เรียกผมว่าที่ปรึกษาล่ะกันนะ
2) ความหมายของประโยคนั่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 2 ความหมายของประโยคนั่น (ตอน : ที่ปรึกษาที่ดี)
ถ้าว่าถึงสิ่งที่เรียกกันว่าความพยายามแล้วล่ะก็
ผมเองก็ขอเขียนคำๆนั้นตัวใหญ่ๆด้วยหมึกสีแดงแล้วกันนะ
สิ่งที่พวกเราเรียกกันว่าความพยายาม
ตกลงแล้ว
แท้จริงแล้ว
มันคืออะไรกันนะ
สิ่งที่ผลักดันความสำเร็จที่ยังไม่เห็นผลให้กับเราเหรอ
ไม่ใช่…
สิ่งที่มอบแรงแห่งความทะโยทะยานให้แก่เราเหรอ
ไม่ใช่…
สิ่งที่…
เปล่าเลย ความพยายามในความหมายของผมมันคือ
การอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่อาจจะยอมรับได้ต่างหากล่ะ
แล้วเฉลยล่ะ
ความจริงแล้วถูกทุกข้อนั่นแหละ
เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่เหลือทิ้งไว้ก็มีเพียงแค่ความจริงเท่านั้นแหละ
แล้วถ้าผมจะตั้งคำถามสักขอล่ะ
พวกคุณคิดว่าจะตอบมันได้ไหม?
คำถามคือ ผมน่ะเป็นใครกันแน่?
หวังว่าจะมีคนตอบถูกก่อนที่
ผมจะเฉลยนะ
ถ้าพร้อมแล้ว
มาจบเรื่องราวนี้กันเถอะ
12:00
เที่ยงตรงของวันที่ 15 วันนี้เป็นวันอังคาร
ผมเดินคู่ไปกับที่ปรึกษาเพื่อมุ่งตรงไปที่ห้อง6/3
ห้องของอายตา…
ถึงจะบอกว่าเตรียมใจเพื่อที่จะบอกรักเธอแล้ว ผมก็ไม่ได้คิดที่จะบอกรักเธอ
ตอนนี้หรอก
ใช่แล้ว
เพราะแท้จริงแล้วการไปครั้งนี้ของผมเป็นเพียงแค่การทำความรู้จักแบบ
จริงจัง
ต้องเน้นคำว่าจริงจังด้วยนะ
เพราะถึงยังไงก็ตามตัวผมในตอนนี้ยังขาดสิ่งที่จะทำให้การสารภาพรักของ
ผมสำเร็จไปด้วยดีอยู่ ผมยังขาดมันอยู่
ผมขาดความสนิท
ถ้าว่ากันแล้วการที่จะรักใครแล้วอยู่ๆจะไปบอกรักเขามันเป็นเรื่องบื่อมาก
แท้จริง
ความจริงแล้ว
ควรจะเรียนรู้กันก่อน
เหมือนเก็บคะแนนไง
ช่วงปิดเทอมของมอห้าผมได้โหลดเกมจีบสาวที่ร้านเกมขาประจำ เพราะ
ปกติแล้วผมเป็นพวกที่ไม่ได้ไปที่ไหนมาก ผมมีที่ๆอยากจะไป แล้วพอไปแล้วก็กลับ ผมไม่
เหมือนพวกงี่เง่าที่จับกลุ่มกันแล้วเดินไปไหนมาไหนด้วยกันแบบไร้จุดหมายหรอกนะ
มันเสียเวลาน่ะ
มันเปลืองพลังงาน
คนพวกนี้มันขัดหูขัดตาผมเหลือเกิน ผมมักจะก้มหน้าลงแล้วเงยหน้าขึ้นมา
พร้อมกับประโยคขาประจำของผม
‘ไปตายซะไอ้พวกประสบความสำเร็จในชีวิต’
ถ้าถามว่าผมอิจฉาหรือเปล่าคำตอบของคำถามนั่นคือ
ไม่…
กลับกันมันถูกแท้ที่ด้วยรอยยิ้มของผม
เพราะผมเอาชนะเหตุผลของการมีอยู่ของตัวเองได้แล้ว
ผมมีที่ๆจะไปด้วยเหตุผล ผมมีสิ่งที่อยากได้ด้วยเหตุผล ผมอยู่คนเดียวได้
ด้วยเหตุผล
เหตุผลของมันคือ
ผมต่างชั้นกับพวกเขาเกินไป
พอมาลองคิดๆดูแล้วผมเอง ผมเองที่แตกต่างเกินไป แตกต่างจนทำให้รู้สึก
ว่าตัวเองพิเศษ จนเข้าใจว่า
มี
แค่
ผม
ที่
เข้าใจ
ทุกอย่าง
อย่าง
ถูกต้อง
และเพราะอย่างนั้นผมที่แตกต่าง
เลยต้องอยู่คนเดียว
ครั้งแรกที่โหลดเกมแนวจีบสาวเจ้าของร้านทักว่า
‘พ่อหนุ่มอยากมีแฟนสินะถึงได้อยากจะเล่น’เมื่อคิดถึงเหตุผลที่ว่าอยากมี
แล้ว ก็คิดได้ว่าต้องมี แปลกที่ผมไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับการมีเพื่อน
เปล่าเลย
ตัวผมไม่ได้มีเพื่อน… และสุดท้ายแล้วก็ไม่ต้องการเพื่อน แต่ถ้ามองในมุม
กลับแล้วล่ะก็ผมเองสินะ
ที่ยังต้องการแฟนอยู่
ใช่แล้ว ผมต้องการแฟน
ทั้งที่ผมไม่ต้องการเพื่อน
และนั้นคือความจริงของผม ความจริงที่ผมพยายามจะอยู่กับมัน
กลับมาเรื่องเดิมก่อนนะ
ถ้าเคยเล่นเกมจีบสาวแล้วจะเข้าใจว่า ส่วนของช่วงต้นเกมเป็นแค่ความ
บังเอิญที่จะได้เจอรักแท้ อาจจะผ่านกิจกกรม หรือจะเป็นการบังคับก็ตาม ทั้งหมดนั่นก็เป็น
ได้แค่การเริ่มต้นของเรื่องราว
แต่ถึงแม้เรื่องราวจะง่ายแค่ไหน ถ้าผู้เล่นไม่จริงจังแล้วล่ะก็ ผลสุดท้าย
BAD END
จุดจบของผู้เล่นที่ไม่ได้ดูตราม้าตราเรือเลย ผลสุดท้ายแล้วก็จะจบแบบนี้
แหละ และผมก็เป็นแบบนั้นบ่อยตอนเล่นเกมจีบสาวครั้งแรกเหมือนกัน
คนที่ผมจีบในบันดาสาวๆถึงเจ็ดคนคือ
…
ประธานนักเรียน
“อีกไม่นานก็จะเดินถึงแล้วนะกรคิดอะไรไว้หรือยังล่ะเรื่องที่จะบอกกับเธอ
น่ะ”
“ยังเลย ยังคิดไม่ออก”ถึงยังไงก็ตามผมก็จะเลือกตัวเลือกที่ถูกที่สุด
เพราะการจีบสาวครั้งนี้
มันไม่มีค่าความชอบขึ้นมาให้เห็นหรอกนะ
ทางผ่านของเราสองคนเป็นทางเดินยาวโดยมีห้องแต่ล่ะห้อง
ตั้งแต่6/5จนถึง6/3เรียงติดกันอยู่ แสงจากกระจกใสส่องผ่านม่านพลาสติกเข้ามากระทบกับ
ตาผมเข้าพอดี ทำให้รู้ตัวได้ว่า…
วันนี้แดดแรงจริงๆเลยนะ
ผมหันไปมองที่ปรึกษาระหว่างที่พวกเราสองคนกำลังเดินอยู่ พลางคิดขึ้น
ได้ว่า
เขาไม่เรียนเหรอ? แล้วเขาอยู่ห้องไหนกันล่ะ? ดูแล้วยังไงก็คงรุ่นเดียวกัน
แต่เขากลับมาห้องที่ปรึกษาได้ก่อนผมโดยที่ไม่ถูกผมเห็นได้ยังไงกันล่ะ?
หรือเพราะที่จริงแล้วผมมันเป็นคนไม่มีเพื่อนขนาดที่ไม่ได้สนใจเพื่อนใหม่
ของตัวเองเลย ไม่ได้สนใจที่ปรึกษาพอที่จะ
รับรู้ถึงตัวตนของเขา
เป็นเพื่อนที่แย่จริงๆนะผมนี่
พอมาคิดดีๆแล้วคงมีแค่สองวิธีเท่านั้นที่จะทำได้
หนึ่งเขาต้องอยู่ที่นั่นตั้งแต่แรกแล้ว กล่าวคือโดดคาบ
อย่างที่สอง เขาอาจขอเข้าห้องน้ำตอนเกือบเลิกคาบก็ได้และถือโอกาสมา
ที่นี้เลย
ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นพวกโดดเรียนก็ตอนนี้แหละ
ถึงยังไงก็ตาม
เขาก็ยังเป็นเพื่อนของผมอยู่ดี
ที่ปรึกษาแต่งตัวเรียบร้อย ปล่อยผมโดยไม่ได้จัด ผิวสีแทน สูงพอๆกับผม
มีรูปร่างที่ค่อนข้างผอม ไม่มีชื่อ มีประโยคประจำของตัวเอง
และนั่นคือสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับเขา
ที่ปรึกษา
ทันใดนั้นสิ่งที่ผมเองและที่ปรึกษาคาดไม่ถึงก็ปรากฏให้เห็นข้างหน้าไม่ไกล
มากและกำลังตรงมาทางพวกเรา พวกเราหยุดเดินเพราะสิ่งนั้น
อายตาเดินมาด้วยความเร็วพอเหมาะแต่ถ้าเป็นไปได้ผมเองก็อยากจะให้
เธอเดินช้ากว่านี้สักนิด ผมหันไปหาที่ปรึกษาแล้วทำหน้าเหมือนต้องการคำแนะนำด่วนๆ
เจ้าตัวหันทั้งตัวมาทางผมแล้วทำมือทำไม้ที่สื่อความหมายได้ว่า ‘ก็ไม่รู้สินะ’ โดยยกมือสอง
ข้างขึ้นหงายให้เห็นทั้งสองข้าง แต่เจ้าตัวก็พูดขึ้นเสียงเบาใส่ผมว่า
“ไปสิกรสู้ๆนะ”
พูดพลางส่งยิ้มให้ เวลานี้ไม่ต้องการยิ้มหรอกนะโว้ย!!!
ในสถานการณ์นี้นึกประโยคดีๆได้ประโยคหนึ่งเลย
ให้ตายเถอะแมรี่
ช่วยไม่ได้ล่ะนะ งั้นเอาไงเอากันไปข้างเลยล่ะกัน!
“ว่าไงอายตา”เดินเข้าไปแล้วจึงกล่าวคำทักทาย ตัวผมตอนนี้เกร็งไปหมด
แล้วครับ อายตาทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนที่จะทักกลับ “ว่าไงนายชื่อกรใช่ไหม แล้วมี
อะไรล่ะ”
“เออคือ…คือว่า…ผม…ผมแค่อยาก”
“อยาก…อะไรของนายน่ะ พูดให้มันเข้าใจง่ายๆหน่อยได้ไหม ตกลง
ต้องการอะไรล่ะ”
“เออคือว่าผมว่าจะ…จะ”
“จะอะไรนะ”
“จะลงสมัครประธาน…”ชิบหอยแล้วหลนจนพูดผิดเลย
“อะไรกันเรื่องแค่นี้เอง ตกลงนายอยากจะก่อสงครามกับฉันสินะ ถึงได้มา
ส่งสารท้าดวล ก็ได้ฉันอายตาผู้ที่จะต้องได้เป็นประธานนักเรียนปีนี้รับคำท้า แล้วอย่ามา
เสียใจทีหลังล่ะพ่อคนเก่ง”
ชิบหาย ชิบหาย ชิบหาย
“เออไม่ใช่นะครับเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่อยากจะช่วยคุณเองน่ะ”
“ช่วยฉันแล้วเรื่องอะไรล่ะที่จะช่วย”
“ผมว่าจะช่วยคุณหาคะแนนเสียงน่ะ”พูดออกไปได้แล้ว อายตาหลังได้ยิน
ก็กลับงงนิดๆแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า
“เพื่ออะไรล่ะ ที่ช่วยฉันคงไม่ได้ทำฟรีๆหรอก ใช่ไหมล่ะ”
“เออ”
ผมรีบหันไปหาที่ปรึกษา แต่ว่า…
หาย!!!
ลมเย็นจากไหนไม่รู้อยู่ๆก็พัดมาทางผมจนหน้าสั่น
หาย!!!
ที่ปรึกษาที่ควรจะยืนหัวโด่อยู่ด้านหลังผมกลับไม่อยู่
เมื่อรู้แล้วผมก็หันไปหาอายตาอีกครั้งแล้วพูดว่า
“เพราะผมชอบคุณครับ”
พูดออกไปแล้ว ตัวผมที่ไม่มีใครสนใจ จนถึงวันนี้ตอนนี้กลับพูดออกไป
แล้ว
ความรู้สึกที่มีให้กับเธอ และเตรียมใจที่จะยอมรับสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อ
จากนี้แล้ว
“อ๋ออย่างนี้นี้เอง ชอบฉันสินะก็นะไม่แปลกหรอก”
เธอกำลังจะปฏิเสธเหรอ? หรือมีคนมาสารภาพมากจนชิดแล้วกัน?
“คือเพราะชอบฉันสินะ ถึงว่าล่ะก็ไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ”
เธอไม่ว่าอะไรเหรอมีคนมาบอกรักเลยนะ ไม่โกรธเลยเหรอ แต่หน้าเธอ
ตอนนี้กลับดูดีใจด้วยซ้ำหรือว่าๆหรือว่าจะเป็นอยากที่คิด
“แหมๆชอบหมายเลขสองก็บอกช้าจังนะ คงอยากให้ฉันเป็นประธานสินะ
นายนี้ตาถึงจริงๆเลย โอเคเลยหลังเลิกเรียนนายก็มาเข้าประชุมสิ”
???
?????????
?????????????????
อะไร?
ก็ดีใจอยู่หรอกนะแต่
นี้มันเข้าใจผิดแล้วนิ…
“งั้นแค่นี้นะฉันรีบ แล้วมาให้ได้ล่ะกร”โบกมือบ๊ายบายแล้วจึงเดินจากไป
ทิ้งผมให้ยืนสับสนอยู่คนเดียวอีกครั้งหนึ่ง
เธอเข้าใจผิด
แต่อย่างน้อยที่สุด
ผมก็เข้าใกล้ตัวเธอเข้าไปอีกก้าวแล้วล่ะนะ
ทันใดนั้นที่ปรึกษาที่หลบอยู่หลังตู้เครื่องกดน้ำอัตโนมัติก็ค่อยๆเดินออก
มาแล้วมาตบไหลผมด้วยความดีใจ เขายิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“มันต้องอย่างนี้สิกรนายเจ๋งจริงๆเลยนะ ถึงแม้ช่วงแรกๆจะไม่ได้ดีมากก็
เถอะ แต่ยังไงก็ช่างสรุปแล้วผลก็ออกมาดีนะ”
“แล้วคุณทิ้งผมทำไมล่ะ รู้ไหมผมตัวเกร็งจนทำอะไรไม่ถูกเลย”
“แหมๆพระเอกก็ต้องอยู่กับนางเอกตามลำพังสิ ให้เพื่อนพระเอกมายืน
อยู่แบบนี้มันเสียจังหวะนะ”
“จังหวะจะเสียก็ปล่อยมันไปเถอะครับ!!!”
ปล่อยให้ยืนคุยกันโดยไม่ช่วยเลยเป็นที่ปรึกษาบ้าอะไรเนี่ย
“ดูเหมือนคะแนนจะขึ้นนะต่อจากนี้ก็พยายามเข้าล่ะ”พูดแล้วยิ้ม ไม่ต้อง
มายิ้มเลยนะ
“รู้ไหมเมื่อกี้คะแนนเกือบติดลบเลยล่ะ”
แต่ก็ขอบคุณนะที่ปรึกษา ถ้าไม่มีคุณ
ผมคงไม่อยู่ในสายตาของเธอหรอก
ขอบคุณ ขอบคุณจริง คุณที่ปรึกษา
ขอบคุณจริงๆ
วันที่ 15 ธันวาคม วันนั้นเป็นวันอังคาร ผมได้เข้าใกล้เธออีกก้าวแล้ว
5:55
หลังจากช่วยอายตาติดใบหาเสียงจนหมดแล้วเราก็แยกกัน ในตอนนั้น
ผมว่าจะไปหาที่ปรึกษาก่อนกลับ
หลังจากเดินมาจนจะถึงแล้ว ผมสงสัยว่าเย็นแบบนี้แล้ว ที่ปรึกษาจะอยู่
เหรอ อย่างเขาที่โดดคาบเรียนก่อนเวลาคงไม่อยู่ที่โรงเรียนตอนเลิกแล้วหรอก แต่ยังไงก็ไป
ก่อนแล้วกัน
เดินจนถึงหน้าประตู เปิดประตูเข้าไปก็แปลกใจ
ป้ายกีฬาสีที่ควรจะถูกย้ายออกไปแล้วกลับกองกับพื้นไปทั่ว
มันอะไรกัน?
ใครทำ?
ที่ปรึกษาเหรอ?
ไม่น่าใช่ เขาที่เป็นคนย้ายของทั้งหมดออกไปไม่น่าจะเป็นคนนำมันกลับ
มา
แล้วใครกันล่ะ จะอะไรก็ช่างเถอะ
ผมหยิบมันมารวมกันแล้ววางไว้บนโต๊ะ เดี๋ยวพอที่ปรึกษากลับมาก็เก็บ
เองแหละ
หันไปรอบๆห้อง
ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่นะ
“ถ้าอย่างนั้นกลับแล้วกันเรา”
วันพุธที่16 ธันวาคม
10:00
เช้าของวันพุธอีกประสบการณ์ใหม่กับความรู้สึกดีๆที่ไม่เคยมีมาก่อน
เพราะเป็นครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆที่ผมต้องการจะไปโรงเรียนโดยไม่ใช่ข้ออ้างว่า จำเป็น ถึง
ยังไงก็ตาม วันนี้ต้องไปคุยงานเกี่ยวกับเรื่องหาเสียงประธานนักเรียนด้วย อายตาสั่งอย่างนั้น
เจ้าตัวเป็นห่วงเรื่องคู่แข่งที่ดูจะสามารถชนะการเลือกตั้งประธานนักเรียนในครั้งนี้ได้
เวลาคุยงานอีก5นาที ผมจึงมาหาที่ปรึกษาเพื่อขอบคุณเขาเรื่องของอาย
ตา
เพราะเขาผมถึงมีเช้าวันนี้ได้
เช้าที่ผมต้องการนานแล้ว
พอกำลังจะเปิดประตูเข้าไป
“ว่าไง”
“เฮ้ยยย!!!”ที่ปรึกษาทักด้านหลังผม
ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาควรได้ฉายาว่านินจานะเพราะเงียบมาก
“ว่าไงล่ะกรตอนนี้คงไปได้สวยเลยสินะ อิอิ”
“ไม่ต้องมาอิอิเลยนะ”อีกอย่างคือ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมาย
ที่แท้จริงของ ‘อิอิ’หรอก ที่ปรึกษายิ้มอย่างดีใจพลางมองประตูห้องผ่านไหลผม แล้วจึงถาม
“จะเข้าไปเหรอ?”
“ก็นะแต่เมื่อที่ปรึกษามาแล้วก็ไม่ต้องเข้าไปหรอก ผมจะพูดไม่นาน”
“เรื่องอะไรล่ะว่ามาสิ”
“คือผมอยากจะขอบคุณที่ช่วยผมให้ได้คุยกับอายตาน่ะ”
“อะไรกันเรื่องแค่นั้นเอง ก็อย่างกรเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนเข้าไปคุยเอง
ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนิ จะมาขอบคุณทำไมล่ะ”
“เพราะยังไงคุณก็ช่วยผมไปแล้วไงครับ ไม่สำคัญหรอกเรื่องแค่นั้น”
ใช่แล้ว
ผมเข้าใจดี
เพราะไม่มีใครช่วยตัวเราเองได้นอกจากตัวเราเอง
และเพราะอย่างนั้น
ผมจึงต้องขอบคุณที่ปรึกษา
ทันใดนั้นอายตาก็เดินมาทางนี้พอดี เพราะถึงเวลาแล้วยังไม่ไปเลย
มาตามสินะ
“ว่าไงกรนายเนี่ยหัดดูเวลาหน่อยไหม มายืนอยู่หน้าห้องเก็บของคน
เดี๋ยวทำไมล่ะ”
เธอดูหงุดหงิดสุดๆ ผมยิ้มให้เผื่อเจ้าตัวจะใจเย็นลง
“บ้า”ดูเหมือนจะไม่ได้ผลแฮะ
“เอออายตานี้ที่ปรึกษานะ”ผมแนะนำตัวเขาให้อายตารู้จัก แต่ว่าเธอ
กลับไม่ได้พูดอะไรเลยและนิ่งเงียบไป ผมแปลกใจกับอาการของอายตา หรือว่าที่ปรึกษา
รู้จักกับเธอตั้งแต่แรกแล้ว
“กร”
“อะไรเหรออายตา”
“ฉันไม่เห็นใครเลยนะ กรนายกำลังคุยอยู่กับใครน่ะกร?”
…
ผมหันไป ที่ปรึกษาหายไปแล้ว เขานี้เหมาะสมที่จะได้ฉายานินจา
จริงๆนั้นแหละ
มาเงียบไปก็เงียบ ไม่ได้มีเสียงหรือทำพูดลาอะไรเลย
“เออเขาคงแอบเดินไปแล้วล่ะ แย่จังนะเพราะผมเองก็ไม่รู้ชื่อเขาด้วย
สิ”
“เหรอ น่าแปลกใจจังนะกร กรนี้หัดเป็นพวกช่างจินตนาการจังเลยนะ
จะหลอกฉันสินะ เพราะว่าฉันไม่เห็นใครตั้งแต่แรกแล้ว”
ตั้งแต่แรกแล้ว…
อาจเป็นไปได้ว่าที่ปรึกษาเดินหลบออกไปตอนที่อายตายังเดินมา
ไม่ทันจะสังเกตก็ได้ เพราะดูจากระยะแล้วก็ถือว่าไกลและข้างหลังผมก็มีทางเลี้ยวพอดี
ที่ปรึกษานะที่ปรึกษา
“จะยังไงก็ช่างเถอะไปกับฉันได้แล้ว”เธอดึงตัวผมไปด้วย เป็นผู้หญิง
ที่แรงเยอะจริงๆนะอายตา ผมหันไปมองทางที่ผ่าน ผมสังเกตไอ้ตัวปัญหาเมื่อกี้ได้
ที่ปรึกษาค่อยๆเอียงหัวออกมาจากทางเลี้ยวนั่นแล้วจึงโบกมือบ๊าย
บายกับผม
เซ็งเป็ด…
4:37
หลังเลิกเรียนผมเดินตรงไปหาที่ปรึกษาทันที วันนี้ไม่มีประชุมเลยมา
เร็ว พอถึงแล้วจึงเปิดประตูเข้าไปพลางเพ่งหาที่ปรึกษาทันที วันนี้เขาอยู่และกำลังนั่งต่อ
ยางลบขึ้น ดูไปรอบๆโต๊ะของเขามีแต่ยางลบเรียงกันมากมาย ถ้านับคราวๆก็ประมาณสาม
ร้อยได้
จะเยอะอะไรขนาดนั้น!
ที่ปรึกษาที่กำลังเรียงยางลบอยู่เพิ่งทันสังเกตผม จึงหันมาส่งยิ้มแล้วก
ลับเข้าสู่กิจกรรมหลังเลิกเรียนของตนเอง
ไอ้แบบนี้มันเรียกงานอดิเรกได้หรือเปล่านะ?
“ว่าไงๆกรนี้เอง มีอะไรล่ะ ผมกำลังยุ่งอยู่เลย”ถึงจะพูดกับผมอยู่แต่
ดวงตาของเขากำลังจับจ้องยางลบที่กำลังก่อตัวเป็นอะไรสักอย่างอยู่
“ผมมีเรื่องที่จะปรึกษาต่อน่ะครับ”
“เรื่องเหรอ? ปรึกษาเหรอ? แล้วมันเรื่องของอายตาใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ครับผมมาลองคิดๆดูแล้วไอ้ความรักนี้มันดูใหม่ดีนะว่าไหมที่
ปรึกษา”
“ความรักน่ะมันก็เป็นเรื่องใหม่กับทุกคนแหละกร ไม่ใช่แค่กับกรหรอก
นะเพราะมาลองคิดๆดูแล้ว ความรักน่ะมันแปลกใหม่ยังไงล่ะ”
“…”
“แปลกใหม่จนเข้าใจยาก แต่ถึงจะเข้าใจยากก็ไม่ได้แปลว่าจะเข้าใจ
ไม่ได้”
“…”
“ที่กรรู้สึกว่ามันแปลกใหม่เพราะมันเป็นเรื่องแปลกเรื่องแรกที่กรสนใจ
ไง”
…
“เวลาคนเอาเจอเรื่องที่ทำให้แปลกใจได้แต่กลับสามารถมองข้ามมัน
ได้ก็เพราะไม่สนใจมัน”
“…”
“ต่างกันตรงกรที่เข้าใจกรเองที่สนใจสิ่งที่กรเองก็เข้าใจเองต่างหากล่ะ
ที่น่าแปลก”
“…”
“กรสนใจอายตาที่เป็นเรื่องแปลกใหม่ของกร และก็เริ่มเข้าใจความ
รัก”
“…”
“คนมีความรักนี้มันดีอะไรแบบนี้นะ ผมเองก็อยากจะมีกับเขามั่งจังเลย
ความรักน่ะ”
“…”
“สุดท้ายแล้วการหาคำอธิบายที่ถูกต้องที่สุดคงเป็น กรที่เข้าใจความรัก
ที่เป็นเรื่องน่าแปลกใหม่ยังไงล่ะ”
ความรัก เรื่องแปลกใหม่…
…ที่ผมเข้าใจ
“ใช่แล้วตามนั้นแหละเพราะมีความรักจึงเข้าใจความรัก”
เพราะมีความรักจึงเข้าใจความรัก
ที่ปรึกพูดจบพร้อมกับต่อยางลบอันสุดท้ายเสร็จ
รูปร่างของยางลบที่ต่อกันเสร็จแล้วคือ
รูปหัวใจ…
“กรแค่ต้องการ กรแค่อยากได้ แล้วกรจะได้เหรอ คนเราน่ะต้องทำหลัง
จากคิดสิถึงจะสำเร็จ อย่างสิ่งที่กรทำน่ะดีแล้วเพราะสิ่งที่กรทำมันดีแล้วไง มันถึงออกมาดี
ต้องขอบคุณความกล้าหาญนั่นนะ”พูดด้วยใบหน้าที่ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น
ที่ปรึกษาเงยหน้ามองเพดาน
“สิ่งที่บดบังตัวเราเองคือตัวเราเองต่างหาก”
…
“ที่ปรึกษา…คุณเป็นใครกันแน่ที่ปรึกษา?”คิดแล้วถามออกไป ตัวผม
ทำถูกแล้วเหรอ
เพราะตัวผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ถึงยังไงผมก็จะพยายามเข้าใจ
เอง
ที่ปรึกษานิ่งไปได้สักพักแล้วจึงพูดขึ้นพลางประกบมือเข้าหากัน
“คนเราเห็นแต่ไม่ได้แปลว่าจะเข้าใจสิ่งที่เห็นหรอกนะ ว่าไหมกร?”
“…”
“เพราะอย่างนั้นถึงได้แค่ยอมรับมันไง”
“…”
“ผมน่ะอยู่เพราะมีคนต้องการผมและจะไม่อยู่เมื่อไม่มีคนต้องการผม”
“…”
“พรุ่งนี้ผมจะอธิบายทุกอย่างเอง อธิบายทุกอย่างให้กรเข้าใจเองว่าผม
น่ะเป็นใครกันแน่ แต่กรต้องสารภาพรักกับอายตาก่อนนะ”
สารภาพรัก
กับอายตา…
“ถ้าทำไม่ได้ผมก็จะไม่บอกอะไรหรอกนะ”
“ได้…พรุ่งนี้ฉันจะสารภาพรักกับเธอเองและพอฉันกลับมาที่นี้แล้ว หวัง
ว่าคงได้คำตอบนะ”
และเพราะอย่างนั้น
วันที่17 ธันวาคม
ในวันนั้น
ผมกร สุขเจริญ
ก็ได้สารภาพรักกับอายตาไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว
**************
ความจริง ความจริง ความจริง
สิ่งที่เขาต้องยอมรับมาตั้งนานเเล้วคือ...ความจริง
(ที่ปรึกษา)
......................
(กร)
ทำไมเราถึงได้บื่ออย่างนี้นะ
ทั้งที่ทุกอย่างมันกระจ่างเเล้วเเท้ๆ
(อายตา)
......................
มาต่อกันให้จบเถอะ
บทต่อไป ความจริงที่ควรรู้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ