แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ

8.7

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.

  33 บท
  10 วิจารณ์
  35.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) เจ้าสาวอยู่ไหน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 31 เจ้าสาวอยู่ไหน

            “วู้ววว” เสียงทักมากกว่าสองคนเรียกก้องภพให้หันไปตามต้นเสียง

            “อ้าวเฮ้ย! กูนึกว่าพวกมึงจะไม่มาแล้ว” เจ้าบ่าวทักทายเพื่อนเก่าสมัยมัธยมสี่คนที่มา

            “เพื่อนกูมีเมียทั้งทีไม่มาได้ไงวะ” ชายหนุ่มรูปร่างผอมเตี้ยพูด

            “ขอบใจๆ มะ เข้าไปข้างในก่อน” แล้วเจ้าบ่าวก็เดินนำหนุ่มทั้งสี่เข้าไปในห้องจัดเลี้ยงโดยลืมสนิทว่ายังมีคนที่รออยู่

 

            ทางด้านช่างทำผมที่กำลังช่วยกันหาสิ่งของที่ประสงค์

            “อ้าว อยู่นี้เอง” เป็ดเป็นผู้เจอกล่องมงกุฎและสร้อยซึ่งวางอยู่บนโซฟาในห้อง ครั้งที่แรกที่เธอไปหาของบนรถกับเจ๊นานกว่าสิบห้านาทีและขอแยกกับเจ๊ขึ้นมาหาบนห้องจึงพบในที่สุด แล้วเป็ดโทร.ไปบอกเจ๊ที่กำลังหาของอยู่ในรถว่าเจอของแล้ว

            “เจ้าสาวอยู่ไหนเนี่ย” เป็ดพึมพำ หันซ้าย หันขวา “น้องรินทร์คะ มาแต่งตัวต่อเถอะค่ะ” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงเดินไปหาแต่ละห้อง เริ่มจากห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น แม้กระทั่งระเบียง ทุกตารางนิ้วในห้องไร้ซึ่งเงาของเจ้าสาว...

เธออยู่ไหน

            “เจ๊ๆ ซวยแล้ว” ร่างท่วมของเป็ดวิ่งถลาเข้าหาเจ้านาย

            “อะไรยะ”

            “เจ้าสาวหาย!”

            “ห๊า คุณพระช่วย!! แกหาทั่วห้องแล้วยัง” เจ๊ถามอย่างตื่นตระหนก นางยกมือขึ้นทาบอก เป็ดพยักหน้าแทนคำตอบ เป็ดทำหน้าจะร้องไห้ เจ๊จึงเดินหาตัวเจ้าสาวบ้างเพื่อความแน่ใจ เดินเข้าห้องนู้นทะลุห้องนี้อยู่พักใหญ่ก็ไม่พบเจ้าสาว

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น สาวไม่แท้สองคนมองหน้ากัน สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เจ๊เป็นผู้เดินไปเปิดประตู

           “ไงครับ เจ้าสาวแต่งตัวเสร็จหรือยัง” เจ้าบ่าวถามอย่างตื่นเต้น เขาคุยและดื่มกับเพื่อนเก่าเพลินไปนิด สาวไม่แท้สองคนมองหน้ากันเล็กน้อย

           “เจ้าสาวยังแต่งตัวยังไม่เสร็จเลยค่ะ” เจ๊พูด ยิ้มแห้งๆ

           “อ้าว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” แถบคิ้วหนาขวดเข้าหากัน

           “คุณเจ้าบ่าวฟังเป็ดแล้วใจเย็น ๆ นะคะ” ก้องภพพยักหน้าและตั้งใจรอฟัง

           “เจ้าสาวหายตัวไปค่ะ” จบประโยคร่างสูงชาดิก แซนวิชกับขวดน้ำผลไม้ในมือร่วงลงพื้น

            ก้องภพถามคำถามเดียวกับที่เจ๊ถามเป็ดครั้งแรก คำตอบของทั้งคู่คือค่ะ ชายหนุ่มเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปหาเธอในห้องจนทั่วและแน่ใจแล้วว่าไม่มีหญิงสาว เขาไม่รอช้าสาวเท้าออกจากห้องมุ่งหน้าไปยังบริเวณจัดเลี้ยง อยากเดินให้เหมือนคนทั่วไปแต่ร่างกาย ณ ปัจจุบันไม่สามารถทำได้

            “ไม่เห็นเลยค่ะ” ญาณิศาตอบเจ้าบ่าว เธอนั่งทำหน้าที่เป็นฝ่ายลงทะเบียนอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยงไม่เห็นแม้แต่เงาของหญิงสาวในชุดราตรีสีขาว

                ก้องภพเห็นบิดามารดาของทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกำลังยืนคุยกับแขกที่มาร่วมงานอยู่หน้าซุ้มดอกไม้จึงเดินเข้าไปหา

                “เจ้าบ่าวมาพอดี ก้องไหนเจ้าสาวละลูก” คุณวรรณวิภาทัก เจ้าบ่าวพนมมือไหว้แขกผู้มาร่วมงาน

                “พ่อแม่ครับ เห็นรินทร์บ้างไหมครับ” ผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่

                “น้องอยู่ไหนละ” คุณวรรณวิภาถาม

                “ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยครับ ผมต้องหารินทร์ให้เจอให้ได้”

                ก้องภพบอกว่าจะออกตามหาไอริทร์ คุณวิชัยและเกรียงภพรวมทั้งพีรพัฒน์ก็อาสาออกตามหาด้วย ทั้งสี่หนุ่มแยกทางกันหา พีรพัฒน์ขึ้นไปบนห้องอีกครั้งแต่ไม่พบ ก้องภพสอบถามพนักงานในโรงแรมและคำตอบเดียวที่ได้รับคือไม่เห็น เพื่อนเจ้าสาวได้เข้าไปถามไถ่จากกลุ่มเพื่อนๆว่าเจ้าสาวได้มาพบหรือไม่และได้ความว่าเจ้าสาวไม่ได้มาพบพวกตน

                “เป็นไงบ้าง” คุณสุภาพรถาม ทั้งสี่หนุ่มใบหน้าชุ่มด้วยเหงื่อพร้อมกันส่ายศีรษะ หญิงสาวสามคนถอนหายใจที่ไร้ซึ่งวี่แววของเจ้าสาว

               แขกเหรื่อทยอยกันกลับเพราะพิธีกรดำเนินรายการกล่าวขออภัยที่เจ้าสาวไม่สามารถมาเข้าร่วมพิธี ส่วนทางเจ้าภาพต้องถอยกลับไปตั้งหลักที่บ้าน

 

              อาคารสูงสองชั้นสีซีดจาง บ้างลอกออกเป็นแผ่นผนังแตกแตกรอยร้าวเป็นบางแห่งเพราะได้ผ่านการดูแลรักษา ภายในอาคารถูกจับจองโดยเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ชอบสร้างเส้นใยเป็นบ้านและสิ่งมีชีวิตหกขาและสี่ขาตัวเล็ก

             “แค่กๆๆ”

             เปลือกตาตกแต่งด้วยอายแช็ดโดวสีชมพูน้ำตาลปรือขึ้นเอื่อยๆ ดวงตาคู่สวยกระพริบถี่เพื่อปรับให้ชินแสงก่อนจะสำรวจสิ่งแวดล้อมที่ร่างของตนเองที่นั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวเคลือบด้วยฝุ่นผงหนาเป็นนิ้ว แขนสองข้างถูกมัดไขว้หลัง อาการไอเกิดขึ้นอีกระลอกเพราะอากาศสกปรก

           “ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” เธอพึมพำเบาๆ ไออีกครั้ง

            “ตื่นแล้วเหรอจ๊ะคนสวย”

            เสียงใหญ่เรียกให้ไอรินทร์หันไปทางต้นเสียง ชายร่างอ้วนท่วมผิวดำแดงสวมเสื้อผ้าเก่ายับย่น ยืนยิ้มอวดฟันเหลืองอย่างมีนัย ดวงตาที่โตแทบถลนออกนอกเบ้าสำรวจร่างงามในชุดราตรีสีขาวบนม้านั่งอย่างหิวโหย

            “แกเป็นใคร” เสียงใสแหบแห้งถาม ศีรษะกลมของไอ้อ้วนส่ายหน้าทำท่าล้อเลียน “ไอ้บ้า บ้า บ้า” เธอสบถใส่ไอ้อ้วนดำ คนได้ยินเดินอาดๆเข้ามาใกล้เธอมือหยาบยกขึ้นบีบข้างแก้มเธอเต็มแรงแล้วยื่นหน้าเข้ามาเกือบชิด

             “หน้าตาสวยแต่ปากไม่น่าเสียเลยนะ เดี๋ยวซ้อมปากให้ดีไหม” ไอ้อ้วนดำโน้มใบหน้าชุ่มเหงื่อเข้าใกล้ หยดน้ำพุ่งเข้าหน้าไอ้อ้วนอย่างแรง มันปาดน้ำที่เปื้อนหน้าออกอย่างแรง ไอ้อ้วนง้างมือขึ้นกลางอากาศเตรียมจะฟาดลงบนพวงแก้มของหญิงสาวค้างไว้เพราะเหมือนนึกบางอย่างออกแล้วลดมือลงจากนั้นทำท่าว่าฝากไว้ก่อน

             “อุบาทถ์!” เธอตะโกนตามหลังร่างอ้วนที่กำลังเดินออกไป

             “ชู่ววว เงียบๆหน่อยสิเดี๋ยวเจ้านายพี่ตื่น” ไอ้อ้วนยกนิ้วชี้ขึ้นตรงปากประกอบแล้วเดินออกไปปิดประตูดังปัง!

              เจ้าสาวถูกทิ้งให้อยู่กับเจ้าบ้านเดิมตามลพังที่กำลังเดินสวนสนามผ่านหน้าเธอจนเกือบหลบไม่ทัน เธอทำอะไรให้ใครต้องเดือดร้อนหรือถึงต้องจับตัวเธอมาเช่นนี้ จะมีใครตามหาเจอไหม ไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร จะมีลมหายใจอยู่ต่อไหมหรือหมดสิ้นทั้งลมหายใจและความหวัง...

 

              ทางผู้คนหาคนหายไม่มีใครสามารถข่มตาหลับได้จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ การตามหาไอรินทร์ไม่ได้ลดละลงแม้แต่น้อย

              “ได้ข่าวบ้างไหม” คุณวรรณวิภาถามก้องภพ นางถอนหายใจ

               “เราต้องเจอลูกแน่” คุณวิชัยบีบมือภรรยาเพื่อให้กำลังใจ

               ทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างยิ้มเพื่อสร้างกำลังใจให้กันและกันทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ก้องภพรับโทรศัพท์จากใครบางคน เขาพูดกับคนในสายไม่กี่คำก็วางสาย รอยยิ้มจุดขึ้นบนในหน้าเขา

               “ข่าวดีครับ ทางโรงแรมพบเบาะแสรินทร์แล้วครับ”

               พอได้รับข่าวดีทุกคนจึงมุ่งหน้าไปโรงแรมที่จัดงาน เมื่อมาถึงได้พบกับหัวหน้าพนักงาน เขาเล่าให้ฟังว่ามีเขาพบพนักงานชายคนหนึ่งทำท่าทางน่าสงสัยจึงเรียกเข้ามาสอบถาม ได้ความว่าพนักงานชายคนดังกล่าวถูกจ้างวานจากใครบางคนให้ช่วยเหลือในการลักพาตัวเจ้าสาว วิธีการคือพนักงานช่วยเหลือในเรื่องการหาทางหนีทีไล่ที่ปลอดภัย

              “คุณครับผมขอดูกล้องวงจรปิดหน่อยสิ” หัวหน้าพนักงานอนุญาตทุกคนไปดูกล้องวงจรปิดของโรงแรม

              ภาพเคลื่อนไหวในจอสี่เหลี่ยมดึงดูดให้ผู้ชมจ้องไม่วางตา ภาพที่แสดงบนจอคือภาพทางเข้าและออกของโรงแรมปรากฏให้เห็นรถและผู้คนเข้าออกแต่ยังไม่มีใครที่น่าสงสัย

              เพื่อนเจ้าสาวอย่างญาณิศาก็มาด้วนเช่นกัน เธอเป็นห่วงไอรินทร์มาก ญาณิศามองภาพบนจอตาไม่กระพริบในทันใดนั้นมีสิ่งหนึ่งปรากฏต่อสายตาแต่ไม่แน่ใจนักว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า ญาณิศาบอกให้เจ้าหน้าที่ช่วยย้อนภาพกลับไปในเวลาดังกล่าวและหยุดมันไว้ เธอเพ่งมองบุคคลในจอภาพที่อยู่ในชุดกางเกงยีนสีเข้มกับเสื้อแจ๊กเก็ตสีเทาและสวมหมวกแก๊บสีดำ

             ‘รูปร่างแบบนี้ ท่าทางการเดินแบบนี้ ไม่จริง...’ ฝ่ามือสองข้างยกขึ้นปิดใบหน้าภาวนาไม่อยากให้เป็นอย่างที่คิด

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา