แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) ภาพติดตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 15 ภาพติดตา
ใบหน้าคมสันยังวนเวียนอยู่บริเวณลาดไหล่และซอกคออุ่นหอมมือหนาลูบไล้ไปทั่วผิวเนียนอย่างห้ามไม่อยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “อาหารมาส่งครับ”
หนุ่มลูกครึ่งที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงนั้นไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้พูดพูดจึงได้แต่จิ้ปากในลำคออย่างรำคาญ แล้วหันมาสนใจร่างละมุนต่อ
พลัก!!ครู่ต่อมาเสียงผลักประตูดังสนั่นเบี่ยงเบนความสนใจจากร่างละมุนไปหาผู้ที่เข้ามาแทน “นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ คุณถูกจับแล้วครับ” นายตำรวจหนึ่งในนั้นพูดเป็นภาษาอังกฤษ
เมื่อเห็นชายในเครื่องแบบจำวนวนสามนายพร้อมอาวุธสีดำประจำกายหนุ่มลูกครึ่งค่อยผละออกจากร่างที่ตัวเองเคยคร่อมอยู่อย่างเสียดาย ก่อนจะถามกลับไป “ไม่ทราบว่าผมถูกจับข้อหาอะไรครับ” ชายหนุ่มเปลือยครึ่งบนยักไหล่ถามอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“กระทำอนาจารไงละ” เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นมาก่อนเจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาภายในห้อง
“ไม่มีหลักฐานก็อย่ามากล่าวหากันสิคุณแล้วอีกอย่างเธอก็เป็นคนรักของผมด้วย เราสองคนจะทำอะไรกันมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ” ดวงตาสีฟ้าตวัดหางตาไปทางชายหนุ่มผู้มาใหม่
ก้องภพชูโทรศัพท์มือถือที่บันทึกภาพของชายหนุ่มที่กำลังประคองหญิงสาวและภาพต่อมาคือเขากำลังอุ้มหญิงสาวขึ้นรถ
“ฮึ ภาพแค่นี้ก็กล่าวหาว่าผมกระทำอนาจารง่ายไปมั้ง” แม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่จะมีหรือที่ปีเตอร์จะยอมรับและยังคงปฏิเสธในท่าทางสบายๆ
“สารภาพเถอะครับเพราะคนที่คุณว่าจ้างที่ร้านอาหารตอนนี้เขาสารภาพหมดแล้ว” นายตำรวจหนึ่งในสามเอ่ยขึ้น
‘ไอ้ขี้ขลาด’ ผู้ว่าจ้างด่าทอลูกจ้างในใจ ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนจากผู้ต้องหายิงไปทางเจ้าหน้าที่และอาศัยจังหวะที่คนกำลังหลบกระสุนหลบหนีออกไป
“คุณตำรวจรีบตามไปเถอะครับทางนี้ผมจักการเอง” นายตำรวจพยักหน้ารับคำก่อนทั้งหมดจะออกไปตามหาผู้ต้องหา
“รินทร์ รินทร์ รินทร์ได้ยินพี่มั้ย ตื่นสิ” ก้องภพตรงดิ่งเข้าไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงแล้วเขย่าร่างของเธอเพื่อให้เธอรู้สึกตัวแต่ก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆตอบกลับ “ไอ้บ้านั้นทำอะไรรินทร์วะ” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสียพร้อมกับเรียกเธออีกหลายครั้ง
“พี่...ก้อง” เสียงแผ่วเหมือนกระซิบทำให้เจ้าของชื่อใจชื่นขึ้นบ้าง
“ไม่เป็นไรนะ ปลอดภัยแล้ว” หยดน้ำอุ่นใสไหลลงทางหางตา น้ำเสียงคุ้นเคยปลอบโยนช่วยขับไล่ความกลัวออกไปอย่างหมดสิ้นส่งมอบความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ ใบหน้าคมคายโน้มลงประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบาลงบนเรียวปากสีชมพูเกือบซีดเพื่อปลอบขวัญเธออีกครั้ง
ลมหายใจเข้าออกมีจังหวะเร็วขึ้นร่างกายชักกระตุกเป็นระยะส่งสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าอาการของไอรินทร์แย่ลง ก้องภพละริมฝีปากออกมาก็พบว่าใบหน้าของเธอซีดลงอย่างหน้าตกใจ แขนเรียวงอเข้าหาตัวนิ้วเรียวเกร็งงอ ชายหนุ่มยกร่างบางขึ้นแนบอกเพื่อพาส่งให้ถึงโรงพยาบาล
เตียงพยาบาลเคลื่อนที่ตามแรงคนเข็นมุ่งตรงสู้ห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วนเพราะคนไข้มีอาการแย่ลงเรื่อยๆ มือหนากุมบางเย็นเฉียบไว้ตลอดทางที่วิ่งตามเตียงจนกระทั้งถึงห้อง
“ญาติเข้าไม่ได้นะคะ” พยาบาลสาวพูดก่อนจะปิดประตู
ร่างสูงจึงได้แต่ยืนเกาะบานประตูที่ปิดไปพร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ถูกเข็นเข้าไปในห้อง ขายาวเดินวกไปวนมาอยู่หน้าห้องเหมือนหนูติดจั่นรอแต่เวลาประตูแห้งความหวังเปิดออก
“รินทร์เป็นไงบ้าง” พีรพัฒน์เดินเข้ามาพร้อมคุณวิชัยและคุณวรรณวิภา ทั้งหมดทราบเรื่องได้เพราะก้องภพโทร.ไปบอกในสิ่งที่เกิดขึ้นกับไอรินทร์
“หมอยังไม่ออกมาเลย” ดวงตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่บานประตูอย่างไม่วางตา ในใจยังมีแต่ความเป็นห่วงสุดใจอยากรู้นักว่าหมอรักษาเธอไปถึงไหนแล้วทำไมยังไม่ออกมาสักที
คุณวรรณวิภายังคงร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่ทราบข่าวจนมาถึงโรงพยาบาลลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวที่เลี้ยงและทะนุถนอมมาแต่อ้อนแต่เอาะกลับต้องมาเจอเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ “คุณคะลูกจะเป็นอะไรมั้ยคะ” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถามสามี
“ลูกอยู่ในมือหมอแล้ว ลูกต้องไม่เป็นอะไร” ใจชายที่เคยแข็งแกร่งเมื่อรู้ว่าแก้วตาดวงใจประสบพบภัยหัวใจดวงนี้ก็อ่อนยวบแต่ยังคงความแข็งแกร่งเอาไว้ภายนอกเพื่อให้ผู้เป็นภรรยามั่นใจ
พลั้ก ทันใดนั้นประตูแห่งความหวังที่ทุกคนต่างรอคอยก็เปิดออกพร้อมกับคุณหมอและเตียงพยาบาลเข็นคนไข้
“หมอครับรินทร์เป็นยังไงบ้างครับ” ก้องภพเป็นคนแรกที่เข้าไปถามความเป็นไปของผู้ป่วย
“เธอปลอดภัยแล้วครับ” คุณหมอตอบพร้อมรอยยิ้ม
“น้องผมโดนอะไรมาครับถึงได้อาการหนักขนาดนี้” พีรพัฒน์ถามคุณหมอ
“เธอได้รับสาร GHB*ครับ” ญาติคนไข้ต่างพร้อมใจกันย้นคิ้วกับคำตอบของคุณหมอ เมื่อเห็นเช่นนั้นคุณหมอจึงอธิบาย “GHBหรือชื่อที่เรียกง่ายๆ คือยาเสียสาวครับ ยาชนิดนี้มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน มึนงง เคลื่อนไหวลำบาก ถ้าหากได้รับสารชนิดนี้มาเกินไปจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ครับ อย่างเช่น อาการหายใจติดขัด ชักและหมดสติ” ญาติคนไข้ทุกคนถึงบางอ้อเมื่อได้ฟังคำอธิบาย
*GHB ย่อมาจาก Gamma-hydroxybutyrate จัดอยู่ในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518
“เลวจริงๆ หมอครับ...เอ่อ...มีร่องรอยถูกข่มขืนมั้ยครับ” แม้เป็นคำถามที่ไม่ค่อยอยากถามแต่ก็วางใจไม่ได้เพราะตอนที่เห็นสภาพของเธอคือเสื้อผ้าหลุดลุ่ยจนเกือบโป๊
“ไม่มีครับ” คุณหมอยิ้มพร้อมขอตัวกลับ
“บอกได้แล้วยังว่านายไปเจอรินทร์ได้ยังไง” เมื่อเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพีรพัฒน์จึงเริ่มเปิดประเด็นเพราะตอนคุยโทรศัพท์กับก้องภพไม่ได้เล่ารายละเอียดใดๆทั้งสิ้น
“ฉันไปกินข้าวที่ร้านั้นพอดีเลยบังเอิญเจอรินทร์กับไอ้ฝรั่งนั้น”
“ขอบใจนายมากนะ และนายก็ปล่อยมือน้องฉันสักทีเปื่อยหมดแล้ว” พี่ชายของคนป่วยพูดทีเล่นทีจริงเพราะผู้ช่วยชีวิตน้องสาวจับมือเธอตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องพักผู้ป่วย
“เรื่องของฉัน คืนนี้ฉันจะเฝ้ารินทร์เอง” มือใหญ่ยังกอบกุมมือเล็กไม่วางสายตาทอดมองใบหน้าไร้สีเลือดอย่างห่วงใย
“ไม่ได้ เกิดนายคิดมิดีมิร้ายกับน้องฉันละ”
“ฉันไม่ทำหรอกนายกลับบ้านไปได้แล้ว”
ผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กจนโตทำไมเขาจะไม่รู้นิสัยละว่าเป็นคนเช่นไร “ถ้านั้นฉันฝากน้องด้วยนะ” ก้องภพลุกขึ้นไปส่งเพื่อน
“คืนนี้พี่จะเฝ้ารินทร์เองนะ” ชายหนุ่มลูบหน้าผากเล็กก่อนจะค่อยๆก้มลงจูบเบาๆ
“แค่กๆๆ น้ำ น้ำ” เสียงแหบพร่าของผู้ป่วยเรียกขอ ก้องภพค่อยประคองท้ายทอยของเธอให้ขึ้นมาดื่มน้ำ
“ตื่นเร็วๆนะพี่อยากคุยกับรินทร์ใจจะขาดแล้ว” มือหนากอบกุมมือบางอีกครั้งพร้อมจุมพิตหลังมือเบาๆ
คุณวรรณวิภาตื่นแต่เช้ากุลีกุจรออกมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาลแต่เช้าหลังจากเมื่อคืนไม่ได้อยู่เฝ้าลูกสาวตามที่ใจต้องการเพราะโดนสามี ลูกชายและก้องภพคัดค้าน เมื่อเข้ามาถึงห้องพักผู้ป่วยก็พบกับร่างของชายหนุ่มผู้อาสาเฝ้าลูกสาวนอนฟุบอยู่ข้างเตียง
“ก้อง ก้อง” เสียงเรียบของหญิงวัยกลางคนกับแรงเขย่าที่ไหล่เบาๆปลุกคนกำลังนอนให้ตื่นขึ้น
“น้าภา มานานแล้วยังครับ” คนอาสายกมือไหว้ผู้ใหญ่
“เพิ่งมาจ๊ะ วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ”
“ไปครับผมหลับลืมไปเลย” หลับลืมคงเป็นเพราะมือนุ่มๆที่ได้กุมไว้ทั้งคืน งานก็สำคัญคนป่วยตรงนี้ก็เป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงค่ะตรงนี้เดี๋ยวสากับคุณแม่ดูแลเอง” ญาณิศาตอบเพราะเห็นสายตาของชายหนุ่มที่ทอดมองผู้ป่วยอย่างห่วงใย เธอทราบข่าวนี้ได้ก็เพราะเมื่อเช้าเธอตั้งใจจะไปหาไอรินทร์ที่บ้านแล้วก็ได้รู้ว่าเพื่อนสาวเข้าโรงพยาบาลจึงขอติดสอยห้อยตามมาเยี่ยมด้วย
“ครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้ใหญ่อีกครั้งก่อนจะหันไปส่งยิ้มแทนคำขอบคุณให้สาวอาสาแล้วเดินออกไป
เปลือกตาที่ปกคลุมดวงตาเคลื่อนไหวยุกยิก นิ้วมือทั้งสิบขยับไหวเบาๆ ดวงตาที่หลับพริ้มค่อยๆเปิดขึ้นเพื่อปรับแสง เมื่อลืมตามองข้างบนก็เห็นเพดานสีขาว ศีรษะเล็กหันไปก็พบกับผู้เป็นแม่ “แม่ค่ะ” เสียงแหบพร่าเรียกสาววัยกลางคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โซฟาแต่ไร้ซึ้งปฏิกิริยาตอบกลับ “แม่” ผู้ป่วยเค้นเสียงออกมาอีกนิด
“ตื่นแล้วเหรอลูก”
“รินทร์มาอยู่ที่นี้ได้ยังไงคะ” ผู้ป่วยเอ่ยถามในสมองยังหลงเหลือความมึนงงอยู่
“เมื่อคืนพี่ก้องช่วยลูกมาไงจำไม่ได้เหรอ” ผู้ป่วยส่ายศีรษะแต่น้ำเสียงเมื่อคืนที่ได้ยินลางๆคงจะเป็นเสียงเขาสินะ
“เมื่อคืนแกโดนปีเตอร์มอมยาแล้วพาเข้าโรงแรม”
ผู้ป่วยย่นคิ้วเพราะเท่าทีเธอจำได้แค่ดื่มน้ำสัปปะรดแล้วก็กลับบ้านแต่หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
“ปลอดภัยแล้วนะลูกนะ”
“พี่ก้องละคะอยู่ไหน”
“ไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วแกขี้เซาตื่นซะบ่ายโมงก็เลยไม่ได้เจอกันไง”
เวลาในยามเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของใครหลายคนพีรพัฒน์จึงมาผลัดเวรดูแลไอรินทร์กับคุณวรรณวิภาเพื่อให้ท่านได้พักบ้าง
“พูดปร๋อขนาดนี้หายแล้วสินะ”
“หาว่ารินทร์พูดมากใครกันละชวนคุยไม่ได้นอนเลย”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“รอตั้งนานมาสักทีนะครับผู้กอง” พีรพัฒน์ทักทายผู้มาใหม่
“เป็นไงบ้างหายดีแล้วยัง” ก้องภพเอ่ยถามผู้ป่วยบนเตียงหน้าตาของเธอสดใสกว่าเมื่อเช้ามาก
“นั่งอยู่อีกสองชีวิตไม่คิดจะทักกันบ้างเหรอครับผู้กอง” พีรพัฒน์เรียกร้องแหมมาถึงก็เข้าหาคนป่วยทันที ผู้กองเพียงแค่หันมายิ้มให้ญาณิศาและพีรพัฒน์เท่านั้นแล้วมาสนใจคนไข้ต่อ
“ขอบคุณนะคะถ้าเมื่อคืนไม่ได้พี่ รินทร์คงไม่รอด”
“ด้วยความยินดีครับ พี่ว่าเรามากินผลไม้กันดีกว่านะ” ไม่อยากให้เธอต้องคิดมากเพราะเรื่องมันผ่านมาแล้ว
“พี่ก้องคะสาก็อยากกินเหมือนกันนะ”
“แต่ก่อนจะกินผลไม้กินข้าวก่อนดีกว่ามั้ย” พีรพัฒน์เห็นเจ้าหน้าที่ในชุดสีเหลืองเดินเข้ามาพร้อมรถเข็นอาหารเข้ามาในห้องพัก
“เดี๋ยวสาป้อนให้รินทร์เอง” ญาณิศาลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมเดินไปที่โต๊ะสำหรับวางอาหารของผู้ป่วยเพื่อเตรียมจะลาไปหาผู้ป่วย
“ไม่ต้องพี่ป้อนเอง” ก้องภพพูดสวนทันควันพร้อมกับคว้าโต๊ะสำหรับวางอาหารของผู้ป่วยมาไว้กับตัว
“น้องฉัน ฉันป้อนให้เองดีกว่า” พี่ชายผู้ป่วยเอื้อมมือจะไปคว้าโต๊ะแต่นายทหารหนุ่มกันไว้ไม่ให้ใครทำหน้าที่ป้อนอาหารนอกจากตัวเขาเอง
“รินทร์กินเองดีกว่าค่ะ”
“ไม่ได้ เป็นคนไข้ก็นั่งเฉยๆเดี๋ยวพี่ป้อนให้เอง” ผู้กองปรามคนไข้พร้อมตักอาหารเตรียมจะป้อนเธอ
ญาณิศาและพีรพัฒน์คอยนั่งสังเกตการณ์การป้อนอาหารของผู้กองก้องภพกับหญิงสาว “สาคิดเหมือนพี่มั้ย” พีรพัฒน์กระซิบกระซาบ ญาณิศาพยักหน้าในความหมายของประโยคนั้น
สี่โมงเย็นในวันต่อมาก้องภพออกมาที่โรงพยาบาลทันทีเมื่อเลิกงานเพราะวันนี้คุณหมอเจ้าของไข้อนุญาตให้ผู้ป่วยกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้แล้ว
“คนไข้ห้องนี้ไปไหนครับ” เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบพยาบาลจำนวนสองคนช่วยกันพับผ้าปูเตียงและเก็บปลอกหมอน
“คนไข้กลับไปพักที่บ้านแล้วค่ะ” พยาบาลสาวหนึ่งในสองตอบนายทหารหนุ่มแล้วกลับไปง่วนกับงานต่อ
เมื่อทราบคำตอบนายทหารจึงตัดสินใจกลับบ้านทันทีเพราะดอกไม้สีสันสดใสในมือพร้อมจะให้เธอแล้ว ขายาวสาวเท้าออกจากประตูบ้านตัวเองทันทีเมื่อจอดรถเสร็จ
เดินไปได้เพียงแค่ประตูใหญ่หน้าบ้านขายาวก็ต้องชะงักลง ภาพหญิงสาวที่รู้จักดีกำลังจับมือกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เขาไม่ค่อยชอบหน้านัก ปากของชายหนุ่มกำลังพูดอะไรบางอย่างใบหน้าของหญิงสาวประดับไปด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุข ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มคนนั้นจะค่อยๆคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ มือหนายกมือบางขึ้นมาพร้อมกับสวมแหวนลงบนนิ้วเรียวของเธอก่อนจะจุมพิตบนหลังมือเธออย่างนุ่มนวล
ดอกไม้ช่อสวยร่วงหล่นลงพื้นร่างทั้งร่างเหมือนโดนยาชาอย่างแรงฉีดเข้าเส้นเลือดใหญ่เมื่อรู้ว่าเธอกำลัง ‘มีข่าวดี’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ