แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) เมื่อฉันเจอเธอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 10เมื่อฉันเจอเธอ
♬♪…♫♬...
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของไอรินทร์ดังขึ้นในขณะที่เจ้าของกำลังสาละวนกับการทำความสะอาดห้องพักที่รกรุงรังเนื่องจากในช่วงปลายเทอมเธอไม่มีเวลาทำความสะอาดเลย จะจ้างคนทำค่าจ้างแพงมาก
“ค่ะแม่” มือซ้ายของไอรินทร์ถือโทรศัพท์ส่วนมีขวาก็กำลังเช็ดโต๊ะ
[จะกลับบ้านเมื่อไหร่ลูก] เสียงของคุณวรรณวิภาโทรศัพท์ทางไกลมาหาลูกสาว
“อีกสักสองสามอาทิตย์ค่ะ”
[ให้แม่ไปรับไหม]
“ไม่ต้องค่ะแม่กับพ่อแล้วก็พี่อาร์มมาวันที่รินทร์รับปริญญาแล้ว มาอีกก็เหนื่อยแย่เลย”
[ตามใจลูกจ๊ะ ถ้ามาถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ก็โทรบอกแม่ด้วย]
“แค่นี้นะคะ คิดถึงแม่ค่ะ”
[แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน]
เมื่อการทำความสะอาดเสร็จสิ้นไอรินทร์ก็มาประจำที่หน้าคอมพิวเตอร์แล้วเข้าสู่เว็บไซต์ที่มีชื่อว่า Facebook แล้วไม่นานช่องแชทก็เริ่มทำงานเนื่องจากมีคนทักมา
[The Man_Next Door: say: ดีครับ =D]
‘Rin rin: say: ดีจ๊ะ ^^’
[The Man_Next Door: say: ไม่ได้คุยกันตั้งนานทำอะไรอยู่]
‘Rin rin: say: เตรียมตัวสอบแล้วก็เพิ่งรับปริญญาอาทิตย์ที่แล้ว’
[The Man_Next Door: say: ดีใจด้วยนะที่เรียนจบแล้ว]
‘Rin rin: say: ขอบใจจ๊ะ อีกสามอาทิตย์รินทร์จะกลับเมืองไทยแล้ว เจอกันที่กรุงเทพได้ไหม’
[The Man_Next Door: say: ....] เงียบสามนาที
‘Rin rin: say: ได้ไหม?’
[The Man_Next Door: say: อืม ได้สิป้องไปรับรินทร์ที่สนามบินนะ]
‘Rin rin: say: จริงๆนะ’
[The Man_Next Door: say: Sure!J]
‘Rin rin: say: ดีใจจัง รินทร์มีของฝากให้ป้องด้วยนะ’
[The Man_Next Door: say: เราแค่ได้คุยกันหน้าก็ยังไม่เคยเห็นซื้อของให้แล้วเหรอ]
‘Rin rin: say: อยากได้ไหมละ ไม่เอาก็ไม่เป็นไร เอาไปให้เด็กข้างบ้านก็ได้’
[The Man_Next Door: say: เอาสิ เอาสิ แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯนะ]
เครื่องบินลำใหญ่บรรทุกผู้โดยสารเต็มลำจากท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์ประเทศอังกฤษนำผู้โดยสารมายังจุดหมายปลายทางคือท่าอกาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิประเทศไทย
“ฉันอยากนั่งเครื่องบินตรงไปให้ถึงบ้านเร็วๆจังเลย” ญาณิศาโอดครวนเหมือนจะขาดใจอยากกลับให้ถึงบ้านที่แสนคิดถึงเร็วๆ
“ฉันก็อยากเหมือนกัน แต่จะทำยังไงได้เครื่องบินมันดีเลย์ไปตั้งชั่วโมงครึ่ง มาถึงกรุงเทพฯก็เย็นมากแล้ว”
“แล้วนี้แกจะรีบไปไหนเนี่ย” ไอรินทร์รีบเดินมากจนญาณิศาอดที่จะถามไม่ได้
“ไปร้านกาแฟ” ไอรินทร์พูดพร้อมกับสาวเท้าอย่างเร่งรีบราวกับกลัวว่าร้านกาแฟจะหาย ถ้ามีปีกเธอคงจะบินไปแล้ว
“ไปทำไม” ญาณิศาถามไปด้วยเดินสาวเท้าตามเพื่อนไปด้วย
“ปกป้องเขามารอฉันที่นั่น”
“แกแน่ใจเหรอ” ญาณิศาถามเพื่อนสาวอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก เธอเองก็พอรู้จักปกป้องบ้างเพราะไอรินทร์เคยเล่าให้ฟัง
“แน่ใจสิ นั่นไง” เมื่อมาถึงร้านกาแฟในสนามบินที่เป็นที่นัดหมายไอรินทร์ก็เห็นผู้ชายที่เคยคุยกันในเช็ทมานานนั่นคือปกป้อง กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะติดกับกระจกใสของร้าน ไอรินทร์รู้ได้เพราะปกป้องได้ส่งรูปให้เธอดูแล้ว
“สวัสดีป้อง มารอนานไหม” ไอรินทร์ดีใจที่สุดที่ได้เจอเพื่อนที่คุยกันในเช็ทมานานสี่ปี
“ไม่นานหรอก” หนุ่มหน้าขาวตี๋ที่มีชื่อว่าปกป้องตอบ
“นี่ญาณิศาเพื่อนของรินทร์” ไอรินนทร์แนะนำญาณิศาให้ปกป้องรู้จัก ญาณิศาก็เอ่ยทักอย่างเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ...รินทร์ฉันขอออกไปข้างนอกนะได้กลิ่นกาแฟแล้วฉันมึนหัวมากเลย” ญาณิศาเองก็อยากนั่งอยู่เป็นเพื่อนไอรินทร์แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะกลิ่นกาแฟที่เธอเกลียดมันรบกวนระบบประสาทเธอเหลือเกิน เธอจึงตัดสินใจออกมาข้างนอกแล้วคอยสังเกตการณ์ผ่านกระจกใสอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ
“มีของมาฝากป้องด้วยนะ” ว่าแล้วไอรินทร์ก็หยิบถุงพลาสติกขึ้นมาแล้วยื่นให้ชายหนุ่มหน้าตี๋ตรงหน้า ปกป้องเองก็ไม่รอช้าหยิบสิ่งของที่อยู่ในถุงออกมาทันที
“สวยจังเลย” ปกป้องชื่นชมของฝากที่ได้รับ ของฝากที่ไอรินทร์ให้ปกป้องคือหมวกแก็ปแนวฮิปฮอปลายธงอังกฤษ
“ชอบไหม” หญิงสาวถามเพื่อนหนุ่มที่เพิ่งเจอกันอย่างปลื้มใจ
“ชอบมากเลย... ป้องก็มีของฝากให้รินทร์เหมือนกันนะ” ไอรินทร์ตื่นเต้นกับของฝากของชายหนุ่มเหลือเกิน จะเป็นอะไรน๊า เธอคิดในใจไปต่างๆนาๆ แล้วชายหนึ่งเอาของฝากของตัวเองส่งให้หญิงสาว
“ดอกไม้สวยจัง” ไอรินทร์ยิ้มชื่นบานเมื่อได้รับดอกไม้สดหลากสี
‘ผู้ชายคนนี้โรแมนติกจังเลยเนอะ’ ไอรินทร์คิดในใจ แล้วทั้งสองก็นั่งคุยอยู่ด้วยกันสักพัก ปกป้องก็ขอตัวกลับ
“ป้องกลับก่อนะ พอดีว่ามีธุระต้องไปทำอีก”
“อยากคุยต่อจังเลย” ไอรินทร์เอ่ยอย่างเสียดายนิดๆ
“เอาไว้คุยกันในเฟสฯนะ”
“อืม ป้องไปธุระที่ไหนให้อาของรินทร์ไปส่งก็ได้” ไอรินทร์พูดกับเพื่อนออนไลน์ที่เพิ่งเจอตัวจริงหมาดๆอย่างใจกว้าง
“มะ...ไม่ต้อง!” ปกป้องพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อยท่าทางเหมือนมีพิรุธทำให้เธอรู้สึกสงสัย
“ทำไมต้องพูดเสียงดังด้วย” ไอรินทร์ตกใจที่ชายหนุ่มพูดเสียงดังใส่ ก็แค่ชวนไม่เห็นต้องเสียงดังเลย
“ขอโทษนะ คือ...ป้องเกรงใจ” ปกป้องเอ่ยอย่างสำนึกผิด
“ก็ได้ๆ แล้วค่อยคุยกันในเฟสฯนะ” ปกป้องยิ้มรับคำของไอรินทร์
แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกัน ไอนริทร์และญาณิศาเดินไปขึ้นรถของคุณอาที่มารอรับ ส่วนปกป้องก็ไปทำธุระของตัวเอง...
“คุณไอรินทร์คะฉันรู้นะว่าคุณดีใจแต่หยุดยิ้มบ้างก็ได้เดี๋ยวคนอื่นก็คิดว่าแกบ้า” ญาณิศาพูดอย่างเอือมระอาเหลือเกินกับอาการยิ้มไม่หุบของเพื่อนสาว
ไม่ให้หยุดยิ้มก็คงไม่ได้เพราะไอรินทร์ยิ้มหน้าบานเหมือนจานยูบีซีไม่หยุดเมื่อได้พูดคุยและเจอตัวเป็นๆของปกป้องเพื่อนออนไลน์ที่คุยกันมานานเมื่อวานนี้ที่สนามบินที่กรุงเทพฯ จนตอนนี้มาถึงนครศรีธรรมราชแล้วก็ยังไม่หยุดยิ้ม
“ก็ฉันมีความสุขจะให้หยุดยิ้มได้ไงละ” ไอรินทร์พูดทั้งๆที่ใบหน้ายังยิ้มอยู่
“เออแก.. ปีเตอร์หายไปไหนแล้วละ หลังจากที่พวกเรารับปริญญาเสร็จก็ไม่ได้เจอเขาเลย” ญาณิศาถามถึงเพื่อนหนุ่มลูกครึ่งที่สนิทที่สุดในยามอยู่ที่อังกฤษ
“เขาไปเยี่ยมคุณยายที่ฝรั่งเศส”
“แหม... ตั้งแต่เป็นแฟนกันรู้เกี่ยวกับเขาดีไปหมดซะทุกเรื่องเลยนะ” ญาณิศาอดแซวเพื่อนไม่ได้
“ฉันยังไม่ได้เป็นแฟนกับเขา ไม่พูดกับแกแล้วกลับบ้านดีกว่า”
“เอาเถอะๆ ฉันรู้ว่าแกเขิน” ญาณิศาก็ยังไม่เลิกแซว
แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับบ้านที่จากมานานสี่ปี...
เมื่อลงมาจากรถของที่บ้านที่ไปรับที่สนามบิน สองเท้าน้อยค่อยๆเดินเข้าไปในบ้านที่ตนจากไปนานนับสี่ปีเต็ม ระหว่างทางเข้าไปในบ้านมีคนรับใช้ในบ้านมาคอยต้อนรับทุกคนต่างก็ดีใจกับการกลับมาของไอรินทร์ และทุกคนก็ต่างกันชื่นชมยินดีกับการเรียนจบของเธอ
“คิดถึงจริงๆ มาให้แม่กอดหน่อย” เมื่อไอรินทร์เดินเข้าไปถึงห้องรับแขกก็พบกับวรรณวิภา วิชัย และพีรพัฒน์ กำลังยืนรอรับ วรรณอ้าแขนกว้างเพื่อรอจะกอดลูกสาว
“รินทร์ก็คิดถึงแม่เหมือนกันค่ะ” ไอรินทร์ก็เข้าไปกอดแม่อย่างแนบแน่น น้ำตาเริ่มคลอเบ้าตาเล็กน้อยเพราะความดีใจที่ได้กลับบ้านที่ตนรัก
“ไม่คิดถึงพ่อหน่อยเหรอ” วิชัยเห็นแม่ลูกกอดกันก็อยากกอดบ้าง
“คิดถึงสิคะ” พอกอดแม่เสร็จก็เปลี่ยนไปกอดพ่อต่อ ไม่ได้เดี๋ยวจะน้อยใจ
“แล้วพี่ละ” พีรพัฒน์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ถามขึ้นบ้าง น้องบ้าคิดถึงแต่พ่อกับแม่ไม่คิดถึงพี่บ้าง
“คิดถึงสิ” ไอรินทร์ถอนกอดออกจากพ่อแล้วหันหน้าไปตอบคำถามพี่ชายแต่ไม่ได้เข้าไปกอด
“เดินทางมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะลูก” คุณวรรณวิภาบอกลูกสาวแล้วพาเธอขึ้นไปบนห้อง
นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้นอนห้องนอนสุดแสนรัก ไอรินทร์เดินไปรอบๆห้องนอนที่ตนนอนมาตั้งแต่เด็กจนโต เตียง หมอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ทุกอย่างยังคงเหมือนอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง วันเวลาผ่านไปสี่ปีแต่ความรู้สึกของเธอก็ยังคงเหมือนเดิมและไม่เปลี่ยนเช่นกัน คือไม่สามารถลืมก้องภพได้ คอยบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่สามรถทำได้ตามที่ต้องการ เพราะใจมันไม่ยอมฟังคอยแต่จะเรียกหาเขาอยู่ร่ำไป... การไปอังกฤษก็ไม่ได้ช่วยให้เธอลืมก้องภพเลยกลับทำให้เธอรู้คิดถึงเขามากขึ้น จนมันทวีคูณจนบางครั้งไม่อาจห้ามได้เลยต้องปล่อยความรู้สึกนั้นออกมาเป็นน้ำตา
17-03-59
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ