Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  40.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) หวาดกลัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
(โรงเรียนมัธยมมาเจสติกวิทยา 16.30)
......
เลิกเรียนแล้วสินะ...
(เจ้าหมอนั่นตอนนี้หายไปไหนแล้วเนี่ย? ไหนว่าจะกลับมาเล่าอะไรให้ฟังไง)
(หรือว่าเจ้าหมอนั่นจะไปใช้พลังแยกมิติอะไรนั่นเพื่อทำเรื่องลามกใส่คนอื่นๆอยู่)   *เช่นแอบมองใต้กระโปรง เดินเข้าห้องลองเสื้อผู้หญิง เป็นต้น*
(ให้ตายสิ เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญชะมัดเลย)
“อ้าว รินทร์”
“อ๊ะ มีน”
มีนวิ่งมาหาเราตอนที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าอาคารเรียน ดูเหมือนเธอมีเรื่องอะไรอยากจะพูดกับเราอยู่
“เอ่อ... คือ...”
“รินทร์จ๋า”
“อ่า ว่าไงมีน”
“...เอ่อ... คือว่า...”
ไหงหน้าของเธอถึงได้แดงเขินขนาดนั้น เราไม่เคยเห็นมีนเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ปกติมีนเป็นคนที่ถ้ามีอะไรก็มักพูดออกมาตรงๆตลอด แต่ทำไมคราวนี้ถึงดูพูดยากพูดเย็นจริงๆ
“คือ... วันเสาร์นี้น่ะ... ถ้ารินทร์ว่าง ฉันอยากพารินทร์ไปเจอใครคนหนึ่งอยู่”
“วันเสาร์หรอ ก็น่าจะว่างนะ ว่าแต่จะให้ไปเจอใครน่ะ?”
“ก็... เป็นคนรู้จักของฉันน่ะจ้ะ ฉันอยากแนะนำเขาให้รินทร์รู้จักน่ะ”
ตอนนั้นฉันนิ่งไปชั่วขณะ เพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่มีนกำลังจะสื่อ ถ้าเป็นเรื่องแนวนี้แปลว่า... มีนตอนนี้คง...
“อ๋า! แย่แล้วๆ”
“ฉันรีบกลับก่อนนะรินทร์ ที่บ้านจะพาไปเดินห้างวันนี้น่ะ”
“ไว้เจอกันน๊า--!”
“อื้ม บายจ้า”
มีนรีบวิ่งออกจากอาคารเรียนเพื่อไปนั่งแท็กซี่ที่เธอเรียกไว้ล่วงหน้า ตามจริงแล้วมีนเองก็เป็นลูกคุณหนูคนหนึ่งเลยนะ อาจจะไม่ขนาดอั้ม แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่อัธยาศัยดี ขี้เล่น และร่าเริงตลอดเวลา ก็ยังดีที่ไม่ไฮเปอร์มากเกินไปล่ะนะ
ตอนนี้นักเรียนแต่ละคนก็เริ่มกลับกันแล้ว วันนี้ฉันลากิจกรรมชมรมศิลปะป้องกันตัวสมัยใหม่เพราะเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับพลังที่ฉันใช้ได้นี่แหละ วันนี้ทางชมรมต่อสู้อีกชมรมอุตส่าห์ส่งนักราชินีสีเลือดผู้เก่งกาจมาเป็นคู่ฝึกแท้ๆ
ส่วนเนลกับอั้มก็กำลังฝึกวาดรูปในชมรมจิตรกรรมไทยไม่แท้อยู่ (อยากรู้จริงๆ ว่าทำไมอาจารย์ถึงอนุมัติชื่อนี้ได้เนี่ย - -‘’ )
ช่วงนี้เป็นช่วงเดือนกรกฎาคม ยังถือว่าเป็นหน้าฝน
ฟ้าฝนวันนี้ก็ดูท่าจะไม่ดีอีกแล้ว
ฉันที่ตอนนี้คงต้องรีบกลับบ้านก่อนดีกว่า
ส่วนอีตาวอร์เรนนี่จะโผล่มาเมื่อไรก็ช่างมันไปก่อน
ว่าแล้วฉันก็รีบวิ่งออกจากอาคารเรียนเลย เพราะไม่อยากเปียกฝนระหว่างทาง
......
......
(ผ่านไป 4 นาที)
บ้านของฉันถ้าเอาระยะจริงๆก็ไกลอยู่ระดับหนึ่งเลย แต่อย่างน้อยฉันก็มาโรงเรียนได้โดยไม่ต้องใช้ยานพาหนะอะไร
ฟ้าก็ครึ้มหนักกว่าเดิมแล้ว ต้องรีบวิ่งแล้วสิ
เดี๋ยวก่อนนะ...
ฉันหยุดวิ่งอยู่ชั่วครู่เพื่อหยิบนาฬิกาที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดู
(ถ้าเราใช้พลังจากนาฬิกานี่เพื่อทำให้เรากลับบ้านได้เร็วขึ้นจะได้ไหมนะ)
(แต่ว่าจนถึงตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะใช้พลังของมันยังไงได้บ้าง)
(ตอนที่สู้กับเจ้าแว่นนั่น ก็ใช้พลังได้ไม่สมบูรณ์ และจับหลักอะไรไม่ได้เลย)
(อย่าพึ่งดีกว่า ขืนเราใช้พลังไปโดยไม่รู้อะไรอีกอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้)
“เห้อ...”
*เมี้ยว*
เอ๊ะ......
............
*เมี้ยว*
“น-นุ้งแมว”
ตาของเราเป็นประกายทันทีที่เห็นเจ้าเหมียวตัวน้อยนี่
ก็อย่างที่คิดแหละค่ะ ฉันเป็นคนรักสัตว์มากๆ โดยเฉพาะแมว ถึงจะจำไม่ได้ว่าทำไมถึงรักขนาดนี้ก็เถอะ
ในชีวิตฉันมีเรื่องอะไรหลายอย่างที่นึกไม่ออก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่นั่นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรในชีวิตฉัน
กลับมาเข้าเรื่องแมวดีกว่า
“ว่าไงจ๊ะน้องเหมียว”
“มาเล่นอะไรอยู่ตรงนี้จ๊ะ”
แมวตัวนี้เหมือนจะเป็นแมวจรจัดที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ อายุราวๆ 8 เดือน
ใจจริงก็อยากเก็บไปเลี้ยงนะ แต่แค่ลำพังพยายามใช้ชีวิตให้รอดด้วยตัวคนเดียวก็จะเต็มกลืนแล้ว
*เมี้ยว*
“ฮิฮิ น่ารักจังเลย”
เราเล่นจนลืมเวลากลับบ้านเลยล่ะ แทนที่จะได้รีบกลับ กลายเป็นว่ามาเสียเวลานั่งเล่นกับแมวจนหมดซะนี่
**เหมียว**
เอ๊ะ มันมองอะไร
แมวตัวนั้นกระโดดมาฉกสายนาฬิกาพกที่เราเก็บไม่หมดในกระเป๋าเสื้อ
“เห้!?”
“นั่นมันของฉันนะ!”
เป็นแมวแล้วจะฟังภาษามนุษย์ได้ยังไงกันเล่า ปัดโธ่!
ฉันไล่ตามเจ้าเหมียวที่ฉกนาฬิกาพกของฉันไป แมวมันวิ่งไวชะมัด ขนาดว่าฉันเคยแข่งกรีฑาในงานกีฬาสีตอนม.ต้น ยังไล่ตามไม่ค่อยจะทันเลย
เจ้าเหมียวนั่นวิ่งเลาะไปตามทางเรื่อยๆ เข้าไปในซอยลึกของหมู่บ้านหนึ่ง
*แฮ่ก แฮ่ก*
“โอ้ย เมื่อไรจะเจอสักทีเนี่ย เหนื่อยแล้วนะ”
“อ๊ะ!”
“นาฬิกา!”
ดูเหมือนแมวตัวนั้นจะเหนื่อยหรืออะไรสักอย่างล่ะมั้ง เลยมาปล่อยนาฬิกาทิ้งไว้ตรงนี้
ก็ถือว่าโชคยังดีที่ยังตกอยู่ในจุดที่ฉันมองเห็นได้ง่ายๆ นึกว่าจะไม่มีทางได้กลับคืนมาอีกเป็นครั้งที่สองแล้ว
ว่าแต่ว่า... เราต้องออกไปยังไงล่ะเนี่ย...
(ปกติเราก็น่าจะความจำดีนี่นา ตอนเช้าเรายังจำได้แทบจะทุกเรื่องเลย)
(หรือว่าเพราะเราห่างนาฬิกานี่ เลยทำให้การจดจำของเรากลับมาเป็นปกติ)
“เอ่... หรือว่าต้องออกทางนี้นะ”
ฉันเดินหาทางออกหลังจากหลงลึกเข้ามาในซอยๆหนึ่ง ตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่าวอร์เรนเองก็ตามมาดูเราอยู่
......
          ทางในซอยนี้มันซับซ้อนจริงน๊า... ถามทางออกถนนใหญ่จากคนแถวนี้จะดีไหมหว่า...
แบบนี้ชักจะลำบากซะแล้วสิ...
*ฮืน*
“หือ? นาฬิกานี่?”
ฉันรีบเปิดดูนาฬิกาทันทีหลังจากที่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างออกมาจากนาฬิกาเรือนนี้
สิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้เหมือนกับตอนนั้น เข็มนาฬิการวนไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว
หรือว่าจะเป็นเหมือนตอนนั้น ควอส? หรือคนอื่น?
ความหวาดกลัวและความตื่นตระหนกตอนนั้นเริ่มทำให้เรากลัวไปหมด ยิ่งชาวบ้านละแวกนี้ที่มองเราแล้วด้วย...
มันให้ความรู้สึกราวกับว่า ชาวบ้านพวกนี้ทุกคน พร้อมที่จะฆ่าฉันหมดเลย
ฉันที่คิดแบบนั้นแล้ว จึงวิ่งออกจากหมู่บ้านนี้โดยไม่คิดชีวิตเลย
......
ฉันวิ่งมาเรื่อยๆ จนมาเจอถนนใหญ่สักที เหนื่อยจริงๆ
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”
“ในที่สุดก็ออกมาได้สักที”
เราที่เอามือจับเข่าด้วยความล้าอยู่ตอนนั้น เงยหน้าขึ้นมามองก็พบว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ทั่วๆไปที่ฉันรู้จัก
ทางแยกที่ไม่ได้ใหญ่มากที่นี่ สัญญาณไฟจราจรที่หายไปเหลือแต่เสา เป็นถนนสองเลนสำหรับรถสวนไปมาได้
“ภาพนี่มัน...”
“หรือว่าที่นี่จะ...”
นาฬิกาส่งปฏิกิริยาออกมาอีกครั้ง ฉันรู้สึกได้ถึงความกลัวที่อยู่ภายใต้จิตใจของตัวเองขึ้นมาทันที ที่นี่เป็นที่ที่ฉันเคยผ่านมาก่อน
“โอ๊ย!”
อาการปวดหัวที่ฉันรู้สึก... มันกลับมาอีกแล้ว... ทำไมต้องปวดหัวแบบนี้ด้วย
อาการปวดหัวนี่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพลังนั่นงั้นหรอ หรือว่ามันจะหมายถึง...
*รินทร์*
*รินทร์กินอะไรไหม*
“เสียงนี่มัน”
*ฉันจะไปซื้อให้กินนะ รินทร์รออยู่ตรงนี้ก่อน*
“โอ๊ย!! เสียงนี่มันอะไรกัน!?”
*อ๊ะ ญาดา อย่าพึ่งรีบวิ่งสิ!*
*ฮะฮะ กลัวไม่ทันรึไง*
“หยุด...!”
ภาพที่ฉันเห็นนอกจากฉันกับคนที่ชื่อญาดากำลังคุยกันอยู่ ทางแยกนี่เป็นที่ที่ฉันเคยผ่านมาก่อนจริงด้วย และไม่ใช่แค่ภาพพวกนั้น
สิ่งที่ฉันเห็นมันไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง...
ภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันไม่รู้ว่าใครนอนจมกองเลือดอยู่ข้างหน้าฉัน...
รถบรรทุกที่แล่นเฉี่ยวคนๆหนึ่งไปอย่างหวุดหวิด...
ผู้คนที่เดินไปมารายล้อมซุบซิบนินทา และจ้องมองคนๆหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ...
ฉัน... ที่ได้แต่ยืนตาค้างกับเหตุการณ์วันนั้น
“ไม่!! ไม่เอาแล้ว!!”
“ภาพพวกนี้น่ะ...”
ผู้คนที่เดินอยู่ละแวกนั้นมองมาที่ฉันด้วยความสงสัย พวกเขาอาจมองฉันเป็นเด็กบ้าคนหนึ่งที่ทำตัวมีปัญหา
แต่ในสายตาของฉันตอนนี้
พวกเขาทุกคนกำลังซุบซิบนินทาฉัน จ้องมองฉันด้วยสายตาอันน่ากลัว
ไม่ต่างกับภาพที่ฉันเห็น...
ฉันแบกรับเรื่องแบบนี้ไม่ไหวอีกแล้ว มันมากเกินไป
ท่ามกลางความมึนงงของผู้คนที่เดินอยู่ตรงนั้น ฉันรีบวิ่งหนีออกมาจากทางแยกนั่นให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
หนี หนีไปเรื่อยๆ
ราวกับว่าตัวฉันกำลังปฏิเสธที่จะรับรู้เรื่องราว
ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว......
............
(สวนสาธารณะ 19.10)
............
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ฉันต้องนั่งม้านั่งใต้หลังคาเพื่อหลบฝน
ฉันวิ่งมาไกล จนไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฉันตอนนี้อยู่ที่ไหน
ปฏิกิริยาของนาฬิกาก็หยุดไปแล้ว ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
แต่จิตใจของฉันยังคงไม่ปกติ...
... ฉันพยายามทำใจให้เย็นตามความเย็นของฝนให้ได้
แต่ตอนนั้นฉันก็เห็นภาพขึ้นมาอีกภาพหนึ่ง...
เป็นภาพของใครบางคนเดินเข้ามาหาฉัน... ภาพนั่น...
(สวนสาธารณะ ขาคน ชุดนั้น คุยอะไรกับฉัน)
(ภาพที่ไหลเข้ามาในหัวนี่มันอะไรกัน)
“เธออ่านเวลาออกแล้วไงล่ะ”
“...เอ๊ะ?”
ฉันที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งในสวนสาธารณะหันไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่เดินมาจากทางซ้าย
“วอร์เรน...”
วอร์เรนถือร่มมาคันหนึ่งมาหาฉันที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งตรงนั้น
“เอ้า”
*ฟึ่บ*
“จะกลับบ้านใช่เปล่า เอาร่มนั่นไปใช้สิ”
“แต่ว่า... นี่มันร่มของนายไม่ใช่หรอ? ถ้าทำแบบนี้นายก็เปียกฝนหมดสิ”
“เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก แต่ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่เราคงต้องคุยกับเธอในตอนนี้แล้วล่ะ”
“ตอนนี้เธอกำลังก้าวเข้ามาอยู่ในฐานะตัวแทนผู้ควบคุมเวลาแทบจะสมบูรณ์อยู่แล้ว”
“นั่นก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็ว”
ตัวแทนผู้ควบคุมเวลา คำนี้อีกแล้วงั้นหรอ? ฉันเคยได้ยินคำนี้จากผู้ชายที่ชื่อควอสคนนั้นมาแล้วรอบหนึ่ง มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ฉันไม่รู้อะไรเลย
“แล้วสิ่งที่นายพูดมันหมายความว่ายังไงกันแน่”
“ตัวแทน? เวลา? พลังที่จะควบคุมมิติเวลา? ความว่างเปล่า?”
“นายช่วยอธิบายให้ฉันทีได้ไหม”
“ฉันขอร้องล่ะ!!”
......
แววตาของวอร์เรนตอนนี้ เหมือนเขาจะไม่อยากเชื่อว่าเราที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเจ้านี่จะยอมขอร้องให้เขาอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ฟัง
ในบางมุม วอร์เรนเองก็มีสีหน้าที่มืดมนซ่อนไว้อยู่เหมือนกัน
“เรื่อง... เมื่อสองสัปดาห์ก่อน”
“เธอในตอนนี้กำลังระลึกถึงเรื่องที่เกิดเมื่อสองสัปดาห์ก่อน”
“... นาย... นายรู้เรื่องนั้นได้ยังไง”
ฉันตกใจมาก ฉันไม่คิดว่าวอร์เรนจะรู้เรื่องนี้ด้วย มันเป็นไปได้ยังไง
วอร์เรนเดินเข้ามาใต้หลังคาเดียวกันกับฉัน ก่อนที่เขาจะหยิบเสื้อผืนหนึ่งออกมาจากห้วงอากาศแปลกๆ
“ความว่างเปล่า... ผู้ที่จะนึกออก มีแต่ผู้ที่ใช้กาลเวลาอย่างพวกเราเท่านั้น”
“เสื้อผ้าของเราชุดนี้อยู่ภายใต้รอยต่อของสิ่งที่ถูกหลงลืม กับสื่อที่เชื่อมต่อ หรือก็คือนาฬิกาที่ซ่อนอยู่ในกางเกงของเรา”
“ของที่ถูกหลงลืมทั้งหมด... นอกจากผู้ที่เป็นตัวแทนอย่างพวกเราแล้ว... ก็ไม่มีทางที่ใครจะนึกถึงมันออกเด็ดขาด”
วอร์เรนหันหน้ามาทางเราทันที
“นั่นเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้”
“แต่สำหรับเธอที่กำลังปฏิเสธความจริงด้วยการลืมเรื่องราวเมื่อสองสัปดาห์ก่อน”
“นั่นจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้พลังของเธอตื่นขึ้นมา”
สิ่งที่เขากำลังพูดให้เราฟังตอนนี้ บุคลิกของเขาดูต่างกับที่เรารู้จักเลย
จากผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นคนเฉื่อยๆ ขี้เกียจ กวนประสาทไม่เอาอ่าว
แต่ในตอนนี้ ใบหน้าของเขากลับแสดงสีหน้าที่จริงจังและเคร่งเครียดออกมา
รอยยิ้มกวนประสาทนั่นหายไปแล้ว...
“ได้โปรด... เล่าให้ฉันฟังด้วย”
“ฉันไม่อยากหนีอีกแล้ว... ฉันหนีมามากพอแล้วล่ะ”
“ฉันอยากจะกำจัดความรู้สึกอันเจ็บปวดจากเหตุการณ์เมื่อสองสัปดาห์ก่อน!!”
“มัน... เจ็บปวดนะ...”
“เจ็บปวด แต่กลับไม่รู้... มันทรมานจริงๆ”
น้ำตาของฉันไหลออกมา ความรู้สึกอันเจ็บปวดที่เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อสองสัปดาห์ก่อนกำลังทิ่มแทงจิตใจของฉันอย่างมาก
ต่อให้ฉันไม่อยากเข้ามาพัวพันเรื่องวุ่นวายพวกนี้ ต่อให้ฉันไม่ชอบอีตานี่ แต่ฉันก็อยากจะกำจัดความเจ็บปวดนี่ อยากจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
......
“งั้นก็ได้”
“เราจะอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เรารู้ให้เธอฟังเอง รินทร์”
“ในตอนนี้”
“เธอหันหลังกลับไม่ได้แล้วล่ะ...”
............
............

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา