะ ถ้าเราตั้งสมาธิให้ดี รับรู้พลังที่ถ่ายเทออกมา)

(เราก็จะสามารถควบคุมกระแสเวลาที่เอ่อล้นและขยายตัวออกมาเพิ่มขึ้นนี่ได้)

“แกตาย!!!”

*ปั้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ*

เธอเรียกปืนอีกกระบอกออกมาพร้อมกับกระหน่ำยิงใส่ฉันโดยเร่งเวลากระสุนเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้าง การกระหน่ำยิงของเธอยังคงมีต่อไม่หยุดจนความเร็วของกระสุนลดลงจนเป็นเหมือนปกติ พลังของเธอคงจะหมดพอดี

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก... จบสัก-”

“ที?”

กระสุนพวกนั้นที่เธอกระหน่ำยิงใส่มา ไม่ผ่านเข้ามาในพื้นที่วงกลมรอบตัวฉันเลยแม้แต่นัดเดียว นี่เป็นพลังที่วอร์เรนพูดถึงสินะ

“เ-เป็นไปไม่ได้”

“มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่!!”

ความหวาดกลัวเริ่มครอบงำจิตใจของเธอคนนั้นแล้ว การที่ทำอะไรศัตรูไม่ได้เลยแม้แต่น้อยก็ย่อมสร้างความกลัวอยู่แล้วล่ะ เราเองก็เคยรู้สึกแบบนี้อยู่เหมือนกัน

วอร์เรนที่สังเกตการต่อสู้อยู่ตลอดเวลาเองก็ถึงกับตาค้างตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งเลย

“...การรักษาสภาพเวลา...”

“พลังที่สามารถ... ขจัดการแปรเปลี่ยนเวลาจากภายนอก”

............

ฉันลืมตาขึ้นมา และกลับไปถือท่อเหล็กด้วยมือเดียวอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ตัวยัยนั่นทีละก้าว ทีละก้าว

“ต้องฆ่า... ต้องฆ่า...”

“ไ-ไม่นะ ไ-ไม่เอานะ...!”

“ต้องฆ่า... ต้องฆ่า...”

“ไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ ฉันขอร้อง”

“ฆ่า!!!”

จากที่เธอพูดจามั่นอกมั่นใจดูเหมือนสาวซาดิสม์โรคจิต ตอนนี้เธอกลับไปเป็นเด็กผู้หญิงที่งอแงร้องไห้ขอชีวิตเมื่อได้เห็นแววตาอาฆาตบนหน้าฉัน (วางฟอร์มไปงั้น)

พอฉันเริ่มรับรู้พลังที่ไหลเวียนอยู่ในตัวผ่านจากนาฬิกานั่น ฉันจึงสามารถควบคุมความเร็วในการพุ่งทะยานเข้าไปหาเธอคนนั้นได้แล้ว แต่พอเข้าไปเพียงเพื่อที่จะฟาดยัยนี่...

“อ๊ะ สลบไปแล้ว......”

“แค่ลองเลียนแบบคำพูดหน่อยเดียวเอง...”

...เธอน้ำลายฟูมปากสลบไปด้วยความกลัว ดูเหมือนความจริงแล้วเธอจะเป็นคนขี้ขลาดตาขาวสุดๆ เลยทำตัวให้เหมือนกับเป็นคนซาดิสม์เพื่อกลบความอ่อนแอของตัวเอง

“เห้อ...” (ฟุ่บ)

ขาฉันไม่มีแรงจนลงไปนั่งอยู่ที่พื้น แผลที่โดนที่ขาก็เจ็บอยู่ แต่ส่วนอื่นๆก็เจ็บไม่แพ้กัน

“เอ้า”

“เอ๊ะ?”

วอร์เรนยื่นมือมาให้ฉันจับพยุงตัวเองขึ้นมา

“ขอบคุณที่ช่วยเรานะ รินทร์”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้พวกเราก็เจ๊ากันแล้ว”

“อื้ม... เอาตามนั้นละกัน”

“ตามนั้น? ตามไหน?”

“เราจะช่วยเอาความทรงจำของเธอคืนมา รวมถึงความปรารถนาที่เธอต้องการด้วย”

“เป็นอันตกลงใช่ไหม?”

“.........อื้อ!”

ฉันยิ้มตอบเขาทันทีที่เขาบอกว่าจะช่วยฉัน เป็นอันว่าตอนนี้พวกเราเองก็คงจะเป็นเพื่อนกันโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วล่ะมั้ง

นี่อาจจะเป็น... โชคชะตาที่เวลากำหนดมาให้พวกเราก็ได้

........................

“แล้วจะยื่นมือมาทำไมน่ะ?”

“เอ่อ ก็เผื่อว่าเธอ...จะอยากจับเพื่อพยุงตัว”

“มือของคนโรคจิตอย่างนายไม่เอาหรอกย่ะ”

 (เธอคงจะเกลียดผมจริงๆแหง)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา