เรียกผมว่าที่ปรึกษาล่ะกันนะ
1) ความรักเหรอ? ที่ปรึกษาเหรอ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1 ความรักเหรอ? ที่ปรึกษาเหรอ? (ตอน : ที่ปรึกษาที่ดี)
ความรักอีกปัญหาหนึ่งที่คนส่วนใหญ่จะได้พบเจอ สำหรับผมแล้วมันเป็นแค่
เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ต้องพบเจอสักวันหนึ่ง ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ก็ต้องเจอกับมัน
ต้องได้พบกับมัน
ต้องได้ประสบกับมัน
และแล้ว
ก็ต้องยอมรับมัน
ทำไมความรักถึงได้กวนใจเรากันนักนะ
ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน กำลังทำความเข้าใจกับมันอยู่
ขอขีดเส้นใต้คำว่าพยายามอยู่แล้ววงเล็บไว้ว่าทีหลังแล้วกันนะ
ยังไงก็ตามผมหวังว่าท่านผู้อ่านจะสนุกและเข้าใจความรักมากขึ้นไปอีก กับ
เรื่องนี้นะครับ
การเรียบเรียงของเรื่องราวนี้
แล้วถ้าถามล่ะว่าผมเป็นใคร?
คำถามกวนใจของผมอีกแล้ว… แล้วจะตอบยังไงดีล่ะ ถ้าให้ผมตอบอาจจะ
เป็นการขีดเส้นปิดด้วยหมึกสีดำไม่ก็การฉีกหน้ากระดาษนั่นออกไปก็ได้นะ
ดูเห็นแก่ตัวและเอาตามใจยังไงไม่รู้เนอะ
ผมจึงของอธิบายตัวผมเองว่าผมเป็นใครแล้วกัน
ผมนั้นไม่มีชื่อ ผมจะอยู่เมื่อมีคนต้องการผมเท่านั้นนั่นแหละคือผม
เอาล่ะจะเริ่มหรือยังล่ะ
เรื่องราวความรักครั้งนี้
ถ้าพร้อมแล้ว
เริ่มเลยล่ะกันนะ
6:30
หกโมงสามสิบนาที วันจันทร์ ธันวาคม
“อา…วันจันทร์?”
ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ผมชื่อกรเด็กมอปลายปีสุดท้าย
ที่เบื่อหน่ายกับการไปโรงเรียน ก็เชื่ออยู่นะว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็นแบบนี้หรอก ไอ้อาการที่
ว่าเชื้อเพลิงหมดตอนที่รู้ว่าวันที่ตัวเองตื่นขึ้นว่าเป็นวันจันทร์ของการเปิดเรียนล่ะนะ
เหมือนรู้ตัวดี ไม่สิยิ่งกว่ารู้ตัวด้วยซ้ำ
ที่ผมแปลกใจมานานแล้วคงเป็นนิสัยที่ว่าถึงจะไม่อยากลุกออกจากเตียง
สุดท้ายแล้วผมเองกลับสามารถตื่นเองได้โดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกด้วยซ้ำ
จะเรียกว่าน่าแปลกใจหรือประทับใจดีนะ
ถึงยังไงก็ตามวันนี้เป็นวันจันทร์
และผมก็เกลียดวันจันทร์ ทุกๆครั้งที่ถึงวันจันทร์จะต้องมีการบ้านให้ผมตลอด
ทุกๆวิชาจะสั่งการบ้านมาพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อรู้ตัวอีกที งานก็หล่นมือจน
ได้
ทั้งที่เครียร์งานก่อนแล้วนะ
ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเริ่มการไปโรงเรียนของวันจันทร์
โรงเรียนที่ตั้งไม่ไกลจากบ้านผมมาก และถึงจะตื่นสายก็สามารถเดินทางมาที่
นี้ถึงได้ในสิบนาที สะดวกดีนะ
สะดวกดี…
วันจันทร์กับเช้าของวันนี้ รู้สึกเหมือนกลับมายังความเป็นจริงที่ว่า ตัวผมน่ะ
ไม่มีเพื่อนเลย
คนรอบข้างที่เดินผ่านไปผ่านมานั่นก็ไม่ใช่เพื่อนผมหรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น
น้องมอสี่ หรือห้าผมก็ไม่ได้มีเพื่อนอยู่สักคนหรอก ทั้งเด็กห้องอื่นก็ไม่มี ห้องตัวเองก็ไม่มี
ผมน่ะนะ
เป็นคนไม่มีเพื่อนน่ะ
ตั้งแต่ไหนแต่ไหร่แล้วที่ผมมั้งจะต้องเดินกลับบ้านคนเดียวหรือหาอะไรทำเป็น
พิเศษเพราะไม่มีใครคุยด้วย รวมถึงคิดว่า
ทำไมกันนะ…มันยากขนาดนั้นเลยเหรอที่จะมีเพื่อนกับเขาน่ะ
ที่จริงแล้วปัญหานี้ไม่มีเกิดตอนผมเพิ่งขึ้นมอสี่หรอกนะ
มันเป็นตั้งแต่ผมอยู่ประถมแล้วล่ะ เมื่อคิดว่าสังคมมันอาจจะใหญ่ไปสำหรับผม
แล้ว ผมเองก็ตัดใจเรื่องที่จะมีเพื่อนเหมือนอย่างเขา เพราะไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน
ก็เป็นได้แค่คนรู้จักที่ไม่มีใครสนใจ
แต่ผมไม่ได้เสียใจอะไรหรอกนะ แค่เสียดายน่ะ
ช่วงเช้าของวันจันทร์ลมพัดแรงพอสมควรจนกระดาษที่ตกอยู่ตามพื้นลอยขึ้น
แล้วกลับมาตกลงสู่พื้น สัมผัสเข้ากับแรงโน้มถ่วงโลกอีกครั้ง ใบอะไรกันนะ
พอหยิบขึ้นมาดูก็เข้าใจว่ามันเป็นใบรณรงค์หาเสียง ให้ลงคะแนนให้กับหลาย
เลขสองเป็นประธานนักเรียน จริงด้วยสิอีกไม่นานก็ถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกประธาน
นักเรียนแล้วด้วย แต่ถึงยังไงก็ตามผมเองก็ไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษหรอก ไหนๆดูสิว่ามัน
โฆษณาอะไรบ้าง
หนึ่งห้องน้ำของโรงเรียนจะสะอาดขึ้น
สองอาหารกลางวันของเด็กประถมจะเปลี่ยนให้ดีขึ้น
สามจะเปลี่ยนให้สามารถจัดชมรมขึ้นเอง
“สี่จะเพิ่มอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอนให้มากขึ้น”
“เอ๊ย!”
จู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงดังข้างๆหูผม พอหันไปสบตากับเธอที่มายืนอ่านนิโยบายที่สี่
ข้างๆผม
ผมก็พบว่า
เธอสวย…
สวยมาก มากจริงๆ และคำถามที่ผลุดขึ้นมาในหัวผมตอนนี้คือ
เธอเป็นใคร?
“ที่จริงแล้วจะมีนิโยบายมาเสริมอีกนะถ้าฉันได้เป็นประธานนักเรียน นายเข้าใจ
ความโชคดีของนายไหมถ้าได้ฉันเป็นประธานนักเรียนปีนี้ แล้วถ้าคนอย่างนายเข้าใจก็จง
เลือกฉันหมายเลขสอง อายตาผู้นี้เป็นประธานนักเรียนซะ แล้วชีวิตในโรงเรียนของนายจะได้
ดีขึ้น”
สวย
“นี้ๆนายฟังอยู่หรือเปล่า?”
“เออ…ขอโทษนะเมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”คำถามนั่นดึงผมกลับมายังโลกแห่งความ
เป็นจริงอีกครั้ง เบื้องหน้าของผมมีสาวสวยรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมยืนอยู่ด้วยหน้าที่ไม่
พอใจนัก แต่ก็ยังแฝงความน่ารักอยู่เต็มไปหมด
“นายนี้มัน…ช่างมันเถอะฉันไปล่ะ”เธอพูดพลางเดินไป คำถามแรกของผม
ผลุดขึ้นอีกครั้งแล้วจึงถามเธอออกไปว่า
“เธอชื่ออะไรเหรอ?”เธอได้ยินอย่างนั้นแล้งจึงหันมา
“ก็บอกไปแล้วนิ ว่าฉันชื่ออายตา แล้วอย่าลืมอีกเป็นอันขาดล่ะ”
อายตา
ผมจะไม่มีวันลืมเธออีกเลย
เธอเดินจากไปทิ้งผมที่ยืนสับสนอยู่คนเดียว
นี้สินะที่เรียกว่าตกหลุมรักเต็มๆ ผมรักเธอเข้าให้แล้วสิ
อายตา…
ช่วงพักกลางวันผมเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าห้องมอ6/3จะเป็นสิบกว่ารอบแล้ว
เพราะผมพึงรู้ได้ไม่นานว่าอายตาอยู่ห้องนี้ เธอกำลังนั่งกินขนมปังอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างอยู่
น่ารัก น่ารัก น่ารัก
ผมกระจะเดินเข้าไปคุยกับเธอ แต่ผมจะไปคุยกับเธอเรื่องอะไร ผมที่ไม่มี
เพื่อนเลย ณ ตอนนี้พยายามจะมีแฟนเหรอ น่าแปลกใจจริงๆที่เป็นแบบนี้ ผมจะทำยังไงถึง
จะบอกรักเธอได้กันนะ ที่นี้คนเยอะเกินไปด้วย แล้วถ้าบอกรักไปแล้วเธอไม่สนล่ะ ชีวิตผม
ตอนนั้นได้ดิ่งลงเหวจริงๆแน่
แล้วจะทำยังไงดีล่ะ
จะตัดใจเหรอ แต่ความรู้สึกตอนนี้มันช่างวิเศษอะไรขนาดนี้นะ
เริ่มเข้าใจพวกที่มีความรักเลยว่ามันดีแค่ไหน
แต่…จะทำยังไงต่อล่ะ
ทางด้านอายตาที่กินขนมปังไส้ช็อกโกเลตอยู่
หมอนั่นอีกแล้วเหรอ?
ต้องการอะไรกันนะ?
ช่วงบ่ายโมงของวันจันทร์
ผมเดินจะไปเรียนดนตรีที่ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของอาคารเรียน เป็นเพราะดันหลับ
ไปพอตื่นขึ้นมาทุกคนก็หายไปแล้ว
จะปลุกซะหน่อยก็ไม่ได้นะ
และเพราะบังเอิญเหรอเปล่านะ หรือมีใครจงใจชักจูงผมให้หันไปทางซ้ายมีกัน
ห้องทางซ้ายมือตามปกติแล้วต้องเป็นห้องเก็บของเก่าที่มีแต่รังกล่องกระดาษและป้าย
จำพวกที่ใช้ในวันวิชาการและกีฬาสี แต่ป้ายที่เขียนว่าห้องเก็บของ ดันกลายมาเป็น
ห้องที่ปรึกษา
“อะไรวะ?”
ผมเดินเข้าไปใกล้หน้าประตูแล้วจึงค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดมันอย่างกล้าๆกลัวๆ
ไอ้ความรู้สึกแปลกๆนี้มันอะไรกันนะ ความรู้สึกเหมือน
ถูกดูดเข้าไปเลย
เปิดมาได้เกือบสุด
“ว่าไงคุณลูกค้า”
“เฮ้ยยยยย!!!”ตกใจจนร้องออกมาเสียงดังพลางหันไปพบกับผู้ชายรูปร่าง
ผอมนิดๆหน้าตาดียืนอยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ตกใจหมด อะไรของเขานะมาได้เงียบจนไม่รู้สึกตัวเลย
“นาย…นายเป็นใครเหรอ?”
“ผมน่ะเหรอใคร ผมน่ะไม่มีชื่อหรอกนะแต่เรียกผมว่าที่ปรึกษาแล้วกันมันง่าย
ดี”
ไม่ว่าเขากำลังเล่นอะไรอยู่แต่ไม่มีทางที่จะไม่มีชื่อหรอก บ้าไปแล้ว และให้
เรียกว่าที่ปรึกษานี้หมายความว่าเขาเป็นคนเอาป้ายมาเปลี่ยนสินะ แถบ
แถบเปลี่ยนห้องเก็บของให้สะอาดขนาดนี้
ไม่มีรังกระดาษหรือแม้แต่ป้ายอะไรเลย เป็นแค่อดีตห้องเก็บของที่ได้ชื่อใหม่
ว่าห้องที่ปรึกษา
“แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”
อะไรกันถามมาได้นะทั้งที่ไม่ได้บอกชื่อก่อนเลย แถบจงใจไม่ใช่ชื่อด้วย
“ชื่อกรน่ะชื่อกร…แล้วไอ้ห้องนี้มัน”
“ห้องที่ปรึกษาไง เรียกผมว่าที่ปรึกษานะ แล้วกรนายมีอะไรจะปรึกษาผมเห
รอ”
เรื่องที่จะปรึกษาเหรอ?
“ถ้าถามว่ามีมันก็มีอยู่แต่ว่า”
จะดีเหรอเล่าเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นฟังน่ะ
ที่ปรึกษาเห็นท่าทางลังเลของผมเขาจึงชูมือชี้นิ้วไปที่ป้ายหน้าห้องแล้วพูดขึ้น
ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเสียงดังฟังชัดว่า
“ห้องนี้คือห้องที่ปรึกษาและผมก็เป็นที่ปรึกษาเพราะอย่างนั้นไม่ว่าเรื่องที่กรจะ
ปรึกษาจะเป็นอะไรก็ตามผมจะรับฟังมันเองโอเคนะ”พูดออกมาแล้วยิ้มให้
“อืม…ก็ได้”ยอม
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปก่อนสิ ให้ลูกค้าเข้าก่อนมันก็เหมือนกับชวนเพื่อนเข้าบ้าน
นั่นก่อนนั้นแหละ”
ผมเดินเข้าไปข้างในห้องก็พบว่ามันสะอาดจริงๆ ดูเหมือนต้องใช้เวลาพอ
สมควรเลยถึงจะเก็บกวาดเสร็จ เขาทำเองคนเดียวเหรอ?
“นั่งก่อนสิ”พูดพลางปิดประตูเสียงเบา ผมนั่งลงแล้วเขาก็เดินมานั่งบนเก้าอี้
ตรงข้ามผมซึ่งมีโต๊ะตัวใหญ่วางกั้นอยู่โดยหันหน้าทิศตรงกันข้ามกับทางเข้าของห้องนี้
เขายิ้ม…
เอามือมาประกบกัน…
แล้วจึงถาม…
“แล้วมันเรื่องอะไรเหรอที่กรต้องการที่จะปรึกษาผมน่ะ”
“คือเรื่องมันมีอยู่ว่าฉันเจอผู้หญิงคนหนึ่งชื่ออายตาแล้วเกิดชอบขึ้นมาน่ะ แล้ว
ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงดีน่ะ”
“ความรักเหรอ? น่าแปลกใจจังเลยนะกร นี้คงเป็นรักแรกสินะรักแรกของก
รสินะ”
“ใช่”
“ผมน่ะนะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆหรอก เพียงแต่เจอพวกที่ลังเล
แบบกรหลายคนแล้วล่ะที่ไม่ได้กินสาวน่ะ ถ้าชอบขนาดนี้แล้วไม่หน้าด้านเข้าไปคุยกับเธอ
เลยล่ะ”
เอาจริงดินี้เหรอคำแนะนำที่ดีน่ะ เหมือนฆ่าตัวตายยังไงไม่รู้แฮะ
“ถ้าไม่คิดที่จะทำแล้วจะทำได้เหรอ? คนเราน่ะต้องลงทุนหน่อยถ้าอยากจะได้
ของที่อยากจะได้น่ะ กับกรที่ไม่คิดที่จะทำอะไรเลย จะรอเวลาแล้วเอาแต่มองเธอคนนั้นเห
รอ? กรไปคุยกับเธอสิ”
เขาพูดถูกถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างก็จะไม่เกิดผลอะไรแน่
นั่นหมายถึงอายตาจะไม่มีทางชอบผม
“ความรักน่ะนะไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆหรอกนะ แต่ถ้าหากลองที่จะเข้าใจ
มันแล้ว เดี๋ยวก็จะสามารถเข้าใจมันได้เองแหละ ความรักน่ะเพราะมนุษย์เป็นสิ่งที่หวังจะมีทุก
อย่างแล้วทำไมกรจะมีอย่างพวกเขาไม่ได้ล่ะ”
“นั่นสินะขอบใจมากนะที่ปรึกษาฉันว่าจะไปคุยกับเธอแล้วล่ะ”
“อืมๆดีๆใช่สิอายตานี้ที่ลงสมัครเลือกตั้งประธานนักเรียนสินะ”ที่ปรึกษาถามขึ้น
มาแล้วหยักหน้าตอบรับเองอย่างหมั่นใจ
“ใช่เธอเป็นหมายเลขสองน่ะผมว่าจะเลือกเธอด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นไม่ลองช่วยเธอหาเสียงหน่อยเหรอ ทำอย่างเธออาจจะขอบคุณ
กรนะ”
“เรื่องแบบนั้นคงไม่ได้หรอก ฉันน่ะเป็นคนไม่มีเพื่อนหรอกถึงจะช่วยหาเสียง
ตัวฉันเองอาจจะเป็นคนทำให้คะแนนเธอตกเองซะมากกว่า”
“อืมๆนั่นสินะกรเป็นคนไม่มีเพื่อนสินะ ถ้าอย่างนั้นผมเป็นเพื่อนกรได้ไหม?”
เหมือนกับเวลาหยุด ทุกอย่างในสายตาผมหยุดไปราว1วิ เขาขอเป็นเพื่อน
หรือตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครเคยขอผมเป็นเพื่อนเลยมันทำให้นึกเรื่องสมัยก่อนตอนที่พยายาม
จะเข้ากลุ่มโครงงานได้ สุดท้ายแล้วก็มีแค่ผมที่ต้องทำงานคนเดียว
ไอ้ตัวเลขคนในห้องทำไมมันต้องเป็นเลขขี้ทุกครั้งเลยนะ
แต่ตอนนี้พูดไม่ออก
ไม่สิพูดไม่ได้เลยตังหาก
ไม่รู้จะพูดยังไงด้วย
อยากจะเลื่อนตอนนี้ออกไปสัก5นาทีก็ยังดีเลยล่ะ
“คำตอบล่ะ ได้หรือไม่ได้ล่ะ”ที่ปรึกษาถามผมเหมือนกับไม่แน่ใจ เขาดูเหมือน
คนที่มุ่งมั่นกับสิ่งที่จะทำเสมอเลยนะ ต่างกับผมจริงๆ
แต่ว่านะ
คราวนี้แหละที่ผมจะทำให้มันจริงจังสักเรื่องหนึ่ง
“เพื่อนกัน”
“ดี…และเพราะอย่างนั้นนายก็ไปช่วยเธอหาเสียงได้แล้วสินะ”
“…”
“ไม่ต้องทำหน้างงสิก็นายบอกเองนิว่าไม่มีเพื่อนเลยว่ามันอาจจะดูไม่ดีที่จะไป
ช่วยเธอสินะ แต่มีแล้วนิเพื่อน มีผมไงที่ปรึกษา คราวนี้ก็ไปได้แล้วนิ”
ไอ้ความรู้สึกนี้เหมือนกับว่า
เหมือนว่าโดนหลอกเลยนะ
ช่วงพักกลางวันของวันอังคาร
ผมกรกำลังเดินไปที่ห้องที่ปรึกษา พอเดินถึงแล้วก็เปิดประตูพบว่าที่ปรึกษาอยู่
ในห้องแล้ว กำลังนั่งอ่านหนังสือการตูนอยู่
“ว่าไง”ส่งเสียงทักแล้วจึงวางหนังสือลงบนโต๊ะ ผมเดินเข้าไปนั่ง
“วันนี้บอกว่าจะไปเป็นเพื่อนสินะที่ปรึกษา”
“ใช่ๆก็ตามนั้นแหละ กรไม่ยอมไปคุยกับเธอตรงๆนิ ไอ้ผมก็ไม่ค่อยอยากจะ
ออกจากห้องนี้มากเท่าไหร่หรอกนะแต่มันก็ช่วยไม่ได้ เอาเป็นว่าผมจะไปเป็นเพื่อนล่ะกันนะ”
เรื่องเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นถึงแม้ผมจะโดดคาบดนตรีไปก็ไม่ได้เกิดปัญหา
ตามมาเลย อาจเป็นเพราะไม่มีใครสนใจผม ถึงแม้อาจารย์จะตรวจคนขาดเรียน แต่ผมก้ไม่
ได้เป็นที่สนใจของใครเลย
มันทำให้ผมรู้ตัวดีมาก
ผมไม่ได้มีอะไรเลยตั้งแต่แรก
แต่ตอนนี้ผมมีเพื่อนแล้ว
“เออเกือบลืมไปเลยกร มีเรื่องที่กรต้องเข้าใจก่อนน่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอที่ปรึกษา”
“ผมน่ะนะ ไม่มีชื่อและจะอยู่ก็ต่อเมื่อมีคนต้องการผมล่ะนะ เข้าใจไว้ตัวนะกร”
ถึงจะไม่เข้าใจความหมายของเขาแต่ผมก็หยักหน้าตอบรับไป เขายิ้มกลับ
แล้วเราสองคนก็มุ่งหน้าไปที่ห้อง
6/3กัน
********************
เข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูดอยู่ หรือต้องการที่จะบิดเบือนความเป็นจริงกันแน่
ถึงแม้จะเป็นเขา เขาที่ปรึกษา เขาเข้าใจทุกอย่างจริงๆเหรอ
(ที่ปรึกษา)
กรแค่ต้องการ กรแค่อยากได้ แล้วกรจะได้เหรอ
คนเราเห็นแต่ไม่ได้แปลว่าจะเข้าใจสิ่งที่เห็นหรอกนะ ว่าไหมกร?
(กร)
คุณเป็นใครกันแน่ที่ปรึกษา?
(อายตา)
นายกำลังคุยอยู่กับใครน่ะกร?
บทต่อไป ความหมายของประโยคนั่น
(ที่ปรึกษา)
ผมน่ะอยู่เพราะมีคนต้องการผมและจะไม่อยู่เมื่อไม่มีคนต้องการผม…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ