แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) รักกันนะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 20 รักกันนะ
การปรึกษาหารือล่วงเลยไปหลายนาที ในที่สุดจึงได้ข้อสรุปของแผนคือดำเนินการต่อไป แต่ทว่า
“ถ้าแผนนี้ไม่สำเร็จ พอแค่นี้เถอะนะ” คุณวิชัยพูด ทุกคนเห็นพร้อมกันกับประโยคดังกล่าวหากไม่ได้ผลคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม
ปฏิบัติการจับคนมารักกันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง...
ยานพาหนะที่ใช้สันจรทางน้ำจอดสงบนิ่งบนผิวน้ำที่ไหวติง รอคอยผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยัง ‘เกาะดวงใจ’ เมื่อถึงกำหนดการ
“ทำไมไม่ไปพร้อมกันล่ะคะ” ไอรินทร์ถามครอบครัวเมื่อมาถึงท่าเรือ ทุกคนนิ่งคิด
“เอิ่ม เอ่อ พอดีว่าเพื่อนแม่จะมาเที่ยวไร่เลย์อะจ้ะก็เลยจะอยู่รอ” คุณวรรณวิภาออกตัวแทน พร้อมกันนั้นแอบลอบถอนหายใจเมื่อเห็นว่าลูกสาวเชื่อสนิท
“อาร์มกับสาละครับทำไมไม่ไปด้วยกัน” ก้องภพถามเพราะไม่เห็นเพื่อนหนุ่มและหญิงสาวรุ่นน้องตั้งแต่เมื่อวาน
ผู้อาวุโสทำหน้าครุ่นคิดและในตอนนั้นมีใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“สองคนนั้นเขากลับบ้านไปแล้ว” คุณสุภาพรตอบ
“เรือจะออกแล้วรีบไปเถอะ” คุณเกรียงภพพูดเพราะไม่อยากให้ทั้งสองถามมากกว่านี้และจวนจะถึงเวลาแล้ว
ลมทะเลเย็นสบายพัดตามความแรงของเรือช่วยคลายร้อนให้ผู้โดยสารที่ยืนชมวิวบนดาดฟ้า ภาพท้องทะเลสีครามและภูเขาหมุนเป็นวงกลมจนทำให้คนชมเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังเล่นรถไฟเหาะ ท้องไส้ปั่นป่วนโคลงเคลง เมื่อเสียการทรงตัวร่างนั้นจึงเซล้มลงบนพื้น
“ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่มั่นใจว่าลูกชายของพี่จะดูแลน้องได้” คุณเกรียงภพให้คำมั่นเมื่อเห็นครอบครัววัฒธนเวชเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กที่กำลังเดินไปตามทางแผนที่พวกเขาตั้งไว้ คุณสุภาพรให้คำมั่นเช่นกัน
“ใช่ไม่ต้องห่วง คนคอยดูแลของเราก็มี” คุณวิชัยปลอบใจภรรยาอีกแรงถึงแม้ว่าในใจจะเป็นห่วงลูกมากก็ตาม
เบาะนุ่มๆที่รองอยู่ใต้ร่างกับหมอนใบใหญ่ที่รองศีรษะทำให้คนนอนขยับเปลือกตาขึ้นช้าๆเพื่อปรับแสงที่สาดเข้ามาให้เป็นปกติและสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบกาย ดวงตาอ่อนล้ากรอกไปมารอบห้องสีครีมเล็กๆ จนเจอะกับร่างสูงของใครบางคนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้มองคนบนเตียง
“เป็นไงบ้าง ยังมึนหัวอยู่หรือเปล่า” ชายหนุ่มข้างเตียงเอ่ยเสียงอ่อนโยนพร้อมลดใบหน้าลงใกล้คนป่วย ก้องภพอยากจะชกตัวเองสักร้อยครั้งที่ลืมได้ยังไงว่าเธอเมาเรือ ใบหน้าคมสันลดต่ำลงอีกเมื่อไม่มีเสียงตอบกลับ
“เอ๊ะ เสื้อ...”
“จำไม่ได้เหรอว่าทำอะไรกับเสื้อพี่” คนป่วยหรี่ตาลงและตะแคงศีรษะเล็กน้อยเพื่ออยากรู้ว่าเกิดอะไรกับเสื้อของเขาเพราะเธอนึกอะไรไม่ออกแม้แต่น้อย
สองชั่วโมงที่แล้วเขาได้ยินเสียงคนเอะอะว่ามีคนเป็นลมที่ดาดฟ้าจึงรีบขึ้นไปที่นั้นทันทีเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เมื่อทราบว่าเป็นใครหัวใจแทบจะหล่นทะเลเมื่อเห็นไอรินทร์นอนนิ่งอยู่บนพื้นใบหน้าไร้สีเลือด ก้องภพจึงพยุงเธอให้ลุกขึ้นนั่ง เพียงเท่านั้นอาหารมื้อเช้าในกระเพาะอาหารไหลทะลักออกจากปากราดลงบนเสื้อเชิ้ตของเขาอย่างห้ามไม่ได้
“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยังมึนหัวอยู่หรือเปล่า” อุ้งมือใหญ่กุมศีรษะเล็กบนหมอนสีเขียวสบดวงตาอิดโรยแทนการเค้นคำตอบ คนป่วยส่ายศีรษะน้อยๆแทนคำพูดและส่งยิ้มบางๆให้คนเฝ้า
ใบหน้าคมสันโน้มเข้ามาใกล้หน้าผากมนแต่หยุดอยู่เพียงสามเซนติเมตรก่อนจะถ่อยออกห่างและออกจากห้องไปในที่สุด ทิ้งคนป่วยไว้ในห้องตามลำพังพร้อมหับความสับสนกับอากัปกิริยาของเขา
“เกาะดวงใจ” เกาะแห่งหนึ่งซึ้งเพิ่งถูกค้นพบถูกซื้อโดยมหาเศรษฐีที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เกาะแห่งนี้เพิ่งเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ไม่นานแต่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลามทั้งไทยและเทศเพราะความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างหน้าอัศจรรย์
“ห้องพักของคุณไอรินทร์คือ 3402 และของคุณก้องภพคือ 7244ค่ะ” พนักงานสาวในยูนิฟอร์มแบบสากลประจำหน้าฟอนต์ของโรงแรมเอมเมอร์รอล พาราไดส์ แจกแจงและแจกคีย์การ์ดเข้าแก่ผู้เข้าพัก
ชายหนุ่มหญิงสาวสองคนเดินขึ้นลิฟต์พร้อมสัมภาระไปด้วยกันเพื่อไปยังห้องพัก ในห้องเหล็กแบบแบบทรงลูกบาศก์มีแต่ความเงียบที่อยู่เป็นเพื่อนพวกเขา ก้องภพยืนนิ่งเงียบราวกับรูปั้นมองตรงไปยังประตูเหล็กปิดสนิท ไอรินทร์ที่ยืนเคียงข้างกายสูงมองด้านข้างของก้องภพอย่างไม่ปริปากพูดอะไร หลังจากที่เธอฟื้นบนเรือ ในตอนนั้นที่เขาทำท่าจะก้มลงมาจูบหน้าผากแต่ไม่ได้ทำเขาก็นิ่งเงียบมาตลอดทาง
‘ติ้ง!’
เสียงสัญญาณของห้องเหล็กช่วยทำลายความเงียบและความอึมครึมสักครู่ เลขสามในช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆบนผนังเหล็กบอกให้รู้ว่าใครต้องออกจากลิฟต์เป็นคนแรก ไร้คำพูดใดที่แสดงว่าจะได้เจอกันใหม่หรือคำอื่นไม่ออกมาจากปากของคนที่เหลืออยู่ในห้องเหล็กเลย แอ่งน้ำขนาดเล็กเริ่มรวมตัวกันที่ขอบตาก่อนจะไหลลงอาบแก้มเมื่อสบดวงตาคมที่บอกถึงความห่างไกล
รองเท้ารัดส้นแบบเตี้ยพาเจ้าของที่กำลังใจลอยคิดถึงดวงตาคู่นั้นเดินออกมายังชายหาดที่มีผู้คนบางตาและหยุดอยู่ที่เก้าอี้ชายหาดใต้ร่มไม้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการอาบแดดยามเช้าหรือผู้ต้องการนั่งเล่นนอนเล่นรับลมยามเย็น แต่สำหรับคนใจลอยคงเป็นที่ที่ทำให้หัวใจไม่ฟุ้งซ่านมากเกินไป
“เฮ้! สาวน้อยดูเธอไม่ค่อยสบายเลยนะ”
ลมทะเลพัดกล่อมเปลือกตาบางให้ปิดลงแต่ต้องลืมตาเต็มตื่นเมื่อได้ยินสำเนียงคุ้นๆหูกับกลิ่นเหล้าชนิดแอลกอฮอล์แบบแรงพัดมาตามสายลม ดวงตาเพิ่งตื่นกวาดมองไปทางต้นเสียงพบกับชายชาวต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่กว่าชายชาวเอเชียกำลังสำรวจเรือนร่างงามบนเก้าอี้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างหื่นกระหาย
“เศร้าหรือเปล่าคนสวยให้ฉันช่วยปลอบมั้ยรับรองไม่ผิดหวัง” เสียงทุ้มเอ่ยยวนยานเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์กับรอยยิ้มมีนัยและสายตาไม่เป็นมิตร
แผนหลังบางเมื่อก่อนหน้านี้พิงแนบกับพนักเก้าอี้แต่ตอนนี้ยืดขึ้นตั้งตรง
“ฉันไม่เป็นไร” ไอรินทร์ตอบเสียงเรียบเป็นภาษาเยอรมัน ภาษาหนึ่งที่เธอเคยร่ำเรียนเมื่อตอนอยู่ประเทศอังกฤษ
สองขาเรียวสะล่างพาร่างออกเดินไปจากที่ตรงนี้โดยเร็วเพราะสัญชาตญาณของเธอบอกและรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยจากเขา ชายคนเดิมก้าวสามสี่ขุมเข้าประชิดตัวของคนกำลังเดินหนี มือหยาบกร้านคว้าหมับเข้าที่แขนเรียว คนถูกจับสะดุ้งเฮือกและพยายามแกะมือหยาบออกจากท่อนแขนของตัวเองอย่างรังเกียจเดียดฉันท์
“ไปกับฉันเถอะรับรองเธอจะไม่ผิดหวังนะ เบบี๋” ใบหน้าขาวหยาบแขระด้วยรอยจุดสีน้ำตาลเนื้อเป็นหย่อมๆเลื่อนเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงกลิ่นเหม็นขมของเครื่องดื่มบางชนิดที่แทบจะเป็นลม
“ไม่!” ตวาดใส่
สิ้นเสียงนั้นชายผู้มีฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำฉุดลากฉุดดึงร่างเล็กบางติดมืออย่างเหนียวแน่น ผู้คนที่พบเห็นเหตุการณ์ต่างคิดไปในทางเดียวกันว่าผัวเมียตีกันอย่าเข้าไปยุ่ง คนถูกฉุดทั้งร้องทั้งตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีมนุษย์รายใดกล้าก้าวก่าย ไอรินทร์หยิกและขวนแขนบนแบนที่มากด้วยเส้นขนจนคนลากปวดแสบปวดร้อน
‘เพี๊ยะ!’
ฝ่ามือหนาฟาดลงบนแก้มใสหนึ่งทีจนเป็นรอยเปื้อนนิ้วมือทั้งห้าและรวบมืออีกข้างที่เหลือเข้ามาอยู่ในอุ้มมือเดียวกันเพื่อขจัดความรำคาญ ไอรินทร์พยายามต่อสู้กับแรงมหาศาลนั้นมากเท่าไหร่ไม่สามารถสู้แรงของคนใจเหี้ยมเท่ากับช้างทั้งโขลง ส่วนแรงของเธอแค่แมวดิ้น น้ำหูน้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่ยั้งนัยน์ตาสั่นไหวหัวใจเต้นรัว ชายใจโฉดฉุดลากเธอมาที่ใดมิอาจทราบได้ ทราบเพียงแค่ว่าที่นี้ไร้ซึ่งเงาคนเห็นแค่เพียงป่ามะพร้าวเท่านั้น
ก๊อกๆ ก๊อก... ก๊อกๆ ก๊อก...
ถึงเวลาสำหรับอาหารเย็นก้องภพเคาะประตูห้องของไอรินทร์เพื่อชวนเธอไปรับประทานอาหารด้วยกันเพราะไม่อยากโดนข้อหาที่ว่าทานไม่ชวน เคาะประตูอยู่นานสองนานก็ไร้ซึ่งเจ้าของห้องมาเปิดประตูรับ
‘หรือว่าหลับ’ เขาคิดในใจและล้มเลิกเคาะประตูเพื่อไม่อยากรบกวนคนในห้องและห้องอื่นๆ ก้องภพเดินไปตามทางที่ปูด้วยพรหมสีแดงในทางยาวที่โล่งเงียบสงัดมีเพียงเสียงลิฟต์เท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน
ร่างสูงในชุดลำลองเลือกที่จะเดินเล่นกินลมชมวิวริมชายหาดแทนการทานอาหารเย็น เท้าเรียวแบนหุ้มด้วยรองเท้าแตะย่ำเม็ดทรายละเอียดพาเจ้าของเดินสำรวจความสวยงามของหาดในช่วงพระอาทิตย์กำลังบอกลาวันเก่า ดวงตาคมสองคู่ที่เป็นดั่งหน้าต่างชื่นชมสิ่งแวดล้อมรอบกายอย่างเพลินใจจนเจอะเข้ากับบางสิ่งบนพื้นทราย
ผ้าผืนหนึ่งถักจากไหมพรหมสีฟ้าพาสเทลหล่นอยู่ในบนพื้นทราย ก้องภพหยิบขึ้นมาสำรวจว่าผ้าคลุมไหล่ผืนนี้เป็นของใคร
หัวใจชายชาติทหารแทบจะอ่อนยวบเมื่อสำรวจผ้าคลุมไหล่สีสวยผืนนี้ เขามองตรงไปข้างหน้าตรงหน้าของเขานั้นเหมือนมีบางสิ่งที่ถูกลากด้วยกำลังอันมหาศาลไปเป็นทางสะเปะสะปะ ก้องเดินตามทางร่องรอยดังกล่าวได้สักระยะจึงพบกับรองเท้ารัดส้นแบบสตรีหนึ่งข้างคว่ำจมในกองทราย รองเท้าข้างนี้ทำให้ก้องภพมั่นใจยิ่งขึ้นว่าเป็นของหญิงสาวคนนั้นแน่นอนและตอนนี้เธออาจจะตกอยู่ในอันตราย
คิดเช่นนี้จึงสาวเท้าไปตามรอยลากจนถึงจุดสุดทางที่รอยดังกล่าวหยุดซึ่งก็คือป่ามะพร้าวที่เริ่มปกคลุมด้วยความสลัว เสียงกรีดร้องสลับกับขอความช่วยเหลือทำให้ก้องภพไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปช่วยไอรินทร์
“หยุด!” เสียงคำรามราวกับราชสีห์เมื่อเห็นหญิงในดวงใจกำลังถูกชายอื่นทำมิดีมิร้าย
ชายต่างชาติร่างใหญ่ใช่มือล๊อกข้อเท้าของฝ่ายหญิงต้องคลายมือออกและหันมาหาต้นเสียง เมื่อข้อเท้าเป็นอิสระไอรินทร์จึงถือโอกาสวิ่งไปหลบข้างหลังก้องภพ
“คุณเป็นใครไม่ทราบ ถึงได้เสียมารยาทมาขัดจังหวะแห่งความสนุกของพวกเรา” ชายตาน้ำข้าวหรี่ตามองหนุ่มผู้มาใหม่ หนุ่มใหญ่ชาวเยอรมันคาดว่าชายไทยคนนี้อาจจะฟังภาษาเยอรมันไม่ออกจึงสาดภาษาอังกฤษในขณะที่ยังไม่ส่างเมา
“เป็นแฟนกับผู้หญิงคนนี้ไง และแกก็ไม่ควรมาทำแบบนี้กับผู้หญิงของฉัน” ขากอดกระชับร่างเล็กสั่นเทา คนไม่ถนัดภาษาต่างประเทศพูดแบบผิดๆถูกๆ
“เฮอะ! เป็นแฟนกันเหรอแล้วทำไมปล่อยให้เธอมานั่งร้องไห้คนเดียวละ มานี้เถอะสาวน้อยฉันจะพาเธอไปปลอบใจ” มือหยาบกระชากสาวน้อยในอ้อมกอดออกอย่างจัง
‘ผัวะ’
กำปั้นหนักหน่วงส่งไปหาใบหน้าขาวหยาบนั้นอย่างแรงหนึ่งทีก่อนจะเซไปอีกทางคนเมาหายเมาทันตาและไม่รอช้าที่จะเอาคืนบ้าง ถูกประเคนหมัดมาอย่างด่วนจี๋ก้องภพถีบเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่ายบ้าง คนถูกถีบล้มลงกับพื้นมือข้างหนึ่งคว้าท่อนไม้ท่อนหนึ่งได้และทรงตัวให้อยู่ท่ายืนจัดการฟาดไม้ท่อนเดิมลงบนกลางลำตัวของอีกฝ่าย คนถูกฟาดหงายหลังตึงเตรียมจะยันร่างลุกขึ้นก็พบกับเท้าหนาของชายต่างชาติเหวี่ยงมาตามแรงปะทะเข้าใบหน้าอย่างจังเป็นผลให้ก้องภพต้องนอนราบกับพื้น คนได้เปรียบทั้งพละกำลังและร่างกายที่ใหญ่โตกว่าขึ้นคร่อมร่างของคนที่นอนราบกับพื้นต่อจากนั้นจึงส่งหมัดเข้าให้ที่ใบหน้าหล่อเหลา
ไอรินทร์เห็นท่าไม่ดีจึงรวบกระชับเสื้อผ้าขาดวิ่นออกแรงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากภายนอก ในไม่ช้าเธอกลับมาพร้อมชายในชุดสูทสีดำซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของทางเกาะ เจ้าหน้าที่แยกมวยคู่เอกระหว่างมุมเยอรมันและไทยได้สำเร็จ จากนั้นนำตัวชายต่างชาติออกจากเกาะทันทีเพื่อนำตัวส่งสถานีตำรวจในตัวเมืองกระบี่
“เจ็บตรงไหนไหม” ก้องภพโอบสาวน้อยที่บัดนี้ยังตัวสั่นไม่หายจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อได้มาอยู่ในที่ปลอดภัย ถ้าไปช้ากว่านี้จะเกิดจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาไม่อยากคิด
คนในอ้อมกอดส่ายศีรษะน้อยๆก่อนจะตอบว่า...ไม่ มีเขาคนเดียวเหมือนมีทหารนับพันนายคอยปกป้อง
“ยังจะมาห่วงคนอื่นอีก ดูสิตัวช้ำหมดเลย”
ชายหนุ่มปล่อยกอดแม้จะรู้สึกเสียดายลึกๆและเห็นว่าไม่สมควรสำหรับคนมีเจ้าของ ดวงตาคมเข้มสองคู่สำรวจเสื้อผ้าของไอรินทร์ที่ขาดรุ้งริ้งกับผมเผ้ายุ่งเหยิงเห็นแบบนี้แล้วอยากจะตามไปอัดไอ้หมอนั้นอีกสักสามสี่ที ก้องภพถอดเสื้อเชิ้ตคลุมร่างกายชั้นนอกและคลุมผ้าคลุมไหล่ให้เธออีกชั้น ตัวเขาเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวตัวเดียวปกปิดร่างกายส่วนบน ชายหนุ่มก้าวเท้าเตรียมกลับห้องพัก
อากัปกิริยาและสายตาเหินห่างมาเยือนก้องภพอีกครั้งน้ำใสไหลอกจากดวงตาคู่สวยก่อนจะออกแรงสาวเท้ายาวๆตามร่างสูงที่เดินห่างออกไปพอสมควร
ไอรินทร์เดินเข้ามาประชิดตัวได้สองแขนเรียววาดวงล้อมโอบเอวสอบทางด้านหลังใบหน้ารูปหัวใจปื้นคราบน้ำตาซบแนบชิดกับแผ่นหลังกว้าง
“โกรธรินทร์เรื่องอะไรบอกได้ไหมคะ” พูดพร้อมกับสะอื้นน้ำตาทุกหยดไหลซึมลงบนเนื้อผ้า อยากให้เขาได้รู้สึก
“รินทร์ทำผิดเรื่องอะไรบอกได้ไหมคะ”
ชายหนุ่มยังคงยืนเป็นรูปปั้น ทำเหมือนไม่ได้ยิน เหมือนไม่รู้สึก เหมือนไม่สนใจเสียงสะอื้นฮักๆข้างหลังมันไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง ก้องภพเตรียมจะยกมือขึ้นดึงอ้อมกอดเล็กออกจากเอวแค่แตะบนแขนเธอก็โอบรัดแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวเขาจะจากไป
“พี่ไม่ได้โกรธและรินทร์ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ถ้าไม่ได้โกรธเราหันมาคุยกันเหมือนเดิมสิคะ อย่าทำเหมือนกับไม่รู้จักกันได้ไหมรินทร์ไม่ชอบ” สะอื้นและซุกหน้าลงบนแผ่นหลังแน่นหนาด้วยกล้ามเนื้อ
“พี่คงหันไปคุยกับรินทร์เหมือนเดิมไม่ได้อีก” ไอรินทร์เงยหน้าขึ้นมองท้ายทอยของคนถูกโอบพร้อมกันนั้นส่งคำถามที่ต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วน แต่ทว่าไร้ซึ่งคำตอบได้ยินแค่เสียงลมหายใจพร้อมกับแผ่นหลังที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจเข้าออก
“บอกมาสิว่าทำไม” หญิงสาวสะอื้น
ก้องภพถอนหายใจ “เริ่มมืดแล้วปล่อยเถอะเดี๋ยวใครมาเห็นจะดูไม่ดี”เขาพยายามแกะเรียวแขนเหนียวหนึบออก
“ไม่! จนกว่าพี่จะบอกมาว่าทำไมถึงคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้” ไอรนิทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นจนคนถูกกอดเริ่มจะอึดอัดช่วงเอว
ถ้าหากถอดความรู้สึกว่ารักออกไปได้ง่ายเหมือนกับถอดเสื้อผ้าไอรินทร์คงไม่รั้งก้องภพไว้แน่นเช่นนี้ เธอพร้อมจะขอโทษหากทำอะไรให้เกิดความขุ่นเคือง ขอเพียงแค่อย่าเมยเฉยเป็นพอ
“การรักคนที่มีเจ้าของมันเจ็บจริงๆ แต่ยังไงพี่ก็ยินดีด้วย” ประโยคดังกล่าวสร้างความงุนงงให้แก่ผู้ฟัง อ้อมกอดเล็กค่อยคลายลงก่อนจะเดินไปดักหน้าสบตากับคนตัวสูง
“ยินดีเรื่องอะไรคะ” ตาคมสบตากับตาหวานนิ่งกดยิ้มบางเบา
“น้องพี่กำลังจะมีความสุขพี่ต้องยินดีสิ”
‘ในสายตาพี่ รินทร์เป็นแค่น้องเองเหรอ’ หญิงสาวคิดน้อยใจ
“ขอให้มีความสุขและยินดีด้วยที่ได้แต่งงานกับคนที่รินทร์รักและเขาก็รักรินทร์” อวยพรทั้งที่หัวใจไม่คล้อยตาม
“หมายความว่าไง”
ก้องภพมองหน้าหญิงสาวอย่างฉงนใจเรื่องใหญ่และสำคัญขนาดนี้ทำไมถึงไม่รู้เรื่อง
“รินทร์กำลังจะแต่งงานไง”
“แต่งงานอะไร ใครแต่งกับใคร”
“กับนายพี่โอ๊ต”
หยาดน้ำที่เคยไหลรินกลับแห้งเหือดแทนที่ด้วยความสงสัยและกลับกลายเป็นเข้าใจในที่สุด
“มั่วเอาเองใช่ไหม รินทร์ไม่ได้แต่งงานกับใครทั้งนั้น ไปเอามาจากไหนฮะ”
ข่าวใหม่ทำให้คนฟังรู้สึกแปลกใจแต่ข้างในเต้นเป็นลิงโลด
“วันนั้นพี่เห็นนายนั้นขอรินทร์แต่งงาน”
แล้วไอรินทร์เข้าใจมากยิ่งขึ้น “วันนั้นพี่โอ๊ตซ้อมขอแฟนแต่งงานกับรินทร์ เห็นพี่โอ๊ตเป็นคนมั่นใจแบบนั้น แต่ลึกๆแล้วเขาขี้อายอย่าบอกใครเชียว”
ก้องภพกดมุมปากแทบปลิไปถึงใบหูเพราะฟังความไม่ได้ศัพท์และไม่ได้เห็นภาพตั้งแต่ต้นจนจบเลยตีวามไปต่างๆนานา สองมือหนากอบกุมสองมือคู่เล็กขึ้นมาแนบอกกดจูบหนักแน่นลงบนสองมือคู่นั้น แต่มือคู่เล็กที่ถูกกุมดึงออกแผ่วเบาเนื่องจากความแคลงใจในบางเรื่อง
“พี่จะแต่งงานกับแทนี่จริงเหรอ” พูดเน้นคำเพื่อให้คนฟังได้ยินชัดเจน คนฟังถอนหายใจยาวกวาดร่างบางแนบอก
“เชื่อจริงเหรอว่าพี่จะแต่งงาน พูดไปเท่านั้นแหละตอนนั้นพี่แค่อยากให้รินทร์เลิกสนใจพี่” กระชับอ้อมกอดเพิ่มความเชื่อมั่นให้เธอ
“ขอบคุณนะคะที่ไปช่วย เจ็บมากไหม” หญิงสาวลูบรอยแตกสีแดงฉาดตรงหางคิ้วหนาเบามือ
“เจ็บแค่นี้ทนได้ครับ” พูดเสียงหวาน ดึงมือบางมาแนบแก้มตัวเอง
“ทำแผลให้นะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ