Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  40.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) เรื่องเล่าของเวลา (บทจบ)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“การบิดเบือนเวลาจะส่งผลให้กระแสเวลาของสิ่งที่ถูกบิดเบือนเปลี่ยนไป มีการเปลี่ยนแปลงเวลาเกิดขึ้นกับสิ่งต่างๆที่โดนแก้ไขเวลา”
“การใช้พลังเปลี่ยนแปลงเวลาแต่ละอย่างเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำถ้าไม่จำเป็นหรอกนะ”
ไม่จำเป็นงั้นหรอ!? คำพูดของอีตานี่ที่บิดเบือนเวลาเพื่อเล่นสนุกนี่โคตรน่าเชื่อถือเลยจริงจริ๊ง! (ประชด)
“สายตาอย่างนั้นคงไม่เชื่อกันเลยสินะ...”
“เอาเถอะ เธออาจจะใช้พลังพวกนั้นได้เร็วๆนี้นี่ล่ะ เพราะเธอพึ่งจะเชื่อมต่อกับสื่อนำเวลานั่นอย่างสมบูรณ์แบบได้ไม่นานเอง”
วอร์เรนที่ยืนพิงกำแพงห้องมาตั้งนานเริ่มจะขยับเขยื้อนบ้างแล้ว
“หืม?”
ฉันไม่รู้ว่าวอร์เรนมองอะไรอยู่ตรงนั้น เพราะนั่นก็ไม่น่าจะมีอะไรนอกจากแค่ตู้วางของที่มีแต่ชั้นหนังสือทั้งนั้น
......
“เธอไม่มีความต้องการอะไรเลย...แน่หรอ?”
พูดอะไรของเขาล่ะเนี่ย หรือว่า จะหมายถึงเรื่องอะไรแบบ...
“น-นายพูดอะไรออกมาน่ะ ความต้องการอะไรกัน ใครจะไปคิดเรื่องสัปดนแบบนั้นกับคนอย่างนายกันเล่า”
“เข้าใจผิดหมดแล้ว”
“ความต้องการที่เราจะสื่อ คือเป้าหมายในการบิดเบือนของเธอ”
“เธอมีความต้องการอะไรสักอย่างที่ต้องใช้พลังพวกนี้ไหมล่ะ?”
วอร์เรนถามถึงความต้องการ หรือเป้าหมายในการที่ฉันต้องการพลังนี้
ฉันได้แต่ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ว่าฉันต้องการพลังในการเชื่อมมิติกับอีกโลกหนึ่ง หรือพลังในการบิดเบือนเวลาอะไรแบบนี้หรือเปล่า
“ฉันไม่รู้...”
“แต่ว่า... ถ้าพลังนี่ทำให้ฉันจบความทรงจำน่ากลัวนั่นได้...”
“... นั่นคงจะเป็นเหตุผลเดียวของฉัน ...”
“...... ถ้าเธอรู้เรื่องทั้งหมดนั่นแล้ว เธอจะกลับไปใช้ชีวิตธรรมดาสินะ?”
ในหัวฉันจู่ๆก็มีความรู้สึกว่า คำถามของวอร์เรนแอบซ่อนความต้องการอะไรบางอย่างของเขาออกมา ถึงจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในหัวก็เถอะ มองตาเจ้านี่ไม่เคยอ่านความคิดออกเลยแม้แต่นิดเดียว
“น่าจะเป็นอย่างนั้น... ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวแทนของเวลามีไว้เพื่ออะไร”
“มันสำคัญถึงขนาด... บอกไม่ได้เลยงั้นหรอ?”
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเหตุผลที่ต้องมีตัวแทนเวลา เหตุผลที่ฉันจะถูกฆ่า การที่ฉันทำพันธะสัญญาเป็นตัวแทนนี่เพียงเพื่อมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น
และตอนนี้จะยัง...
“ตัวแทนแห่งเวลาคือผู้เชื่อมต่อมิติเวลาเข้ากับแกนกลางของเวลาจักรวาล เป็นผู้รับภาระในการดูแลมิติที่เราอาศัยอยู่ และปิดกั้นไม่ให้เกิดความแปรปรวนกับมิติว่างเปล่า”
“นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เรารู้ ข้อมูลที่เราค้นคว้ามามันมีแค่นี้”
“ค้นคว้า? นายพูดย่างกับไม่ได้รู้ด้วยตัวเองเลย
“มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วน่ะ... เป็นเรื่องที่... ผ่านมาสักพักแล้ว...”
ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ก้นบึ้งจิตใจของเขา ใบหน้าเขายังปกติทุกอย่าง ยกเว้นแววตาที่ไร้ซึ่งสีสันแห่งความมีชีวิตเหมือนตอนทำตัวปกติทั่วไป
ผู้ชายคนนี้ อาจเป็นคนที่มีสองอารมณ์ที่ตรงข้ามกันสุดๆเลยก็ได้ ด้านที่ทำตัวปกติเฮฮาปาร์ตี้ กับอีกด้าน... ที่มีจิตใจมืดมนน่ากลัวซ่อนอยู่...
(นี่ฉันกำลังคุยกับคนที่อันตรายสุดๆเลยรึเปล่านะ?)
ขนลุกขึ้นเลยค่ะ...
...
“ลืมเรื่องในอดีตของเราไปเถอะ”
“ปัญหาตอนนี้มันอยู่ที่เธอแล้วล่ะ”
*ฟุ่บ (ลงไปนั่งที่เดิม)
“ผู้ที่ได้รับการเลือกจากสื่อนำเวลา หรือก็คือนาฬิกาพวกนี้น่ะ ผู้ที่ถูกเลือกส่วนใหญ่จะมีความปรารถนาสักอย่างที่ต้องใช้พลังเวลาพวกนี้”
“ผู้ที่ถูกเลือก...”
“อันนี้ถือเป็นจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่ง...”
“เธอได้นาฬิกานี่มาตั้งแต่เมื่อไร...?”
ได้มาเมื่อไร... ได้มาเมื่อไรกันนะ... ทำไมฉันถึง...
“ฉัน... จำไม่ได้”
“ว่าไงนะ?”
“มันมีเรื่องบางอย่างที่คาใจฉันมานานแล้วล่ะ ลุงของฉันเองก็เคยพูดเรื่องอาการป่วยของฉันให้ฟังอยู่”
“ป่วย? ป่วยเป็นโรคอะไร ร้ายแรงขนาดนั้นเลยงั้นหรอ?”
“... ลุงฉันบอกว่า”
“ฉันจะลืมเรื่องอะไรบางอย่างตลอดเวลาตั้งแต่หลายปีก่อน จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าฉันลืมเรื่องอะไรไป”
“หมอบอกว่า... ความทรงจำของฉันในเรื่องบางอย่าง”
“จะถูกรีเซ็ตตลอดเวลา”
“ถูกรีเซ็ต? มีอาการอะไรแบบนั้นด้วยหรอ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอบอกว่าน่าจะเป็นอาการช็อคจากอะไรบางอย่างในอดีต จนทำให้ฉันลืมเรื่องอะไรไปหลายอย่าง และจะลืมตลอดเวลาไม่ว่าจะมีคนพูดให้ฟังอีกกี่รอบก็ตาม”
“และน่าจะลืมเจ้านี่(นาฬิกา)ด้วย”
...... วอร์เรนที่ตาค้างไปชั่วขณะ เขาคงจะแปลกใจกับอาการที่ฉันพูดให้ฟังมาก
“ถ้าไม่รู้วันเวลาที่เธอได้นาฬิกามาล่ะก็... คงยิ่งบอกอะไรยากกว่าเดิมอีก”
“เพราะถ้าเธอได้นาฬิกามาก่อนเหตุการณ์เมื่อสองสัปดาห์ก่อนล่ะก็”
“เธอคงมีความปรารถนาอะไรที่ต้องการแก้ไขอยู่แน่!”
“ความปรารถนาที่จะแก้ไข ฉันไม่เห็นจะเคยรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย”
“...นั่นแหละคือประเด็น ชีวิตเธอนี่มันซับซ้อนชะมัดยากเลยนะ ยัยเหมียว
“เดี๋ยวเถอะ!”
“ล้อเล่นน่าล้อเล่น มาเปลี่ยนบรรยากาศก่อนดีกว่า นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย”
เขาบอกว่าดึกมากแล้ว ฉันเปิดนาฬิกาพกที่ถืออยู่มาดูเวลา
(20.40)
เห นี่พวกเรานั่งคุยกันตั้งเกือบชั่วโมงเลยหรอเนี่ย ทำไมเวลามันถึงผ่านไปเร็วขนาดนี้
“ผู้ที่เป็นตัวแทนเชื่อมต่อเวลา จะมีความสามารถในการจดจำเหตุการณ์ในช่วงเวลาต่างๆได้ค่อนข้างจะสมบูรณ์”
“ถ้าเธอบอกว่าเธอใช้พลังพวกนั้นได้ตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน และเป็นช่วงเดียวกันกับที่ความทรงจำหายไป”
“ความทรงจำนั่น หายไปเพราะฝีมือการใช้พลังของเธอเอง”
......
“หา?”
“ฉันเป็นคนลบเองงั้นหรอ?”
“ถูกต้อง นั่นเป็นข้อสมมุติฐานเดียวที่เราคิดไว้”
“เพราะมันไม่มีทางที่ความทรงจำของเธอจะถูกลบด้วยการบิดเบือนจากภายนอกแน่ๆ”
“เดี๋ยวก่อนสิ! แต่ควอสเองก็จ้องจะฆ่าฉันเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้านั่นเองก็เหมือนจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างของฉันเมื่อสองสัปดาห์นั่นด้วย”
“หมอนั่นอาจจะไล่ตามฉันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้ อาจจะเป็นฝีมือของหมอนั่นก็ได้!!”
ที่เถียงไปแบบนั้น เพราะฉันไม่อยากยอมรับ ว่าอาการที่เหมือนจะหลับตลอด โดนคนที่ชื่อควอสไล่ล่า ความทรงจำที่หายไปนั่นจะมีต้นเหตุมาจากฉัน...
ถ้าให้ยอมรับแบบนั้นน่ะมัน...
“เรื่องนี้เธอน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว”
“ที่เราไปอยู่บนดาดฟ้าให้โดนเหยียบหน้านั่นน่ะ ไม่ใช่ว่าบังเอิญผ่านมาหรอกนะ แต่เพราะเรารู้สึกถึงการบิดเบือนเวลาแถวนั้นได้ต่างหาก”
“ควอสตามล่าเธอ เพราะการเชื่อมต่อมิติทั้งสองใบที่ไม่สมบูรณ์นั่น ทำให้ควอสรู้ที่อยู่ของเธอได้”
“เข้าใจสินะ...”
จริงอย่างที่วอร์เรนพูด ฉันได้แต่นิ่งฟังด้วยความเข้าใจจากคำพูดพวกนั้น ตัวฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆนี่เอง ฉันได้แต่ทำหน้าซึมอยู่ทั้งแบบนั้น มือของเราที่กำนาฬิกาแน่นอยู่ตรงอก... นี่คือคำตอบสินะ
“จะลองไปตามหาปะล่ะ?”
“ตามหา? ตามหาใคร?”
“ตามหาความทรงจำทั้งหมดในสองสัปดาห์นั่นกลับมา”
“เธอบอกว่าไม่อยากหนีจากมันอีกแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“แต่ถ้าเธอรับรู้เรื่องราวทั้งหมดนั่น เธอจะรับได้ไหม”
ตามหาความทรงจำ... วอร์เรนดูเหมือนจะกระตือรือร้นกับเรื่องพวกนี้มาก ราวกับว่าอยากให้ฉันได้ความทรงจำกลับมาเร็วๆเพราะอะไรบางอย่าง
“รับได้สิ...”
“ฉันจะ...ไม่หันหลังหนีอีกแล้ว”
“ต่อให้มันจะเจ็บปวดแค่ไหน นั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วไม่มีทางแก้ไขได้...”
ฉันลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้หลังจากที่นั่งขยับตัวไปมาตั้งนานสองนาน วอร์เรนเองก็ยืนตั้งแต่ถามคำถามฉันเมื่อกี๊แล้ว
“...ฉัน... ต้องการให้นายช่วย วอร์เรน”
“...ให้ช่วย? คนแปลกหน้าแบบเราเนี่ยนะ?”
“เชื่อใจเราขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ไม่รู้สิ... ถึงไอ้โรคจิตอย่างนายจะมีนิสัยที่บ้าๆบอๆ หรือชอบทำตัวเกรียนบ่อยๆ”
“แต่ฉันไม่ลืม... ว่านายช่วยชีวิตฉันไว้”
“และนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะขอร้องให้นายช่วยอีกครั้ง”
ฉันก้มหัวลงต่อหน้าเขา เป็นครั้งแรกที่เราต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อขอร้องอะไรสักอย่าง
“ขอร้องล่ะ...”
............
ความเงียบปกคลุมไปทั่ว รินทร์ก้มหัวให้ผู้ชายคนนั้น เพื่อขอร้องให้เขาทำเรื่องเห็นแก่ตัวของรินทร์ สิ่งที่ผู้ชายคนนี้ที่ช่วยเหลือรินทร์มาตลอดจะตอบนั้นคงจะเป็น...
“ขอปฏิเสธ”
......
“เอ๊ะ?”
“หลังจากได้ฟังเรื่องของเธอแล้ว เรารู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะช่วยเธอเลยแม้แต่นิดเดียว”
“นี่ก็ดึกแล้วด้วย เราขอตัวก่อนล่ะ”
ผมเบือนหน้าหนีออกไปทันที สิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดทำให้ผมเปลี่ยนใจเลือกที่จะไม่ช่วยเธอ นั่นเพราะว่า...
“เ-เดี๋ยวสิ! นายบอกว่าจะช่วยฉันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึง?”
*ตึ้บ*
แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็เข้าใจถึงอารมณ์ของเธอในตอนนี้ ผมตัดสินใจที่จะไม่หันหลังกลับไปมองใบหน้าของเธอที่ยังคงตกใจนั่นเด็ดขาด
“นั่นเพราะว่า... เธอไม่มีประโยชน์อะไรต่อเราเลยน่ะสิ”
“...ประโยชน์...”
“ความคลุมเครือในช่วงเวลาที่เธอได้รับนาฬิกา ความปรารถนาที่ไม่มีความชัดเจน เราต้องการใช้ประโยชน์นั่นจากเธอ”
“ฟังไว้นะรินทร์ ไม่มีใครอยากทำอะไรให้ฟรีๆหรอก ถ้าเธอต้องการใช้พลังนั่นเพื่อความปรารถนาอะไรสักอย่างแล้วล่ะก็ เราเองก็อยากใช้ประโยชน์ในเรื่องนั้นเพื่อทำให้ความปรารถนาของเราเป็นจริงเช่นกัน”
“นั่นคือเหตุผลที่... เราช่วยเธอมาจนถึงตอนนี้...”
“ขอโทษด้วย”
ตอนนี้เธอคงจะเกลียดผมแล้วล่ะ ก็เล่นพูดออกไปชัดเจนแบบนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก มือของเธอเอื้อมมาโดนหลังของผมก่อนที่จะชะงักไปเพราะอะไรไม่รู้
ผมเดินออกไปโดยไม่ฟังเสียงของเธอที่พยายามตะโกนบอกให้หยุดตั้งหลายครั้ง ฝนข้างนอกหยุดตกตั้งแต่เมื่อไรก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ส่วนร่ม... รู้สึกผมจะลืมนึกไปเลย
นี่แหละ... ชีวิตจริง... ทุกคนย่อมต้องการใช้ประโยชน์จากอีกคนหนึ่งเพื่อตัวของเขาเอง การทำอะไรให้ฟรีๆมันไม่มีอยู่จริงหรอก...
............
ผมหันกลับไปมองบ้านของเธออีกครั้งหลังจากเดินผ่านมาไกลแล้ว
“ขอโทษนะ นี่เป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วล่ะ”
“อย่าได้เอาความทรงจำนั่นกลับมา และเข้าสู่วงจรแห่งการนองเลือดนี่เลย”
นั่นเป็น... อีกเหตุผลหนึ่งนอกเหนือจากที่คิดไว้ ผมไม่อยากดึงเธอเข้ามาพัวพันกับการนองเลือดโดยใช้เวลาเป็นตัวสร้างหายนะ ถึงแม้ตอนแรกผมจะบอกว่าเธอจะย้อนกลับไปทางเก่าไม่ได้
แต่ผมก็อยากให้เธอกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ...
ผมเบือนหน้าหนีออกจากบ้านหลังนั้น และเดินต่อไปโดยเลือกที่จะลืมทุกอย่างให้อยู่ข้างหลัง
“ให้ตายสิ แกนี่มันอับโชคจริงๆนะ ไอ้วอร์เรนจอมซวยเอ๊ย”
บิดขี้เกียจเสร็จ ก็ได้เวลากลับไปที่พักสักที...
............
............
*ผู้ชายคนนั้นแหละ*
*อื้ม เป็นเขาไม่ผิดแน่*
*คนที่ปรากฏตัวที่โรงเรียนมัธยมมาเจสติกวิทยา...*
*ดึงเขามาเป็นพวกดีกว่าเนอะ จะได้ทำเรื่องอะไรสนุกๆตั้งหลายอย่างเลย*
*คริคริคริคริ*
จิตใจของชายหญิงคู่หนึ่งที่สะกดรอยตามวอร์เรนจากข้างหลังไกล กำลังวางแผนอะไรบางอย่างที่ดูจะไม่ใช่เรื่องดีแน่
............
“...วอร์เรน...”
มือขวาของนรินทร์... สัมผัสตรงไหล่ซ้ายของเธอที่มีแผลเป็นจากรอยกระสุนอยู่... ก่อนที่จะเปลี่ยนชุดเป็นชุดตัวเก่งของเธอพร้อมหยิบนาฬิกาพกออกไปข้างนอกบ้านทันที
............

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา