แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ

8.7

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.

  33 บท
  10 วิจารณ์
  36.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

32) เอาคืน !

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 32

 

เอาคืน!

 

                ติ๊ดๆ...

            ก้องภพหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขากดอ่านข้อความเข้าใหม่รู้สึกแปลกใจนักว่าทำไมข้อความเป็นภาษาอังกฤษแม้ไม่ถนัดแต่พอจับใจความได้บ้างว่าถ้าอยากได้เธอคืนต้องมาด้วยตัวเอง หัวใจชายหนุ่มแทบหยุดเต้นเมื่ออ่านข้อความจบและเห็นรูปไอรินทร์ในชุดเจ้าสาว

            “ทุกคนครับ ไอ้โจรมันส่งข้อความมา”

            ก้องภพส่งโทรศัพท์มือถือให้ทุกคนดู

            พีรพัฒน์ดูข้อวามด้วยและถอนหายใจเบาๆ “บางทีถ้าบอกใบ้ที่อยู่ด้วยก็ดีนะ” ชายหนุ่มบ่นเบาๆแต่ไปเข้าหูใครบางคน

            “ที่อยู่เหรอ” คุณเกรียงภพนิ่งคิด “ลุงคิดว่าลุงพอช่วยได้นะ” เขาทำยิ้มบางๆกับความคิด ประตูแห่งความหวังกำลังจะเปิดออกอีกไม่ช้า

 

            ไอรินทร์ปรือเปลือกตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ เธอมองเห็นรองเท้าผ้าใบมอซอของใครบางคนมาหยุดตรงหน้า คนมาใหม่เดินเข้ามาใกล้เธออีกแล้วเชยคางเธอขึ้น

“เจ้าสาวของผมหลับสบายไหม” เจ้าของประโยคยิ้มบางๆ ไอรินทร์มองไม่ถนัดนักแต่จำเสียงภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศสได้ดี

            “ปีเตอร์” เสียงแหบพร่าออกมาจากปากไอรินทร์ เรี่ยวแรงเธออ่อนโรยเพราะไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น

            “ดีใจจัง คุณยังจำผมได้” เขาละมือจากกรามของเธอแบบสะบัดทำให้หน้าเธอหันไปอีกทาง ปีเตอร์มองหญิงสาวในชุดราตรีนิ่ง

            “จับฉันมาทำไม”

            “จับคุณมาแต่งงานกับผมไง” เขาเชยคางเธอขึ้นอีกครั้งพร้อมกับยื่นใบน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากเรียวบางเหยียดยิ้มคล้ายว่าสะใจเขาขอเธอดีๆแต่เธอไม่ให้ ไอรินทร์เบือนหน้าหนี เสียใจที่สุดเพื่อนที่แสนดีกลายเป็นปีศาจร้าย เธอส่ายหน้าอย่างผิดหวัง    

             “ฉันไม่แต่งงานกันคนบ้านหรอก” หญิงสาวพูดเสียงรอดไรฟัน

             เพี๊ยะ! ใบหน้ารูปหัวใจหันขวาไปตามแรงตบกลิ่นคาวผสมกับรสเค็มไหลซึมเข้าปากและซึมออกขอบปาก เธอมองปีเตอร์นิ่งคิดไม่ถึงว่าการปฏิเสธของเธอทำให้เขากลายเป็นคนจิตใจหยาบคาย

             “คนบ้าคนนี้แหละจะทำให้เธอมีความสุข”

 

              คุณเกรียงภพนำเบอร์โทรศัพท์มาให้เพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์ช่วยค้นหาพิกัดของเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าว พวกเขารอไม่กี่อึดใจข้อมูลที่ต้องการถูกนำมาส่งถึงมือก้องภพเป็นคนแรกที่เปิดอ่านซองเอกสารเขาก้มหน้าอ่านเอกสารอย่างร้อนใจก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป

              “นายจะไปไหน” ก้องภพหยุดเดินแล้วหันไปหาพีรพัฒน์

              “ไปตามหารินทร์” ตอบเสร็จเขาเตรียมจะก้าวแต่ถูกเสียงหนึ่งหยุดไว้

              “ไปกับใครละ” คุณวิชัยถามชายหนุ่มตอบว่าคนเดียว

              “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” พีรพัฒน์เดินมาตบไหล่เพื่อน เขายอมให้ก้องภพไปคนเดียวได้อย่างไรในเมื่อ ไอรินทร์เป็นน้องสาวของเขา ก้องภพพยักหน้าเข้าใจในความหมายอย่างน้อยมีเพื่อนไปด้วยอุ่นใจกว่าเยอะ

               รถยนต์ซีดานแล่นออกนอกเมืองด้วยความเร็วร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเพราะความร้อนใจของสารถี พีรพัฒน์ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้บอกทางตามแผนที่ในกระดาษต้องคอยกลืนน้ำลายเป็นระยะเพราะความหวาดเสียวที่เพื่อนหนุ่มขับปาดซ้ายปาดขวา

               รถแล่นออกมานอกเมืองตามแผนที่หลายนาทีจนมองเห็นวิวทิวทัศเป็นทะเลสีคราม ล้อรถเลี้ยวเข้ามาตามทางขรุขระและเล็กแคบสองข้างทางมีหญ้าคาขึ้นรกครึ้ม รถแล่นเรื่อยเข้ามาจนเห็นอาคารสูงสองชั้นลักษณะรกร้างและทรุดโทรมตามกาลเวลา

              “ให้ฉันไปด้วยไหม” พีรพัฒน์ถามเพื่อนเมื่อถึงที่หมายเขามองสถานที่ที่ห่างไกลผู้คนแล้วรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวที่อยู่ข้างในและเพื่อนไม่ได้

               ก้องภพตอบปฏิเสธต้องโดยไม่ต้องคิดมากแต่บอกให้พีรพัฒน์รออยู่ในรถหากเขาเข้าไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงให้โทร.หาตำรวจได้เลย เขาเอี้ยวตัวไปหยิบวัตถุทรงกระบอกดำขลับที่อยู่ในเก๊ะหน้ารถก่อนเดินออกไปจากรถ

               ก้องภพเดินฝ่าพงหญ้าตรงไปยังอาคารเก่าทรุดโทรมตรงหน้าอย่างเชื่องช้าคล้ายแมวเดิน เขาเห็นชายร่างท่วมยืนถืออาวุธทรงกระบอกคุมทางเข้าอาคาร ร่างสูงแนบแผ่นหลังกับผนังอาคารเขาคิดว่าจะหางทางเข้าไปในอาคารได้อย่างไรก้องภพเห็นกองสังกะสีและไม้ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกเขาหยิบก้อนหินขนาดพอดีมือขึ้นมาหนึ่งก้อนเล็งให้ตรงกับเป้าหมาย

              ปึง!!

              เสียงหนึ่งเรียกให้คนคุมเชิงทางเข้าให้ออกไปดู พอทางเข้าปลอดภัยชายหนุ่มถือโอกาสพาร่างพร้อมกับขาข้างที่ไม่ปกติและกำลังปวดหนึบเข้าไปในอาคาร

             ชั้นล่างของอาคารเป็นลานโล่งมีเพียงเสาท่านั้นที่คั่นกลางก้องภพเลี้ยวซ้ายเดินไปขึ้นบันใดเพื่อไปชั้นสอง มีผู้คุมประตูหนึ่งคนอยู่หน้าห้องชายหนุ่มมองซ้ายขวาเห็นไม้หน้าสามกองอยู่บนพื้นเขาหยิบมาหนึ่งอันแล้วค่อยๆย่องมาทางหลังของคนเฝ้าประตู

            ผัวะ!

            ไม้หน้าสามถูกฟาดลงบนท้ายทอยของคนเฝ้าประตูร่างนั้นล้มลงนอนสลบแน่นิ่งบนพื้นทันที ก้องภพเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในห้องทันที

             หญิงสาวในชุดราตรีสีขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้มือสองข้างถูกมัดไขว้หลังลำตัวโค้งงอ เขาถอนหายใจ เขาผิดเองในตอนนั้นถ้าเขาพาอาหารไปให้เธอเร็วกว่านี้เธอจะไม่ถูกจับมา ก้องภพเดินเข้าไปใกล้เธอแล้วแกะเชือกที่มัดข้อมืออกและเขย่าร่างไอรินทร์เพื่อเรียกสติ

            “รินทร์ พี่มาแล้วตื่นสิ” ก้องภพเรียกเธออีกสามครั้งดวงตาที่อิดโรยของเธอค่อย ๆ ปรือขึ้นเธอกดมุมปากให้เขา แม้แต่แรงยกมุมปากสองข้างมันช่างยากเย็นเหลือเกิน

            “ปลอดภัยแล้วนะ” ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน น้ำเสียงนุ่มนวลปัดเป่าความกลัวให้หมดสิ้นหยดน้ำใสไหลรินเพราะความอบอุ่นหัวใจ ก้องภพพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้นแต่เสียงร้องโอ๊ยเพราะความเจ็บปวดตรงข้อเท้า

            “เดินไม่ไหว” ไอรินทร์เซล้มลงบนพื้นใบหน้าเหยเก ก้องภพนั่งลงมองอาการบาดเจ็บที่เท้าของเธอพบว่าข้อเท้ามี      อาการบวมแดง เขามองข้อเท้าของเธอและนิ่งคิดสักครู่แล้วตัดสินใจช้อนร่างหญิงสาวขึ้นไว้บนแขน อาการปวดตรงขาซ้ายของชายหนุ่มที่ไม่บูรณ์เจ็บแปลบขึ้นทีละน้อย

           “ไปไหนกันเหรอ” ร่างสูงโปร่งในชุดทักสิโด้ก้าวเข้ามาในห้องจ้องมองชายหนุ่มและหญิงสาวในอ้อมแขนไม่วางตา

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา