แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) ตัดใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 16 ตัดใจ
“ดอกไม้ของฉันเหรอ” ไอรินทร์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองทำหน้างงงันพลางจ้องมองเหล่าดอกไม้สีสดใสในช่องามอย่างสงสัย
“ค่ะๆ ตอนกล้วยเดินไปปิดประตูเห็นมันนอนอยู่ข้างต้นไม้อะค่ะ สวยดีเลยหยิบขึ้นมาดูจึงเห็นชื่อคุณรินทร์ค่ะ”
เจ้านายหญิงรับช่อดอกไม้มาแล้วพบว่ามีชื่อของตนเองอยู่จริงๆซึ่งเขียนด้วยลายมือ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วมันคุ้นๆเหมือนลายมือของใครคนหนึ่ง เมื่อนึกออกจึงตัดสินใจไปหาเขาที่บ้านทันที
“สวัสดีค่ะป้าพร พี่ก้องอยู่มั้ยคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างสุภาพนอมน้อม
“ออกไปกรมสักพักแล้วจ๊ะ” หญิงสาวย่นคิ้วก่อนจะถามกลับไปเพื่อความแน่ใจ
“ไปกรมตอนหกโมงเย็นเหรอคะ”
หญิงสูงวัยพยักหน้า “จ๊ะเห็นบอกว่ามีงานด่วนต้องรีบทำมีอะไรจะคุยกับพี่หรือเปล่า”
“เอาไว้ให้พี่ก้องกลับมาก่อนก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นไหว้แล้วขอตัวกลับ
ปัง! ปัง! ปัง! ...เสียงปืนดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสนามยิงปืนของค่ายฝึก จังหวะการยิงรัวบ้างช้าบ้างตามอารมณ์ผู้ยิงที่กำลังปล่อยลูกกระสุน
“โอยยยย ผู้กองครับกลับบ้านเถอะคร้าบบบ ผมหิวไส้จะขาดแล้ว” นายทหารผู้ดูแลสถานที่ลูบท้องป้อยๆพร้อมกับเรียกบอกนายทหารหนุ่มเมื่อถึงเวลาที่ต้องปิดสนามเสียที
“อีกสิบนาที”
ผู้ดูแลสถานที่ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “อีกสิบนาทีของผู้กองมาสี่รอบแล้วนะครับตอนนี้หนึ่งทุ่มแล้วกลับบ้านเถอะครับ”
ก้องภพสงสารคนที่มีอายุมากกว่าจึงเก็บอุปกรณ์การยิงทั้งหมดเข้าที่ คืนนี้ก้องภพไม่ได้กลับบ้านแต่เข้าพักที่บ้านพักในกรมแทนเพราะอยากทำใจสักพักก่อนจะกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงที่ต้องยอมรับให้ได้
‘ที่ตรงนั้นมันไม่ใช้ที่สำหรับคนที่สาย...’
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน... รอแล้วรออีกเขาก็ยังไม่กลับมาสักที มีเรื่องราวมากมายที่อยากพูดอยากจะถาม
“แกจะไปไหน” ญาณิศาที่เพิ่งมาร้องถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวก้าวเท้าออกจากบ้านเตรียมจะเดินไปรถส่วนตัว
“ไปหาพี่ก้องที่กรม”
ญาณิศาย่นคิ้ว “ไปทำไม”
ไอรินทร์ไม่ตอบแต่เดินฉับๆไปที่รถปล่อยให้เพื่อนยืนงงก่อนจะวิ่งตามมาที่รถ “ฉันไปด้วย”
รถยี่ห้อดังแล่นมาเรื่อยๆ ภายในอาณาบริเวณของค่ายทหารแห่งหนึ่งไอรนิทร์รู้ทางได้เพราะก้องภพชอบพาเธอพาแวะเวียนที่นี้บ่อย และแล้วก็มาถึงที่ที่เธอต้องการจะมาพบใครคนหนึ่ง
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามาพบใครครับ” นายทหารคนหนึ่งส่งยิ้มทักทายหญิงสาวแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในสถานที่ราชการแห่งนี้
“มาพบ ร.อ.ก้องภพค่ะ”
“วันนี้ผู้กองมีสอนครับ ไม่อยู่ทั้งวัน” รอมาหลายวันพอมาหาถึงที่ก็ติดภารกิจเสียอีกแต่ถึงยังไงก็อยากจะไปพบให้ได้อยู่ดี
“ตอนนี้กำลังสอนที่ไหนคะ”
ในตอนแรกนายทหารคนนี้ทำท่าทางอึกอักแต่โดนลูกอ้อนของหญิงสาวคนนี้เป็นต้องยอมบอกสถานที่ที่เธอต้องการจะไปพบหัวหน้าของเขาให้ได้
Mercedes Benz e class coupeสีขาวมุขแล่นมาตามทางที่คนควบคุมพวงมาลัยบังคับจนมาถึงสถานที่ที่ต้องการ เสียงปืนดังเป็นระยะบ่งบอกให้ผู้มาเยือนทราบว่ามาถึงที่หมายแล้ว สองเท้าน้อยเดินเข้ามาตามทางที่เคยเข้ามาบ้างแล้ว รูปร่างที่คุ้นเคยกำลังยืนสอนนักศึกษารักษาดินแดนจำนวนหนึ่งในการใช้ปืนอย่างเชี่ยวชาญ
“พี่ก้อง” เสียงหวานเอ่ยเรียกครูฝึกที่กำลังตั้งอกตั้งใจสอนนักเรียน เมื่อคนถูกเรียกได้ยินจึงหันมาตามเสียงนั้น
“มาที่นี้ทำไม” ครูฝึกผละออกจากกลุ่มนักเรียนหันมาสนใจหญิงสาวมาใหม่ ใบหน้าของเขาแสดงความสงสัยไม่น้อยเพราะการมาของเธอที่ไม่บอกไม่กล่าว
“มีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ค่ะ” ชายหนุ่มพาเธอออกมากจากที่นั้นเล็กน้อยก่อนจะถาม
“ว่ามามีอะไรจะคุยกับพี่” ชายหนุ่มยืดอกพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอแม้ว่าการยิ้มนี้จะไม่สามารถได้ยิ้มอย่างเต็มปากเต็มใจเหมือนที่ผ่าน ต้องเตือนตัว ต้องห้ามตัวเอง
“ขอบคุณสำหรับดอกไม้วันนั้นนะคะ”
“ไม่เป็นไร แค่นี้ใช่มั้ยพี่จะไปสอนต่อ” ยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับแต่ยังไม่ได้ก้าวไปไหนมือเล็กรั้งแขนไว้ก่อน เมื่อเห็นดังนั้นมือใหญ่จึงดึงมือเล็กออกเพราะถ้าเธอจับนานกว่านี้มันดูไม่ดีแน่
“ยัง พี่ก้องเป็นอะไรคะทำไมวันนี้พูดน้อยจัง”
“วันนี้พี่เหนื่อยถ้ารินทร์มีอะไรจะพูดกับพี่อีกเดี๋ยวกลับไปคุยกันที่บ้านนะ” ร่างสูงหมุนตัวเดินออกมาโดยไม่หันไปสนใจคนข้างหลัง
“เดี๋ยว...”
“พี่ต้องพานักเรียนลงสนามไว้ค่อยคุยกัน” แล้วร่างสูงก็เดินออกไปจนลับตาทิ้งให้คนข้างหลังมองตาปริบๆกับกิริยาที่เธอไม่เคยเห็น
“แกโอเคนะ” ญาณิศาแตะไหล่บางของเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วงเพราะตั้งแต่ออกมาจากค่ายเห็นเธอนั่งเงียบตลอดทางที่ขับรถ
“ฉันโอเค ขอบใจนะที่นั่งรถเป็นเพื่อน” ไอรินทร์ผืนยิ้มแม้ว่าข้างในจะไม่โอเค
“ฉันก็ขอบใจแกนะที่มาส่งที่บ้านขับรถกลับบ้านดีๆนะ” ญาณิศามองรถหรูที่วิ่งออกไปไกล... ‘ถ้าแกพูดออกมาบ้างมันคงดีกว่านี้’
... ‘เกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมสายตาที่มองเราตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ท่าทางและคำพูดก็ดูห่างเหิน เปลี่ยนไปเป็นคนละคน’...
สองเท้ามุ่งหน้าเดินไปยังบ้านของก้องภพเมื่อทราบว่าเขากลับบ้านแล้ว ทุกความสงสัย ทุกคำถามที่อยากถามมันหลั่งไหลออกมาจนอยากจะพูดเดี๋ยวนี้ ขาเรียวเดินมาได้เพียงประตูบ้านก็พบกับสาวใช้จำนวนหนึ่งที่กำลังทำความสะอาดบ้าน
“พี่ก้องอยู่มั้ยคะ” เสียงหวานเอ่ยถามสาวใช้หนึ่งในนั้น
“คุณก้องอยู่ข้างบนค่ะ” สาวใช้หนึ่งในนั้นหันมาตอบเธอ ไอรินทร์ไม่รอช้าสาวเท้าไปที่บันไดทันที
เมื่อเดินหาทั่งชั้นสองก็ไม่พบใครเธอจึงเลือกที่จะเดินไปห้องนอนของเขา คำถามากมายที่ต้องการคำตอบมันแทบจะทะลุอกออกมาแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เคาะประตูสักครู่ก็ไม่มีใครเปิดเธอจึงถือวิสาสะบิดลูกบิด
‘ประตูไม่ได้ล็อค’
หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นเธอเคยเข้ามาในห้องนี้แล้วก็จริงแต่นั้นมันตอนที่เธอยังสี่ห้าขวบแล้วตอนนี้เธอก็ยี่สิบสามจะให้ดีใจก็แปลกที่ย่องเข้าห้องผู้ชาย สองเท้าน้อยย่างก้าวด้วยความระมัดระวัง ดวงตาสองคู่สอดส่องไปมาเผื่อว่าจะพบคนที่ต้องการแต่ก็ไร้ซึ่งผู้คนสองเท้ายังคงเดินสำรวจในห้องเรื่อยๆจนเท้าข้างหนึ่งเหยียบบางสิ่ง เมื่อเก็บขึ้นมาก็พบว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้า
กระดาษสีขาวพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับรายละเอียดของการสั่งซื้อดอกไม้ของร้านขายดอกไม้แห่งหนึ่ง สายตาไล่อ่านข้อความบนแผ่นกระดาษไปเรื่อยๆจนมาถึงตำแหน่งที่ระบุวันที่ 23/08/25xx 17:21 ถ้าหากเป็นวันอื่นชื่อผู้รับคนอื่นเธอคงไม่ติดใจแต่วันที่ที่ระบุเป็นวันที่ครอบครัวจัดงานเลี้ยงให้แก่เธอ
‘พลั่ก!’ เสียงกระชากประตูทำคนที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดสะดุ้งโหยงยังไม่ทันตั้งตัวไม่ทันหาที่หลบคนข้างนอกก็เข้ามาเสียแล้ว
“เข้ามาทำไม” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเอ่ยถามทันทีที่เห็นร่างของหญิงสาวที่คุ้นตายืนอยู่ในห้อง
“...ดอกไม้ที่รินทร์ได้รับในงานวันนั้นเป็นของพี่ใช่มั้ยคะ” บุคคลปริศนาคนนั้นคนที่คอยส่งสิ่งของต่างๆมาให้เธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาใช่หรือเปล่า
“ไม่ใช่ แล้วทำไมต้องคิดว่าเป็นพี่ด้วยละ” ความพยายามทั้งหมดที่เคยทำมาต้องจบสิ้นลงเพียงเท่านี้เพราะเธอมีคนที่ดีกว่ารออยู่
“ชื่อในใบเสร็จมันบอกไงคะ” น้ำอุ่นๆ เริ่มคลอที่หน่วยตาเธอเกลียดกิริยาท่าทางเย็นชาและน้ำเสียงห่างเหินของเขาที่เป็นแบบนี้จริงๆ
“พี่อาจจะส่งให้คนอื่นก็ได้กลับบ้านไปได้แล้วที่นี้ไม่เหมาะกับรินทร์” เจ้าของห้องริบกระดาษจากในมือเธอคืนมาก่อนจะขยำทิ้งลงถังขยะแล้วเอาเอกสารในมือไปวางที่โต๊ะและทำเป็นไม่สนใจหญิงสาวที่ยืนในห้อง
“รินทร์คงจะคิดมากไปเองขอโทษนะคะที่มารบกวน” หยดน้ำอุ่นใสร่วงลงขณะก้าวเท้าจะเดินออกก้องภพตาไม่ฝาดเพราะเห็นเธอร้องไห้อยากจะดึงเธอมาปลอบแต่ก็ไม่สมควร
“เป็นอะไร” พีรพัฒน์เห็นน้องสาวกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในบ้านและใช้หลังมือปาดใบหน้าจึงเรียกทัก
“เปล่านี่ค่ะ” ไอรินทร์เช็ดหน้าลวกๆแล้วส่งยิ้มให้พี่ชายเพื่อปกปิดหลักฐาน
“เปล่าแล้วร้องไห้ทำไม” ผู้เป็นพี่ชายเดินตรงเข้ามาหาน้องสาวมองใบหน้าที่เปรอะไปด้วยคราบน้ำตา
“เอ่อ...คือ” ไอรินทร์ลดใบหน้าลงหัวสมองกำลังหาข้ออ้าง “อ้อ เมื้อไปดูซีรี่ย์บ้านเหมียวหนังมันเศร้ามากก็เลยร้องไห้” เสียงหวานสั่นเครือ พีรพัฒน์พยักหน้ารับคำตอบของน้องสาวและรู้สึกว่าเธอมีอะไรปิดปังแต่เก็บไว้ให้แน่ใจมากกว่านี้
ในวันนี้พีรพัฒน์มาหาก้องภพที่กรมเพราะอยากจะชวนเพื่อนหนุ่มไปร่วมวงอาหารมื้อเย็นที่บ้านปกติถ้าไม่ชวนก้องภพก็จะไปร่วมมื้ออาหารด้วยเสมอต่อให้งานห่อตัวจนมิดหัวก็ไปได้แต่วันนี้ก้องภพบอกว่าไม่ว่างซึ่งเป็นสิ่งที่พีรพัฒน์แปลกใจมาก และอีกอย่างตอนนี้เขารู้สึกว่าก้องภพจะดูห่างเหินกับไอรินทร์มากเห็นตอนแรกเช้าถึงเย็นถึงแต่หลังจากไอรินทร์ออกจากโรงพยาบาลก้องภพก็เริ่มทำตัวออกห่างซึ่งเป็นสิ่งที่พีรพัฒน์สงสัยว่าเกิดจากอะไร
อาหารมื้อเย็นถูกจัดวางอย่างมีระเบียบเพื่อรอสมาชิกวัฒธนเวชมารับประทานวันนี้อาหารมื้อเย็นมีมากเป็นพิเศษเพราะสมาชิกจากบ้านเปรมสุดามาร่วมรับประทานอาหารมื้อนี้ด้วย คุณสุภาพรคิดถึงไอรินทร์มากๆเพราะวันที่หญิงสาวกลับมาจากอังกฤษคุณสุภาพรก็ไม่ได้มาร่วมงานและล่าสุดได้ทราบว่าไอรินทร์เข้าโรงพยาบาลก็ไม่ได้มาเยี่ยม เมื่อคุณสุภาพรเห็นหญิงสาวก็ต้องตกใจไม่น้อยเพราะความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายของเธอและมื้ออาหารนี้ญาณิศาก็มาด้วย
“ฉู่ฉี่ปลาของรินทร์อร่อยจังนายลองดูสิ” พีรพัฒน์เลื่อนจานเซรามิครองฉู่ฉี่ปลาทูให้ก้องภพ ชายหนุ่มมองจานอาหารสลับกับหน้าคนทำที่ตอนนี้กำลังลุ้นคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ช้อนสั้นสแตนเลสตักเนื้อปลาที่ชุ่มด้วยเครื่องแกงมาใส่ในจานตัวเองก่อนจะยกช้อนสแตนเลสยาวมาตักอาหารเข้าปาก
“อร่อยดีนะ” นี่คือคำชมของก้องภพ
‘แค่นี้เองเหรอ’ ไอรินทร์คิดเศร้าๆ และในตอนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น “ค่ะพี่โอ๊ต...จริงเหรอคะ...รินทร์ว่าพี่มาบอกคุณพ่อกับคุณแม่เองเถอะค่ะ...แล้วเจอกันนะคะ”
“จะบอกอะไรพ่อกับแม่เหรอลูก” คุณวิชัยถามเมื่อลูกสาววางสายจากโทรศัพท์แล้ว
“พี่โอ๊ตจะมาขอเหรอ” พีรพัฒน์พูดติดตลกแต่คนบางคนกำลังนั่งเครียดกับบทสนทนาเมื่อครู่
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับพอดีนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน” ก้องภพลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วปรายตาไปมองไอรินทร์ก่อนจะเดินออกไป นั่งอยู่ตรงนี้มันรู้สึกอึดอัดไปหมดยิ่งบทสนทนาเมื่อกี้มันจี้หัวใจจริงๆ ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปเวียนไปมาอยู่ในหัวสมองอากัปกิริยาทุกอย่างเปลี่ยนไปแบบไม่ใช่ก้องภพคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก “อิ่มแล้วค่ะขอตัวนะคะ”
“กินแค่นิดเดียวเองกินอีกสิลูกวันนี้ป้าตั้งใจทำเลยนะ” เธอเองก็อยากทานอาหารต่อ แต่ความรู้สึกทุกอย่างมันทำให้กลืนอาหารไม่ลง
“ขอโทษนะคะแต่รินทร์อิ่มแล้วจริงๆ ค่ะ”
เมื่อไอรินทร์เดินออกไปจากห้องแล้วพีรพัฒน์ก็เริ่มปิดประเด็น “ทุกคนว่าแปลกๆ มั้ยครับ” ทุกคนบนโต๊ะอาหารพยักหน้าเห็นด้วย
“ตอนรินทร์อยู่โรงพยาบาลเห็นพี่ก้องยังพูดหวานๆอยู่เลยตอนนี้เป็นอะไรไม่รู้” ญาณิศาพูด
“ใช่หลังๆมานี้ป้าเห็นก้องเงียบๆไม่สุงสิงกับใครไปทำงานแล้วก็กลับบ้านแค่นี้” คุณสุภาพรพูด
“เมื่อก่อนมารับเช้ามาส่งเย็นแต่หลังจากรินทร์ออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ค่อยเห็นก้องเขามารับรินทร์เลย เดี๋ยวนี้ก้องเขางานมากเหรอครับพี่ภพ” คุณวิชัยถามคุณเกรียงภพ
“งานในกรมตอนนี้ก็มีไม่ได้ยุ่งมากนะแต่ของก้องก็จะมีสอนนักเรียนรด.นี้แหละที่มากอยู่” คุณเกรียงภพตอบ
“เป็นไปได้มั้ยคะว่าสองคนนี้อาจจะทะเลาะกันแล้วไม่เข้าใจกัน” ญาณิศาตั้งข้อสันนิฐาน
“แม่ว่าก็อาจจะเป็นไปได้นะ” คุณวรรณวิภาพูด
“ทุกคนอยากให้สองคนนี้คืนดีกันมั้ยครับ”
พีรพัฒน์นำเสนอความคิดทุกคนบนโต๊ะอาหารก็เห็นด้วยเพราะทุกคนต่างก็เห็นว่าชายหนุ่มหญิงสาวสองคนนี้มีความรู้สึกพิเศษต่อกันจึงอยากให้ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต่างปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ชายหญิงได้หันหน้ามาคุยกันปรับความเข้าใจกันเพื่อจะได้ไม่เกิดช่องว่างระหว่างทั้งสองคนจนกลายเป็นแค่คนรู้จัก...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ