เรียกผมว่าที่ปรึกษาล่ะกันนะ
10.0
4) คนล่ะเวลา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 4 คนล่ะเวลา (ตอน : บทสนทนาของความรุนแรง)
ก่อนที่จะเริ่มเรื่องผมยังมีสิ่งที่จำเป็นจะต้องบอกก่อน มันเป็นเรื่องเมื่อสามปีก่อน
สามปีก่อนหน้านี้ ผมตอนช่วงมอต้นเคยพบกับคนๆหนึ่ง คนที่ผมอาจจะเรียกเขาว่าเพื่อนได้
อาจจะนะ…
ในตอนนั้นผมไม่มีเพื่อน ซ้ำร้ายยังมีแต่คนเกลียด
ทุกวันมีแต่โดนแกล้ง
จนวันหนึ่งผมหมดความอดทน ในวันนั้น
ผมอยากจะตาย
ผมเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึก ในใจตอนนั้นอยากจะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อผมเดินขึ้น
ไปบนนั้นแล้ว ผมกลับพบกับเขา
เขาคนนั้นกำลังยืนพาดที่กั้นอยู่โดยหันหลังให้ผม ในตอนนั้นตัวผมไม่ได้สนใจเขา
ผมเดินเขาไปใกล้ๆที่กั้น กะจะปีนที่กั้นแล้วโดดจากชั้นที่หกลงไปกระทบกับพื้นด้านล่าง แต่
ตอนนั้น
“ว่าไงๆวันนี้สบายดีไหม”สบายก็บ้าสิ
เลือดในหัวหยุดเลี้ยงเหรอถึงถามอะไรโง่ๆแบบนี้ได้
ไม่ได้จะโทษหรอกนะแต่ ขอเถอะกูกำลังซีเรียด
“ก็นิดหน่อยน่ะ”ผมตอบกลับไปแบบขอไปที กับคนกำลังจะตายคงไม่ตอบพูดสั่ง
เสียอะไรไว้หรอกมั่ง พูดจบก็เริ่มปีนข้ามที่กั้น
“แล้วชีวิตตอนนี้ชอบมันไหม? แค่อยากจะรู้น่ะ แล้วถ้าเปลี่ยนได้อยากจะลอง
เปลี่ยนไหมล่ะ”
“ไม่ชอบหรอก ถ้าถามว่าอยากจะเปลี่ยนล่ะก็แน่นอน”
ใช่ผมอยากจะเปลี่ยน
อย่างน้อยๆก็ให้ดีกว่านี้
เขาจึงพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นช่วยรอถึงพรุ่งนี้ได้ไหม แล้วผมคนนี้จะแสดงให้ดูเองว่าโลกเปลี่ยน
มันเป็นยังไง”
โลกเปลี่ยน
พูดจบก็หันมาแสยะยิ้มให้
ผมจำได้ว่ายิ้มนั้นเป็นยังไง
มันเป็นยิ้มที่มีแต่
โกหก
หลอกล่วง
และน่ารังเกียจที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย
แต่สิ่งที่ต้องยอมรับมีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือ เขาไม่เคยโกหก
ถ้าจะถามว่าเขาเป็นคนยังไงล่ะก็ผมคงบอกได้ว่าเขารูปร่างดี หล่อ ฉลาด และไม่
เคยโกหก
เพราะอะไรผมถึงต้องบอกอย่างนั้น
ที่จริงแล้วเขาไม่เคยโกหกน่ะ
ก็เพราะเขาพูดเอง
“ผมน่ะไม่เคยโกหกหรอกนะ อะไรที่ผมพูดผมจะทำให้ได้อย่างที่พูดเสมอ และ
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นช่วยรอจนถึงพรุ่งนี้ได้ไหมกร”
เขารู้ชื่อผม
ในตอนนั้นทำไมผมถึงไม่เอะใจเลยก็ไม่รู้ ผมรู้เพียงแค่ว่า
ตัวผมในตอนนั้น
เริ่มเชื่อเขาเข้าให้แล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น
ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป เหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ มุมมองของผมในตอนนั้นได้
เปลี่ยนไปจนน่าขนลุก ความรู้สึกเหมือนแตกต่างจนดูน่ากลัว
ไม่มีใครแกล้งผมอีกแล้ว ทั้งที่มองแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรแถมมีบางคนมาพูดดีด้วยก็
มี
ทำไมกัน
ทำไมจู่ๆทุกอย่างมันถึงได้เปลี่ยนไป
อะไรที่สามารถทำให้มันเปลี่ยนได้กัน
ผมนึกถึงคำพูดของเขา
เขาไม่เคยโกหกและจะทำตามสิ่งที่เขาพูดให้ได้เสมอ
ผมกลับคิดแปลกๆว่าถ้าเขาพูดว่าจะฆ่าทุกคนล่ะ
เรื่องนั้นจะเกิดขึ้นจริงไหมนะ?
อย่างไรก็ตามในวันที่ผมได้เปลี่ยนไป
ที่จริงแล้วทุกคนเปลี่ยนไปมากกว่า
เพราะผมก็ไม่มีเพื่อนเหมือนเดิม
ในวันนั้นผมพยายามหาเขา
แต่กลับมารู้ตอนหลังว่า เขาไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนนี้แล้ว
แล้วเขาคือใครกันล่ะ
ตัวตนที่สามารถอธิบายได้แค่ว่า
จะไม่มีทางโกหก
ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่อีกแล้ว
ลาออก?
ผมคิดอย่างนั้น
และนั่นคือเรื่องราวของผมก่อนที่จะเข้าโรงเรียนนี้
เรื่องราวของผมที่ได้พบกับเขา
เขาที่อันตรายที่สุด
เท่าที่ผมเคยเจอมาเลย…
วันที่21ธันวาคม
พูดได้เต็มปากว่าเป็นวันจันทร์ที่แตกต่างจากทุกจันทร์ที่เคยผ่านมาเลยก็ว่าได้
เพราะอะไรน่ะเหรอ
“เป็นเช้าที่ดีนะค่ะคุณแฟน”
“นั้นสินะเป็นช่วงเช้าที่แปลกใหม่จริงๆ”
เพราะมีอายตาอยู่ด้วยไง
ตั้งแต่ตอนที่ผมสารภาพรักกับอายตามา เราก็ได้เป็นแฟนกัน อายตาตอบรับผม
อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเธอให้เหตุผลว่า
เพราะกรเป็นกรไง
เธอว่าอย่างนั้น
นั่งด้วยกันสองคนตรงหน้าเสาธง อากาศวันนี้ดีเป็นพิเศษ เหมือนกับว่าจะมีเรื่อง
ดีๆเกิดขึ้นยังไงยังนั้น อายตาพูดขึ้น
“อีกไม่นานก็จะถึงวันลงคะแนนเสียงแล้วนะ กรจะเลือกฉันไหม”
“แน่นอน”อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงวันลงคะแนนแล้ว ดูแล้วปีนี้ยังไงอายตาก็ได้เป็น
ประธานนักเรียนแน่ ผมจึงไม่ห่วง
ที่ผมได้อยู่กับอายตาแบบนี้คงต้องขอบคุณที่ปรึกษา
เขาช่วยผมไว้ให้ได้เป็นแฟนกับอายตา
ตอนนี้มีความสุขกันอย่างจะให้หยุดอยู่แค่นี้เลย
ให้เวลามันผ่านไปช้าอย่างที่ผมต้องการเลย
แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็หายไปในทันที
เพราะว่า…
“ว่าไงไม่ได้เจอกันนานนะ กร”
เขาคนนั้น คนที่ไม่ได้บอกชื่อผม คนที่ไม่เคยโกหก
กำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราอยู่
“เออว่าไงนายเมื่อตอนนั้น”เขาแสยะยิ้มให้อย่างน่ายินดี อายตาเห็นแล้วไม่พอใจ
“การแสยะยิ้มเป็นมารยาทที่ไม่ดีหรอกนะหยุดทำเถอะ ไม่มีใครเขาชอบหรอก
นะ”ถึงจะพูดอย่างนั้นออกไปแต่ตัวเขากลับไม่ได้สนใจนักแล้วถามผมแบบขอไปทีว่า
“แล้วเธอคนนี้คือใครเหรอกร”ถามแล้วชี้ไปที่อายตา
“เออแฟนฉันเองน่ะชื่ออายตา”
“โอโฮแฟนเหรอ? คุณแฟนเหรอ? แหมๆน่าประทับใจจังเลยนะ ทั้งที่กรไม่มี
เพื่อนแท้ๆแต่กลับมีแฟนได้เก่งจริงๆ นับถือๆ”ทำน้ำเสียงกวนๆ
ทำไมถึงแน่ใจเรื่องที่เราไม่มีเพื่อนได้กันนะ
“มันชักจะมากไปแล้วนะ นายมันน่ารังเกลียดที่สุดเลยรู้ตัวบางไหม?”
“ถ้าพูดถึงเรื่องน่ารังเกลียดล่ะก็เธอเองก็มีอยู่ทั้งตัวไม่ใช่เหรอคุณแฟน”ยิ้มแสยะ
ให้อายตาเป็นครั้งที่สองก่อนที่จะมองลงต่ำไปที่ตัวอายตา อายตาลุกขึ้นไปจะตบ
“อย่าดีกว่าๆผมไปล่ะ เราเป็นว่าเจอกันทีหลังแล้วกันนะกรหรือจะบอกว่าเดี๋ยวก็
เจอกันอีกดี”เขาพูดจบก็เดินจากไป เดินหายไปกับฝูงชนในอาคารเขาสวมชุดมอปลาย
โรงเรียนนี้เหรอ? เมื่อกี้แปลว่าเขาจะมาเรียนที่นี้เหรอ?
ทั้งที่ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนเนี่ยนะ
“ใครกันน่ะกรทั้งปากไม่ดีแถมน่ารังเกลียดสุดๆนั่น”พูดออกมาอย่างโกรธแล้วจึง
ถามซ้ำ
“จะให้อธิบายยังไงดีนะ เขาเคยช่วยฉันน่ะก็ประมาณว่าติดหนี้บุญคุณเขาอยู่ล่ะมั้ง
เห็นอย่างนั้นแต่เขาก็ไม่โกหกนะ”
“จะจริงเหรอ คนแบบนั้นกรไปรู้จักได้ยังไงกันนะแย่ที่สุดน่าโมโหที่สุดเลย”
ถึงจะเป็นคนแบบนั้น
แต่ก็เพราะคนแบบนั้น
ผมถึงได้มาเจอกับเธอไง
อายตา…
ในห้องช่วงโฮมรูม
“โอเคทุกคนอยู่กันครบแล้วครูก็ขอแนะนำนักเรียนใหม่ที่เพิ่งจะเข้าเรียนในวันนี้
นะ”หลังจากที่ครูพูดจบทุกคนก็ดูตื่นเต้นกับนักเรียนใหม่ที่จะถูกนำเสนอหน้าชั้น
ความรู้สึกเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นเลยแฮะ
แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ
เพราะผมรู้ดีว่าใครที่กำลังจะเข้ามา
“เข้ามาสิ”สิ้นเสียงของครูประจำชั้นหน้าแก่ ประตูก็ถูกเปิดเขาเดินเข้ามาในห้อง
แล้วหยุดยืนหน้าชั้นเรียน ขณะมีเสียงโวยวายจากพวกผู้หญิงในห้อง
“ว๊ายยยยยยหล่อจัง!!!”
“ว่าไงทุกคนผมชื่อวิชยา สวัสดีนฤนาท แต่จะเรียกผมว่าวิทย์ก็ได้นะ”ทันใดนั้น
เสียงกรีดก็ดังขึ้นทั้งห้อง ที่จริงแล้วมาจากพวกผู้หญิง
แต่ดูเหมือนพวกผู้ชายจะไม่ค่อยพอใจกับการมาของวิทย์นัก บางคนทำหน้า
เหมือนจะรอเล่นเขาหลังเลิกเรียนเลย ไม่แปลกเพราะในหมู่พวกผู้หญิงที่กรีดกราดอยู่ล้วนมี
แฟนนั่งหัวโด่อยู่ไม่ไกลนักอยู่ในห้อง พอคิดว่าวิทย์ที่มาโรงเรียนวันแรกจะโดนเล่นแล้ว
ผมเองก็นึกภาพตอนเขาหน้าบวมไม่ออกเลย
ทันใดนั้นหนึ่งในกลุ่มผู้ชายกว่า16ก็ได้ลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ ก็อย่างที่ผมว่าล่ะนะ
“เฮ้ยมึงน่ะหลังเลิกเรียนตามพวกกูมานะ แล้วอย่าหนีล่ะ”พอทุกคนได้ยินอย่างนั้น
ก็คุยกันไปต่างๆนาๆอย่างไม่รู้อะไร
“น่าเสียดายจังหล่อๆอย่างนั้นอย่างนี้จะมาเรียนอีกไหมนะ”
“นั้นสิๆ หวังว่าคงไม่โดนหนักมากนะ”
“เธอๆรู้ไหมครั้งก่อนที่กายพูดแบบนี้คนนั้นกระดูกหักจนต้องลาออกไปเลยนะ”
“สมแล้วหล่อดีนักไอ้สัส”
“น่าสงสารจัง”
“เด็กใหม่โดนเล่นแล้วครัช”
ใช่แล้วคนที่พูดประโยคนั่นคือกายนักเลงประจำห้อง6/5นี้ เพราะมีเรื่องชกต่อย
บ่อยไม่แปลกที่เขาคนนี้จะถูกพักการเรียนเหมือนวันหยุดปิดเทอม กายจ้องมองวิทย์อย่างกะ
จะกลืนกินวิทย์ไปทั้งตัว
วิทย์ที่ยืนอยู่หน้าชั้นยิ้มแสยะใส่กาย
“ดีเหมือนจะเข้ากับทุกคนได้ดีเลยนะ ไปนั่งที่สิเราจะเริ่มเรียนกันแล้ว”ตกลงใช้
ตีนหรือใช้ตาดูวะ ไอ้อย่างนี้มันไม่เรียกว่าเข้ากันได้ มันเรียกว่าสวนทางกันเลยมากกว่า
จะมีครูสักกี่คนกันนะที่อ่านสถานนะการณ์ไม่ออกได้แย่ไปกว่าครูคนนี้อีกแล้ว ครู
ประจำชั้นของผม ครูชัยวัต
วิทย์เห็นที่ว่างที่ถูกจัดไว้ให้แล้วจึงจะเดินไปนั่ง ระหว่างทางต้องผ่านโต๊ะของ
กาย กายเห็นวิทย์เดินมาจึงแกล้งวางขาจะขัดวิทย์พลางยิ้มได้ใจ แต่วิทย์กับเดินผ่านไปโดย
เหยียมไปบนขาของกาย
“โอ๊ยยย!”พอจะเดินผ่านไปก็ได้หันมายิ้มแสยะให้กายก่อนจะไปนั่งยังที่ของตัว
เอง
“หน่อยรอเลิกเรียนก่อนเถอะมึง ยิ้มไม่ออกแน่”
ตอนเที่ยง
“แล้วจะเอายังไงกับมันวะกาย”
“นั้นน่ะสิกูเกลียดหน้าแม่งตอนยิ้มชิบหายเลย ร่างกายอยากปะทะเลยวะ”
“เอาสมุดมันไปซ้อนแล้วนะแต่พอกลับมาสมุดพวกกูหายเองด้วยสิ แต่ของมันไม่
จดเลยวะ”
“ควายเอ๊ยที่ไม่จดเพราะรู้แล้วไงว่าจะโดยแกล้งยังไงโตแต่ตัวนะมึง”
“เออตอนกูเดินผ่านมันกูจ้องแม่งชิบหายแต่แม่งไม่กลัวกูเลย ตกลงกูหมดความ
น่ากลัวไปแล้วเหรอวะ”
“ไม่ต้องร้องนะยังมีครั้งต่อไปอยู่วัตสัน”
“วัตสันหน้ามึงสิกูชื่อต้น!”
“พอแค่นี้แหละ”กายพูด
“กูว่าแค่นี้มันคงกลัวขนตูดรดแล้วล่ะ”
อีกด้านหนึ่งที่โรงอาหาร
“แหมๆแฟนกินข้าวกันหวานจังเลยนะ”
“นายอีกแล้วเหรอ”
“อะไรกันผมเองก็อยากนั่งกินด้วยนะ ก็ผมมันไม่มีใครสนใจนิ”พูดเล่นแน่เพราะ
มันไม่ได้เป็นอย่างที่พูดเลย รอบๆโต๊ะที่เราทั้งสามนั่งกินข้าวกันอยู่
ตั้งแต่วิทย์มาดูเหมือนรอบๆจะมีแต่ผู้หญิงมานั่งกันนะ
เขากินข้าวอย่างหน้าระรื่น ดูเหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรเลยสินะ
ก็สมเป็นเขาดี
เขาที่เปลี่ยนคนรอบๆข้างผม
คนที่จะไม่มีวันโกหก และจะไม่มีวัน
หักหลังผม
เพราะเขาพูดเอง
เขาพูดอย่างนั้นเอง
วิชยา สวัสดีนฤนาท
ผู้ชายที่อันตรายที่สุด
เท่าที่ผมเคยรู้จักมาเลย…
เวลาผ่านไวเหมือนถูกกอ ณ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่กายจะเอาคืนแล้ว กายเรียกพวก
ทุกคนรวมเขาด้วยก็สิบคนลุกขึ้นแล้วไปยืนอยู่หน้าโต๊ะวิทย์
“ได้เวลาแล้วตามพวกกูมา”
วิทย์ไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนเขาลุกแล้วเดินตามกายไป
“กายเดินนำทางให้วิทย์ไปยังโรงยิมขณะที่มีพวกกายเดินอยู่ด้านหลังวิทย์มาติด
ๆที่ทำอย่างเพื่อไม่ให้วิทย์หนีสินะ หลังจากหายขึ้นไปบนโรงหยิบแล้ว ผมก็ไม่คิดที่จะตาม
ไปด้วย ที่จริงแล้ว ความจริงแล้วมันไม่ใช่ธุระของผมนิเนอะ อีกอย่างผมกับมีความรู้สึกว่า
อย่าไปห่วงวิทย์เลยดีกว่า
ออกจะเห็นแก่ตัวแต่ก็อย่าโทษผมเลยนะ
ก็ผมเป็นพระเอกแบบที่ไม่เก่งชกต่อยนิ
อย่างนี้ต้องเรียกว่าช่วยไม่ได้ต่างหากล่ะ
ผมเดินไปหาอายตาที่ห้องของเธอแล้วหลังจากนั้นเราสองคนก็กลับบ้านด้วยกัน
โดยผมเดินไปส่งเธอก่อนแล้วจึงเดินกลับบ้านตัวเองอย่างสบายใจ
พลางคิดว่า
วิทย์จะเป็นยังไงบางนะ…
อีกด้านหนึ่ง
อายตาทำหน้ากังวลเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
เข้าไปที่ห้อง…
ที่ปรึกษา
ภายในดูสบาย ไม่มีทั้งรังกระดาษหรือป้ายงานวันวิชาการและวันกีฬาสีอยู่เลย
เบื้องหน้าของอายตาคือชายผู้ที่เรียกตัวเองว่า
ที่ปรึกษา
“เจอกันอีกแล้วนะ…คุณประธานนักเรียน”
***************
(ที่ปรึกษา)
ดูเหมือนจะเป็นคนเอาเรื่องอยู่นะแต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก…
กล่าวคือไม่จำเป็นต้องห่วง…ตัวตนของเขาผมรู้จักดีเลยล่ะ…
(กร)
มันเป็นเรื่องเล่าเหรอ…เรื่องของที่ปรึกษาน่ะ?
(อายตา)
นายอีกแล้วเหรอ?
(วิทย์)
เหมือนโชคชะตานำพาเราทั้งคู่ให้มาเจอกันเลยนะว่าไหมอายตา
(อายตา)
หยุดเถอะอยากจะอวก…
(หวาน)
นายนั้นแหละคือคนร้าย…คงไม่ว่ากันนะถ้าอยากเล่นเป็นนักสืบ
(กาย)
บ้าจริงประมาทไป…
(วิทย์)
ไม่ต้องสงสัยในตัวตนของผมหรอกนะ…เพราะเบื้องหน้าของพวกท่านทั้งหลายคือชายที่จะไม่แพ้ใคร…ขอเป็นตัวละครที่แซบที่สุดล่ะกันนะ
บทต่อไป นักสืบประจำโรงเรียน
ก่อนที่จะเริ่มเรื่องผมยังมีสิ่งที่จำเป็นจะต้องบอกก่อน มันเป็นเรื่องเมื่อสามปีก่อน
สามปีก่อนหน้านี้ ผมตอนช่วงมอต้นเคยพบกับคนๆหนึ่ง คนที่ผมอาจจะเรียกเขาว่าเพื่อนได้
อาจจะนะ…
ในตอนนั้นผมไม่มีเพื่อน ซ้ำร้ายยังมีแต่คนเกลียด
ทุกวันมีแต่โดนแกล้ง
จนวันหนึ่งผมหมดความอดทน ในวันนั้น
ผมอยากจะตาย
ผมเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึก ในใจตอนนั้นอยากจะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อผมเดินขึ้น
ไปบนนั้นแล้ว ผมกลับพบกับเขา
เขาคนนั้นกำลังยืนพาดที่กั้นอยู่โดยหันหลังให้ผม ในตอนนั้นตัวผมไม่ได้สนใจเขา
ผมเดินเขาไปใกล้ๆที่กั้น กะจะปีนที่กั้นแล้วโดดจากชั้นที่หกลงไปกระทบกับพื้นด้านล่าง แต่
ตอนนั้น
“ว่าไงๆวันนี้สบายดีไหม”สบายก็บ้าสิ
เลือดในหัวหยุดเลี้ยงเหรอถึงถามอะไรโง่ๆแบบนี้ได้
ไม่ได้จะโทษหรอกนะแต่ ขอเถอะกูกำลังซีเรียด
“ก็นิดหน่อยน่ะ”ผมตอบกลับไปแบบขอไปที กับคนกำลังจะตายคงไม่ตอบพูดสั่ง
เสียอะไรไว้หรอกมั่ง พูดจบก็เริ่มปีนข้ามที่กั้น
“แล้วชีวิตตอนนี้ชอบมันไหม? แค่อยากจะรู้น่ะ แล้วถ้าเปลี่ยนได้อยากจะลอง
เปลี่ยนไหมล่ะ”
“ไม่ชอบหรอก ถ้าถามว่าอยากจะเปลี่ยนล่ะก็แน่นอน”
ใช่ผมอยากจะเปลี่ยน
อย่างน้อยๆก็ให้ดีกว่านี้
เขาจึงพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นช่วยรอถึงพรุ่งนี้ได้ไหม แล้วผมคนนี้จะแสดงให้ดูเองว่าโลกเปลี่ยน
มันเป็นยังไง”
โลกเปลี่ยน
พูดจบก็หันมาแสยะยิ้มให้
ผมจำได้ว่ายิ้มนั้นเป็นยังไง
มันเป็นยิ้มที่มีแต่
โกหก
หลอกล่วง
และน่ารังเกียจที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย
แต่สิ่งที่ต้องยอมรับมีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือ เขาไม่เคยโกหก
ถ้าจะถามว่าเขาเป็นคนยังไงล่ะก็ผมคงบอกได้ว่าเขารูปร่างดี หล่อ ฉลาด และไม่
เคยโกหก
เพราะอะไรผมถึงต้องบอกอย่างนั้น
ที่จริงแล้วเขาไม่เคยโกหกน่ะ
ก็เพราะเขาพูดเอง
“ผมน่ะไม่เคยโกหกหรอกนะ อะไรที่ผมพูดผมจะทำให้ได้อย่างที่พูดเสมอ และ
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นช่วยรอจนถึงพรุ่งนี้ได้ไหมกร”
เขารู้ชื่อผม
ในตอนนั้นทำไมผมถึงไม่เอะใจเลยก็ไม่รู้ ผมรู้เพียงแค่ว่า
ตัวผมในตอนนั้น
เริ่มเชื่อเขาเข้าให้แล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น
ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป เหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ มุมมองของผมในตอนนั้นได้
เปลี่ยนไปจนน่าขนลุก ความรู้สึกเหมือนแตกต่างจนดูน่ากลัว
ไม่มีใครแกล้งผมอีกแล้ว ทั้งที่มองแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรแถมมีบางคนมาพูดดีด้วยก็
มี
ทำไมกัน
ทำไมจู่ๆทุกอย่างมันถึงได้เปลี่ยนไป
อะไรที่สามารถทำให้มันเปลี่ยนได้กัน
ผมนึกถึงคำพูดของเขา
เขาไม่เคยโกหกและจะทำตามสิ่งที่เขาพูดให้ได้เสมอ
ผมกลับคิดแปลกๆว่าถ้าเขาพูดว่าจะฆ่าทุกคนล่ะ
เรื่องนั้นจะเกิดขึ้นจริงไหมนะ?
อย่างไรก็ตามในวันที่ผมได้เปลี่ยนไป
ที่จริงแล้วทุกคนเปลี่ยนไปมากกว่า
เพราะผมก็ไม่มีเพื่อนเหมือนเดิม
ในวันนั้นผมพยายามหาเขา
แต่กลับมารู้ตอนหลังว่า เขาไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนนี้แล้ว
แล้วเขาคือใครกันล่ะ
ตัวตนที่สามารถอธิบายได้แค่ว่า
จะไม่มีทางโกหก
ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่อีกแล้ว
ลาออก?
ผมคิดอย่างนั้น
และนั่นคือเรื่องราวของผมก่อนที่จะเข้าโรงเรียนนี้
เรื่องราวของผมที่ได้พบกับเขา
เขาที่อันตรายที่สุด
เท่าที่ผมเคยเจอมาเลย…
วันที่21ธันวาคม
พูดได้เต็มปากว่าเป็นวันจันทร์ที่แตกต่างจากทุกจันทร์ที่เคยผ่านมาเลยก็ว่าได้
เพราะอะไรน่ะเหรอ
“เป็นเช้าที่ดีนะค่ะคุณแฟน”
“นั้นสินะเป็นช่วงเช้าที่แปลกใหม่จริงๆ”
เพราะมีอายตาอยู่ด้วยไง
ตั้งแต่ตอนที่ผมสารภาพรักกับอายตามา เราก็ได้เป็นแฟนกัน อายตาตอบรับผม
อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเธอให้เหตุผลว่า
เพราะกรเป็นกรไง
เธอว่าอย่างนั้น
นั่งด้วยกันสองคนตรงหน้าเสาธง อากาศวันนี้ดีเป็นพิเศษ เหมือนกับว่าจะมีเรื่อง
ดีๆเกิดขึ้นยังไงยังนั้น อายตาพูดขึ้น
“อีกไม่นานก็จะถึงวันลงคะแนนเสียงแล้วนะ กรจะเลือกฉันไหม”
“แน่นอน”อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงวันลงคะแนนแล้ว ดูแล้วปีนี้ยังไงอายตาก็ได้เป็น
ประธานนักเรียนแน่ ผมจึงไม่ห่วง
ที่ผมได้อยู่กับอายตาแบบนี้คงต้องขอบคุณที่ปรึกษา
เขาช่วยผมไว้ให้ได้เป็นแฟนกับอายตา
ตอนนี้มีความสุขกันอย่างจะให้หยุดอยู่แค่นี้เลย
ให้เวลามันผ่านไปช้าอย่างที่ผมต้องการเลย
แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็หายไปในทันที
เพราะว่า…
“ว่าไงไม่ได้เจอกันนานนะ กร”
เขาคนนั้น คนที่ไม่ได้บอกชื่อผม คนที่ไม่เคยโกหก
กำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราอยู่
“เออว่าไงนายเมื่อตอนนั้น”เขาแสยะยิ้มให้อย่างน่ายินดี อายตาเห็นแล้วไม่พอใจ
“การแสยะยิ้มเป็นมารยาทที่ไม่ดีหรอกนะหยุดทำเถอะ ไม่มีใครเขาชอบหรอก
นะ”ถึงจะพูดอย่างนั้นออกไปแต่ตัวเขากลับไม่ได้สนใจนักแล้วถามผมแบบขอไปทีว่า
“แล้วเธอคนนี้คือใครเหรอกร”ถามแล้วชี้ไปที่อายตา
“เออแฟนฉันเองน่ะชื่ออายตา”
“โอโฮแฟนเหรอ? คุณแฟนเหรอ? แหมๆน่าประทับใจจังเลยนะ ทั้งที่กรไม่มี
เพื่อนแท้ๆแต่กลับมีแฟนได้เก่งจริงๆ นับถือๆ”ทำน้ำเสียงกวนๆ
ทำไมถึงแน่ใจเรื่องที่เราไม่มีเพื่อนได้กันนะ
“มันชักจะมากไปแล้วนะ นายมันน่ารังเกลียดที่สุดเลยรู้ตัวบางไหม?”
“ถ้าพูดถึงเรื่องน่ารังเกลียดล่ะก็เธอเองก็มีอยู่ทั้งตัวไม่ใช่เหรอคุณแฟน”ยิ้มแสยะ
ให้อายตาเป็นครั้งที่สองก่อนที่จะมองลงต่ำไปที่ตัวอายตา อายตาลุกขึ้นไปจะตบ
“อย่าดีกว่าๆผมไปล่ะ เราเป็นว่าเจอกันทีหลังแล้วกันนะกรหรือจะบอกว่าเดี๋ยวก็
เจอกันอีกดี”เขาพูดจบก็เดินจากไป เดินหายไปกับฝูงชนในอาคารเขาสวมชุดมอปลาย
โรงเรียนนี้เหรอ? เมื่อกี้แปลว่าเขาจะมาเรียนที่นี้เหรอ?
ทั้งที่ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนเนี่ยนะ
“ใครกันน่ะกรทั้งปากไม่ดีแถมน่ารังเกลียดสุดๆนั่น”พูดออกมาอย่างโกรธแล้วจึง
ถามซ้ำ
“จะให้อธิบายยังไงดีนะ เขาเคยช่วยฉันน่ะก็ประมาณว่าติดหนี้บุญคุณเขาอยู่ล่ะมั้ง
เห็นอย่างนั้นแต่เขาก็ไม่โกหกนะ”
“จะจริงเหรอ คนแบบนั้นกรไปรู้จักได้ยังไงกันนะแย่ที่สุดน่าโมโหที่สุดเลย”
ถึงจะเป็นคนแบบนั้น
แต่ก็เพราะคนแบบนั้น
ผมถึงได้มาเจอกับเธอไง
อายตา…
ในห้องช่วงโฮมรูม
“โอเคทุกคนอยู่กันครบแล้วครูก็ขอแนะนำนักเรียนใหม่ที่เพิ่งจะเข้าเรียนในวันนี้
นะ”หลังจากที่ครูพูดจบทุกคนก็ดูตื่นเต้นกับนักเรียนใหม่ที่จะถูกนำเสนอหน้าชั้น
ความรู้สึกเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นเลยแฮะ
แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ
เพราะผมรู้ดีว่าใครที่กำลังจะเข้ามา
“เข้ามาสิ”สิ้นเสียงของครูประจำชั้นหน้าแก่ ประตูก็ถูกเปิดเขาเดินเข้ามาในห้อง
แล้วหยุดยืนหน้าชั้นเรียน ขณะมีเสียงโวยวายจากพวกผู้หญิงในห้อง
“ว๊ายยยยยยหล่อจัง!!!”
“ว่าไงทุกคนผมชื่อวิชยา สวัสดีนฤนาท แต่จะเรียกผมว่าวิทย์ก็ได้นะ”ทันใดนั้น
เสียงกรีดก็ดังขึ้นทั้งห้อง ที่จริงแล้วมาจากพวกผู้หญิง
แต่ดูเหมือนพวกผู้ชายจะไม่ค่อยพอใจกับการมาของวิทย์นัก บางคนทำหน้า
เหมือนจะรอเล่นเขาหลังเลิกเรียนเลย ไม่แปลกเพราะในหมู่พวกผู้หญิงที่กรีดกราดอยู่ล้วนมี
แฟนนั่งหัวโด่อยู่ไม่ไกลนักอยู่ในห้อง พอคิดว่าวิทย์ที่มาโรงเรียนวันแรกจะโดนเล่นแล้ว
ผมเองก็นึกภาพตอนเขาหน้าบวมไม่ออกเลย
ทันใดนั้นหนึ่งในกลุ่มผู้ชายกว่า16ก็ได้ลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ ก็อย่างที่ผมว่าล่ะนะ
“เฮ้ยมึงน่ะหลังเลิกเรียนตามพวกกูมานะ แล้วอย่าหนีล่ะ”พอทุกคนได้ยินอย่างนั้น
ก็คุยกันไปต่างๆนาๆอย่างไม่รู้อะไร
“น่าเสียดายจังหล่อๆอย่างนั้นอย่างนี้จะมาเรียนอีกไหมนะ”
“นั้นสิๆ หวังว่าคงไม่โดนหนักมากนะ”
“เธอๆรู้ไหมครั้งก่อนที่กายพูดแบบนี้คนนั้นกระดูกหักจนต้องลาออกไปเลยนะ”
“สมแล้วหล่อดีนักไอ้สัส”
“น่าสงสารจัง”
“เด็กใหม่โดนเล่นแล้วครัช”
ใช่แล้วคนที่พูดประโยคนั่นคือกายนักเลงประจำห้อง6/5นี้ เพราะมีเรื่องชกต่อย
บ่อยไม่แปลกที่เขาคนนี้จะถูกพักการเรียนเหมือนวันหยุดปิดเทอม กายจ้องมองวิทย์อย่างกะ
จะกลืนกินวิทย์ไปทั้งตัว
วิทย์ที่ยืนอยู่หน้าชั้นยิ้มแสยะใส่กาย
“ดีเหมือนจะเข้ากับทุกคนได้ดีเลยนะ ไปนั่งที่สิเราจะเริ่มเรียนกันแล้ว”ตกลงใช้
ตีนหรือใช้ตาดูวะ ไอ้อย่างนี้มันไม่เรียกว่าเข้ากันได้ มันเรียกว่าสวนทางกันเลยมากกว่า
จะมีครูสักกี่คนกันนะที่อ่านสถานนะการณ์ไม่ออกได้แย่ไปกว่าครูคนนี้อีกแล้ว ครู
ประจำชั้นของผม ครูชัยวัต
วิทย์เห็นที่ว่างที่ถูกจัดไว้ให้แล้วจึงจะเดินไปนั่ง ระหว่างทางต้องผ่านโต๊ะของ
กาย กายเห็นวิทย์เดินมาจึงแกล้งวางขาจะขัดวิทย์พลางยิ้มได้ใจ แต่วิทย์กับเดินผ่านไปโดย
เหยียมไปบนขาของกาย
“โอ๊ยยย!”พอจะเดินผ่านไปก็ได้หันมายิ้มแสยะให้กายก่อนจะไปนั่งยังที่ของตัว
เอง
“หน่อยรอเลิกเรียนก่อนเถอะมึง ยิ้มไม่ออกแน่”
ตอนเที่ยง
“แล้วจะเอายังไงกับมันวะกาย”
“นั้นน่ะสิกูเกลียดหน้าแม่งตอนยิ้มชิบหายเลย ร่างกายอยากปะทะเลยวะ”
“เอาสมุดมันไปซ้อนแล้วนะแต่พอกลับมาสมุดพวกกูหายเองด้วยสิ แต่ของมันไม่
จดเลยวะ”
“ควายเอ๊ยที่ไม่จดเพราะรู้แล้วไงว่าจะโดยแกล้งยังไงโตแต่ตัวนะมึง”
“เออตอนกูเดินผ่านมันกูจ้องแม่งชิบหายแต่แม่งไม่กลัวกูเลย ตกลงกูหมดความ
น่ากลัวไปแล้วเหรอวะ”
“ไม่ต้องร้องนะยังมีครั้งต่อไปอยู่วัตสัน”
“วัตสันหน้ามึงสิกูชื่อต้น!”
“พอแค่นี้แหละ”กายพูด
“กูว่าแค่นี้มันคงกลัวขนตูดรดแล้วล่ะ”
อีกด้านหนึ่งที่โรงอาหาร
“แหมๆแฟนกินข้าวกันหวานจังเลยนะ”
“นายอีกแล้วเหรอ”
“อะไรกันผมเองก็อยากนั่งกินด้วยนะ ก็ผมมันไม่มีใครสนใจนิ”พูดเล่นแน่เพราะ
มันไม่ได้เป็นอย่างที่พูดเลย รอบๆโต๊ะที่เราทั้งสามนั่งกินข้าวกันอยู่
ตั้งแต่วิทย์มาดูเหมือนรอบๆจะมีแต่ผู้หญิงมานั่งกันนะ
เขากินข้าวอย่างหน้าระรื่น ดูเหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรเลยสินะ
ก็สมเป็นเขาดี
เขาที่เปลี่ยนคนรอบๆข้างผม
คนที่จะไม่มีวันโกหก และจะไม่มีวัน
หักหลังผม
เพราะเขาพูดเอง
เขาพูดอย่างนั้นเอง
วิชยา สวัสดีนฤนาท
ผู้ชายที่อันตรายที่สุด
เท่าที่ผมเคยรู้จักมาเลย…
เวลาผ่านไวเหมือนถูกกอ ณ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่กายจะเอาคืนแล้ว กายเรียกพวก
ทุกคนรวมเขาด้วยก็สิบคนลุกขึ้นแล้วไปยืนอยู่หน้าโต๊ะวิทย์
“ได้เวลาแล้วตามพวกกูมา”
วิทย์ไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนเขาลุกแล้วเดินตามกายไป
“กายเดินนำทางให้วิทย์ไปยังโรงยิมขณะที่มีพวกกายเดินอยู่ด้านหลังวิทย์มาติด
ๆที่ทำอย่างเพื่อไม่ให้วิทย์หนีสินะ หลังจากหายขึ้นไปบนโรงหยิบแล้ว ผมก็ไม่คิดที่จะตาม
ไปด้วย ที่จริงแล้ว ความจริงแล้วมันไม่ใช่ธุระของผมนิเนอะ อีกอย่างผมกับมีความรู้สึกว่า
อย่าไปห่วงวิทย์เลยดีกว่า
ออกจะเห็นแก่ตัวแต่ก็อย่าโทษผมเลยนะ
ก็ผมเป็นพระเอกแบบที่ไม่เก่งชกต่อยนิ
อย่างนี้ต้องเรียกว่าช่วยไม่ได้ต่างหากล่ะ
ผมเดินไปหาอายตาที่ห้องของเธอแล้วหลังจากนั้นเราสองคนก็กลับบ้านด้วยกัน
โดยผมเดินไปส่งเธอก่อนแล้วจึงเดินกลับบ้านตัวเองอย่างสบายใจ
พลางคิดว่า
วิทย์จะเป็นยังไงบางนะ…
อีกด้านหนึ่ง
อายตาทำหน้ากังวลเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
เข้าไปที่ห้อง…
ที่ปรึกษา
ภายในดูสบาย ไม่มีทั้งรังกระดาษหรือป้ายงานวันวิชาการและวันกีฬาสีอยู่เลย
เบื้องหน้าของอายตาคือชายผู้ที่เรียกตัวเองว่า
ที่ปรึกษา
“เจอกันอีกแล้วนะ…คุณประธานนักเรียน”
***************
(ที่ปรึกษา)
ดูเหมือนจะเป็นคนเอาเรื่องอยู่นะแต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก…
กล่าวคือไม่จำเป็นต้องห่วง…ตัวตนของเขาผมรู้จักดีเลยล่ะ…
(กร)
มันเป็นเรื่องเล่าเหรอ…เรื่องของที่ปรึกษาน่ะ?
(อายตา)
นายอีกแล้วเหรอ?
(วิทย์)
เหมือนโชคชะตานำพาเราทั้งคู่ให้มาเจอกันเลยนะว่าไหมอายตา
(อายตา)
หยุดเถอะอยากจะอวก…
(หวาน)
นายนั้นแหละคือคนร้าย…คงไม่ว่ากันนะถ้าอยากเล่นเป็นนักสืบ
(กาย)
บ้าจริงประมาทไป…
(วิทย์)
ไม่ต้องสงสัยในตัวตนของผมหรอกนะ…เพราะเบื้องหน้าของพวกท่านทั้งหลายคือชายที่จะไม่แพ้ใคร…ขอเป็นตัวละครที่แซบที่สุดล่ะกันนะ
บทต่อไป นักสืบประจำโรงเรียน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ