ซากุระฤดูร้อน 18+
-
เขียนโดย sanny17
วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.41 น.
20 ตอน
0 วิจารณ์
20.61K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 15.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) ตอน21
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"แกนั่นแหละที่จะต้องตาย นี่มันถิ่นใครรู้ไว้ซะด้วย หน้าห้องนี่มีการ์ดเป็นยี่สิบคน แกคิดว่าจะเอาลมหายใจไร้ประโยชน์ของแกออกไปได้งั้นหรือ" ฮิซูกิพูดพรางชี้นิ้วออกไปข้างนอก ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของเขาทำฉันขนลุก ฮิซูกิไม่เคยแสดงอารมณ์นี้ให้ฉันเห็นมาก่อน ซึ่งมันผิดคาดเอามากๆ ฉันใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อรู้ว่าชินอิจิอาจโดนเขาสั่งหิ้วปีกได้ทุกเมื่อ
"แค่ฉันกระดิกนิ้ว ปืนสั้นปืนยาวก็จ่อแกทุกทิศแล้ว ไอ้งั่ง!" ฮิซูกิพูดใส่หน้าเขาอย่างเยาะเย้ย และนั่นก็ทำให้ฉันเผลอตวาดออกไป
"ห้ามทำเขานะ! พี่เรียว ออกไปได้แล้ว!" ฉันไม่อยากให้อะไรมันแย่กว่านี้ ที่นี่เป็นถิ่นของพวกเราอย่างที่ฮิซูกิว่า ไม่ยากเลยถ้าเขาจะโดนทำร้ายปางตายที่นี่
"หุบปากเธอไปซะ นางอสรพิษ อุตส่าห์ไว้ใจเห็นว่าโง่ๆ ที่แท้เธอก็อยู่ฝั่งเดียวกับมันงั้นหรือ" แต่ฮิซูกิกลับพูดคำที่ฉันคาดไม่ถึงออกมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฮิซูกิหยาบคายกับฉัน นี่มันมากเกินไปแล้ว มันเรื่องอะไรกัน ใครก็ได้ช่วยอธิบายฉันที
"หุบปากได้หรือยัง หยาบคายจริงๆเลยนะแกเนี่ย สันดารโจร สันดารไพร่ กาลเวลาไม่ลบให้สักนิดเลยสินะ กับผู้หญิงก็ยังถ่อยได้ แกต่างหากที่งั่ง .....เอาล่ะ พ่อแม่พี่น้องพวกแกอยู่ไหน ไปเรียกมันมาสิ ฉันจะได้เคลียร์บิลทีเดียว"
"หึ ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวก็มา อยากตายไวขนาดนั้นเชียว ไหนๆก็ไหนๆ ตายไปทั้งคู่แกนั่นแหละ น่าเสียดายนะ.... ฉันเพิ่งได้มันไปทีเดียวเอง ไม่รู้ป่านนี้ในท้องมันมีเบบี๋ของฉันติดอยู่บ้างหรือยัง ใช่ไหม ฮารุจังที่รัก"
ฮิซูกิพูดจบใบหน้าฉันก็ไร้สีเลือดอย่างจริงจัง เกิดอะไรขึ้นกับฮิซูกิที่แสนสุภาพคนนั้น เขาพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างไม่ไว้หน้า และแสดงให้เห็นชัดเจนว่าสำหรับเขา ฉันสามารถตายพร้อมไปกับชินอิจิได้เลย ฉันครางเรียกรุ่นพี่เบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อและก็ต้องร้องกรี๊ดออกมา เมื่อชินอิจิพรุ่งพรวดทีเดียวก็สามารถกระชากคอเสื้อของฮิซูกิเข้าหาตัวอย่างแรงก่อนจะใส่หมัดเข้าไปที่ใบหน้าของเขาไม่ยั้ง
"มึงตาย!!!" ฮิซูกิที่ตัวสูงอาจเท่าชินอิจิแต่กล้ามเนื้ออาจไม่เท่า ดังนั้นถึงแม้จะพยายามลุกสู้ชินอิจิอย่างไรก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาได้ แค่ทำท่าจะป้องกันตัวยังไม่มีสิทธิ์เลย เลือดของฮิซูกิไหลลงมาตามหางคิ้วที่แตกยาว
จนฉันอดรนทนดูการต่อสู้นี้ไม่ไหว ในเมื่ออีกคนปางตายเสียแล้ว
"พี่เรียว อย่าทำเขา พอแล้ว!!" ฉันวิ่งเข้าไปคว้าแขนของชินอิจิเอาไว้ เขาแค่ทำท่าผงะมามองฉัน แววตาโมโหของชินอิจิคนเดิมกลับมาอีกแล้ว แววตาแบบตอนนั้น... เขายิ่งประเคนทั้งหมัดทั้งเข่าใส่ฮิซูกิ ไม่สนใจเสียงห้ามปรามจากฉันเลยสักนิด
ฉันแค่ต้องการจะรู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!
"ใครอยู่ข้างนอก! ช่วยด้วย! อึก..." ฮิซูกิตะโกนออกไปอย่างกระวีกระวาด ทั้งๆที่คอเสื้อและชุดสีขาวของเขาเริ่มมีรอยเลือด
"อ่อนชะมัด ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ให้แกตายง่ายๆหรอก สิ่งที่แกทำ ผลตอบแทนของมันไม่ใช่ความตาย แต่จะเป็นหายนะทั้งช่วงชีวิตของแก ระลึกไว้เลยว่าทำระยำอะไรเอาไว้บ้าง..." ชินอิจิปล่อยเขาแล้ว ฮิซูกินอนหายใจหอบเหนื่อยอยู่กับพื้น "ฉันรู้ว่าพวกแกได้ยิน เข้ามาช่วยลูกพวกแกสิ มันกำลังจะตายอยู่แล้วนะ ฮ่ะๆ"
ภายนอกที่มีชายชุดสูทเรียบร้อยรูปร่างทะมัดทะแมงกว่ายี่สิบคนกำลังยืนรอรับคำสั่งจากเจ้านาย ไทจิและภรรยา กำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่หน้าห้องที่กำลังมีเสียงลูกชายร้องตะโกนออกมา ฝ่ายคุณคาชิและภรรยาก็กำหมัดแน่นตั้งใจจะบุกเข้าไปตั้งแต่คราแรกแต่ถูกทางฝั่งครอบครัวเจ้าบ่าวห้ามเอาไว้ ไทจิขอร้องให้ทั้งหมดยืนครุ่นคิดเพียงครู่ว่าจะรับมือกับปัญหายังไงให้สูญเสียน้อยที่สุด แม้จะห่วงลูกชายที่ไม่มีท่าทีจะสู้มือของอีกฝ่ายได้
"ไทจิ ทำไมไม่รีบเข้าไปช่วยลูก ซูคุงกำลังแย่นะ! คุณใจเย็นทำไม ไม่ได้ยินหรือว่ามันท้าทายเราอยู่!" ฝ่ายภรรยาแหวเข้าใส่ เมื่อสามีเอาแต่ยืนหน้าเครียดอย่างคนวิตกจริต
"ผมว่าเราเข้าไปเลยดีกว่า ก่อนที่ฮิซูกิจะเจ็บมากกว่านี้" หัวหน้าแกงค์คาชินาระเอ่ยอย่างเลือดขึ้นหน้า
"คุณจะใจเย็นรออยู่อย่างนี้ก็เรื่องของคุณ ....ไปค่ะ!"
การ์ดสามคนพังประตูเข้ามาจนกลอนหลุด ตามด้วยหัวหน้างานทั้งสี่คนที่มายืนประจันหน้าเอากับชินอิจิ การ์ดหลายคนเข้ามาในห้องก่อนจะเอาปืนจี้เขาเอาไว้ไม่ให้ขยับ ฉันยืนอยู่ปลายเตียงอย่างร้อนรนกลัวเขาจะเป็นอะไรไป ไม่สนแล้วว่าตอนนี้นุ่งผ้าขนหนูอยู่ผืนเดียวต่อหน้าการ์ดยี่สิบกว่าคน
"ไง... ไอ้พวกลูกหมา ขอโทษด้วยนะที่ทำให้การรวมตัวกันของพวกแกไม่สำเร็จ สะใจจริงๆว่ะ..." เสียงชินอิจิกล่าวอย่างเยาะเย้ย
“ปากดีไปเถอะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นึกว่าเก่งแค่ไหนกันเชียว แผนตื้นๆของแกคิดหรือว่าจะหยุดพวกเราได้"
ฉันไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน พ่อและแม่ไม่แม้แต่จะปรอยตามามองทางฉัน ทั้งคู่ทำหน้าโกรธแค้นชินอิจิจนฉันเองก็เริ่มเสียวแทน
"ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าเป็นแก ....ถึงกับปีนห้องเลยหรือ คิดอะไรอยู่ คิดว่าทำแบบนั้นจะหยุดอะไรได้หรือ ลูกคุณท่านผู้ยิ่งใหญ่ คิดได้เท่านี้น่ะหรือ... เสียดาย ไม่เอาความฉลาดจากพ่อติดตัวมาเลยสักนิด" แม่ฉันหัวเราะเยาะใส่ชินอิจิที่ยังคงยืนทำหน้านิ่งใส่พวกเขา แสดงว่าแม่ฉันคงรู้จักชินอิจิมาก่อนหน้านี้น่ะสิ
ในเมื่อไม่มีใครอธิบายอะไร ฉันก็ต้องคอยตอบคำถามให้ตัวเองด้วยการสนทนาของพวกเขาสินะ
"ไม่ต้องพูดอะไรมากมายหรอก ไม่ละอายปากมั่งหรือ ขนาดฉันมองจากตรงนี้ยังอายแทนเลย ไม่ได้อยากเรื่องมากอะไรนักหรอกนะ วันนี้แค่มาสะสางบัญชีเก่า ใครทำอะไรไว้เตรียมกะลาหัวให้ดีเลย"
ชินอิจิพูดบางอย่างที่ฉันกำลังสงสัย ว่าพวกเขาไปมีความแค้นในอดีตกันตั้งแต่ตอนไหน ในเมื่อชินอิจิที่เป็นคนแปลกหน้าของบ้านเรา ทำไมกลับพูดเหมือนรู้จักกันมาเนิ่นนาน
"น่าตลกนะ มาคนเดียวรู้สึกจะเก่งเหลือเกิน ฉันก็ไม่อยากพูดมากเหมือนกัน เด็กๆ ปิดปากมันทีซิ จะได้หมดขวากหนามชีวิตเสียที รอวันนี้มานานแล้วเหมือนกัน" แม่ฉันพูดอย่างเลือดเย็น จนฉันทนไม่ได้ถ้าจะเห็นเขาโดนทำร้าย
ความหุนหันพลันแล่นทำให้ฉันรีบตัดสินใจวิ่งฝ่าวงล้อมเข้าไปกางมืออยู่ข้างหน้าเขา
"อย่าทำเขานะคะ พ่อคะแม่คะ ไม่เอานะ อย่าทำร้ายเขา" ฉันขวางวิถีกระสุนของการ์ดคนหนึ่งเอาไว้ และได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจจากคนข้างหลัง นี่ฉันปกป้องเขาอยู่ แต่เขากลับมาโมโหฉันอย่างนั้นหรือ
"ไปขวางมันไว้ทำไม นังเด็กบ้านี่ สร้างความอับอายให้ฉันเก่งจังนะ ตายไปพร้อมมันเสียเลยดีไหม"
"นี่คุณ ....เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ทำแบบนี้ อย่าผิดคำพูดสิ"
เสียงพ่อกับแม่ฉันกำลังเถียงกัน และมีหนึ่งประโยคในนั้นที่ทำให้ฉันตะลึงไป
"คุณจะเก็บมันเอาไว้เทิดทูนหรือไง ทำเรื่องงามหน้าขนาดนี้ ใหัมันตายไปเลยแล้วเราก็ปล่อยข่าวไปอีกอย่างก็ได้ เจ้าสาวลักลอบมีสัมพันธ์ชู้สาวกับแขก คุณคิดว่าเราเสียเครดิตแค่ไหน"
แม่ฉันหันไปพูดกับพ่ออย่างเกรี้ยวกราด และคำพูดนั่นกลับช็อตฉันให้นิ่งค้างเอาไว้ แม่ฉันอยากให้ฉันตายอย่างนั้นหรือ
"แม่คะ...." ฉันน้ำตาไหลในอก เสียใจจนพูดไม่ออก ฉันอยากรู้ว่าฉันเป็นลูกที่แย่มากแค่ไหนกันเชียว ทำไมสักครั้งนึงในชีวิตฉันไม่เคยรู้สึกว่าแม่พอใจอะไรในตัวฉันบ้างเลย
"อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่เคยมีลูกจิตใจโสมมอย่างแก"
จากที่น้ำตามันเหือดหายไปหมดแล้ว จริงๆแล้วมันก็ยังคงอยู่นี่เอง อยู่กับฉันไม่ได้หายไปไหน กำลังไหลรินอยู่ เพราะคำพูดไร้เยื่อใยนั่น
"หยุดดราม่ากันสักทีเถอะ ทนไม่ไหวแล้วโว้ย ตายเสียเถอะ ไอ้เลว!"
"ไม่นะ กรี้ดดด!" "เฮ้ย!!"
ปัง!!
"ฮารุ!"
เสียงกระสุนปืนหนึ่งนัดที่ดังขึ้นราวกับฟ้าถล่ม ตามด้วยเสียงกรีดร้องมากมายตามหลังมาติดๆ
ฮิซูกิที่นอนอยู่กับพื้นแอบลุกขึ้นอย่างให้ไม่เป็นที่สังเกต คว้าปืนจากการ์ดข้างตัวเล็งมาด้านข้างของชินอิจิ หญิงสาวที่ทั้งตกใจทั้งขาดสติรีบหมุนตัวไปหวังจะกอดเขาเอาไว้ ร่างเล็กในผ้าขนหนูมีรอยเลือดปะปนมั่วไปหมด ร่างขาวโพลนล้มลง น่องแขนอวบเนียนมีหยาดเลือดไหลเป็นทาง เจ้าตัวสลบลงโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกหลังจากนั้น ในหัวได้ยินแต่เสียงของชินอิจิที่ตะโกนบ่นเธอเอาไม่หยุด ...แค่ได้ยินเสียงเขาบ่น กลับคล้ายเสียงนิทานก่อนนอนซะอย่างนั้น ไหนๆก็ไหนๆ หลับตอนนี้เลยได้ไหมนะ ....ฉันร้าวร่างมากเลย เหมือนกระดูกกำลังจะแตก นี่เขาเรียกอาการของคนใกล้ตายหรือเปล่า.....
"ยายเด็กโง่! บ้าหรือเปล่า!! จะเบียดเข้ามาทำบ้าอะไร โถ่โว้ย!!! " ชินอิจิสบถใส่ร่างที่นอนนิ่งในอ้อมกอด
"เห้ย!! ยืนเซ่อทำไมกัน จับพวกมันให้หมด อย่าให้ตายก่อน เอามันไปรวมไว้ที่โกดังสี่ท่าเรือ เดี๋ยวฉันตามไป" ชินอิจิพูดสั่งเสียงดังฟังชัด
"ฮารุ! ฮารุจัง! ยายประสาท อย่าหลับนะ ห้ามหลับเด็ดขาด ตื่นก่อนสิวะ มองหน้าฉันนี่ อย่ามาทิ้งกันไปแบบนี้นะ บัดซบเอ๊ย!! ไอ้ระยำนั่น!" ชินอิจิแทบขาดสติเมื่อเห็นดวงตาพาปรือของหญิงสาวในอ้อมกอด แรงกระสุนทำให้ร่างเล็กกระตุกไปจนปมผ้าขนหนูที่มัดไว้ปมมันเริ่มคลาย เนื้อในที่กำลังจะเปิดเผยสู่สาธารณะชนถูกเขาเอาเสื้อสูทตัวเองมาใส่ทับเอาไว้ก่อนจะหันไปเรียกใครบางคน
"คุณหลิน เอาฮารุไปส่งโรงพยาบาลที เดี๋ยวผมโทรประสานงานเคลียร์ทางให้ ขอด่วนนะ เดี๋ยวผมไปรับช่วงต่อคุณพ่อเสร็จเดี๋ยวตามไป ห้ามเธอเป็นอะไรเด็ดขาด ย้ำกับหมอ ถ้าเมียผมไม่อยู่รอหน้าผม ผมจะเผาโรงพยาบาล" น้ำเสียงเยือกเย็นสั่งกับชายวัยกลางคนที่ยืนรับคำสั่งเขาหน้านิ่วเช่นกัน แม้คำสั่งค่อนข้างจะควบคุมได้ยาก ... กำชับไว้ขนาดนี้ คนไข้คนเดียวคงต้องตามหมอทั้งโรงพยาบาลเลยเป็นแน่ คุณหนูของเขายิ่งพูดคำไหนคำนั้นเสียด้วย
"อ้อ อย่าลืม แม่บ้านของเธอตอนเด็ก เอามาคืนเธอได้แล้ว จดหมายและของสำคัญของพ่อแม่เธอเอาคืนให้เธอได้เลย หากเธอฟื้นแล้ว ฝากคุณหลินด้วย ผมจะรีบไปช่วยดูอีกฝั่งก่อน"
ชินอิจิกำชับครั้งสุดท้ายก่อนจะรีบผลุนผลันออกไปกับการ์ดอีกนับสิบชีวิต
ในงานที่ผู้คนมากมายมีทั้งคนของตระกูลชินอิจิแฝงตัวอยู่ กระทั่งในฝูงบอดี้การ์ดของสองคู่ผัวเมียนั่นก็ยังมีคนของเขาแฝงอยู่
หากฮารุไม่เข้ามาขวางเข้าป่านนี้เหตุการณ์คงไม่เป็นไปอีกอย่าง การ์ดของเขาครึ่งหนึ่งจะผันตัวเปิดเผยตัวตนและเข้าจับพวกมันทั้งหมด
กระสุนถากไปที่น่องแขนของหญิงสาวเพราะการ์ดของเขาคนนึงยิงตัดลำก้องของปืนออกไปอย่างเฉียดฉิว กระนั้นก็ยังอดห่วงคนตัวเล็กไม่ได้ ร่างกายบอบบางแบบนั้นจะทนพิษบาดแผลไหวไหม
ถึงแม้จะห่วงแสนห่วงแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เขามีงานที่ต้องจัดการก่อน
ตอนนี้ทีมของเขากำลังกวาดเก็บคนเลวพวกนั้นและนำตัวไปยังจุดนัดหมาย เพื่อจะปิดจ็อบที่สั่งสมมาทั้งหมดเกือบยี่สิบปี
พวกมันสี่คนรวมหัวกัน ฆ่าแม่ของเขา ชินอิจิในวัยสิบสามปีแทบอยู่ไม่ได้ เมื่อวันนึงบิดาส่งคนมารับจากโรงเรียนเพื่อไปรับร่างไร้วิญญาณของมารดา เขาร้องไห้ไม่ออก ไม่เข้าใจว่าแม่เป็นอะไร ทำไมจู่ๆก็ทิ้งกันไปแบบนั้น
จนโตเริ่มรู้ความ บิดาที่เริ่มเปิดเผยความจริงเมื่อวัยของเขาสมควรรู้ในสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตน
"แค่ฉันกระดิกนิ้ว ปืนสั้นปืนยาวก็จ่อแกทุกทิศแล้ว ไอ้งั่ง!" ฮิซูกิพูดใส่หน้าเขาอย่างเยาะเย้ย และนั่นก็ทำให้ฉันเผลอตวาดออกไป
"ห้ามทำเขานะ! พี่เรียว ออกไปได้แล้ว!" ฉันไม่อยากให้อะไรมันแย่กว่านี้ ที่นี่เป็นถิ่นของพวกเราอย่างที่ฮิซูกิว่า ไม่ยากเลยถ้าเขาจะโดนทำร้ายปางตายที่นี่
"หุบปากเธอไปซะ นางอสรพิษ อุตส่าห์ไว้ใจเห็นว่าโง่ๆ ที่แท้เธอก็อยู่ฝั่งเดียวกับมันงั้นหรือ" แต่ฮิซูกิกลับพูดคำที่ฉันคาดไม่ถึงออกมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฮิซูกิหยาบคายกับฉัน นี่มันมากเกินไปแล้ว มันเรื่องอะไรกัน ใครก็ได้ช่วยอธิบายฉันที
"หุบปากได้หรือยัง หยาบคายจริงๆเลยนะแกเนี่ย สันดารโจร สันดารไพร่ กาลเวลาไม่ลบให้สักนิดเลยสินะ กับผู้หญิงก็ยังถ่อยได้ แกต่างหากที่งั่ง .....เอาล่ะ พ่อแม่พี่น้องพวกแกอยู่ไหน ไปเรียกมันมาสิ ฉันจะได้เคลียร์บิลทีเดียว"
"หึ ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวก็มา อยากตายไวขนาดนั้นเชียว ไหนๆก็ไหนๆ ตายไปทั้งคู่แกนั่นแหละ น่าเสียดายนะ.... ฉันเพิ่งได้มันไปทีเดียวเอง ไม่รู้ป่านนี้ในท้องมันมีเบบี๋ของฉันติดอยู่บ้างหรือยัง ใช่ไหม ฮารุจังที่รัก"
ฮิซูกิพูดจบใบหน้าฉันก็ไร้สีเลือดอย่างจริงจัง เกิดอะไรขึ้นกับฮิซูกิที่แสนสุภาพคนนั้น เขาพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างไม่ไว้หน้า และแสดงให้เห็นชัดเจนว่าสำหรับเขา ฉันสามารถตายพร้อมไปกับชินอิจิได้เลย ฉันครางเรียกรุ่นพี่เบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อและก็ต้องร้องกรี๊ดออกมา เมื่อชินอิจิพรุ่งพรวดทีเดียวก็สามารถกระชากคอเสื้อของฮิซูกิเข้าหาตัวอย่างแรงก่อนจะใส่หมัดเข้าไปที่ใบหน้าของเขาไม่ยั้ง
"มึงตาย!!!" ฮิซูกิที่ตัวสูงอาจเท่าชินอิจิแต่กล้ามเนื้ออาจไม่เท่า ดังนั้นถึงแม้จะพยายามลุกสู้ชินอิจิอย่างไรก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาได้ แค่ทำท่าจะป้องกันตัวยังไม่มีสิทธิ์เลย เลือดของฮิซูกิไหลลงมาตามหางคิ้วที่แตกยาว
จนฉันอดรนทนดูการต่อสู้นี้ไม่ไหว ในเมื่ออีกคนปางตายเสียแล้ว
"พี่เรียว อย่าทำเขา พอแล้ว!!" ฉันวิ่งเข้าไปคว้าแขนของชินอิจิเอาไว้ เขาแค่ทำท่าผงะมามองฉัน แววตาโมโหของชินอิจิคนเดิมกลับมาอีกแล้ว แววตาแบบตอนนั้น... เขายิ่งประเคนทั้งหมัดทั้งเข่าใส่ฮิซูกิ ไม่สนใจเสียงห้ามปรามจากฉันเลยสักนิด
ฉันแค่ต้องการจะรู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!
"ใครอยู่ข้างนอก! ช่วยด้วย! อึก..." ฮิซูกิตะโกนออกไปอย่างกระวีกระวาด ทั้งๆที่คอเสื้อและชุดสีขาวของเขาเริ่มมีรอยเลือด
"อ่อนชะมัด ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ให้แกตายง่ายๆหรอก สิ่งที่แกทำ ผลตอบแทนของมันไม่ใช่ความตาย แต่จะเป็นหายนะทั้งช่วงชีวิตของแก ระลึกไว้เลยว่าทำระยำอะไรเอาไว้บ้าง..." ชินอิจิปล่อยเขาแล้ว ฮิซูกินอนหายใจหอบเหนื่อยอยู่กับพื้น "ฉันรู้ว่าพวกแกได้ยิน เข้ามาช่วยลูกพวกแกสิ มันกำลังจะตายอยู่แล้วนะ ฮ่ะๆ"
ภายนอกที่มีชายชุดสูทเรียบร้อยรูปร่างทะมัดทะแมงกว่ายี่สิบคนกำลังยืนรอรับคำสั่งจากเจ้านาย ไทจิและภรรยา กำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่หน้าห้องที่กำลังมีเสียงลูกชายร้องตะโกนออกมา ฝ่ายคุณคาชิและภรรยาก็กำหมัดแน่นตั้งใจจะบุกเข้าไปตั้งแต่คราแรกแต่ถูกทางฝั่งครอบครัวเจ้าบ่าวห้ามเอาไว้ ไทจิขอร้องให้ทั้งหมดยืนครุ่นคิดเพียงครู่ว่าจะรับมือกับปัญหายังไงให้สูญเสียน้อยที่สุด แม้จะห่วงลูกชายที่ไม่มีท่าทีจะสู้มือของอีกฝ่ายได้
"ไทจิ ทำไมไม่รีบเข้าไปช่วยลูก ซูคุงกำลังแย่นะ! คุณใจเย็นทำไม ไม่ได้ยินหรือว่ามันท้าทายเราอยู่!" ฝ่ายภรรยาแหวเข้าใส่ เมื่อสามีเอาแต่ยืนหน้าเครียดอย่างคนวิตกจริต
"ผมว่าเราเข้าไปเลยดีกว่า ก่อนที่ฮิซูกิจะเจ็บมากกว่านี้" หัวหน้าแกงค์คาชินาระเอ่ยอย่างเลือดขึ้นหน้า
"คุณจะใจเย็นรออยู่อย่างนี้ก็เรื่องของคุณ ....ไปค่ะ!"
การ์ดสามคนพังประตูเข้ามาจนกลอนหลุด ตามด้วยหัวหน้างานทั้งสี่คนที่มายืนประจันหน้าเอากับชินอิจิ การ์ดหลายคนเข้ามาในห้องก่อนจะเอาปืนจี้เขาเอาไว้ไม่ให้ขยับ ฉันยืนอยู่ปลายเตียงอย่างร้อนรนกลัวเขาจะเป็นอะไรไป ไม่สนแล้วว่าตอนนี้นุ่งผ้าขนหนูอยู่ผืนเดียวต่อหน้าการ์ดยี่สิบกว่าคน
"ไง... ไอ้พวกลูกหมา ขอโทษด้วยนะที่ทำให้การรวมตัวกันของพวกแกไม่สำเร็จ สะใจจริงๆว่ะ..." เสียงชินอิจิกล่าวอย่างเยาะเย้ย
“ปากดีไปเถอะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นึกว่าเก่งแค่ไหนกันเชียว แผนตื้นๆของแกคิดหรือว่าจะหยุดพวกเราได้"
ฉันไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน พ่อและแม่ไม่แม้แต่จะปรอยตามามองทางฉัน ทั้งคู่ทำหน้าโกรธแค้นชินอิจิจนฉันเองก็เริ่มเสียวแทน
"ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าเป็นแก ....ถึงกับปีนห้องเลยหรือ คิดอะไรอยู่ คิดว่าทำแบบนั้นจะหยุดอะไรได้หรือ ลูกคุณท่านผู้ยิ่งใหญ่ คิดได้เท่านี้น่ะหรือ... เสียดาย ไม่เอาความฉลาดจากพ่อติดตัวมาเลยสักนิด" แม่ฉันหัวเราะเยาะใส่ชินอิจิที่ยังคงยืนทำหน้านิ่งใส่พวกเขา แสดงว่าแม่ฉันคงรู้จักชินอิจิมาก่อนหน้านี้น่ะสิ
ในเมื่อไม่มีใครอธิบายอะไร ฉันก็ต้องคอยตอบคำถามให้ตัวเองด้วยการสนทนาของพวกเขาสินะ
"ไม่ต้องพูดอะไรมากมายหรอก ไม่ละอายปากมั่งหรือ ขนาดฉันมองจากตรงนี้ยังอายแทนเลย ไม่ได้อยากเรื่องมากอะไรนักหรอกนะ วันนี้แค่มาสะสางบัญชีเก่า ใครทำอะไรไว้เตรียมกะลาหัวให้ดีเลย"
ชินอิจิพูดบางอย่างที่ฉันกำลังสงสัย ว่าพวกเขาไปมีความแค้นในอดีตกันตั้งแต่ตอนไหน ในเมื่อชินอิจิที่เป็นคนแปลกหน้าของบ้านเรา ทำไมกลับพูดเหมือนรู้จักกันมาเนิ่นนาน
"น่าตลกนะ มาคนเดียวรู้สึกจะเก่งเหลือเกิน ฉันก็ไม่อยากพูดมากเหมือนกัน เด็กๆ ปิดปากมันทีซิ จะได้หมดขวากหนามชีวิตเสียที รอวันนี้มานานแล้วเหมือนกัน" แม่ฉันพูดอย่างเลือดเย็น จนฉันทนไม่ได้ถ้าจะเห็นเขาโดนทำร้าย
ความหุนหันพลันแล่นทำให้ฉันรีบตัดสินใจวิ่งฝ่าวงล้อมเข้าไปกางมืออยู่ข้างหน้าเขา
"อย่าทำเขานะคะ พ่อคะแม่คะ ไม่เอานะ อย่าทำร้ายเขา" ฉันขวางวิถีกระสุนของการ์ดคนหนึ่งเอาไว้ และได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจจากคนข้างหลัง นี่ฉันปกป้องเขาอยู่ แต่เขากลับมาโมโหฉันอย่างนั้นหรือ
"ไปขวางมันไว้ทำไม นังเด็กบ้านี่ สร้างความอับอายให้ฉันเก่งจังนะ ตายไปพร้อมมันเสียเลยดีไหม"
"นี่คุณ ....เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ทำแบบนี้ อย่าผิดคำพูดสิ"
เสียงพ่อกับแม่ฉันกำลังเถียงกัน และมีหนึ่งประโยคในนั้นที่ทำให้ฉันตะลึงไป
"คุณจะเก็บมันเอาไว้เทิดทูนหรือไง ทำเรื่องงามหน้าขนาดนี้ ใหัมันตายไปเลยแล้วเราก็ปล่อยข่าวไปอีกอย่างก็ได้ เจ้าสาวลักลอบมีสัมพันธ์ชู้สาวกับแขก คุณคิดว่าเราเสียเครดิตแค่ไหน"
แม่ฉันหันไปพูดกับพ่ออย่างเกรี้ยวกราด และคำพูดนั่นกลับช็อตฉันให้นิ่งค้างเอาไว้ แม่ฉันอยากให้ฉันตายอย่างนั้นหรือ
"แม่คะ...." ฉันน้ำตาไหลในอก เสียใจจนพูดไม่ออก ฉันอยากรู้ว่าฉันเป็นลูกที่แย่มากแค่ไหนกันเชียว ทำไมสักครั้งนึงในชีวิตฉันไม่เคยรู้สึกว่าแม่พอใจอะไรในตัวฉันบ้างเลย
"อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่เคยมีลูกจิตใจโสมมอย่างแก"
จากที่น้ำตามันเหือดหายไปหมดแล้ว จริงๆแล้วมันก็ยังคงอยู่นี่เอง อยู่กับฉันไม่ได้หายไปไหน กำลังไหลรินอยู่ เพราะคำพูดไร้เยื่อใยนั่น
"หยุดดราม่ากันสักทีเถอะ ทนไม่ไหวแล้วโว้ย ตายเสียเถอะ ไอ้เลว!"
"ไม่นะ กรี้ดดด!" "เฮ้ย!!"
ปัง!!
"ฮารุ!"
เสียงกระสุนปืนหนึ่งนัดที่ดังขึ้นราวกับฟ้าถล่ม ตามด้วยเสียงกรีดร้องมากมายตามหลังมาติดๆ
ฮิซูกิที่นอนอยู่กับพื้นแอบลุกขึ้นอย่างให้ไม่เป็นที่สังเกต คว้าปืนจากการ์ดข้างตัวเล็งมาด้านข้างของชินอิจิ หญิงสาวที่ทั้งตกใจทั้งขาดสติรีบหมุนตัวไปหวังจะกอดเขาเอาไว้ ร่างเล็กในผ้าขนหนูมีรอยเลือดปะปนมั่วไปหมด ร่างขาวโพลนล้มลง น่องแขนอวบเนียนมีหยาดเลือดไหลเป็นทาง เจ้าตัวสลบลงโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกหลังจากนั้น ในหัวได้ยินแต่เสียงของชินอิจิที่ตะโกนบ่นเธอเอาไม่หยุด ...แค่ได้ยินเสียงเขาบ่น กลับคล้ายเสียงนิทานก่อนนอนซะอย่างนั้น ไหนๆก็ไหนๆ หลับตอนนี้เลยได้ไหมนะ ....ฉันร้าวร่างมากเลย เหมือนกระดูกกำลังจะแตก นี่เขาเรียกอาการของคนใกล้ตายหรือเปล่า.....
"ยายเด็กโง่! บ้าหรือเปล่า!! จะเบียดเข้ามาทำบ้าอะไร โถ่โว้ย!!! " ชินอิจิสบถใส่ร่างที่นอนนิ่งในอ้อมกอด
"เห้ย!! ยืนเซ่อทำไมกัน จับพวกมันให้หมด อย่าให้ตายก่อน เอามันไปรวมไว้ที่โกดังสี่ท่าเรือ เดี๋ยวฉันตามไป" ชินอิจิพูดสั่งเสียงดังฟังชัด
"ฮารุ! ฮารุจัง! ยายประสาท อย่าหลับนะ ห้ามหลับเด็ดขาด ตื่นก่อนสิวะ มองหน้าฉันนี่ อย่ามาทิ้งกันไปแบบนี้นะ บัดซบเอ๊ย!! ไอ้ระยำนั่น!" ชินอิจิแทบขาดสติเมื่อเห็นดวงตาพาปรือของหญิงสาวในอ้อมกอด แรงกระสุนทำให้ร่างเล็กกระตุกไปจนปมผ้าขนหนูที่มัดไว้ปมมันเริ่มคลาย เนื้อในที่กำลังจะเปิดเผยสู่สาธารณะชนถูกเขาเอาเสื้อสูทตัวเองมาใส่ทับเอาไว้ก่อนจะหันไปเรียกใครบางคน
"คุณหลิน เอาฮารุไปส่งโรงพยาบาลที เดี๋ยวผมโทรประสานงานเคลียร์ทางให้ ขอด่วนนะ เดี๋ยวผมไปรับช่วงต่อคุณพ่อเสร็จเดี๋ยวตามไป ห้ามเธอเป็นอะไรเด็ดขาด ย้ำกับหมอ ถ้าเมียผมไม่อยู่รอหน้าผม ผมจะเผาโรงพยาบาล" น้ำเสียงเยือกเย็นสั่งกับชายวัยกลางคนที่ยืนรับคำสั่งเขาหน้านิ่วเช่นกัน แม้คำสั่งค่อนข้างจะควบคุมได้ยาก ... กำชับไว้ขนาดนี้ คนไข้คนเดียวคงต้องตามหมอทั้งโรงพยาบาลเลยเป็นแน่ คุณหนูของเขายิ่งพูดคำไหนคำนั้นเสียด้วย
"อ้อ อย่าลืม แม่บ้านของเธอตอนเด็ก เอามาคืนเธอได้แล้ว จดหมายและของสำคัญของพ่อแม่เธอเอาคืนให้เธอได้เลย หากเธอฟื้นแล้ว ฝากคุณหลินด้วย ผมจะรีบไปช่วยดูอีกฝั่งก่อน"
ชินอิจิกำชับครั้งสุดท้ายก่อนจะรีบผลุนผลันออกไปกับการ์ดอีกนับสิบชีวิต
ในงานที่ผู้คนมากมายมีทั้งคนของตระกูลชินอิจิแฝงตัวอยู่ กระทั่งในฝูงบอดี้การ์ดของสองคู่ผัวเมียนั่นก็ยังมีคนของเขาแฝงอยู่
หากฮารุไม่เข้ามาขวางเข้าป่านนี้เหตุการณ์คงไม่เป็นไปอีกอย่าง การ์ดของเขาครึ่งหนึ่งจะผันตัวเปิดเผยตัวตนและเข้าจับพวกมันทั้งหมด
กระสุนถากไปที่น่องแขนของหญิงสาวเพราะการ์ดของเขาคนนึงยิงตัดลำก้องของปืนออกไปอย่างเฉียดฉิว กระนั้นก็ยังอดห่วงคนตัวเล็กไม่ได้ ร่างกายบอบบางแบบนั้นจะทนพิษบาดแผลไหวไหม
ถึงแม้จะห่วงแสนห่วงแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เขามีงานที่ต้องจัดการก่อน
ตอนนี้ทีมของเขากำลังกวาดเก็บคนเลวพวกนั้นและนำตัวไปยังจุดนัดหมาย เพื่อจะปิดจ็อบที่สั่งสมมาทั้งหมดเกือบยี่สิบปี
พวกมันสี่คนรวมหัวกัน ฆ่าแม่ของเขา ชินอิจิในวัยสิบสามปีแทบอยู่ไม่ได้ เมื่อวันนึงบิดาส่งคนมารับจากโรงเรียนเพื่อไปรับร่างไร้วิญญาณของมารดา เขาร้องไห้ไม่ออก ไม่เข้าใจว่าแม่เป็นอะไร ทำไมจู่ๆก็ทิ้งกันไปแบบนั้น
จนโตเริ่มรู้ความ บิดาที่เริ่มเปิดเผยความจริงเมื่อวัยของเขาสมควรรู้ในสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ