ฉาวกับ...ซุปเปอร์สตาร์

9.0

เขียนโดย DTBII

วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.17 น.

  5 chapter
  1 วิจารณ์
  7,271 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 18.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ฉาวครั้งที่3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ฉาวครั้งที่ ๓

"เรื่องวันนั้นเรามาเริ่มกันใหม่ดีกว่า"

ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจทันที เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้นมา นักร้องดังหน้าตาดีอย่างภาคินน่ะเหรอจะมาสนใจคนอย่างผม ตัวเลือกคงมีเยอะแยะ หรือว่าอยากจะต่อเรื่องเมื่อวันนั้น ภาคินยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าของผม

“ความจริงแล้วเนี่ย ตอนแรกที่ฉันเห็นนาย…ฉันก็คิดว่านายก็ดูน่าสนใจดี ก็เลยอยากจะเริ่มทำความรู้จักกับนายไง นายเองก็ดูจะสนใจฉันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ...”ผมนิ่งฟังอีกฝ่ายพูด ท่าทีหลงตัวเองทำให้ผมหมั่นไส้นิดหน่อย แต่ก็จริงนั่นแหละ ผมเองก็สนใจภาคินเหมือนกัน ...ไม่งั้นเรื่องวันนั้นคงไม่เกิด

“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่...ฉันไม่อยากจะเจอเรื่องวุ่นวาย”

“ฉันก็เข้าใจนายนะ แต่ตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะ นายหนีไม่พ้นหรอก พวกนักข่าวคงดักซุ่มอยู่แถวหน้าบ้านนายแหง ๆ...อ้อ แล้วก็โทษที เป็นเพราะที่ฉันพูดเมื่อวันแถลงข่าวนั่นแหละ ไม่ต้องด่าฉันหรอก ฉันรู้ตัว”ผมเม้มปากแน่น เมื่ออีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาเมื่อผมกำลังจะอ้าปากต่อว่า

“รู้ตัวก็ดี”ผมลูบกระเป๋ากางเกงที่ว่างเปล่า กระเป๋าเงินก็ไม่ได้หยิบมา มีแค่เงินทอนห้าบาทที่เหลือจากครีมอาบน้ำนั่น แถมไม่ได้หยิบโทรศัพท์ติดตัวมาอีก ก็ถือว่าเป็นโชคดีที่วันนี้ผมมีเรียนตอนบ่าย

“เอาเถอะ นายไม่ต้องเครียดหรอก เรื่องนักข่าวพวกนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง”ก็แน่สิ เป็นตัวต้นเหตุนี่

“แล้วที่ฉันพูด นายว่าไง…? นายอยากเริ่มใหม่กับฉันไหม”อีกฝ่ายวกกลับมาเรื่องเดิม

“นายทำแบบนี้กับทุกคนที่สนใจเลยรึไง”มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่จู่ๆมาบอกว่าสนใจผมแล้วอยากสานต่อ

“เปล่า นายเป็นข้อยกเว้น ปกติแล้วฉันไม่เข้าหาใครก่อน”

“…ไว้คิดดูอีกที”ผมไม่ได้เล่นตัว แค่กำลังคิดว่ามันคุ้มรึเปล่าถ้าต้องไปพัวพันกับคนดังอย่างภาคิน ถึงจะเป็นแค่ความสัมพันธ์ประเดี๋ยวประด๋าวก็เถอะ ข้าวมันไก่สองจานวางลงตรงหน้า พร้อมกับน้ำซุปร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมทำให้ท้องร้องประท้วงเบาๆ

“อย่าคิดนานนะ”ภาคินพึมพำ ผมจัดการข้าวมันไก่ตรงหน้าเงียบ ๆ ไอ้คนดังก็เอาแต่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ สงสัยจะกลัวใครจำได้ล่ะมั้ง

“แล้วนายมาแถวบ้านฉันทำไม คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ?”

“ก็...มีคนบางคนอยากเจอนาย...ประธานค่ายฉันน่ะ"ภาคินทำหน้าเบื่อหน่าย

“เขาจะอยากเจอฉันทำไม เรื่องข่าวนั่นน่ะเหรอ”ผมตกใจเล็กน้อย มันจะเป็นปัญหาอะไรรึเปล่า

“อืม...คงอยากจะเจอ‘แฟน’ฉันล่ะมั้ง”ภาคินกระตุกยิ้ม นัยน์ตาพราวระยับ ผมวางช้อนลง

“สนุกมากเหรอ”ผมยังจำรอยยิ้มท้าทาย กับสีหน้าที่แสดงออกว่าสะใจของภาคินได้ดี ผมเดาว่า หมอนี่อาจจะมีเรื่องบาดหมางอะไรกับประธานค่ายตัวเองแน่ๆ อีกฝ่ายลดรอยยิ้มลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงกระด้างของผม

“ฉันไม่รู้ว่านายมีปัญหาอะไร แต่ไปคุยกันดีๆเถอะ”ภาคินเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ บรรยากาศชวนอึดอัด จนผมไม่อยากจะกินข้าวมันไก่นี่แล้ว

“ช่วยไปส่งฉันที่คอนโด Aด้วย”ในเมื่อพาผมมาก็ต้องรับผิดชอบ บังเอิญแถวนี้อยู่ใกล้กับคอนโดไอ้เจนพอดี

“โอเค”มันยักไหล่ จากนั้นมันก็ไม่ได้พูดอะไรอีก กินข้าวเสร็จ ระหว่างที่มันจ่ายเงินผมก็ออกมารอที่รถเก่าๆนั่น ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมันมากนักหรอก แต่แค่ไม่พอใจนิดหน่อย ผมพอจะเดาได้แล้วว่าที่มันบอกนักข่าวว่าผมเป็นแฟนมัน ก็เพราะจะใช้ผมงัดข้อกับประธานของมัน อยากรู้ขึ้นมาแล้วเหมือนกันว่ามีปัญหากันเรื่องอะไร ภาคินถึงขนาดยอมเสี่ยงเสียชื่อ ผมมองร่างสูงที่ดูแปลกตาไปเพราะวิกผม แต่ยิ่งปกปิด ผมว่ามันยิ่งเด่น ทำให้คนมองมากกว่าเดิมเพราะวิกบ้าๆของมันนี่แหละ

“เมื่อกี้ นายอาจจะไม่สบายใจ แต่ที่ฉันสนใจนายเนี่ย พูดจริงนะ….”แต่จู่ ๆ ไอ้ภาคินมันก็จับหมับเข้าที่ต้นแขนของผมจนรู้สึกเจ็บ ไม่ทันได้อ้าปากท้วง ร่างสูงตรงหน้าก็เปิดประตูรถและดันให้ผมเข้าไปในรถ

“อ...อะไร?”เข้ามานั่งอย่างงงๆ

“นักข่าว”ภาคินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งและรีบขับรถออกไป ผมได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบกริบตลอดทาง นี่ขนาดผมไม่ได้ตกลงอะไรกับมันนะ…คนขับเหลือบมองกระจกรถเป็นระยะ ๆ

“ตามมาไหม?”เลิกคิ้วถาม อีกฝ่ายส่ายหน้า ผมถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเมื่อกี้จะแชะรูปไปได้รึเปล่า ถ้าได้ล่ะก็…เตรียมเป็นข่าวได้เลย เฮ้อ แย่จริงๆ

“นี่ ถามจริง ทำแบบนี้ไม่กลัวจะดับเหรอ เคยได้ยินไหม ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ ตกลงมาจะเจ็บเท่านั้น”ภาคินหันมามองหน้าผมด้วยรอยยิ้มที่ไม่สะทกสะท้านอะไรเหมือนเคย

“ไม่เลย เพราะฉัน ทำเบาะรองไว้แล้ว อีกอย่างฉันก็เริ่มเบื่อวงการมายานี่แล้วเหมือนกัน”ผมมองเสี้ยวหน้าของอีกคน ไม่ว่ามันจะคิดอะไรอยู่ แต่ผมว่ามันคงไตร่ตรองมาดีแล้วแน่ๆ ...อยากรู้จริงๆ ว่ามีปัญหาอะไรกัน แต่ก็นะ ไม่ใช่เรื่องของผมนี่ ในรถเปิดเพลงคลอเบาๆ เพลงของไอ้คนที่ขับรถอยู่นี่แหละ ฟังๆ ไปก็เพราะดีนะ...

“ขอโทษอีกทีล่ะกัน ที่ทำให้ต้องเดือดร้อน แต่บอกไว้ก่อน จากนี้นายต้องเจออีกเยอะ ถึงจะไม่อยากได้ แต่เก็บไว้ ถ้านายเดือดร้อนก็โทรมา”กระดาษใบเล็กๆ ถูกยัดใส่มือผม เบอร์โทรของภาคิน ผมยัดใส่กระเป๋ากางเกง คิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรให้โทรหามันแน่ๆ

………………………………………………………………………..

“เฮ้ย ทำไมสภาพห้องมึงเป็นแบบนี้วะ”ผมมองไปรอบๆห้องอย่างมึนงง มองดูแล้วเมื่อคืน ไอ้เจนมันต้องจัดงานอะไรสักอย่างแน่ๆ ผมใช้เท้าเขี่ยขวดเบียร์ให้พ้นทาง ไอ้เพื่อนตัวดีนั่งซีดเซียวอยู่บนโซฟาด้วยผมยุ่งๆ สภาพไม่ต่างจากห้องของมันเลย ผมย่นจมูกเพราะในห้องอวลไปด้วยกลิ่นเหล้า ทำเอาผมปวดหัว

“สงสัยเมื่อคืนมันส์ไปหน่อยว่ะ แล้วนี่มาหากูแต่เช้ามีอะไรวะ แมว”มันอ้าปากหาวหวอด ๆ จะสี่โมงแล้วนี่ยังเรียกว่าเช้าอยู่อีกเหรอ ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา

“ก็...พวกนักข่าวน่ะสิ”ผมก็เล่ารายละเอียดให้มันฟัง ไอ้เจนถึงกับตาสว่างเมื่อผมเดาว่าไอ้ภาคินมันกำลังใช้เรื่องผมงัดข้อกับประธานของมันอยู่

“มันทำแบบนี้ได้ไงวะ ทำให้เพื่อนแมวกูอยู่ไม่เป็นสุข เดี๋ยวกูจัดการเอง”

“อย่างมึงจะทำอะไรได้วะ”

“มึงลืมไปแล้วรึไง กูน้องใคร เดี๋ยวกูจะบอกไอ้เฮียให้จัดการเพื่อนมันซะ”ไอ้เจนตบมือเสียงดัง แล้วกลับไปเอนพิงพนักโซฟาต่อแบบมึนๆ ผมกวาดตามองห้องมันรอบๆ เห็นแล้วอยู่เฉยไม่ได้ ผมใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีในการเก็บเศษที่มันทิ้งไว้

“เฮ้ย มึงไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวกูให้แม่บ้านมาทำ”ไอ้เจนที่นั่งมองอยู่ที่โซฟาพูดขึ้นมา พร้อมกับโบกมือไปด้วย

“ไม่เป็นไรว่ะ อีกอย่างกูเหม็น อยู่ไปได้ไง”ผมเดินไปเปิดม่านเปิดกระจกให้กลิ่นระบายออกไปบ้าง ไอ้เจนย่นหน้าเมื่อแสงแดดส่องเข้ามา

“กินหรือว่าอาบวะ”ผมยื่นจมูกไปใกล้ ๆตัวมัน กลิ่นเหล้าหึ่งเลย

“อย่ามากวนกูน่า...กูแค่เครียดนิดหน่อย”มันขยี้ผมตัวเองแรงๆ สีหน้าดูไม่สบายใจเท่าไหร่

“เรื่องเรียนเหรอวะ...”ผมนั่งลงข้างๆมัน ไอ้เจนส่ายหน้าไปมา อย่างมันคงไม่เครียดเรื่องเรียนหรอก แล้วมันจะเครียดเรื่องอะไร

“...กูไม่รู้จะทำไงแล้วว่ะ”มันกระแทกหัวลงกับขอบโซฟา ผมนั่งรอฟังมันพูด มันรวบรวมกำลังใจอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเปิดปาก

“กูชอบคนๆนึงอยู่ว่ะ...กูกับเขาเนี่ยสนิทกันมาก แบบเรียกได้ว่ารู้ใจกันอ่ะ กูอยากจะบอกนะเว้ย ว่ากูคิดยังไง พอกูเริ่มแสดงท่าทีที่เกินกว่านั้น เขาก็เริ่มตีตัวออกห่างจากกู ...ไอ้แมว มึงรู้ไหมว่ากูอึดอัดแค่ไหน ที่พูดอะไรไม่ได้...”แล้วมันก็ถอนหายใจ ผมพยายามคิดตามว่ามันชอบใคร ผู้หญิงที่มันสนิทมากๆน่ะเหรอ ใครวะ? พักหลังผมไม่ได้แวะเวียนไปหาไอ้เจนที่คณะ ก็เลยไม่รู้ว่ามันสนิทกับเพื่อนผู้หญิงคนไหน แล้วอีกอย่างเวลานัดมาเที่ยวกัน มันก็ไม่ค่อยพูดถึงเพื่อนผู้หญิงสักเท่าไหร่

“เพื่อนในคณะเหรอวะ? แล้วกูเคยเจอไหม”

“เคย...”เคยงั้นเหรอ ที่ผมเคยเจอก็พวกสาวๆในสังกัดมัน ...แต่พ่อเสืออย่างไอ้เจนเนี่ยนะ จะคิดจริงจังกับสาวในสังกัด

“ไอ้แมว กูถามอะไรหน่อยได้ไหมวะ”ไอ้เจนเอนตัวมาพิงผม

“ว่า...”

“ถ้าไม่เกิดเรื่องไอ้คลิปนั่น มึงจะบอกพวกกูไหมว่ามึงชอบผู้ชาย”...ผมนิ่งไปพักนึง ผมเคยคิดจะบอกพวกมันอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยกล้าสักที

“คงไม่ว่ะ กูมันโคตรขี้ขลาด มึงไม่รู้เหรอ”ผมหัวเราะเบาๆ

“เหอะ แต่กูเข้าใจมึงนะ ว่ามึงรู้สึกยังไง ก็ยังชมเฮียจอห์นเลยที่กล้าเข้าไปบอกพ่อแม่กูว่าชอบผู้ชาย มึงว่ามันบ้าไหม”ผมมุ่นคิ้ว มันบอกว่ามันเข้าใจผมงั้นเหรอ...? มันจะเข้าใจผมได้ไง

“มึงจะเข้าใจได้ไงในเมื่อมึง...”ผมมองหน้าไอ้เจนแต่ก็ต้องเงียบเมื่อเห็นสีหน้าของมัน ผมเม้มปากแน่น...อย่าบอกนะว่ามัน....เป็นเหมือนพี่มัน...บ้าไปแล้ว ผมก็ไม่เห็นมันจะสนผู้ชายคนไหน ...ยกเว้นแค่คนๆเดียว ที่เคยตัวติดกันอย่างกับแฝด ไอ้ปอย

“กูคิดว่ากูชอบผู้ชายว่ะ แมว กูจะทำยังไงดีวะ”มันทึ้งผมตัวเอง ผมอึ้งไปสักพัก เพื่อนที่มันพูดถึง ....ไอ้ปอยสินะ นี่มันแย่กว่าที่ผมคิดซะอีก

“มึงแน่ใจเหรอวะ มึงกับมันสนิทกันมากก็จริง มึงอาจจะแค่คิดมากไปเอง”

“กูไม่ใช่เด็กนะเว้ย ที่จะแยกไม่ออกว่าอะไรคืออะไร”

“ไอ้เจน...”

“แต่กูก็ยังชอบผู้หญิงอยู่นะเว้ย แต่กับมัน...กูว่ากูรู้สึกไม่เหมือนเดิม มันก็เลยพยายามออกห่างจากกูไง”ผมนึกไปถึงเมื่อวันที่นัดเจอกันพวกมันสองคนก็ทำท่าทางแปลกๆ แต่เมื่อก่อนมันสองคนก็สนิทกันมากจริงๆ ...แถมตอนนี้ไอ้ปอยก็บอกว่าจะคบจริงจังกับสาวชื่อแบร์

“แล้วเฮียจอห์นรู้เรื่องมึงรึยัง”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ กูยังไม่ได้บอกมัน ...อันที่จริงเรื่องของกูกับมันค่อนข้างซับซ้อน ถ้ากูพร้อมเมื่อไหร่ กูจะเล่าทุกอย่างให้มึงฟัง...ตอนนี้กูยังไม่อยากให้ไอ้เพื่อนตัวอื่นมันรู้ มึงอย่าเพิ่งบอกใครนะ กูกลัวพวกมันจะช็อคไปซะก่อน”ไอ้เจนมีสีหน้ากังวล ไม่รู้ว่าพ่อแม่มันจะว่ายังไงถ้ารู้ว่าไอ้ดจนเดินตามรอยพี่ชาย

“เออ กูไม่บอกหรอก มึงไปอาบน้ำก่อนไป หัวจะได้โปร่งๆ”ไอ้เจนพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นบิดตัว มันมองผมด้วยสีหน้าสำนึกผิด

“โทษทีว่ะ ที่ทำให้มึงต้องปวดสมองทั้งๆที่มึงเองก็มีเรื่องที่ต้องคิดเยอะอยู่แล้ว”

“ช่างเหอะ ยังไงมึงก็เพื่อนกู ยืมโทรศัพท์โทรหาแม่หน่อยดิ ป่านนี้เป็นห่วงแทบแย่แล้วมั้ง”ไอ้เจนชี้ไปที่โซฟาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป เพื่อนผมทุกคนมีเบอร์แม่ผมกันทุกคน รอสายอยู่สักพักแม่ก็รับ

[เจนเหรอลูก]

“เมฆเองครับแม่”ได้ยินเสียงแม่พ่นลมหายใจแล้วก็เสียงกุกกัก

[เมฆเหรอ เมื่อเช้ามีนักข่าวมาถามหาด้วยนะลูก ดีที่เมฆไม่อยู่บ้าน แล้วตอนนี้เมฆอยู่ที่ไหน คอนโดเจนใช่ไหม]

“ครับ แล้วพวกนักข่าวได้มากวนแม่รึเปล่า”

[ไม่หรอก...แต่ตอนเย็นเมฆไม่ต้องมาที่ร้านนะ แม่ว่าคนพวกนั้นต้องมาหาแน่ๆเลย ยังไงเมฆก็ระวังตัวด้วยนะ แม่เป็นห่วง]

“แม่ไม่ต้องห่วงเมฆหรอก ผมเอาตัวรอดได้ ยังไงเดี๋ยวเมฆโทรไปอีกทีนะแม่ รักแม่ครับ”ผมวางสายจากแม่ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้ภาคินมันทิ้งระเบิดไว้ลูกเบ่อเริ่มเลย ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเจอกระดาษแผ่นนั้น ถ้าผมโทรไปก็โทรไปด่ามันเนี่ยแหละ

ผมไปเรียนคาบบ่ายโดยยืมชุดนิสิตของไอ้เจน ให้มันไปส่งที่ตึกเรียนกลาง คาบวิทยาศาสตร์ ผมเข้าสายแน่ๆ ไอ้เจนมัวแต่ลีลาชักช้าอยู่นั่นแหละ โชคดีที่คาบนี้ไม่เข้ม อาจารย์ใจดี ไม่มีพิษมีภัย ไอ้เชษโบกมือเรียกเมื่อผมเงอะงะกวาดสายตาหาเพื่อนสองคน

“สายอีกแล้วนะมึงเนี่ย”มันเปิดฉากบ่น เพื่อนผู้หญิงในคลาสสองสามคนหันมามองผมก่อนจะหัวเราะคิกคัก

“โทรไปไม่เห็นรับวะ โทรถามแม่มึงก็ไม่รู้ว่ามึงหายไปไหน”ไอ้บอร์ทบ่นบ้าง ผมยกมือขอโทษขอโพยพวกมันสองคน

“ไอ้ภาคินแท้ๆ ทำให้วุ่นวายแบบนี้ แม่มึงบอกว่าเมื่อเช้ามีนักข่าวมาที่บ้านใช่ไหมวะ”ไอ้เชษทำหน้าหงิกเมื่อพูดถึงไอ้ภาคิน ผมเองก็หงุดหงิดเหมือนกัน

“เดี๋ยวข่าวก็ซาไปเองนั่นแหละ...”หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ สามสาวนั่นยังไม่หยุดหัวเราะ อะไรวะ หน้าผมมีอะไรผิดปกติรึไง ผมรอให้หมดคาบ ไม่ค่อยมีสมาธิเรียนสักเท่าไหร่ ผมมองสมุดเล็คเชอร์อันว่างเปล่าพอๆกับสมองของตัวเอง

“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ รอกูด้วยล่ะ”ผมกำชับไอ้เชษกับไอ้บอร์ทไอ้สองคนนี่ชอบแกล้งไม่รอผม ผมจัดการธุระเสร็จก็รีบออกมา

“เมฆ”

“เฮ้ย”ผมสะดุ้งโหยง ใจหายวูบเพราะตกใจ ที่แท้ก็สามสาวจากคาบวิทยาศาสตร์นั่นเอง มาดักรอผมแบบนี้ตกใจหมด

“มีอะไรเหรอ”ผมมองผู้หญิงตรงหน้าที่ทำท่าทางแปลกๆ

“เอ่อ เมฆ ขอถามอะไรหน่อยสิ เป็นแฟนพี่คินจริงๆเหรอ”

“ก็....ไม่ใช่—”

“ไม่ต้องมาปิดหรอก แกไม่ต้องอายหรอกนะ จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แกต้องสู้ๆนะเว้ย ไม่ต้องไปฟังพวกหมูพวกหมามันนินทา”ผมได้แต่ยืนฟังแบบงงๆ

“ขอถ่ายรูปหน่อยสิ”ยังไม่ทันจะปฏิเสธ ผมก็โดนถ่ายรูปไปแล้ว ไม่รู้ว่าสีหน้าจะเหวอแค่ไหน แล้วสามสาวนั่นก็จากไป ทิ้งให้ผมมึนงง ทำไมต้องมาถ่ายรูปผมด้วยวะ หลังจากตั้งสติได้แล้วผมก็กลับไปหาไอ้เชษกับไอ้บอร์ท ที่ยืนรอผมอยู่ นึกว่าจะโดนทิ้งซะอีก

“ไปนานจังวะ”ผมก็เล่าให้มันฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนพวกมันจะไม่แปลกใจเท่าไหร่

“มึงหัดเช็คข่าวบ้างนะ แมว มันก็มีทั้งพวกเห็นดีเห็นงาม ทั้งพวกแอนตี้นั่นแหละว่ะ ทำใจซะเถอะ กูอีกนานกว่าข่าวจะเงียบ”ไอ้บอร์ทเข้ามาตบบ่าผมเต็มแรง แทนที่จะพูดให้ผมสบายใจ ดันมาทำให้ผมคิดมากอีก...แต่ดูเหมือนจะเป็นอย่างไอ้บอร์ทพูดเพราะในวันถัดมา ก็มีข่าวของผมกับภาคินลงหน้าหนึ่งอีกแล้ว

ภาคินหวานกับแฟนหนุ่มที่ร้านข้าวมันไก่

ผมเห็นพาดหัวข่าวแล้วก็แทบจะปาหนังสือพิมพ์ทิ้ง หวานตรงไหนไม่ทราบ ในรูปนั่นก็เป็นตอนที่ไอ้ภาคินดันหัวผมเข้ารถพอดี...อยากจะบ้าตาย นักข่าวพวกนี้คิดอยากจะเขียนอะไรก็เขียนสินะ ไอ้พวกเพื่อนก็เห็นว่าเป็นเรื่องขำมากกว่าจะซีเรียสอีก

“มึงรู้ไหม กูขับรถผ่านร้านป้านั่น คนเยอะกว่าเดิมอีกว่ะ ต้องขอบใจมึงกับไอ้นักร้องดังนี่เลยนะเว้ย ที่ทำให้ร้านข้าวมันไก่ของป้าเขาเป็นที่สนใจ”ไอ้เจนหัวเราะเสียงดัง ผมได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเหลืออด

“เฮ้ย ไอ้แมว มีคนเป็นFcมึงด้วยนะเว้ย ดูๆ”ไอ้บอร์ทพยายามยัดเหยียดโทรศัพท์มันมาให้ผมดูไอ้เพจที่มีชื่อผมอยู่ แต่เดี๋ยวนะ ไอ้รูปโปรไฟล์ที่ตัดต่อหูแมวเข้าไปนี่มันอะไรกัน!

“แป๊ปเดียวมีคนไลค์เป็นพันแล้วนะเว้ย”ไอ้ปอยดูพออกพอใจ

“พวกมึงเป็นคนตั้งเพจใช่ไหม”ผมชี้หน้าพวกมันเรียงตัว มีแค่พวกมันเนี่ยแหละที่เรียกผมว่าแมว

“มึงอย่าเครียดดิวะ ไหนๆมึงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่หว่า ก็ทำให้เป็นเรื่องขำๆไปซะ จริงๆนะ ไอ้แมว ชีวิตมึงมีเรื่องเครียดเยอะพอแล้ว”ผมถอนหายใจ ดูพวกมันทำสิ ไอ้เชษก็เป็นไปกับไอ้พวกนี้ด้วยเหรอ เห็นยังด่าไอ้ภาคินอยู่เลยแถมยังเอารูปผมมาลงอีก รูปดูดีไม่ว่า แต่มันเอารูปตอนผมเหวอๆมาลงนี่สิ ไอ้พวกเพื่อนเลว

“มันได้ติดต่อมาหามึงบ้างไหม”ไอ้เจนที่กำลังอ่านนิตยสารบันเทิงอยู่ถามขึ้นมา มันจะติดต่อมาได้ไง ไม่มีเบอร์ผมซะหน่อย ผมแอบมองไอ้ปอยมันก็มีท่าทีปกติดี แต่ไม่ค่อยอยู่ใกล้ไอ้เจนมากเท่าไร ผมกลับมามองไอ้เจนอีกครั้ง

“เดี๋ยวนี้มึงสนใจข่าวซุบซิบดาราแล้วเหรอวะ”ผมถามมันหน้าบูด

“เช็คข่าวมึงไง เผื่อมึงโดนใส่ร้าย พวกกูจะได้แก้ข่าวให้ เออ มึงอ่านนี่สิ”ไอ้เจนโยนนิตยสารให้ ผมสะดุดเข้ากับหน้าของภาคินมีบทสัมภาษณ์ของมันที่บอกให้นักข่าวหยุดลงข่าวเกี่ยวกับผม ยังดีที่มันยังพอมีสำนึกเรื่องผมอยู่บ้าง ผมกลับมางีบที่บ้านเพราะช่วงนี้แม่ไม่ให้ผมไปช่วยงานที่ร้าน

ผมเหลือบมองจอทีวีที่มีข่าวไอ้ภาคินอีกแล้ว เป็นคลิปที่มันกำลังร้องเพลงแล้วมีคนปาขวดน้ำขึ้นไปบนเวที แถมยังมีป้ายที่เขียนคำว่า ‘ไอ้ตุ๊ด’และอีกหลายๆอย่างๆ กระแสโจมตีมันมาจากหลาย ๆเรื่อง ผมปิดโทรทัศน์ มันเคยบอกว่าไม่แคร์ว่าใครจะเกลียดมัน แล้วตอนนี้ล่ะ มันโดนโจมตีหนักกว่าที่ผมโดนซะอีก ตอนนี้ผมเริ่มจะสงสารมันแล้วสิ … มันจะรู้สึกยังไง? จะยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรรึเปล่า แล้วทางครอบครัว มันรับเรื่องพวกนี้ได้เหรอ ข่าวแย่ๆของมันก็มีไม่ใช่น้อย ผมหยิบโน้ตบุ๊กก่อนจะพิมพ์ชื่อของภาคินลงไป ผมเลื่อนดูประวัติของมันคร่าว ๆ พ่อเป็นคนไทย แม่เป็นคนอังกฤษ ตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่เมืองนอก ผมมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งถึงมัน

‘สู้ ๆ...’

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา