3Kill ฆ่า ฆ่า ฆ่า
9.8
เขียนโดย ชิโร่
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.04 น.
26 ตอน
32 วิจารณ์
31.78K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 22.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) ตอนที่ 20 ล้มลงและลุกขึ้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเปิด Sound เพื่อเพื่มอรรถรสน๊าา
ผมฝันว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจีในวันที่อากาศแสนสบายไปด้วยลมโชยอ่อนๆ ผมนั่งแบบสบายๆพลางหลับตาเงยหน้าสู้ฟ้าเพื่อรับลมอ่อนๆเหล่านั้น พลางยิ้ม
แต่พอหันไป.. ก็ไม่เจอเธอเสียแล้ว
ก็ทั้งที่ตอนแรกมันยิ้มออกมา แต่ตอนนี้กลับทำหน้าเศร้า พยายามไม่มองข้างหน้าและหันไปด้านหลังอยู่หลายครั้ง บางทีอาจจะคิดว่าหันหลังไปนับหมื่นครั้ง อาจจะมีซักครั้งก็ได้ที่ได้เจอเธอคนนั้นอีกครั้ง ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเพราะตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมล่ะ ?
ผ่านไป 7 วันหลังการต่อสู้ครั้งใหญ่ในครั้งนั้น อากาศแปรปรวนเข้าวันที่ 3 ไปด้วยฝนที่โหมกระหน่ำพร้อมเสียงฝ่าผ่าที่ทำให้ขนลุกและตกใจอยู่บ่อยครั้ง ผมไม่ได้ดูดเลือดใครหลังจากที่ไอร่าตายเลย ร่างกายก็ขาดเลือดซวบผอมไปหน่อยหนึ่งแล้ว วันๆผมไม่เคยออกจากบ้านแม้แต่ครั้งเดียว ได้แต่นั่งอยู่ข้างๆเตียงนอน แววตาเหมือนคนตายด้าน ทำอะไรไม่ถูก ร่างกายไม่ขยับ
ให้ตายสิ ใบหน้าตอนนี้เหมือนคนติดยาจนไร้สติไม่มีผิด...
เหมือนชีวิตประจำวันบางส่วนขาดหายไป... ใช่... มันหายไปก็พึ่งจะรู้ตัว ว่าสิ่งนั้นสำคัญแค่ไหน ทุกๆเช้าผมมักจะพูดเสมอว่า ''ไอร่า.. เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว'' จากนั้นก็หันไปมองที่เตียง แต่แล้วก็ไม่พบคนๆนอนอยู่ ก็พยามปิดกั้นสีหน้าเอาไว้หลายครั้ง แต่ดูเหมือนไม่เป็นผล ไม่อยากจะส่องกระจกดูหน้าเศร้าๆของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
บางครั้งก็ลงมาชั้นล่าง เพื่อหาน้ำมาดื่มแก้กระหาย ในตอนที่ลงมาแต่ละครั้ง บางครั้งก็พบ พ่อ และ แม่ หรือน้องชายยังไม่ถูกคลายจากมนต์สะกดของไอร่า
หิวน้ำ.. ไม่สิ เลือดต่างหาก แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอดทนเหมือนกัน พอเปิดตู้เย็นไปกลับพบแก้วน้ำส้มที่ยังกินไม่หมดอยู่ในตู้เย็น อีกทั้งยังพบลูกส้มอีก 3 ลูกด้วยกัน ทำให้หวนหลับไปคิด ว่าคนๆนั้นก็ชอบส้มนี่นา ทุกครั้งที่เธอกินก็มันจะกลืนเม็ดไปด้วยเสมอ
ผมจึงแกะส้มหน้าตู้เย็นแล้วยัดเข้าปาก
ชวนอวกสุดๆ...
แต่ก็กลืนมันไปทั้งเม็ดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลินแบบสะอึกสะอื้น....
''ไอร่า... อยู่ที่ไหน..''
กลายเป็นไอบ้าตัวหนึ่งที่ทำอะไรบ้าๆ อยากจะเสียใจ อยากจะโกรธ อยากจะทำทุกอย่างตามอารมณ์ที่แปรปรวน คิดแล้วอยู่หลายวัน ว่าตัวผมจริงๆแล้วนะ ไม่อยากให้ไอร่าตายเลย..
ทำไมตอนนั้นถึงได้ฆ่าเธอนะ...
ถ้าไอร่ากลับมา... บางทีผมอาจจะไม่อยากตายอีกแล้วก็เป็นได้..
จิตใจที่ถูกแช่แข็งด้านความรักของผม ถูกเธอเปิดออกมาหน่อยหนึ่งเหมือนถุงขนม
แต่เธอไม่ได้ใช้มือมาหยิบในถุงขนม แต่อยากให้ผมออกมาจากถุงขนมให้เธอกิน
แต่ผมไม่ได้เอาร่างกายออกมาจากถุงขนม แต่ผมยื่นมือออกไปป้อนเธอ
เมื่อผมป้อนขนมไปหนึ่งชิ้น เธอก็หายจากไป..
อา... ร้องไห้ไม่หยุดเลย พยายามเช็ดน้ำตาอยู่หลายครั้งแล้วนะ
พอกำลังจะเดินขึ้นใบไดกลับไปนั่งสิ้นหวังที่ห้องเหมือนเดิม ก็ดันเดินไปแตะลูกเทนนิสเข้าจนได้ ภาพความทรงจำที่เราเล่นเทนนิสด้วยกันมันจางหายไปแล้ว ภาพหยาดเหงื่อพร้อมความสดใจของเธอและเสียงหัวเราะ มันจางหายไปจากความตายด้าน
ภาพความทรงจำ เราไม่สามารถบังคับมันว่า 'ไม่อยากเห็น' ได้หรอก เพราะถ้านึกถึงเหตุการณ์ขึ้นมาแล้ว สมองจะประมวลผลให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนเป็นตราประทับที่คอยซ้ำเติมมันเรื่อยไป
''แอลล่ะ... ไม่กินหน่อยเหรอ ?''
ภาพไอร่าส่งไอติมรสส้มมาให้ มันผุดขึ้นมา วันนั้นพวกเราไปเล่นเทนนิสกันนี่เนอะ...
''อย่าดีกว่านะ ฉันน่ะกินสิ่งนี้ไม่ได้ เธอก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ ?''
''กินได้สิ ถ้าอยากกินล่ะก็ ฉันจะทำให้กินได้เองนะ''
ภาพไอร่ากำลังยิ้ม พร้อมบีบเลือดของตัวเองใส่ไอติม เพื่อให้ผมสามารถกินมันได้...
ภาพผมที่กัดไอติมที่มือของเธอ กำลังหวนกลับมา
''เห็นไหมล่ะ .. อร่อยรึเปล่า ^^''
ไอร่ายิ้มออกมาให้ผม... จากนั้นผมก็หลุดหัวเราะ แต่ตอนนี้ มัน... ไม่มีอีกแล้ว
ประโยคเหล่านั้นยังจำได้ดี ไอติมที่เธอให้ผมกินน่ะ อร่อยมากเลยนะ
อ่า... พอกลับมาถึงเตียงผมก็ได้ล้มตัวลงไปนอนกับผ้าห่มนุ่มๆ คิดอยู่เสมอว่าคนที่กอดเราตอนนอนอยู่ทุกวันนั่นคือใคร ไม่ไหวเลยนะ แค่นอนบนเตียงก็เหมือนหมดแรง ทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่เพียงหลับตาพร้อมกับความเหนื่อยล้า แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
ใคร.. อยูที่ไหน.. ทำอะไร ผมไม่ได้รับรู้เหตุการณ์นั้นเลย นอกบ้านเกิดอะไรขึ้นบ้าง รากูเอลเป็นอย่างไร ศพของไอร่าอยู่ไหน เฮลไซท์จะมาจับตัวผมเมื่อไหร่ ผมจะตายตอนไหน อยากได้อะไร ความรักอยู่ที่ไหน สิ่งที่ขาดหายไปในอกคืออะไร ตัวผมกำลังทำอะไรอยู่ ?
ผมสิ้นหวัง... ทำอะไรไม่ถูก
และในตอนนั้นเอง ผมรู้สึกได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาอยู่หน้าบ้าน ทำให้ผมลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว วิ่งลงจากบันได พร้อมออกไปนอกประตูบ้านที่ฝนกำลังโหมกระหน่ำ รู้อยู่หรอกว่าผมอาจจะหลอนไปเองก็ได้ แต่มันรู้สึกได้จริงๆว่ามีคนกำลังมาหาเรา
แต่ก็อย่างที่บอก ออกจากบ้านมาก็ไม่เจอใคร จนตอนนี้ร่างกายถูกฝนซัดจนเปียกไปหมด
อืม.. ผมเองก็คิดว่าไหนๆก็ออกมานอกบ้านแล้ว ก็ไปเดินเล่นซักหน่อย ก็เวลานี้คนส่วนใหญ่มักจะหลบฝนอยู่ในบ้าน อยากจะลองเดินไปเรื่อยๆคนเดียวในเมืองมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน
ผมเดิน... ก้มหน้า เหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
สายตาไม่ได้มองไปข้างหน้าขณะที่เดินเลยแม้แต่น้อย
การเดินของคนเรามักจะเป็นแบบนี้เสมอ มันยากที่จะล้ม แต่เมื่อล้มลงแล้วถ้าลุกขึ้นยืนมาด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าจบตรงนั้น จะพูดให้โลกสวยอย่างไรก็ตาม แต่หากอยู่คนเดียวในโลก นั่นไม่เรียกว่าการคงอยู่หรอก เวลาท้อแท้ก็มักจะนึกถึงอดีตมาซ้อมตัวเองจนกลายเป็นแผลที่จิตใจ กลายเป็นว่าต้องเอาเวลามาเยียวยาซะงั้น
สิ่งสำคัญที่อยู่ใกล้ตัว เรามักจะไม่เห็นค่ามัน เพราะเอาแต่เดินหน้ามากไปจนไม่มองไปด้านหลัง ทุกอย่างเลยกลายเป็นแบบนี้ บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองสนใจเป้าหมายมากเกินไป เลยสูญเสียการมีตัวตนของตัวเอง จนนำความพ่ายแพ้มาในที่สุด
รู้อยู่แก่ใจว่าหยุดไม่ได้อีกแล้ว การที่เราวิ่งมาอย่างรวดเร็วและหยุดวิ่งน่ะ มันก็จะค่อยชลอความเร็วและหยุดนิ่งในที่สุด แต่ถ้าหยุดนิ่งไปเลย จะทำให้หกล้มก็เป็นได้ ยิ่งเร็วก็ยิ่งหยุดยาก ถ้าอย่างนั้น ก็ควรจะวิ่งช้าๆ อย่างงั้นเหรอ นั่นก็ไม่ใช่ ควรจะเดินงั้นเหรอ นั่นก็ไม่ใช่อีก
แล้วผมตอนนี้ ควรทำอย่างไรดี...
ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไร มีเป้าหมายอะไรกันแน่
มีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร
อยากได้ใครซักคนมาชี้ทางให้จังเลย
ในตอนนี้พอรู้ตัวอีกที ตัวเองก็เดินมาถึงสวนสารธารณะใกล้บ้านเสียแล้ว แต่ก็อย่างที่บอกว่าฝนตกหนัก ท้องฟ้าก็ครึมซะเหมือนตอนกลางคืน พายุก็แรงอีกต่างหาก แต่ทำไมถึงได้มาเจอโรรี่นั่งในเก้าอี้ส่วนสารธารณะได้ล่ะเนี่ย
เธอนั้งเปียกฝนไปทั้งตัวจนเห็นถึงเนื้อใน มือขวาถือแอปเปิ้ลสีเขียว และกัดมันอยู่เรื่อยไป
เธอไม่ได้สนใจผมเลย เอาแต่ทำหน้าเย็นชาพร้อมเส้นผมเปียกๆ
''มาตากฝนทำไมงั้นเหรอ... โรรี่ ?''
ผมกล่าวถามไปด้วยน้ำเสียงตายอยาก...
ในตอนที่ผมถามเธอไป เธอก็หันหน้ามามองผม จากนั้นเธอก็เคี้ยวแอปเปิ้ลให้หมดปาก ก่อนจะมาตอบคำถามของผมในคราวนี้
''ฉันชอบฝนน่ะ.. มันเย็นดี ไม่สิ มันสงบดีน่ะ''
''งั้นเหรอ..''
ผมเองก็ค่อยๆเดินไปนั้งคู่กับเธอที่เก้าอี้สวนสารธารณะเช่นเดียวกัน พวกเราทั้งสองคนต่างเงยหน้ามองเม็ดฝนที่เจ็บแสบโปรยปรายลงมาอยู่เรื่อยไป เสียงฟ้าร้องและเสียงฟ้ากระหน่ำยังคงแรงขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
'' อืม.. ฉันให้ กินมันสิ อร่อยนะ''
ในตอนนั้นเองโรรี่ ก็ส่งแอปเปิ้ลสีเขียวที่ตัวกัดไป 4-5 คำมาให้ผม เธอไม่ได้มองหน้าผมเลย
ผมเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ ที่รับมันไว้
''กร็อบบ... ''
ผมกัดแอปเปิ้ลที่โรรี่ให้มา แล้วก็พบว่าแอปเปิ้ลมันไม่ใช่อาหารหรือผลไม้ธรรมดาสำหรับผม ไม่สามารถมาแทนเลือดได้ ส่วนรสชาติก็เหมือนกับข้าวที่ไร้รสชาติ เพียงแต่มันสามารถลดอาการหิวเลือดได้ เท่านี้ก็เข้าใจแล้วว่าโรรี่ทนหิวเลือดมาได้ยังไง
''เธอนี่ดีจังนะ... มีเพื่อนบ้างรึเปล่าล่ะ โรรี่''
ผมกล่าวถามโรรี่ไป..
''มีสิ.. ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง และมีเพียงคนเดียว หรือบางที ฉันอาจจะได้เพื่อนมาอีกคนในตอนนี้ก็ได้''
โรรี่หันมามองผมด้วยความจริงจัง
''งั้นเหรอ.. ดีจังนะ''
ทุกอย่างก็เงียบลง... พวกเรายังคงอาบฝนจะมันหนาวเหน็บไปถึงกระดูก
''นี่ แอล...''
โรรี่ทักผม
''อะไรงั้นเหรอ ?''
ผมหันหน้าไปมองหน้าของโรรี่ พลางทำหน้าเศร้าๆ
''อยากดูดเลือดของฉันหรือเปล่าล่ะ ?''
ทันทีที่โรรี่หันมามองหน้าผมพร้อมการเชิญชวน ทำให้ผมเงียบลงได้ระยะหนึ่ง
''ไม่ล่ะ... ผมในตอนนี้น่ะ เอ่อ.. คือ จะว่ายังไงดีล่ะ''
ผมตอบกลับไปแบบลังเล
''งั้นเหรอ.. บางครั้งคนฉลาดก็มักจะเป็นฝ่ายโง่ที่สุดเสมอ''
''ถูกของเธอนะ แต่เข้าใจผิดไปอย่างหนึ่งนะ โรรี่...''
''ฉันน่ะเหรอ เข้าใจผิด งั้นนายอยากจะพูดอะไรล่ะ''
''ผมน่ะ มันโง่มาตั้งแต่แรกแล้ว''
ทันทีที่ผมพูดประโยคนั้นจบ โรรี่ก็นอนลงบนตักของผมทันทีโดยไม่ได้บอกกล่าวอะไรซักคำ โดยเธอหันหน้าออกไปในตอนที่ใช้หัวมาหนุนตักของผม ทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นหน้าของเธอตอนหนุนตักได้เลย
''ยังอยากที่จะตายอยู่รึเปล่าล่ะ นายน่ะ ลองมาเป็นเพื่อนฉันดูซักวันไหมล่ะ บางที นายควรจะลองเปิดใจดูบ้างนะ''
ด้วยประโยคที่พูดนั่น ทำเอาผมร้องไห้ออกมาทันที...
น้ำตาไหลพรากจนหยดไปโดนเส้นผมของโรรี่ที่หนุนตักของผมไปหมด แต่เธอคงไม่รู้หรอก เพราะเม็ดฝนน่ะ มันผสมไปด้วย
''ร้องไห้เหรอ.. รอบสองแล้วนะ ที่ฉันเห็นนายร้องไห้''
ถึงแม้เธอจะไม่ได้หันหน้ามามองผม ก็รู้ได้อีกว่าผมร้องไห้
''แล้วเธอไม่เคยร้องไห้รึไง..''
ผมกล่าวถามกลับไป
''ผู้หญิงน่ะ ก็ร้องไห้กันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าฉัน หรือใครๆ''
พวกเราเงียบกันอีกครั้งในหนที่สอง.. และครั้งนี้ ผมก็คิดจะถามเธอกลับไปอีกครั้ง
''นี่ โรรี่.. ฉันฆ่าคนไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว คิดว่าควรแก่การให้อภัยหรือเปล่านะ ไม่ว่าจะมนุษย์ ปีศาจ หรือแม้กระทั่งทวยเทพ''
ผมกล่าวถามไปแบบนั้นพร้อมใช้มือขวา ลูบหัวของโรรี่เบาๆ ทั้งๆที่เธอเป็นฝ่ายปลอบผมอยู่แท้ๆ
''ฉันคิดว่าคนเลวอย่างพวกเราไม่ควรแก่คำว่า ขอโทษ หรือให้อภัยหรอกนะ.. เพียงแต่ ถ้าคนที่เรารักให้อภัยเราได้ แค่นั้นมันก็ยิ่งกว่าคนนับล้านที่เกลียดชังเราแล้ว ฉันน่ะ ผ่านประสบการณ์เรื่องพวกนี้มาเยอะ .. การที่เจ้าหนูอายุน้อยอย่างนายมาท้อเรื่องพวกนี้ มันก็แค่เสี้ยวหนึ่งของฉันเท่านั้นแหละ''
''ฮ่ะๆ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะ นี่... โรรี่ ช่วยเล่าเรื่องของสามพี่น้องของเธอให้ฟังหน่อยสิ''
ผมกล่าวถามไปแบบจริงจัง
''ไม่ได้หรอกนะ เป็นผู้ชายถ้ำมองรึไง ผู้หญิงน่ะ บางครั้งก็มีเรื่องที่ไม่อยากเล่าออกมานะ''
แต่โรรี่กลับไม่อยากที่จะตอบคำถามของผม
''อ่า.. งั้นเหรอ''
''นี่.. ตอนนี้เป้าหมายของนาย คืออะไร ?''
โรรี่กล่าวถาม
''ความตายน่ะ แต่ว่า พอมาคิดๆดูแล้ว ถ้าคนๆนั้นกลับมาหาผมอีกครั้ง อาจจะลบคำว่าตายออกไปจากสมองก็เป็นได้ ก็ผมน่ะ ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนี่นา.. บางที ตอนนี้ก็ด้วย''
''นี่ รู้รึเปล่า ว่าเฮลไซท์น่ะ แอบรักนายนะ''
ทันทีที่โรรี่พูดแบบนั้น ทำให้ผมชะงักลงไปแปบนึง
''ผมเองก็คิดว่ารู้อยู่แล้วนะ แต่ก็ไม่มั่นใจหรอก ว่าจะจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า''
''ถ้าอยากจะจบเรื่องราวแล้วละก็ นี่คือครั้งสุดท้ายแล้วนะ ไปสู้กับเฮลไซท์แล้วตัดสินทุกอย่างซะ ส่วนฉันตอนนี้ก็เลิกความคิดที่ฆ่าน้องสาวตัวเองแล้วล่ะ เป็นเพราะนายนั่นแหละ''
โรรี่พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหน่อยๆ เหมือนกับว่าให้ผมรับผิดชอบชีวิตเธอไปซะแบบนั้น
''เพราะผมงั้นเหรอ.. ? ยังไงล่ะ ?''
''ไม่บอกหรอก''
พูดเหมือนอาการหึงเลยนะ
''อะไรล่ะนั่น ?''
''นี่ แอล บางทีฉันอาจจะตกหลุมรักนายแล้วก็ได้นะ เพราะงั้นถึงได้เริ่มเข้าใจเฮลไซท์หน่อยๆแล้ว สนใจจะกลับไปนรกกับฉันไหมล่ะ ?''
ประโยคที่พูดออกมานั่น เหมือนมีคนยิงธนูมาที่อก จนกำแพงในใจกลายเป็นรูโบ๋
''น่าสนใจดีนะ แต่นรกน่ะ ไม่ใช่ที่ผมควรจะอยู่หรอก มีหวังโดนเซร่าฟิมเด็ดหัวเล่นน่ะสิ''
ผมพูดออกมาเหมือนเป็นการพูดเล่นชวนหัวเราะหน่อยๆ
''งั้นจะบอกใบ้ครั้งสุดท้ายให้นะ อาจจะเป็นเรื่องโกหก หรือจะจริงก็ได้ ทุกอย่างล้วนจะกลายเป็นเรื่องจริงก็ต่อเมื่อนายเชื่ออย่างงั้น แต่หากไม่เชื่อทุกอย่างก็จะกลายเป็นเรื่องโกหกสำหรับนายเอง''
''ใบ้ครั้งสุดท้าย ?''
ทำไมการพูดจาครั้งนี้ เต็มไปด้วยความหมายที่แอบแฝงสำหรับผมกันนะ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกเราพูดอะไรกันอยู่ บางทีโรรี่อาจจะรู้เรื่องทุกอย่างในตอนนี้แล้วก็เป็นได้.. บางที ความปราถนาของผมอาจจะเปลี่ยนไป หรือไม่เปลี่ยนไปเลยก็ได้
''เป้าหมายของนายน่ะ ทำให้สำเร็จในคราวนี้ซะ เตรียมทุกอย่างให้พร้อมและไปถล่มนรก ไม่ว่าจะเลวร้ายหรือโชคดีขนาดไหน นายก็ต้องไปที่นั่น ถ้าชนะ นายก็จงหาความปราถนาของตัวเองหลังจากนั้น ส่วนถ้าแพ้ นายก็จงยอมรับและเปิดใจตัวเองซะ มันก็แค่นั้น''
ผมเงียบ... แต่ก็เพราะเธอนั่นแหละ ที่ทำให้ผมตัดสินใจได้ ว่าไม่ควรที่จะลังเลหรือเสียใจอีกต่อไปแล้ว การที่ผมจะไปถล่มนรกอาจจะเป็นเรื่องที่เกินตัวสำหรับผม แต่ในใจมันบ่งบอกว่า นายต้องทำมันนะ จะถอยอีกไม่ได้แล้ว ตัวหมาก.. ไม่สิ พวกพ้องในครั้งนี้คือ รากูเอล , มิคาเอล , ราฟาเอล เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว รอก่อนเถอนะ เฮลไซท์ ผมจะไปตัดสินกับเธอด้วยตัวเอง
''ว่าแต่ว่า นายเนี่ยจะเกินไปหน่อยมั้ง ?''
โรรี่หันหน้ามาหาผมได้ซะที พร้อมกับรอยยิ้มที่หัวเราะหน่อยๆ
''เอ๋... อะไรงั้นเหรอ ที่ว่าเกินเนี่ย''
''เปล่า จะควบสาวๆไว้เยอะเกินแล้วนะ กลับมาจากนรกเมื่อไหร่ อย่าลืมมารับผิดชอบฉันด้วยนะ เลือดที่ให้ไปน่ะ ไม่ได้ให้ไปฟรีๆหรอกนะ แอล''
''ไหนบอกว่ายกเลิกไง... เอาแต่ใจซะจริงนะ แต่... ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน ^^''
เอาล่ะ.. ต่อจากนี้ คือเรื่องราวของผมเพียงคนเดียว
การต่อสู้กับตัวเองน่ะนะ....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ