แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) เมื่อพบเราสบตากัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 11 เมื่อพบเราสบตากัน
หลังจากไอรินทร์กลับมาจากอังกฤษได้อาทิตย์กว่าๆ คุณวรรณวิภาและคุณวิชัยก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกสาวคนเล็กกลับสู่บ้านเกิดหลังจากไปเรียนต่างประเทศเป็นเวลานานถึงสี่ปี งานเลี้ยงต้อนรับได้จัดขึ้นที่บ้านในตอนแรกคุณวรรณวิภาและคุณวิชัยก็ถามลูกสาวแล้วว่าอยากจัดที่ไหน ไอรินทร์ก็ให้คำตอบว่าที่บ้านซึ่งทั้งสองก็ไม่ขัดใจลูกสาว ภายในงานได้เชิญเพื่อนสนิทของคุณวรรณวิภาและคุณวิชัยมาบ้างเล็กน้อยและเพื่อนๆของไอรินทร์และเพื่อนบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
“แหม ถ้าไม่บอกว่าเป็นหนูรินทร์คงจำไม่ได้แน่ๆ สวยขึ้นมากเลยนะพวกเธอว่าไหม” เพื่อนบ้านคนหนึ่งเอ่ยชมหญิงสาวและคนอื่นๆที่มาร่วมงานก็ว่าเช่นนั้นเหมือนกัน
“ขอบคุณมากนะคะ” ไอรินทร์พูดขอบคุณด้วยรอยยิ้ม ถ้าลอยได้ป่านี้เธอคงลอยติดลมบนไปกับคำชมแล้ว
หลังจากพูดคุยกับผู้ใหญ่เสร็จแล้วไอรินทร์จึงขอตัวไปพบปะกับเพื่อนที่ตนเชิญมาร่วมงานอีกทางหนึ่ง
“ระวัง!” เสียงตะโกนของใครคนหนึ่งดังอยู่ข้างหลังของไอรินทร์
เธอจึงหันไปดูตามเสียงนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็พบว่าซุ้มดอกไม้ที่มีขาตั้งสูงที่ประดับไว้ในงานค่อยๆโน้มเอียงลงมาช้าๆตรงหน้าของเธอ คนอื่นๆก็ต่างพากันวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดแต่ไอรินทร์เกิดอาการตกใจจนก้าวขาไม่ออก ได้แต่ยืนมองซุ้มดอกไม้ที่กำลังจะล้มลงมาช้าๆทันใดนั้นก็มีร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเข้ามาบังและผลักร่างของเธออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ร่างของทั้งสองเซล้มไปอีกทางหนึ่ง ส่วนซุ่มดอกไม้ก็ล้มลงมาพร้อมกัน
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” น้ำเสียงนุ่มทุ่มของใครคนหนึ่งที่ทับอยู่บนร่างของไอรินทร์เอ่ยถามด้วยความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ไอรินทร์ที่กำลังหลับตาปี๋อยู่ก็ค่อยๆลืมตามองหน้าเจ้าของเสียงที่ช่วยชีวิตตนช้าๆ
“พี่ก้อง” เมื่อได้เห็นหน้าผู้ช่วยชีวิตก็ดีใจระคนแปลกใจ ว่าเขามาได้ยังไง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมากับใคร เกิดคำถามมากมายในหัวสมอง
หน้าตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ คิ้วยังเข้มชนิดที่มดเข้าไปคงหาทางออกไม่เจอก็ยังเหมือนเดิม จมูกก็ยังคงโด่งเป็นสันสวยงาม แต่สีผิวของเขากลับเข้มขึ้นเล็กน้อย
“ใช่พี่เองคิดว่าเป็นคังฮยองวาเหรอ” ก้องภพถามแอบติดกวนประสาทนิดๆ
“ใครเห็นพี่ก้องเป็นฮยองวาคงตาบอดเต็มทีแล้ว” ไอรินทร์สวนกลับทันควัน “แล้วจะปล่อยได้แล้วยัง” ไอรินทร์ถามคนที่ทับอยู่บนร่างของตน
“หือ... ใครกันแน่ที่ต้องปล่อย” ก้องภพไม่เข้าใจในสิ่งที่ไอรินทร์ถามแล้วอยากให้เธอดูว่าใครกันแน่ที่ต้องปล่อย
ไอรินทร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ แต่เธอก็อยากจะรู้ความจริง ดวงตาคู่สวยค่อยๆเลื่อนไปดูแขนของตัวเองก็พบว่าตัวเองกอดเอวของอีกฝ่ายแน่น แล้วเธอก็รีบปล่อยทันทีและทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้องภพก็ยิ้มน้อยๆกับอาการท่าทางของเธอ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่มีความรู้แบบนี้ยิ้มได้อย่างอัตโนมัติเหมือนมีคนสั่งให้ยิ้ม
“นี่ๆ สองคนนั้นจะนอนกันจนถึงเช้าไหมครับ ผมจะได้เตรียมหมอนกับผ้าห่มให้” (อย่าลืมเสื่อด้วยนะ นอนบนหญ้าเดี๋ยวคัน) พีรพัฒน์ที่เดินเข้ามาตรงจุดเกิดเหตุเห็นทั้งคู่นอนทับกันก็ถามขึ้น เมื่อก้องภพและไอรินทร์ได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นทันที “มีใครเจ็บรึเปล่า” พีรพัฒน์เข้ามาถามอาการของทั้งคู่
“ไม่มี/ไม่มี” ก้องภพและไอรินทร์ตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“ทำไมต้องพูดตามรินทร์ด้วย”
“พี่ไม่ได้พูดตาม รินทร์นั้นแหละพูดตามพี่ทำไม”
“เอ๊ะ..”
“เอาละๆไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้ว ไปก่อนนะขี้เกียจฟังคนทะเลาะกัน” พีรพัฒน์ว่าจบก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันที แล้วไม่วายหันมามองไอรินทร์และก้องภพอีกครั้ง ‘เจอกันครั้งแรกในรอบสี่ปีก็เปิดฉากทะเลาะกันแล้ว จะไหวไหมเนี่ย’ พีรพัฒน์คิดในใจแล้วก็เดินจากไป
ไอรินทร์ก็เดินตามพี่ชายไปบ้าง แต่ก็โดนมือหนาของก้องภพรั้งไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ จะไปไหน”
“ไปตรงไหนก็ไดที่ไม่มีพี่ก้อง” ว่าจบเท้าคู่สวยที่หุ้มด้วยรองเท้าส้นสูงหมายจะเดินออกไปแต่ก็โดนรั้งไว้อีกครั้งด้วยมือของก้องภพ
“ไม่คิดจะขอบคุณพี่สักคำเลยเหรอ”
“ขอบคุณ แค่นี้ใช่ไหม” ไอรินทร์ตอบห้วนๆสั้นๆ พร้อมกับแกะข้อมือของตัวเองออกจากมืออีกฝ่าย
“ไม่เพราะเลย พูดกับผู้ใหญ่พูดให้เพราะหน่อยสิ” ก้องภพว่าอย่างสั่งสอนเด็กน้อย “พูดว่า ขอบคุณมากค่ะพี่ก้อง แบบนี้ไง” ก้องภพพูดให้ดูเป็นตัวอย่าง
“...” ไร้ซึ่งคำพูดจากไอรินทร์แล้วยังทำหน้าบึ้งๆอีกด้วย
“ไม่พูดก็ไม่ต้องเอาของขวัญ”
“ของขวัญอะไร” ไอรินทร์หายหน้าบึงทันทีที่ได้ยินคำว่าของขวัญ
“ไม่บอก ถ้าอยากรู้ก็ต้องพูดขอโทษเพราะๆก่อน” ก้องภพยื่นข้อแลกเปลี่ยน
ยอมก็ได้เพื่อของขวัญ ไอรินทร์คิดในใจ
“ขอบคุณค่ะ” ไอรินทร์พูดเสียงธรรมดาไร้ซึ่งความหวานปากเล็กหยักงอเพราะความเซ็ง
“เสียงแบบนี้ไม่ได้ หน้าก็ไม่ผ่าน เอาใหม่” ไอรินทร์ทำเสียงจิ๊ในปากเธอสูดหายใจลึกๆเข้าปอดระงับอารมณ์อย่าให้มันระเบิดออกมา
“ขอบคุณมากๆๆๆค่ะ”
“เอาใหม่” ก้องภพพูดยิ้มๆกับท่าทางของเธอ
‘นี่ฉันเห็นแก่ของขวัญมากเกินไปแล้วไหมเนี่ย แต่ก็อยากได้ของขวัญจากพี่ก้องนี่นา ยอมทำก็ได้’ ไอรินทร์คิดในใจ แล้วเธอก็เริ่มส่งสายตาหวานๆ พูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“ถ้าไม่ได้พี่ก้องช่วยไว้ รินทร์คงแย่แน่ๆขอบคุณมากนะคะ” แล้งเธอก็ส่งยิ้มหวานสุดชีวิตให้ก้องภพ
‘ถึงแม้ว่าจะเป็นการบังคับให้ทำ แต่มันเป็นภาพที่สวยงามและน่ารักมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าสี่ปีผ่านไปเธอจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ทั้งรูปร่างและหน้าตา เห็นตอนแรกก็จำเกือบไม่ได้’ ก้องภพคิด
“ก็แค่นี้แหละ รอแป๊บนึงเดี๋ยวไปเอามาให้” พูดจบร่างสูงก็เดินออกไปข้างนอกสักครู่ แล้วกลับเข้ามาพร้อมกับกล่องของขวัญสีขาว
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ก้องภพพูดพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญให้ไอรินทร์
“ขอบคุณค่ะ” แล้วไอรินทร์ก็รับก่องของขวัญมาพร้อมกับส่งยิ้มให้ก้องภพ
“ไม่เปิดดูหน่อยเหรอ”
“เอาไว้ค่อยเปิด” ไอรินทร์พูด ...ก็คนมันอยากดูคนเดียวนี่นา
ทันใดนั้นก็มีสาวใช้เดินเข้ามาหาไอรินทร์พร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่
“ใครเอามาให้คะ” ไอรินทร์ถามพร้อมกับรับช่อดอกไม้ที่สาวใช้ยื่นให้
“ไม่ทราบค่ะ เห็นมันมาเสียบอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน” แล้วไอรินทร์ก็อ่านการ์ดที่มาพร้อมกับช่อดอกไม้เผื่อมันจะมีชื่อผู้ส่งเขียนไว้
From... and you’re close to me
‘อีกแล้วเหรอฉันรำคาญแล้วนะไอ้โรคจิต’ ไอรินทร์พูดในใจ
“ฝากไปเก็บในบ้านหน่อยค่ะ” ไอรินทร์ส่งช่อดอกไม้และกล่องของขวัญให้สาวใช้คนเดิม
“อ้าว ไม่ถือไว้หน่อยเหรอ” ก้องภพพูดขึ้นเมื่อเห็นไอรินทร์ไม่สนใจดอกไม้ที่ถูกส่งมาให้
ไอรินทร์ไม่สนใจเสียงของก้องภพ แล้วยังกำชับให้สาวใช้เอาเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน
“ไม่ถือเอาไว้หน่อยเหรอ เดี๋ยวคนให้ก็เสียใจหรอก”
“ถ้าอยากให้ถือแล้วทำไมไม่เอามาให้ถึงมือละ นี่อะไรเอามาเสียบไว้ประตู” ไอรินทร์พูดเคืองๆกับคนปริศนาที่มาส่งดอดไม้
“...” เขาคงมีความจำเป็นบางอย่างไงละถึงเอามาให้ถึงมือไม่ได้
“แล้วดอกไม้ช่อนี้ละ น้องรินทร์อยากจะถือไว้บ้างหรือเปล่า” เสียงของใครบางคนดังขึ้นข้างหลังไอรินทร์
“พี่โอ๊ต!” เมื่อเธอหันไปที่ที่มาของเสียง ก็พบกับโอ๊ตหรือณัฐพล ลูกชายของเจ้าของโรงงานผลิตและนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ ที่มีชื่อเสียงมากในขณะนี้
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานนึกว่าลืมกันเสียแล้ว” ณัฐพลเดินเข้ามาหาไอรินทร์อีกนิดพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ตนที่ถือในมือให้ไอรินทร์
ส่วนก้องภพก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนไม่มีตัวตนทันทีเมื่อไอรินทร์เอาแต่สนใจณัฐพลที่เพิ่งมา
“รินทร์ก็นึกว่าพี่โอ๊ตไปเรียนที่เดนมาร์กหลายปี คิดว่าลืมน้องสาวคนนี้เสียแล้ว” ไอรินทร์พูดพร้อมกับเอามือไปเกาะแขนพี่ชายไม่แท้แต่สนิทกันและรักมาก
ก้องภพที่เห็นภาพนั้นก็อยากจะเดินเข้าไปกระชากทั้งคู่ให้แยกออกจากกันให้รู้แล้วรู้รอด แล้วพาแม่ตัวดีเดินออกไปให้พ้นและไกลที่สุดจากไอ้หน้าเกาหลี(ก้องภพคิดเอง) มีอย่างที่ไหนมาเกาะแขนผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเขา แล้วดูเวลาพูดสิ พูดคะขาทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ ทีกับเรานะเหรอ ฮึต้องให้บังคับถึงจะทำ เห็นแบบนี้แล้วมันน่าหงุดหงิดจริงๆ
“รินทร์เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า” ก้องภพทนดูการสนทนาของทั้งคู่ไม่ไหว จึงเดินเข้าไปตัดบท
“ถ้าพี่ก้องหิวก็เชิญทางโน้นค่ะโต๊ะอาหารอยู่ทางนั้น ตามสบายนะคะ” พูดจบไอรินทร์ก็หันไปคุยกับณัฐพลต่อ
ให้มันได้อย่างนี้สิ ก้องภพนั้นอยากจะกระชากสองคนนี้ออกจากกันจริงๆ แต่ก็ทำไม่ได้ในงานนี้คนเยอะถ้าทำไม่ดีแน่ เลยได้แต่ยืนมองสองคนนี้ก็เดินไปทางอื่น
“เฮ้ย นายมองอะไรอยู่” พีรพัฒน์เดินเข้ามาหาก้องภพที่กำลังยืนมองไอรินทร์และณัฐพล พีรพัฒน์ก็มองตามที่ก้องภพมองบ้าง “อ๋อ รู้แล้วว่ามองอะไร”
“คนที่ชื่อโอ๊ตอะไรนั้นเป็นใคร” ก้องภพถามพีรพัฒน์ในขณะที่สายตายังไม่ละไปที่ใด ยังคงจับจ้องทุกอิริยาบถของไอรินทร์และณัฐพล
“อ๋อ... พี่โอ๊ตนะเหรอเขาเป็นลูกชายของเจ้าของโรงงานผลิตและนำเข้าเฟอร์นิเจอร์พ่อของเขาเป็นเพื่อนกับพ่อฉันเอง ตอนเด็กๆเราเคยเล่นด้วยกัน รินทร์ชอบพี่โอ๊ตมากแถมยังรักพี่โอ๊ตมากกว่าฉันที่เป็นพี่ชายแท้ๆซะอีก เฮ้อ น้องคนนี้... แล้วนายถามทำไม”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ก้องภพตอบเพื่อน ปากบอกว่าไม่มีอะไรแต่ข้างในมันแทบจะระเบิดออกมาแล้ว รักมากกว่าพี่ชายตัวเองเหรอ
‘ต้องทำอะไรซักอย่างแล้วไอ้หน้ากิมจิ’
12-03-59
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ