แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ทางที่ต้องเลือก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 2 ทางที่ต้องเลือก
“ก๊อกๆๆ คุณรินทร์คะลงไปทานข้าวค่ะ” สาวใช้ขึ้นมาเรียกไอรินทร์ที่ห้องนอน คนที่อยู่ข้างในได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับไป
“ได้ยินแล้วเดี๋ยวลงไป” ไอรินทร์ตอบด้วยเสียงงัวเงียนิดหน่อย แล้วลุกขึ้นไปล้างหน้าในห้องน้ำ
ร่างอ้วนเดินลงมาจากบันไดแล้ว เห็นชายอายุสี่สิบแปดมีบุคลิกความเป็นผู้นำเต็มตัว กำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างตั้งใจอยู่บนโซฟาตัวยาว ไอรินทร์เห็นดังนั้นจึงวิ่งไปหาผู้เป็นพ่อทันที
“พ่อกลับมานานแล้วยังคะ” ไอรินทร์ถามพ่อด้วยเสียออดอ้อน พลางเอาแขนตัวเองกอดแขนพ่อแล้วเอาหัวซบลงบนไหล่หนาของพ่อเหมือนแมวน้อยขี้อ้อน
“เพิ่งกลับมาได้สักพักแล้วละลูก” วิชัยตอบลูกสาวแล้วเอามือลูบหัวลูกอย่างเอ็นดู
“พ่อหิวแล้วยังคะ”
“พ่อก็เริ่มหิวแล้วละงั้นเราไปกินข้าวกันดีกว่า” วิชัยตอบลูกสาว
“ดีคะ” ไอรินทร์พูดแล้วลุกขึ้นไปพร้อมกับพ่อ
“ผมขอทานข้าวด้วยคนนะครับ!” เสียงหนึ่งดังมาจากประตูเข้าบ้าน
“อ้าว! ก้องมาทานข้าวด้วยกันสิ” คุณวิชัยชวนก้องภพ ในมือของเด็กหนุ่มตอนนี้ถือจานผัดเผ็ดสะตอกับหมู
“ไม่ได้หรอกค่ะเพราะว่าไม่ได้ทำเผื่อคนแปลกหน้า” ไอรินทร์พูดใส่คนตัวสูงที่ยืนอยู่ที่ประตูแล้วทำหน้าหงิก แค้นนี้ต้องชำระ
“ทำไมพูดกับพี่อย่างนั้นละลูก” ประมุขของบ้านดุลูกสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย
“ไม่เป็นไรหรอกครับอาผมแค่เอาผัดเผ็ดที่แม่ทำมาฝากครับเดี๋ยวก็กลับแล้ว” ก้องภพพูดแบบไม่ถือโทษไอรินทร์
“ดีๆกลับไปเลยไปเร็วๆด้วยนะ แล้วไม่ต้องมาอีก” พร้อมกับโบกมือไล่เสริม
“พูดไม่น่ารักเลย! อย่าเพิ่งกลับนะอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเพื่อเป็นการขอโทษที่รินทร์พูดไม่ดี” วิชัยพูดกับก้องภพ
“ไม่ได้! รินทร์ไม่ให้ ขอโทษทำไมทีพี่ก้องแกล้งรินทร์ยังไม่เห็นขอโทษสักคำ” ลูกสาวไม่ยอมแพ้และกอดอก
คุณวิชัยไม่สนใจที่เสียงลูกสาว แล้วเดินไปที่ก้องภพผลักไหล่ให้เดินไปที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกัน
“พ่อคะ!” ไอรินทร์ตะโกนตามหลังพ่อด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง พ่อนะพ่อนี่ลูกพ่อนะทำไมไม่เข้าข้างกันบ้าง
ความอยากอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น ในที่สุดก้องภพได้มานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกับสาวน้อยข้างบ้านตามที่ใจปรารถนาสำเร็จ หลังจากไอรินทร์ต่อล้อต่อเถียงกับพ่ออยู่ครู่ใหญ่ จนต้องจำยอมให้แขกที่จำเป็นต้องรับเชิญมานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะด้วย อาหารมื้อเย็นบนโต๊ะอาหารวันนี้น่าตาน่ากินทุกอย่าง แกงเขียวหวานไก่ ผัดเผ็ดหมูกับสะตอ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดบรอคโคลีกับกุ้ง
“กับข้าวหน้าทานจังเลยดูสิมีของโปรดของรินทร์ด้วย” พีรพัฒน์พูดขึ้นเพื่อให้น้องสาวหายทำหน้าบูดบึ้งเสียที
แล้วดูแขกที่จำเป็นต้องรับเชิญสินั่งยิ้มแป้นสบายอารมณ์ เห็นแล้วน่าโมโหจริงๆเลย
“ค่ะน่าทาน แต่ถ้าจะให้น่าทานมากกว่านี้ถ้าไม่มีคนบางคนอยู่ที่นี้” ย่นจมูก ไอรินทร์พูดพลางหันหน้าไปทางแขกที่จำเป็นต้องรับเชิญด้วย ดูสิพูดขนาดนี้แล้วยังทำหน้าสบายๆอีก
“แม่ว่าเรามาทานข้าวกันดีกว่านะลูก เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมดจะไม่อร่อย” คุณวรรณวิภาเห็นแววไม่ค่อยสู้ดีจึงชักชวนสมาชิกทุกคนทานข้าว
“ดีครับ!” ทุกคนพูดพร้อมกัน ยกเว้นแต่ไอรินทร์นี่แหละที่ยังทำหน้าบูดไม่หาย การรับประทานอาหารดำเนินมาได้ประมาณสิบนาที คุณวิชัยพูดขึ้นว่า
“ปีนี้ลูกอยู่ ม.4แล้วใช่มั้ย” คุณวิชัยถามลูกสาว
“ค่ะพ่อ” ไอรินทร์ตอบพ่อ ตอนนี้เธอเลิกทำหน้าบูดแล้วหันมาสนใจสิ่งที่บิดาพูดแทน
“แล้วพออยู่มหา’ลัยละ อยากจะไปเรียนที่ไหนบ้าง”
“หนูยังไม่ได้คิดเลยค่ะ”
“ถ้ายังไม่ได้คิด พ่อแนะนำที่หนึ่งเอาไหม”
“ที่ไหนเหรอคะ” ไอรินทร์ถามด้วยความอยากรู้
“คือที่...”
“ที่ไหนคะพ่อหนูอยากรู้ แล้วไกลไหมคะ” ไอรินทร์ถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น
“อังกฤษไงลูก” วิชัยตอบลูกสาว เท่านั้นแหละคำว่า ‘อังกฤษ’ ก็เข้าไปกระแทกหูทุกคนบนโต๊ะอาหาร สมาชิกทุกตนบนโต๊ะอาหารอึ้งและเลิกสนใจกับอาหารในจาน หันมาสนใจการสนทนาของพ่อลูกแทน โดยเฉพาะก้องภพที่อึ้งไม่แพ้กับไอรินทร์ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่นั่งฟังอยู่เงียบๆ
‘นี่มันอะไรกันวะเนี่ย’ เด็กหนุ่มคิดในใจ
“คุณคะ ทำไมให้ลูกไปไกลจังให้เรียนแค่ในประเทศไม่ได้เหรอคะ” คุณวรรณวิภาถามสามีและเกิดอาการหวงลูกสาวขึ้นมาทันตา
“ผมมีเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับการส่งนักเรียนไปเรียนต่อที่อังกฤษลูกของเขาก็ไปเรียนที่นั้นด้วยเลยแนะนำมา ผมเห็นว่าน่าสนใจดีแล้วอีกอย่างรินทร์ก็ยังไม่เคยไปเมืองนอกเลยจึงอยากให้ลองไป เป็นไงสนใจไหมลูก” คุณวิชัยตอบภรรยาเสร็จจึงหันมาถามลูกสาว
“ทำไมไม่ชวนผมบ้างละครับผมอยากไปนะพ่อ ชวนแต่น้อง” พีรพัตร์ตอบแทนน้องสาว
“ลูกไปมาเยอะแล้วอาร์มให้น้องไปบ้าง ไงรินทร์อยากไปไหม” วิชัยทำเสียงดุเล็กน้อยใส่ลูกชาย แล้วหันมาถามลูกสาวอีกครั้ง ส่วนพีรพัฒน์ทำหน้าหงอยทันทีหลังจากโดนดุ
“น่าสนใจดีค่ะแต่หนูขอคิดก่อนนะคะว่าจะไปดีไหม” ไอรินทร์ตอบและยิ้มน้อยๆให้กับพ่อ
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันไปทำภารกิจส่วนตัวของตัวเอง พีรพัตร์ไปส่งก้องภพหน้าบ้าน
“ก้องคืนนี้ดูบอลไหมวะ ทีมแมนยู แข่งคืนนี้นะโว้ย” พีรพัฒน์ชวนก้องภพดูฟุตบอลทีมโปรดของทั้งสองที่จะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์คืนนี้
“เออวะคืนนี้รอบตัดเชือกแล้วนี้หว่าก็ดีเหมือนกันอีกสองวันจะถึงวันสอบเข้าแล้ว ดูบอลคลายเครียดหน่อย” ก้องภพตอบเพื่อนอย่างเห็นด้วย
“เออ อย่าลืมแล้วกัน ส่งแค่นี้แหละไปแล้ว” บอกจบพีรพัฒน์ก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเพื่อเป็นการบอกลา
ตอนนี้ไอรินทร์มานั่งดูทีวีในห้องนอนตัวเองแล้ว ซึ่งตอนนี้ในทีวีก็กำลังฉายภาพของนักร้องหนุ่ม ผิวขาวดูสุขภาพดี ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มสดใส ตาชั้นเดียวคิ้วสีดำเข้ม ผมสีน้ำตาลทองซอยอย่างสวยงามเข้ากับใบหน้า สันชาติเกาหลีใต้คนหนึ่งที่กำลังร้องเพลงอย่างมีความสุขแล้วโบกมือไปมาให้แฟนคลับอย่างอารมณ์ดี เวลาปกติไอรินทร์ก็จะนั่งดูและร้องเพลงตามอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้ภาพนักร้องหนุ่มสุดหล่อคนโปรดของเธอที่กำลังร้องเพลงอยู่ในจอสามสิบนิ้วกับเสียงเพลงเพราะๆที่เธอชอบเปิดมาฟังบ่อยๆก็ไม่ได้แล่นเข้ามาอยู่ในโสตประสาทของเธอเลยสักนิดเดียว ใบหน้าของไอรินทร์ก็กำลังครุ่นคิดเรื่องบนโต๊ะอาหารอยู่ ในหัวสมองของเธอตอนนี้มีแต่คำว่า ‘อังกฤษ’ อยู่ในสมอง
ความจริงมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเพราะตัวเธอเองไม่เคยก้าวเท้าออกนอกประเทศแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่พี่อาร์มที่ได้ไปต่างประเทศบ่อยที่สุด แล้วเธอนึกถึงหน้าใครบางคนที่ชอบล้อเธอเป็นประจำ
“ทำไมฉันต้องคิดถึงหน้าไอ้พี่ก้องด้วยนะ” ไอรินทร์พูดกับตัวเองเบาๆ นั่นสิทำไมต้องนึกถึงเขาด้วย จะไปเรียนที่อังกฤษมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อย
ใจที่หนึ่งบอกว่า...ไปก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าคนกวนประสาทอย่างนั้น แล้วก็ไม่ต้องมาทนฟังเสียงล้อเธอทุกวันให้รำคาญใจ...
ใจที่สองบอกว่า...ถ้าไปแล้วเธอจะอยู่ได้เหรอ ไม่ได้เห็นหน้าเขา ไม่ได้ฟังเสียงเขา...
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจิตใจของเธอจะแยกออกเป็นสองพวกไม่สามัคคีกันเสียแล้ว เธอจะทำอย่างไรดี
ใจที่หนึ่ง ‘ทำตามฉันเถอะ แล้วเธอจะมีความสุขที่ทำตามที่ฉันบอก’
ใจที่สอง ‘เชื่อฉันเถอะนะ ได้โปรดอย่าไปเลย!!’
ทางด้านก้องภพที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้าทีวีขนาดสิบสามนิ้ว ในจอกำลังฉายภาพของกลุ่มคนสองกลุ่ม กลุ่มแรกใส่เสื้อทีมสีดำ ทีมที่สองใส่เสื้อทีมสีแดง กำลังวิ่งแย่งลูกหนังเพียงลูกเดียวที่กลิ้งไปตามแรงแตะของนักฟุตบอลบนสนามหญ้าสีเขียวสด ถ้าเวลาปกติเขาจะนั่งเชียร์อย่างเมามันส์เหมือนกับอยู่ติดขอบสนามจริง แต่ตอนนี้ฟุตบอลทีมโปรดที่กำลังแข่งขันรอบตัดเชือกไม่ได้ดึงดูดให้เขาหันไปสนใจแม้แต่น้อย ในสมองของเขาตอนนี้มีแต่ภาพเด็กสาวอ้วนๆผมหยิกๆ ที่เขาเคยล้อมาตลอดตั้งแต่จำความได้
“รินทร์จะไปอังกฤษ แล้วเราจะคิดมากทำไมวะ บ้าจริง” เขาพูดออกมาด้วยความไม่เข้าใจตัวเองที่นึกถึงเรื่องของไอรินทร์
...ถ้ารินทร์ไปคงไม่มีใครทำให้เรามีความสุขได้เท่ารินทร์หรอก...
...ถ้ารินทร์ไม่ไปเราคงจะมีความสุขทุกวันเลย...
ถ้าเกิดเป็นอย่างแรกละเขาจะทำอย่างไรดี ขอภาวนาให้มันเป็นอย่างที่สองเถอะ เขาคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง ก้องภพคิดไปคิดมาอยู่สักพักแล้วก็คิดอะไรบางอย่าง
141158
ลันตนา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ