แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) คนที่ไม่อยากเจอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1 คนที่ไม่อยากเจอ
“รินทร์! รินทร์! มาหาแม่หน่อยสิลูก” วรรณวิภาเรียกลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในไม้ศาลาหลังเล็กในสวนหน้าบ้านให้เข้ามาหาตน
“ค่ะแม่ รินทร์มาแล้วค่ะ” เด็กสาวอายุสิบห้าปีเกือบๆสิบหก รูปร่างอ้วนผิวคล้ำ ผมหยิกวิ่งเข้ามาหามารดาในบ้าน
“รินทร์ เอาแกงเขียวหวานไก่ไปฝากป้าพรหน่อยสิลูก” คุณวรรณวิภายื่นถ้วยแกงเขียวหวานถ้วยใหญ่กลิ่นหอมกรุ่นให้ลูกสาว
“แม่คะ ทำไมไม่ให้พี่อาร์มหรือพี่ลำไยเอาไปให้ล่ะคะ” เด็กสาวทำหน้าเซ็ง นั่นเพราะเธอไม่อยากไปเจอใครบางคนที่นั้น
“พี่อาร์มกำลังอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหา’ลัย ส่วนลำไยกำลังทำงานให้แม่ ลูกนั่นแหละเอาไปให้ป้าพรหน่อยนะ” คุณวรรณวิภาบอกเหตุผลแก่ลูกสาวและพูดในเชิงขอร้อง
‘เฮ้อ…มีแต่คนไม่ว่างวันนี้ ทำเราไม่ว่างบ้างนะ’ คิดหงุดหงดในใจ
“แต่ว่า…” ไอรินทร์แย้งขึ้นมาแต่มารดาพูดตัดเสียก่อน
“ไม่มีแต่” คุณวรรณส่งถ้วยแกงใส่มือลูกสาวคนเล็ก
“ก็ได้ค่ะ” ไอรินทร์รับถ้วยแกงและตอบมารดาอย่างจำใจ
และแล้วร่างอ้วนก้าวเท้าออกมาจากบ้านหลังใหญ่(อย่างจำใจทำ) พร้อมด้วยถ้วยแกงเขียวหวานไก่ในมือ มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของข้าราชการทหารซึ่งใช้รั่วบ้านเดียวกับบ้านของเธอ
“กริ๊งๆๆ” ไอรินทร์กดออดหน้าบ้าน ไม่นานมีสาวใช่วิ่งออกมาเปิดประตูให้เธอ
“สวัสดีค่ะ คุณรินทร์” สาวใช้ทักทายเด็กสาว
“สวัสดีค่ะ ป้าพรอยู่บ้านไหมคะ” เด็กสาวทักทายสาวใช้กลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ‘ขอให้ออกไปข้างเถอะนะ’ แต่ภายในใจภาวานาเช่นนี้
“อยู่ค่ะ เชิญข้างในค่ะ” สาวใช้ตอบแล้วชวนไอรินทร์เข้าบ้าน
‘ทำไมต้องอยู่ตอนนี้คะ’ ไอรินทร์พึมพำในใจ แต่สมองกลับสั่งการว่า“ขอบคุณมากค่ะ”
สาวใช้เดินนำเด็กสาวเข้าไปข้างในบ้าน ข้างทางที่ไอรินทร์เดินไปจะเข้าบ้านมีสวนเล็กๆหน้าบ้าน ที่จัดตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิดทำให้ในสวนดูร่มรื่นมากๆ และมีบ่อเลี้ยงปลาสวยงามอยู่ในสวนด้วย เมื่อเดินเข้าไปถึงในตัวบ้านเห็นสาวอายุห้าสิบห้ากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาตัวใหญ่
“สวัสดีค่ะ ป้าพร” ไอรินทร์พูดและยกมือไหว้คุณสุภาพรด้วยความสุภาพนอมน้อม
คุณสุภาพรที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้นได้ยินเสียงของเด็กสาวก็เงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์แล้วพูดทักบ้าง
“สวัสดีจ้ะ หนูรินทร์นั่งก่อนสิลูก” สุภาพรชวนไอรินทร์อย่างใจดี สุภาพรไม่มีลูกสาวจึงรักและเอ็นดูไอรินทร์เหมือนลูกคนหนึ่ง
“ขอบคุณค่ะ” แล้วร่างอ้วนก็หย่อนสะโพกลงบนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ใกล้ๆกับโซฟาตัวใหญ่ที่สุภาพรนั่ง
“วันนี้แม่ทำแกงเขียวหวานไก่ค่ะจึงเอามาฝากป้าพรด้วย” ไอรินทร์ยื่นถ้วยแกงให้สุภาพร
“หน้ากินจัง ฝากขอบคุณแม่หนูด้วยนะ สำลีเอาแกงไปเก็บไว้ในครัวด้วย” สุถาพรรับถ้วยแกงมา แล้วหันไปสั่งสาวใช้
สมองน้อยๆสั่งการให้รับรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้าน ตาขวากระตุกถี่ยิบ อยากกลับบ้านในวินาทีนี้แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องนั่งคุยกับคุณสุภาพรไปก่อน ‘สาธุ...ขออย่าให้ได้เจอเลยนะเจ้าคะ เพี้ยงๆๆ! ’ เด็กสาวภาวนาต่อเจ้าที่เจ้าทางในใจ แต่ใครเล่าจะรู้บ้างว่าอนาตคเป็นเช่นไร
“แหม หนูไม่เห็นต้องลำบากเอามาให้ป้าเลยลูก” สุภาพรพูดอย่างเอ็นดูเด็กสาว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าพร หนูยินดี” เด็กสาวตอบป้าอย่างยินดี
“แล้วปีนี้รินทร์เรียน ม.ไหนแล้วละลูก”
“ปีนี้รินทร์จบ ม.3แล้วค่ะ เปิดเทอมใหม้ขึ้น ม.4”
“ปีนี้ก้องก็จบ ม.6 แล้วก็เตรียมสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร สงสัยอยากจะทำตามพ่อ” สุภาพรพูดถึงลูกชายอย่างอารมณ์ดี
“แม่คุยกับใครอยู่เหรอครับอารมณ์ดีเชียว เสียงดังไปถึงข้างบนเลย” เสียงนุ่มและทุ่มต่ำ น้ำเสียงของเจ้าของเสียงแสดงอาการเหนื่อยล้าของใครคนหนึ่งดังมาจากบันไดขึ้นชั้นสองของบ้าน
“อ้าว ก้องอ่านหนังสือเสร็จแล้วเหรอลูก ดูซิว่าใครมา” สุภาพรเรียกลูกชาย เจ้าของเสียงทุ่มต่ำเดินลงมาจากบันไดเพื่อมาดูผู้มาเยือนตามที่มารดาชักชวนแล้วมาหยุดอยู่ที่ที่ทั้งสองนั่ง
“แหมนึกว่าใคร ที่แท้ก็น้องไอรินทร์ว่าที่ธิดาช้างคนต่อไปนี่เอง” นี้คือคำทักทายแรกที่ก้องภพใช้ทักทายไอรินทร์
คนถูกทักแบบนั้นได้แต่กรี๊ดในใจแล้วทำหน้าบึ้งทันทีที่เห็นหน้าก้องภพ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าคุณสุภาพรที่เป็นผู้ใหญ่ละก็สวนกลับไปนานแล้ว คุณสุภาพรที่นั่งดูทั้งคู่กัดกันก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆเห็นสองคนนี้กัดมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะจนตอนนี้ชินเสียแล้ว
“พี่ก้องอ่านหนังสือ(โป๊)หลายชั่วโมงเหนื่อยไหมคะ” ( ในวงเล็บของไอรินทร์นะคะ หนูไมรู้เรื่อง!!(ร้อนตัว ร้อนตัว))เธอพูดคำว่าโป๊แต่ไม่ออกเสียง ถึงคำพูดจะห่วงใยแต่สีหน้าของเธอไม่ได้แสดงความห่วงใยอย่างที่พูด เพราะต้องเก็บอาการเอาไว้ไม่ไห้ระเบิดออกมา
‘เก็บอาการไว้ไอรินทร์ ใจเย็นๆไว้’ สูดลมหายใจเข้าบอดลึๆ ไอรินทร์โดนก้องภพล้อแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วจนมาตอนนี้ก็ยังไม่ชินเสียที ถ้าบางครั้งกัดกันสองคนไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ๆเธอจะสวนกลับไปว่า ‘ไม้เสียบผีเดินได้มาทำอะไรแถวมิทราบ/ ไอพี่ปากเน่า/ เต้าหู้ยี้จ๋าเดินกลับบ้านระวังรถเหยียบนะ และอีกมากมาย’
“เหนื่อยนะครับแต่แค่ได้รู้ว่าธิดาช้างคนสวยเป็นห่วงพี่ แค่นี้พี่ก็หายเหนื่อยแล้วครับ ^^” คำพูดเมื่อกี้หวานจังเลย ถ้าไม่ติดอยู่ที่คำว่า ‘ธิดาช้าง’ จะน่ารักน่าฟังมากเลยค่ะคุณพี่ขา
‘บางทีถ้าไม่ใช่ธิดาช้างก็ ยายตุ่ม ยายโอ่งบ้างแหละ เชอะ! อย่าให้ฉันผอมนะ’ คิดในใจอย่างเจ็บแสบ
ไอรินทร์ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้วจึงขอตัวกลับบ้าน “ป้าพรคะ รินทร์ขอตัวกลับบ้านก่อนะคะ พอดีรินทร์นึกขึ้นได้ค่ะว่าแม่บอกว่าให้รีบกลับอย่ารบกวนป้านานค่ะ” แม่ไม่ได้สั่งแบบนี้หรอกเพียงแค่เธอไม่ต้องการอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ขืนอยู่ต่อคงได้กระโดดข่วนหน้าและงับคอผู้ชายหน้าหล่อที่อยู่ตรงหน้าแน่นอนต้องได้เรียกรถใต้เต็กตึ๊งแทนรถพยาบาลแน่เพราะมีคนตาย
“ไม่เห็นจะรบกวนเลยลูก ถ้าอย่างนั้นเอาไว้โอกาสหน้ามาใหม่นะจ้ะ”
“ขอบคุณนะคะป้าพร” …แต่มันคงไม่มีโอกาสหน้าอีกแล้วละค่ะ… ประโยคหลังอยากพูดแต่ไม่พูด บอกจบร่างอ้วนยกมือไหว้คุณสุภาพรแล้วลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่ล่ำลาหนุ่มอีกคน
“รินทร์จ๋า! ให้พี่ไปส่งไหมจ๊ะ?” ก้องภพตะโกนตามหลังไอรินทร์
“ไม่ต้อง!เดี๋ยวคนอื่นตกใจหมดนึกว่าพาไม้เสียบผีเดินได้เข้าบ้าน” ไอรินทร์หันหลังตะโกนกลับมาแล้วแลบลิ้นใส่ วิ่งกลับบ้านโดยเร็ว
คนตัวสูงก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะเบาๆกับอาการของไอรินทร์ ทำไมกันนะเวลาที่เขาอยู่ใกล้แม่ตัวดีทีไร ได้ล้อเธอแต่ไม่รู้สึกสะใจอะไรกลับรู้สึกชอบกับอาการของหน้าบูดมากขึ้นทุกวัน ยิ่งวันไหนไม่ได้ล้อเธอเหมือนนอนไม่หลับเหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่เขาขาดไม่ได้ ราวกับว่าสิ่งนี้คือส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ต้องทำ
“ทำไมไปว่าน้องอย่างนั้นละ” ตีไหล่ลูกชาย
“แม่ครับ แม่ไม่เห็นเหรอเวลาที่รินทร์โกรธน่ารักจะตาย ยิ่งน่าแกล้งสุดๆ” ยิ่งได้อยู่ใกล้เธอ เขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“หรือว่าลูก…” สุภาพรพูดค้างไว้แล้วมองหน้าลูกชายอย่างสงสัยอะไรบางอย่าง “ลูกชอบน้องเหรอ” ผู้เป็นแม่ถามลูกชาย ทำเอาคนตัวสูงนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะตอบว่า
“แม่ครับใครจะไปชอบลงละครับดูสิตัวก็เตี้ย อ้วน แล้วผมก็หยิกอีก” พูดอย่างเหยียดแต่ทุกคำที่หายไปในอากาศไม่ใช่ความจริง
“จ้าจ๊ะ” ณสุภาพรพูดยิ้มน้อยๆแล้วก็สายหัวเบาๆ เพราะว่าเธอไม่เชื่อในสิ่งที่ลูกชายพูดนะสิ
เด็กสาวที่ถูกพูดถึงเมื่อครู่ตอนนี้เดินอารมณ์เสียเข้าห้องนอนส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ร่างอ้วนนั่งอยู่บนเตียงนอนกว้างสีฟ้าสดใสนุ่มนิ่ม แต่อารมณ์ของเธอไม่สดใสเหมือนสีผ้าปูที่นอนเลย เอาแต่ทุบที่นอนตีหมอนเพื่อระบายอารมณ์ที่เมื่อครู่ทำอะไรไม่ได้เลย พอระบายจนพอใจจึงเดินมาหยุดที่หน้ากระจกเงาของโต๊ะเครื่องแป้ง
“คอยดูนะไอ้พี่ก้องโตขึ้นรินทร์จะสวยให้ดู ถึงเวลานั้นอย่ามาจีบแล้วกัน” ไอรินทร์ตะโกนอยู่หน้ากระจกราวกับว่าคนในกระจกคือก้องภพ เธอต้องทำอย่างที่พูดให้ได้ แล้วเดินกลับมาล้มตัวลงนอนบนเตียง นอนเล่นไปได้สักพักก่อนจะเผลอหลับไป
“ฮัดเช้ย!” คนที่ถูกนินทาเมื่อครู่จามออกมาขณะที่กำลังดูทีวีอยู่ในห้องนอนของตัวเอง “สงสัยจะมีคนคิดถึงมาก จามซะแรงเลย” พูดจบก็ลุกขึ้นไปหยิบทิชชู่มาเช็ดปากเช็ดฝ่ามือแล้วมานั่งดูทีวี ในสมองไม่มีภาพในจอสี่เหลี่ยมแม้แต่น้อยมีเพียงภาพเด็กสาวร่างอ้วน แค่คิดเรียวปากได้รูปกดขึ้นอย่างไม่เข้าใจตัวเองในสิ่งที่คิด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ