ฉาวกับ...ซุปเปอร์สตาร์
9.0
เขียนโดย DTBII
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.17 น.
5 chapter
1 วิจารณ์
7,403 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 18.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ฉาวครั้งที่2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฉาวครั้งที่ ๒
เก้าโมงเช้า ผมตื่นมานั่งรอฟังไอ้ภาคินแถลงข่าวกับพวกไอ้เชษ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมยังไม่กล้าโผล่หน้ากลับบ้าน แม่ก็ไม่ได้โทรตามผมด้วย ผมคิดว่าแม่คงรู้ว่าผมอยู่ที่คอนโดไอ้เชษ ผมไม่ได้หนีความจริง แค่มาตั้งหลักทำใจก่อนก็เท่านั้นเอง
“มาแล้วเว้ย”ไอ้ปอยพูดอย่างตื่นเต้น มันกระโดดมานั่งบนโซฟาพร้อมกับกอดหมอนอิง ตาจ้องมองโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ ไอ้บอร์ทเคี้ยวป็อปคอนเสียงดัง ทำอย่างกับกำลังดูหนังในโรง ที่โต๊ะแถลงข่าวนั้นมีชายร่างท้วมที่เป็นประธานต้นสังกัดค่ายเพลงของภาคิน นั่งหน้าเครียดอยู่คนแรก ถัดมาเป็นเจ้าของข่าวฉาว ภาคิน สีหน้าแลดูเบื่อหน่าย ข้าง ๆมันก็เป็นผู้จัดการสาวหน้าตาสะสวย
“พี่นักข่าวมีคำถามอะไรก็ว่ามาเลยครับ”น้ำเสียงนุ่มน่าฟังของภาคินดังขึ้น มันหันไปมองประธานค่ายเพลงด้วยสีหน้าสงบนิ่งแล้วหันกลับมายิ้มให้กล้อง
“ผู้ชายในคลิปนั่นใช่ภาคินรึเปล่าคะ มีรอยสักที่ข้อมือซ้ายเหมือนกันด้วย”สิ้นคำถาม ภาคินหัวเราะทั้งๆที่ไม่มีอะไรน่าขำ
“...อืม...ผมขอตอบตามจริงครับ ว่าผู้ชายในคลิปนั่น ....ไม่ใช่ผม"มีเสียงฮือฮาระลอกใหญ่จากกลุ่มนักข่าว เพราะส่วนใหญ่ก็ฟันธงว่าใช่ไอ้ภาคินแน่ๆอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ ใครมันจะไปยอมรับว่าเป็นตัวเองล่ะ ไอ้เชษตบมือเสียงดัง เพราะเดาถูกว่าภาคินจะตอบแบบนี้
“เห็นไหม ซื้อล็อตเตอรี่ไม่ยักถูก"
“เรื่องนี้ผมขอพูดสักนิดนะครับ อย่างที่ผมบอกไปนั่นล่ะ คลิปนั่น ภาพก็ไม่ชัดเจน บางทีอาจจะเป็นแค่คนหน้าเหมือน เวลาพวกคุณทำข่าวผมก็อยากให้เห็นใจกันบ้าง พวกคุณคิดดูสิคนอย่างภาคินจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง”ประธานค่ายดูผ่อนคลายขึ้นทันตา ผมเห็นภาคินยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย
“อา ผมยังพูดไม่จบครับ พี่ๆใจเย็นๆกันก่อน กรุณาเงียบด้วยครับ"ภาคินยกมือปรามเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ทั้งหลาย ผู้จัดการกับประธานค่ายหันไปมองด้วยสีหน้าเคลือบแคลง มันจะพูดอะไรอีก...
“ผมกำลังจะบอกว่า คนในคลิปนั่นไม่ใช่ผม...ซะที่ไหนกันครับ โดนหลอกกันง่ายจัง”รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม ประธานค่ายเพลงมองภาคินด้วยสีหน้าตกตะลึง ราวกับไม่คิดว่ามันจะพูดแบบนี้ออกมา มันดูมีความสุขที่ได้ฉีกหน้าประธานค่ายต่อหน้ากองทัพนักข่าว
“อะไรของมันวะ”ไอ้เจนพึมพำอยู่ใกล้ ๆ นั่นสิ มันเป็นบ้าอะไรของมัน ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
“หมายความว่าภาคินยอมรับใช่ไหมคะว่าเป็นคนในคลิปจริง”
“ใช่ครับ”ภาคินหันไปมองผู้จัดการกับประธานค่ายด้วยสายตาที่เหมือนท้าทาย แสงแฟลชสาดรัวพรึบพรับ
“รีบๆถามนะครับ ผมมีเวลาไม่มาก”
“แล้วภาคินมีความสัมพันธ์แบบไหนกับผู้ชายในคลิปคะ?”
“...เขาเป็นแฟนผมครับ”
“เฮ้ย!"ทั้งผมทั้งผองเพื่อนตะโกนลั่น รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า ผมเบิกตากว้างมองคนที่อยู่ในโทรทัศน์ ไอ้บอร์ทถึงกับพ่นป็อปคอร์นออกมาเลยทีเดียว
“เรื่องจริงเหรอวะ แมว ทำไมกูไม่รู้ มึงไปแอบคบมันตอนไหน”ไอ้ปอยอ้าปากค้างมองผม อย่าบอกนะว่ามันเชื่อ
“เดี๋ยวกูโบกให้หายซื่อแม่งเลย”ไอ้เชษถึงกับหยิบหมอนอิงมาปาใส่หน้าไอ้ปอย พวกผมกลับมาสนใจการแถลงข่าวอีกครั้งเพราะคำพูดของไอ้ภาคิน
“เนื่องจากทั้งผมและเขา เราดื่มกันนิดหน่อย ก็เลยเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น เราขาดสติกันทั้งคู่ เลยขาดความยั้งคิดไป ยังไงผมก็ขอโทษพวกพี่ๆด้วย ที่ทำตัวไม่เหมาะสม ผมอยากจะฝากถึงตัวการที่ปล่อยคลิปหรือใครก็ตามที่มีคลิปนี้ กรุณาลบและอย่าส่งต่อนะครับ ถือว่าผมขอร้อง”ไอ้ภาคินยกมือไหว้ขอโทษกับพวกนักข่าว แถมยังทำหน้าตาน่าสงสารอีก
“หมายความว่าภาคินชอบผู้ชายเหรอคะ?”แล้วอีกสารพัดคำถามที่นักข่าวยิงใส่จนฟังไม่รู้เรื่อง
“การแถลงข่าวคงต้องจบเพียงเท่านี้นะคะ ภาคินได้ตอบในส่วนที่เขาต้องตอบแล้ว ดิฉันไม่อยากให้มีการพาดพิงถึงคนอื่น”ผู้จัดการสาวเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกหลังจากที่ตั้งหลักได้ ประธานค่ายดูเหมือนจะโกรธไอ้ภาคินสุดขีดเพราะ ลุกจากเก้าอี้ไปโดยไม่ล่ำลา
“ภาคินคะ อย่าเพิ่งไปค่ะ ตอบคำถามพี่หน่อยค่ะ”
“ถ้าคบกันจริงก็พามาเปิดตัวหน่อยสิคะ”
แล้วภาพก็ถูกตัดเข้าโฆษณา ผมยังตกใจไม่หาย ทำไมมันบอกว่าผมเป็นแฟนมัน บ้าไปแล้วแน่ๆ แถมมันยังดูเหมือนสะใจที่ได้พูดแหกหน้าประธานค่ายแบบนั้นอีก
“เฮ้ย กูหูฝาดไปรึเปล่าวะ ทำไมมันพูดแบบนั้นล่ะ มันอยากดังจนต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ”ไอ้เจนยังคงอึ้งอยู่
“บ้าเหรอวะ มันก็ดังอยู่แล้ว จะทำแบบนี้ทำไม”ไอ้เชษก็ดูงงๆ
“แบบนี้มึงซวยไปด้วยแน่ๆ นักข่าวพวกนี้ไม่ใช่ธรรมดานะเว้ย แล้วไหนจะแฟนคลับมันอีกล่ะ ไอ้แมวเอ้ย มึงเตรียมตัวรับศึกหนักได้เลยว่ะ”ไอ้บอร์ทพูดเป็นลางร้าย ให้ตายเถอะว่ะ แค่นี้ผมยังมีเรื่องเครียดไม่พออีกเหรอ
[Phakin Side]
ห้องแถลงข่าวเกิดเสียงเซ็งแซ่ไม่หยุดไม่หย่อน วันนี้ผมเหนื่อยเอามาก ๆและเบื่อคำถามพวกนี้แล้ว ผมโบกมือแบบไม่ใส่ใจนักก่อนจะเดินออกจากห้องแถลงทันที ตามเฮียเปรมประธานค่ายที่เพิ่งเดินหน้าบูดออกไป หึ คงคิดว่าผมจะยอมทำตามที่ตกลงกันไว้ล่ะสิ โทษทีผมไม่ใช่หุ่นเชิด
“ภาคิน ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่คะ”และอีกสารพัดคำถาม ที่ฟังดูตลกสิ้นดี ผมแค่นยิ้มพอใจเมื่อได้เห็นสีหน้าตกใจและโกรธสุดขีดของเฮียเปรม และสีหน้าของพี่มิว ผู้จัดการส่วนตัวที่ผมเคยคบด้วย เป็นแฟนเก่า... แต่มันก็แค่อดีตโง่ๆ อย่าไปพูดถึงเลย
“คิน ทำไมถึงฉีกหน้าท่านประธานแบบนั้น ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ แล้วยังเรื่องแฟนบ้าบออะไรอีก เราตกลงกันไว้เเล้วไม่ใช่เหรอว่าจะปฏิเสธเรื่องคลิป”พี่มิวเดินปรี่เข้ามาหาผมด้วยสีหน้าโกรธจัด จนถึงตอนนี้ผมยังได้ยินเสียงนักข่าวงี่เง่าพวกนั้นอยู่เลย
“ก็แค่พูดไปตามความจริง ขี้เกียจจะโกหก ยังไงนักข่าวพวกนั้นก็ต้องหาเรื่องอื่นมาเป็นประเด็นอยู่ดี”ผมยักไหล่ไม่สะทกสะท้านอะไร
“พี่ไม่เชื่อ ทำไมต้องสร้างปัญหาตลอดด้วย ไม่ใช่แค่คินนะที่พัง แต่รวมถึงค่ายเราด้วย มีความสุขนักเหรอ”ผมหยุดเดินเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปมองด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนสิ ได้แก้แค้น ทำไมจะไม่มีความสุขล่ะ”ชื่อเสียงของเขามันแย่อยู่แล้ว ยังจะต้องห่วงอะไรอีก เขาไม่สนหรอกว่าใครจะเกลียดขี้หน้าเขาบ้าง หรือจะต้องโดนกลุ่มแอนตี้โจมตีด้วยเรื่องคลิปก็ไม่ได้ทำเขาเดือดร้อนอะไร
“เรื่องตอนนั้น มันไม่ใช่แบบที่คินคิดเลยนะ”ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น ผมก็ได้ยินประโยคนี้จนเบื่อ ผมพ่นลมหายใจออกมา เขาอายุยี่สิบสองแล้ว ไม่ได้โง่ และไม่มีวันเชื่อด้วย ผมเข้ามาในห้องแต่งตัวคว้าเสื้อคลุม หมวกกับแว่นตาออกมา
“จะไปไหน คินต้องเข้าไปคุยกับประธานก่อน”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่มิว ผมเคลียร์ได้”แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมไม่มีอารมณ์ไปเจอหน้าเฮียเปรมตอนนี้หรอก ผมใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะออกมาจากบริษัทได้ ใส่วิกผมสีน้ำตาลก่อนจะสวมหมวกทับ แล้วเดินแบบสบายๆไปที่รถสปอร์ตเก่าๆ ผมเห็นพวกนักข่าวเกาะกลุ่มกันอยู่ที่หน้าค่าย คงกะจะรอผมออกมาแน่ๆ รอกันไปเถอะนะ
ผมเอนตัวพิงเบาะรถ ก่อนพ่นลมหายใจออกมา นึกแล้วยังขำ พรุ่งนี้ ไม่สิ อาจจะวันนี้ อาจมีข่าวเต้าของผมเพิ่มขึ้นมาแน่นอน ผมจะคอยอ่านก็แล้วกัน คงสนุกน่าดู เฮียเปรมประธานค่ายXY ก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ไม่กล้าฉีกสัญญาผมด้วยซ้ำ ค่ายเพลงนี้อยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีผม เพราะประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก ถึงจะพยายามดัน นักร้อง นายแบบรุ่นใหม่ หน้าใหม่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ผมเป็นทั้งนักร้อง นายแบบ ตอนนี้กำลังขึ้นมาถึงจุดสูงสุด ผมรู้ว่าสักวันผมต้อง ‘ดับ’ ผมไม่เสียใจเลยสักนิด ผมเตรียมใจมานานแล้ว และหลายปีที่ผ่านมา ผมก็ได้อะไรมามากกับวงการนี้ ชื่อเสียง เงินทอง รางวัลอีกมากมาย ตอนนี้เป็นเวลาที่ผมต้องเอาคืนต่างหาก….ในเมื่อพวกเขาเล่นกับความรู้สึกของผม ก็ต้องสมควรเจอซะบ้าง จะว่าไป...ผมนึกไปถึงเจ้าคนที่ถูกกล่าวถึงในคลิป ผมรู้มาจากไอ้จอห์นเพื่อนซี้ ว่าไอ้เด็กปีหนึ่ง ตัวสูง ผิวขาว หน้าตาเรียบๆ ชื่อเมฆ มันก็ไม่ได้หน้าตาดีขั้นเทพอะไรมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาของผมได้คือ รอยยิ้ม ...ท่าทีที่ดูเหมือนจะกล้าๆกลัวๆ จะบอกว่าเป็นคนใสซื่อก็ไม่ใช่ เชี่ยวก็ไม่เชิง
อาจจะฟังดูบ้าบอที่คนอย่างผมถูกผู้ชายแบบนั้นดึงดูดถึงขั้นต้องไปทำอะไรแบบนั้น ก่อนที่ผมจะเข้าวงการผมก็เคยลองกับผู้ชายมาแล้ว ผมเลยไม่แปลกใจที่ตัวเองสนใจไอ้เมฆ ถ้าตอนนั้นผมไม่รีบกลับล่ะก็นะ...คงได้กินมันเเล้ว จะว่าไปก็เสียดายเหมือนกันแฮะ ผมยังจำจูบนั้นได้อยู่เลย ปากนิ่ม ๆ แถมผิวก็ขาวมากด้วย ...
“เป็นเอามากนะเรา”
ผมสะบัดศีรษะไปมาให้เลิกฟุ้งซ่านสักที พลางเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถอย่างใช้ความคิด แย่หน่อยที่ผมต้องพูดไปแบบนั้น เห็นหน้าเฮียเปรมแล้วผมก็อยากฉีกหน้า ต่อจากนี้ไอ้เมฆคงไม่ได้อยู่อย่างสงบแน่ พวกจอมขุดคุ้ยมันจะต้องตามหาตัวมันกันให้ควัก…ช่วยไม่ได้จริงๆที่ต้องดึงมันเข้ามาเกี่ยว ผมแมนพอที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง....
………………………………………………………………………..
ผมกลับมาที่บ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก คนในคลิปนั่น…เป็นแฟนผมเองครับ คำพูดของไอ้ภาคินยังคงดังก้องอยู่ในหัวอยู่เลย ทำไมมันถึงพูดแบบนั้นวะ คำถามนี้วนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในหัวไม่ต่างกัน มันกำลังเล่นอะไร…ผมขับรถเข้ามาจอดในโรงรถ สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเข้าไปในบ้าน แม่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกกำลังดูทีวีอยู่ ผมคาดว่าก่อนหน้านี้คงเป็นการแถลงข่าวของภาคินแน่ๆ บนโต๊ะมีหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวสะดุดตาไว้ แม่หันมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มตามปกติ
“หายไปอยู่กับพวกบอร์ทมาเหรอเมฆ ทานข้าวมารึยัง”ผมเม้มปากแน่น ก่อนจะนั่งลงข้างๆผู้เป็นแม่แล้วสวมกอดเบา ๆ
“ผมขอโทษ…”ผมพูดอู้อี้อยู่ที่หัวไหล่ของแม่ มือที่เคยนุ่มเอื้อมมาลูบเส้นผมของผมเบา ๆ
“แม่ไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง แต่…แม่ไม่ได้ผิดหวังในตัวเมฆเลยนะ”
“…เรื่องข่าวนั่น”ผมไม่รู้จะพูดยังไง มันจุกไปหมด
“ช่างมันเถอะลูก เรื่องมันผ่านไปแล้ว ที่ผ่านมาเมฆไม่เคยสร้างเรื่องอะไรให้แม่หนักใจเลยสักครั้ง เมฆไม่ต้องคิดมากหรอกลูก แม่ว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าเมฆจะเป็นยังไง ขอแค่เป็นเด็กดีของแม่ก็พอ เข้าใจไหม”น้ำเสียงที่ไม่เจือความโกรธทำเอาผมทำตารื้น ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง อย่างน้อยแม่ก็เข้าใจผม
“ขอบคุณครับแม่”ขอบคุณที่เข้าใจผม แม่ไม่ได้พูดอะไรถึงข่าวฉาวนั่นอีก ผมยังคงไปช่วยงานที่ร้านตามปกติ พี่ปอกับพี่แก้วกำลังเมาท์กันกระจายขณะที่กำลังปิดร้าน เคลียร์โต๊ะ
“โหยแก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ หล่อ ๆแบบภาคินมันยังหันไปกินผู้ชาย”ผมชะงักมือที่กำลังเช็ดโต๊ะ ไม่ต้องเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเพราะเจ๊แกคุยกันเสียงดังมาก ไปที่ไหนก็ได้ยินแต่ชื่อมัน
“เออ อยากรู้จริง ๆว่ะ ว่าไอ้คนในคลิปเป็นใคร แต่แก้วว่าหน้าตาออกจะคุ้นๆนะพี่ปอ”ผมเปลี่ยนไปเช็ดโต๊ะอื่นแทน หลีกเหลี่ยงจะอยู่ใกล้ ๆสองคนนั่น
“อืม แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก ตอนนี้พวกแฟนคลับกำลังสืบหากันเลย พี่ว่าอีกไม่นานหรอก เจอตัวแน่ๆ”แล้วพี่ปอกับพี่แก้วก็เดินเอาเมนูอาหาร ไปวางไว้ที่เคาเตอร์ ผมถอนหายใจอย่างปลงตก เมื่อเช้าก็มีข่าวมันออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องที่โดนยกเลิกทัวร์คอร์นเสิร์ต
“ผมไม่แคร์หรอกครับว่าจะโดนแคนเซิลไปกี่งาน ผมไม่คิดจะเป็นนักร้องไปตลอดชีวิต ผมยังมีความฝันอีกหลายอย่าง”
ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจข่าวฉาวพวกนี้เลยด้วยซ้ำ ผมยังจำรอยยิ้มสะใจของมันได้...มันอาจจะมีปัญหาทางจิตรึเปล่า ? ใช่ ผมว่ามันใกล้บ้าแล้วแน่ๆ เป็นอีกคืนที่ผมนอนไม่หลับ ...เครียดนิดหน่อย ผมเปิดอินเตอร์เน็ตเช็คกระแสในโลกออนไลน์ คนส่วนใหญ่อยากรู้ว่าผมเป็นใคร บางหัวข้อก็ตั้งข้อสงสัยว่าผมอาจจะไม่ใช่แฟนของภาคิน แต่เป็นเด็กขายที่มันซื้อมากินแล้วไม่กล้ายอมรับก็เลย โกหกออกสื่อ ชักจะไปกันใหญ่แล้ว ไอ้คนพวกนี้มันว่างมากนักรึไง
‘หนุ่มปริศนา อักษรย่อ ม.เป็นแฟนหรือแค่เด็กขายน้ำ! ภาคินพูดความจริงหรือโกหกออกสื่อ’
ผมเหลือบไปเห็นแผงนิตยสารกับหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่วางอยู่ในร้านขายของชำหน้าปากซอย ผมออกมาซื้อครีมอาบน้ำที่หมดพอดี อืม...พาดหัวข่าวเตะตาขาเมาท์มากทีเดียวพวกนักข่าวพวกนี้นี่ก็เก่งดีนะ ไปค้นชื่อผมมาจากไหน มีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่าผมจะเจอเรื่องยุ่งเข้าแน่ๆระหว่างที่กำลังเดินกลับบ้าน ครุ่นคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น รถสปอร์ตตกรุ่นก็ขับมาใกล้ ๆ จนผมสะดุ้ง ถอยหลังไปหลายก้าว ขับรถยังไงวะเนี่ย
“ไอ้...”
“ขึ้นมา...”ผมอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ไอ้ภาคิน...ที่ดูแปลกไปเพราะวิกผมสีน้ำตาลเข้ม จ้องมองอยู่ตั้งนานกว่าผมจะจำได้ นี่มันกำลังปลอมตัวเหรอ?
“ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย”ผมไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับมันอีกหรอก ผมมองไปรอบๆ เพื่อดูว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
“นักข่าวกำลังแห่มาที่นี่ ถ้าไม่อยากเจอก็ขึ้นมา เร็ว ๆ”นักข่าวเหรอ แล้วมันรู้ได้ไง ผมเม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆอีกคน กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ กลิ่นเดิมอวลอยู่ใกล้ๆ...ใจเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำอีกครั้ง... ภาคินหยิบแว่นตาสีดำมาใส่ ก่อนจะ คว้าอีกอันที่วางอยู่บนเก๊ะหน้ารถโยนมาให้ผม
“มองหน้าทำไม ใส่ซะสิ”น้ำเสียงนั้นแฝงความหงุดหงิด ผมใส่แว่นตา แล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจนัก
“มีปัญหาอะไร เมฆ”พร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้นสูง แล้วมันรู้จักชื่อผมได้ไง
“รู้จักชื่อฉันได้ไง”
“แล้วคิดว่าฉันเป็นใครล่ะ เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้”
“พวกปั้นน้ำเป็นตัวไง”อีกฝ่ายหันมามองผมทันที พร้อมกับขมวดคิ้ว
“ปั้นน้ำเป็นตัว? อ้อ…ไอ้เรื่องที่ฉันบอกว่านายเป็นแฟนน่ะเหรอ”
“ใช่ ทำไมถึงบอกกับทุกคนแบบนั้น สติยังดีอยู่รึเปล่า ความจริงนายก็แค่ปล่อยผ่านไปบอกว่าไม่รู้จักฉันก็ได้ ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องด้วย”ผมหันไปจ้องอีกฝ่ายตรงๆ แต่ผมว่ามันอาจจะมีปัญหาอะไรกับต้นสังกัดรึเปล่า
“เชื่อเถอะนะ ไม่ว่าฉันจะตอบแบบไหน ยังไงนายก็ต้องโดนดึงเข้ามาเกี่ยวอยู่ดีนั่นแหละ พวกนักข่าวพวกนั้นต่างก็อยากเล่นข่าวฉาว ๆทั้งนั้นแหละ”ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แล้วในรถก็เกิดความเงียบจนน่าอึดอัดใจ
“เรื่องในห้องน้ำนั่น... พอดีว่าฉันเมา แล้วก็ใจร้อนไปหน่อย ก็เลยทำอะไรไม่ยั้งคิด ...ใครมันจะไปรู้ว่าจะมีคนแอบถ่าย”
“ช่างมันเถอะ”ทำไงได้เป็นเรื่องไปแล้วนี่ ผมได้แต่นั่งเงียบๆ ในใจนึกสงสัยว่า ถ้าไม่มีเรื่องข่าวฉาวนี่ หลังจากตอนนั้นมันจะทำยังไงต่อ จะจบแค่คืนเดียว หรือสานต่อ...
“แล้วนี่จะไปไหน”สภาพผมตอนนี้มีแค่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีครีม กับรองเท้าแตะยี่ห้อช้างดาว
“กินข้าว”
“ฮะ?"ผมมองอีกคนอย่างงง ๆ นี่ยังไม่เข็ดอีกเหรอ เพิ่งโดนแอบถ่ายเป็นข่าวฉาวขึ้นหน้าหนึ่งทุกฉบับแท้ๆ
“หรือว่าไม่หิว?”....หิวสิวะ ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ดีนะล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบอีกฝ่ายเลยเลี้ยวรถจอดที่ร้านข้าวมันไก่ตรงหน้าพลางฮัมเพลงดังของตัวเองไปด้วย มีคำถามหลายอย่างที่คาใจผมอยู่ มันรู้ได้ยังไงว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน แล้วยังเรื่องนักข่าวอีก ถ้ามันไม่มาล่ะก็...ผมคงโดนฝูงนักข่าวรุมทึ้งไปแล้วแน่ๆ คือภาคินมันตั้งใจมาหาผมใช่ไหม?
“ข้าวมันไก่ต้มสองจานครับ”ผมได้ยินมันสั่งข้าวให้ผมเรียบร้อยแล้ว ผมเลือกโต๊ะด้านในสุด ถอดแว่นออกเหน็บที่คอเสื้อ ระหว่างที่รอข้าวมันก็เอาแต่นั่งเท้าคางมองหน้าผมอยู่อย่างนั้น จนผมอึดอัด จะมองอะไรนักหนา
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า”สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนต้องพูดขึ้นมา ภาคินเลิกคิ้วมองก่อนจะตีสีหน้าจริงจัง
“อันที่จริงก็มีนิดหน่อยนะ” มันถอดแว่นตาออก ขยับหมวก จัดวิกให้เข้าที่ก่อนจะยื่นหน้ามาพูดใกล้ ๆ
“เรื่องวันนั้นเรามาเริ่มกันใหม่ดีกว่า”
เก้าโมงเช้า ผมตื่นมานั่งรอฟังไอ้ภาคินแถลงข่าวกับพวกไอ้เชษ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมยังไม่กล้าโผล่หน้ากลับบ้าน แม่ก็ไม่ได้โทรตามผมด้วย ผมคิดว่าแม่คงรู้ว่าผมอยู่ที่คอนโดไอ้เชษ ผมไม่ได้หนีความจริง แค่มาตั้งหลักทำใจก่อนก็เท่านั้นเอง
“มาแล้วเว้ย”ไอ้ปอยพูดอย่างตื่นเต้น มันกระโดดมานั่งบนโซฟาพร้อมกับกอดหมอนอิง ตาจ้องมองโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ ไอ้บอร์ทเคี้ยวป็อปคอนเสียงดัง ทำอย่างกับกำลังดูหนังในโรง ที่โต๊ะแถลงข่าวนั้นมีชายร่างท้วมที่เป็นประธานต้นสังกัดค่ายเพลงของภาคิน นั่งหน้าเครียดอยู่คนแรก ถัดมาเป็นเจ้าของข่าวฉาว ภาคิน สีหน้าแลดูเบื่อหน่าย ข้าง ๆมันก็เป็นผู้จัดการสาวหน้าตาสะสวย
“พี่นักข่าวมีคำถามอะไรก็ว่ามาเลยครับ”น้ำเสียงนุ่มน่าฟังของภาคินดังขึ้น มันหันไปมองประธานค่ายเพลงด้วยสีหน้าสงบนิ่งแล้วหันกลับมายิ้มให้กล้อง
“ผู้ชายในคลิปนั่นใช่ภาคินรึเปล่าคะ มีรอยสักที่ข้อมือซ้ายเหมือนกันด้วย”สิ้นคำถาม ภาคินหัวเราะทั้งๆที่ไม่มีอะไรน่าขำ
“...อืม...ผมขอตอบตามจริงครับ ว่าผู้ชายในคลิปนั่น ....ไม่ใช่ผม"มีเสียงฮือฮาระลอกใหญ่จากกลุ่มนักข่าว เพราะส่วนใหญ่ก็ฟันธงว่าใช่ไอ้ภาคินแน่ๆอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ ใครมันจะไปยอมรับว่าเป็นตัวเองล่ะ ไอ้เชษตบมือเสียงดัง เพราะเดาถูกว่าภาคินจะตอบแบบนี้
“เห็นไหม ซื้อล็อตเตอรี่ไม่ยักถูก"
“เรื่องนี้ผมขอพูดสักนิดนะครับ อย่างที่ผมบอกไปนั่นล่ะ คลิปนั่น ภาพก็ไม่ชัดเจน บางทีอาจจะเป็นแค่คนหน้าเหมือน เวลาพวกคุณทำข่าวผมก็อยากให้เห็นใจกันบ้าง พวกคุณคิดดูสิคนอย่างภาคินจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง”ประธานค่ายดูผ่อนคลายขึ้นทันตา ผมเห็นภาคินยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย
“อา ผมยังพูดไม่จบครับ พี่ๆใจเย็นๆกันก่อน กรุณาเงียบด้วยครับ"ภาคินยกมือปรามเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ทั้งหลาย ผู้จัดการกับประธานค่ายหันไปมองด้วยสีหน้าเคลือบแคลง มันจะพูดอะไรอีก...
“ผมกำลังจะบอกว่า คนในคลิปนั่นไม่ใช่ผม...ซะที่ไหนกันครับ โดนหลอกกันง่ายจัง”รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม ประธานค่ายเพลงมองภาคินด้วยสีหน้าตกตะลึง ราวกับไม่คิดว่ามันจะพูดแบบนี้ออกมา มันดูมีความสุขที่ได้ฉีกหน้าประธานค่ายต่อหน้ากองทัพนักข่าว
“อะไรของมันวะ”ไอ้เจนพึมพำอยู่ใกล้ ๆ นั่นสิ มันเป็นบ้าอะไรของมัน ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
“หมายความว่าภาคินยอมรับใช่ไหมคะว่าเป็นคนในคลิปจริง”
“ใช่ครับ”ภาคินหันไปมองผู้จัดการกับประธานค่ายด้วยสายตาที่เหมือนท้าทาย แสงแฟลชสาดรัวพรึบพรับ
“รีบๆถามนะครับ ผมมีเวลาไม่มาก”
“แล้วภาคินมีความสัมพันธ์แบบไหนกับผู้ชายในคลิปคะ?”
“...เขาเป็นแฟนผมครับ”
“เฮ้ย!"ทั้งผมทั้งผองเพื่อนตะโกนลั่น รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า ผมเบิกตากว้างมองคนที่อยู่ในโทรทัศน์ ไอ้บอร์ทถึงกับพ่นป็อปคอร์นออกมาเลยทีเดียว
“เรื่องจริงเหรอวะ แมว ทำไมกูไม่รู้ มึงไปแอบคบมันตอนไหน”ไอ้ปอยอ้าปากค้างมองผม อย่าบอกนะว่ามันเชื่อ
“เดี๋ยวกูโบกให้หายซื่อแม่งเลย”ไอ้เชษถึงกับหยิบหมอนอิงมาปาใส่หน้าไอ้ปอย พวกผมกลับมาสนใจการแถลงข่าวอีกครั้งเพราะคำพูดของไอ้ภาคิน
“เนื่องจากทั้งผมและเขา เราดื่มกันนิดหน่อย ก็เลยเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น เราขาดสติกันทั้งคู่ เลยขาดความยั้งคิดไป ยังไงผมก็ขอโทษพวกพี่ๆด้วย ที่ทำตัวไม่เหมาะสม ผมอยากจะฝากถึงตัวการที่ปล่อยคลิปหรือใครก็ตามที่มีคลิปนี้ กรุณาลบและอย่าส่งต่อนะครับ ถือว่าผมขอร้อง”ไอ้ภาคินยกมือไหว้ขอโทษกับพวกนักข่าว แถมยังทำหน้าตาน่าสงสารอีก
“หมายความว่าภาคินชอบผู้ชายเหรอคะ?”แล้วอีกสารพัดคำถามที่นักข่าวยิงใส่จนฟังไม่รู้เรื่อง
“การแถลงข่าวคงต้องจบเพียงเท่านี้นะคะ ภาคินได้ตอบในส่วนที่เขาต้องตอบแล้ว ดิฉันไม่อยากให้มีการพาดพิงถึงคนอื่น”ผู้จัดการสาวเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกหลังจากที่ตั้งหลักได้ ประธานค่ายดูเหมือนจะโกรธไอ้ภาคินสุดขีดเพราะ ลุกจากเก้าอี้ไปโดยไม่ล่ำลา
“ภาคินคะ อย่าเพิ่งไปค่ะ ตอบคำถามพี่หน่อยค่ะ”
“ถ้าคบกันจริงก็พามาเปิดตัวหน่อยสิคะ”
แล้วภาพก็ถูกตัดเข้าโฆษณา ผมยังตกใจไม่หาย ทำไมมันบอกว่าผมเป็นแฟนมัน บ้าไปแล้วแน่ๆ แถมมันยังดูเหมือนสะใจที่ได้พูดแหกหน้าประธานค่ายแบบนั้นอีก
“เฮ้ย กูหูฝาดไปรึเปล่าวะ ทำไมมันพูดแบบนั้นล่ะ มันอยากดังจนต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ”ไอ้เจนยังคงอึ้งอยู่
“บ้าเหรอวะ มันก็ดังอยู่แล้ว จะทำแบบนี้ทำไม”ไอ้เชษก็ดูงงๆ
“แบบนี้มึงซวยไปด้วยแน่ๆ นักข่าวพวกนี้ไม่ใช่ธรรมดานะเว้ย แล้วไหนจะแฟนคลับมันอีกล่ะ ไอ้แมวเอ้ย มึงเตรียมตัวรับศึกหนักได้เลยว่ะ”ไอ้บอร์ทพูดเป็นลางร้าย ให้ตายเถอะว่ะ แค่นี้ผมยังมีเรื่องเครียดไม่พออีกเหรอ
[Phakin Side]
ห้องแถลงข่าวเกิดเสียงเซ็งแซ่ไม่หยุดไม่หย่อน วันนี้ผมเหนื่อยเอามาก ๆและเบื่อคำถามพวกนี้แล้ว ผมโบกมือแบบไม่ใส่ใจนักก่อนจะเดินออกจากห้องแถลงทันที ตามเฮียเปรมประธานค่ายที่เพิ่งเดินหน้าบูดออกไป หึ คงคิดว่าผมจะยอมทำตามที่ตกลงกันไว้ล่ะสิ โทษทีผมไม่ใช่หุ่นเชิด
“ภาคิน ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่คะ”และอีกสารพัดคำถาม ที่ฟังดูตลกสิ้นดี ผมแค่นยิ้มพอใจเมื่อได้เห็นสีหน้าตกใจและโกรธสุดขีดของเฮียเปรม และสีหน้าของพี่มิว ผู้จัดการส่วนตัวที่ผมเคยคบด้วย เป็นแฟนเก่า... แต่มันก็แค่อดีตโง่ๆ อย่าไปพูดถึงเลย
“คิน ทำไมถึงฉีกหน้าท่านประธานแบบนั้น ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ แล้วยังเรื่องแฟนบ้าบออะไรอีก เราตกลงกันไว้เเล้วไม่ใช่เหรอว่าจะปฏิเสธเรื่องคลิป”พี่มิวเดินปรี่เข้ามาหาผมด้วยสีหน้าโกรธจัด จนถึงตอนนี้ผมยังได้ยินเสียงนักข่าวงี่เง่าพวกนั้นอยู่เลย
“ก็แค่พูดไปตามความจริง ขี้เกียจจะโกหก ยังไงนักข่าวพวกนั้นก็ต้องหาเรื่องอื่นมาเป็นประเด็นอยู่ดี”ผมยักไหล่ไม่สะทกสะท้านอะไร
“พี่ไม่เชื่อ ทำไมต้องสร้างปัญหาตลอดด้วย ไม่ใช่แค่คินนะที่พัง แต่รวมถึงค่ายเราด้วย มีความสุขนักเหรอ”ผมหยุดเดินเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปมองด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนสิ ได้แก้แค้น ทำไมจะไม่มีความสุขล่ะ”ชื่อเสียงของเขามันแย่อยู่แล้ว ยังจะต้องห่วงอะไรอีก เขาไม่สนหรอกว่าใครจะเกลียดขี้หน้าเขาบ้าง หรือจะต้องโดนกลุ่มแอนตี้โจมตีด้วยเรื่องคลิปก็ไม่ได้ทำเขาเดือดร้อนอะไร
“เรื่องตอนนั้น มันไม่ใช่แบบที่คินคิดเลยนะ”ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น ผมก็ได้ยินประโยคนี้จนเบื่อ ผมพ่นลมหายใจออกมา เขาอายุยี่สิบสองแล้ว ไม่ได้โง่ และไม่มีวันเชื่อด้วย ผมเข้ามาในห้องแต่งตัวคว้าเสื้อคลุม หมวกกับแว่นตาออกมา
“จะไปไหน คินต้องเข้าไปคุยกับประธานก่อน”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่มิว ผมเคลียร์ได้”แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมไม่มีอารมณ์ไปเจอหน้าเฮียเปรมตอนนี้หรอก ผมใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะออกมาจากบริษัทได้ ใส่วิกผมสีน้ำตาลก่อนจะสวมหมวกทับ แล้วเดินแบบสบายๆไปที่รถสปอร์ตเก่าๆ ผมเห็นพวกนักข่าวเกาะกลุ่มกันอยู่ที่หน้าค่าย คงกะจะรอผมออกมาแน่ๆ รอกันไปเถอะนะ
ผมเอนตัวพิงเบาะรถ ก่อนพ่นลมหายใจออกมา นึกแล้วยังขำ พรุ่งนี้ ไม่สิ อาจจะวันนี้ อาจมีข่าวเต้าของผมเพิ่มขึ้นมาแน่นอน ผมจะคอยอ่านก็แล้วกัน คงสนุกน่าดู เฮียเปรมประธานค่ายXY ก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ไม่กล้าฉีกสัญญาผมด้วยซ้ำ ค่ายเพลงนี้อยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีผม เพราะประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก ถึงจะพยายามดัน นักร้อง นายแบบรุ่นใหม่ หน้าใหม่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ผมเป็นทั้งนักร้อง นายแบบ ตอนนี้กำลังขึ้นมาถึงจุดสูงสุด ผมรู้ว่าสักวันผมต้อง ‘ดับ’ ผมไม่เสียใจเลยสักนิด ผมเตรียมใจมานานแล้ว และหลายปีที่ผ่านมา ผมก็ได้อะไรมามากกับวงการนี้ ชื่อเสียง เงินทอง รางวัลอีกมากมาย ตอนนี้เป็นเวลาที่ผมต้องเอาคืนต่างหาก….ในเมื่อพวกเขาเล่นกับความรู้สึกของผม ก็ต้องสมควรเจอซะบ้าง จะว่าไป...ผมนึกไปถึงเจ้าคนที่ถูกกล่าวถึงในคลิป ผมรู้มาจากไอ้จอห์นเพื่อนซี้ ว่าไอ้เด็กปีหนึ่ง ตัวสูง ผิวขาว หน้าตาเรียบๆ ชื่อเมฆ มันก็ไม่ได้หน้าตาดีขั้นเทพอะไรมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาของผมได้คือ รอยยิ้ม ...ท่าทีที่ดูเหมือนจะกล้าๆกลัวๆ จะบอกว่าเป็นคนใสซื่อก็ไม่ใช่ เชี่ยวก็ไม่เชิง
อาจจะฟังดูบ้าบอที่คนอย่างผมถูกผู้ชายแบบนั้นดึงดูดถึงขั้นต้องไปทำอะไรแบบนั้น ก่อนที่ผมจะเข้าวงการผมก็เคยลองกับผู้ชายมาแล้ว ผมเลยไม่แปลกใจที่ตัวเองสนใจไอ้เมฆ ถ้าตอนนั้นผมไม่รีบกลับล่ะก็นะ...คงได้กินมันเเล้ว จะว่าไปก็เสียดายเหมือนกันแฮะ ผมยังจำจูบนั้นได้อยู่เลย ปากนิ่ม ๆ แถมผิวก็ขาวมากด้วย ...
“เป็นเอามากนะเรา”
ผมสะบัดศีรษะไปมาให้เลิกฟุ้งซ่านสักที พลางเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถอย่างใช้ความคิด แย่หน่อยที่ผมต้องพูดไปแบบนั้น เห็นหน้าเฮียเปรมแล้วผมก็อยากฉีกหน้า ต่อจากนี้ไอ้เมฆคงไม่ได้อยู่อย่างสงบแน่ พวกจอมขุดคุ้ยมันจะต้องตามหาตัวมันกันให้ควัก…ช่วยไม่ได้จริงๆที่ต้องดึงมันเข้ามาเกี่ยว ผมแมนพอที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง....
………………………………………………………………………..
ผมกลับมาที่บ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก คนในคลิปนั่น…เป็นแฟนผมเองครับ คำพูดของไอ้ภาคินยังคงดังก้องอยู่ในหัวอยู่เลย ทำไมมันถึงพูดแบบนั้นวะ คำถามนี้วนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในหัวไม่ต่างกัน มันกำลังเล่นอะไร…ผมขับรถเข้ามาจอดในโรงรถ สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเข้าไปในบ้าน แม่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกกำลังดูทีวีอยู่ ผมคาดว่าก่อนหน้านี้คงเป็นการแถลงข่าวของภาคินแน่ๆ บนโต๊ะมีหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวสะดุดตาไว้ แม่หันมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มตามปกติ
“หายไปอยู่กับพวกบอร์ทมาเหรอเมฆ ทานข้าวมารึยัง”ผมเม้มปากแน่น ก่อนจะนั่งลงข้างๆผู้เป็นแม่แล้วสวมกอดเบา ๆ
“ผมขอโทษ…”ผมพูดอู้อี้อยู่ที่หัวไหล่ของแม่ มือที่เคยนุ่มเอื้อมมาลูบเส้นผมของผมเบา ๆ
“แม่ไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง แต่…แม่ไม่ได้ผิดหวังในตัวเมฆเลยนะ”
“…เรื่องข่าวนั่น”ผมไม่รู้จะพูดยังไง มันจุกไปหมด
“ช่างมันเถอะลูก เรื่องมันผ่านไปแล้ว ที่ผ่านมาเมฆไม่เคยสร้างเรื่องอะไรให้แม่หนักใจเลยสักครั้ง เมฆไม่ต้องคิดมากหรอกลูก แม่ว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าเมฆจะเป็นยังไง ขอแค่เป็นเด็กดีของแม่ก็พอ เข้าใจไหม”น้ำเสียงที่ไม่เจือความโกรธทำเอาผมทำตารื้น ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง อย่างน้อยแม่ก็เข้าใจผม
“ขอบคุณครับแม่”ขอบคุณที่เข้าใจผม แม่ไม่ได้พูดอะไรถึงข่าวฉาวนั่นอีก ผมยังคงไปช่วยงานที่ร้านตามปกติ พี่ปอกับพี่แก้วกำลังเมาท์กันกระจายขณะที่กำลังปิดร้าน เคลียร์โต๊ะ
“โหยแก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ หล่อ ๆแบบภาคินมันยังหันไปกินผู้ชาย”ผมชะงักมือที่กำลังเช็ดโต๊ะ ไม่ต้องเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเพราะเจ๊แกคุยกันเสียงดังมาก ไปที่ไหนก็ได้ยินแต่ชื่อมัน
“เออ อยากรู้จริง ๆว่ะ ว่าไอ้คนในคลิปเป็นใคร แต่แก้วว่าหน้าตาออกจะคุ้นๆนะพี่ปอ”ผมเปลี่ยนไปเช็ดโต๊ะอื่นแทน หลีกเหลี่ยงจะอยู่ใกล้ ๆสองคนนั่น
“อืม แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก ตอนนี้พวกแฟนคลับกำลังสืบหากันเลย พี่ว่าอีกไม่นานหรอก เจอตัวแน่ๆ”แล้วพี่ปอกับพี่แก้วก็เดินเอาเมนูอาหาร ไปวางไว้ที่เคาเตอร์ ผมถอนหายใจอย่างปลงตก เมื่อเช้าก็มีข่าวมันออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องที่โดนยกเลิกทัวร์คอร์นเสิร์ต
“ผมไม่แคร์หรอกครับว่าจะโดนแคนเซิลไปกี่งาน ผมไม่คิดจะเป็นนักร้องไปตลอดชีวิต ผมยังมีความฝันอีกหลายอย่าง”
ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจข่าวฉาวพวกนี้เลยด้วยซ้ำ ผมยังจำรอยยิ้มสะใจของมันได้...มันอาจจะมีปัญหาทางจิตรึเปล่า ? ใช่ ผมว่ามันใกล้บ้าแล้วแน่ๆ เป็นอีกคืนที่ผมนอนไม่หลับ ...เครียดนิดหน่อย ผมเปิดอินเตอร์เน็ตเช็คกระแสในโลกออนไลน์ คนส่วนใหญ่อยากรู้ว่าผมเป็นใคร บางหัวข้อก็ตั้งข้อสงสัยว่าผมอาจจะไม่ใช่แฟนของภาคิน แต่เป็นเด็กขายที่มันซื้อมากินแล้วไม่กล้ายอมรับก็เลย โกหกออกสื่อ ชักจะไปกันใหญ่แล้ว ไอ้คนพวกนี้มันว่างมากนักรึไง
‘หนุ่มปริศนา อักษรย่อ ม.เป็นแฟนหรือแค่เด็กขายน้ำ! ภาคินพูดความจริงหรือโกหกออกสื่อ’
ผมเหลือบไปเห็นแผงนิตยสารกับหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่วางอยู่ในร้านขายของชำหน้าปากซอย ผมออกมาซื้อครีมอาบน้ำที่หมดพอดี อืม...พาดหัวข่าวเตะตาขาเมาท์มากทีเดียวพวกนักข่าวพวกนี้นี่ก็เก่งดีนะ ไปค้นชื่อผมมาจากไหน มีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่าผมจะเจอเรื่องยุ่งเข้าแน่ๆระหว่างที่กำลังเดินกลับบ้าน ครุ่นคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น รถสปอร์ตตกรุ่นก็ขับมาใกล้ ๆ จนผมสะดุ้ง ถอยหลังไปหลายก้าว ขับรถยังไงวะเนี่ย
“ไอ้...”
“ขึ้นมา...”ผมอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ไอ้ภาคิน...ที่ดูแปลกไปเพราะวิกผมสีน้ำตาลเข้ม จ้องมองอยู่ตั้งนานกว่าผมจะจำได้ นี่มันกำลังปลอมตัวเหรอ?
“ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย”ผมไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับมันอีกหรอก ผมมองไปรอบๆ เพื่อดูว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
“นักข่าวกำลังแห่มาที่นี่ ถ้าไม่อยากเจอก็ขึ้นมา เร็ว ๆ”นักข่าวเหรอ แล้วมันรู้ได้ไง ผมเม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆอีกคน กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ กลิ่นเดิมอวลอยู่ใกล้ๆ...ใจเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำอีกครั้ง... ภาคินหยิบแว่นตาสีดำมาใส่ ก่อนจะ คว้าอีกอันที่วางอยู่บนเก๊ะหน้ารถโยนมาให้ผม
“มองหน้าทำไม ใส่ซะสิ”น้ำเสียงนั้นแฝงความหงุดหงิด ผมใส่แว่นตา แล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจนัก
“มีปัญหาอะไร เมฆ”พร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้นสูง แล้วมันรู้จักชื่อผมได้ไง
“รู้จักชื่อฉันได้ไง”
“แล้วคิดว่าฉันเป็นใครล่ะ เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้”
“พวกปั้นน้ำเป็นตัวไง”อีกฝ่ายหันมามองผมทันที พร้อมกับขมวดคิ้ว
“ปั้นน้ำเป็นตัว? อ้อ…ไอ้เรื่องที่ฉันบอกว่านายเป็นแฟนน่ะเหรอ”
“ใช่ ทำไมถึงบอกกับทุกคนแบบนั้น สติยังดีอยู่รึเปล่า ความจริงนายก็แค่ปล่อยผ่านไปบอกว่าไม่รู้จักฉันก็ได้ ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องด้วย”ผมหันไปจ้องอีกฝ่ายตรงๆ แต่ผมว่ามันอาจจะมีปัญหาอะไรกับต้นสังกัดรึเปล่า
“เชื่อเถอะนะ ไม่ว่าฉันจะตอบแบบไหน ยังไงนายก็ต้องโดนดึงเข้ามาเกี่ยวอยู่ดีนั่นแหละ พวกนักข่าวพวกนั้นต่างก็อยากเล่นข่าวฉาว ๆทั้งนั้นแหละ”ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แล้วในรถก็เกิดความเงียบจนน่าอึดอัดใจ
“เรื่องในห้องน้ำนั่น... พอดีว่าฉันเมา แล้วก็ใจร้อนไปหน่อย ก็เลยทำอะไรไม่ยั้งคิด ...ใครมันจะไปรู้ว่าจะมีคนแอบถ่าย”
“ช่างมันเถอะ”ทำไงได้เป็นเรื่องไปแล้วนี่ ผมได้แต่นั่งเงียบๆ ในใจนึกสงสัยว่า ถ้าไม่มีเรื่องข่าวฉาวนี่ หลังจากตอนนั้นมันจะทำยังไงต่อ จะจบแค่คืนเดียว หรือสานต่อ...
“แล้วนี่จะไปไหน”สภาพผมตอนนี้มีแค่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีครีม กับรองเท้าแตะยี่ห้อช้างดาว
“กินข้าว”
“ฮะ?"ผมมองอีกคนอย่างงง ๆ นี่ยังไม่เข็ดอีกเหรอ เพิ่งโดนแอบถ่ายเป็นข่าวฉาวขึ้นหน้าหนึ่งทุกฉบับแท้ๆ
“หรือว่าไม่หิว?”....หิวสิวะ ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ดีนะล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบอีกฝ่ายเลยเลี้ยวรถจอดที่ร้านข้าวมันไก่ตรงหน้าพลางฮัมเพลงดังของตัวเองไปด้วย มีคำถามหลายอย่างที่คาใจผมอยู่ มันรู้ได้ยังไงว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน แล้วยังเรื่องนักข่าวอีก ถ้ามันไม่มาล่ะก็...ผมคงโดนฝูงนักข่าวรุมทึ้งไปแล้วแน่ๆ คือภาคินมันตั้งใจมาหาผมใช่ไหม?
“ข้าวมันไก่ต้มสองจานครับ”ผมได้ยินมันสั่งข้าวให้ผมเรียบร้อยแล้ว ผมเลือกโต๊ะด้านในสุด ถอดแว่นออกเหน็บที่คอเสื้อ ระหว่างที่รอข้าวมันก็เอาแต่นั่งเท้าคางมองหน้าผมอยู่อย่างนั้น จนผมอึดอัด จะมองอะไรนักหนา
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า”สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนต้องพูดขึ้นมา ภาคินเลิกคิ้วมองก่อนจะตีสีหน้าจริงจัง
“อันที่จริงก็มีนิดหน่อยนะ” มันถอดแว่นตาออก ขยับหมวก จัดวิกให้เข้าที่ก่อนจะยื่นหน้ามาพูดใกล้ ๆ
“เรื่องวันนั้นเรามาเริ่มกันใหม่ดีกว่า”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ