3Kill ฆ่า ฆ่า ฆ่า
9.8
เขียนโดย ชิโร่
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.04 น.
26 ตอน
32 วิจารณ์
30.93K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 22.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) ตอนที่ 21 นักเขียนรายสัปดาห์ผู้เจ้าเล่ห์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเปิด SoundTack ด้วยก็ดีนะ
3 วันให้หลังอีกครั้ง เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาจนถึงตอนนี้ และเมื่อวาน รากูเอลได้มาหาผมที่บ้านพร้อมพูดคุยเรื่องข้อตกลงต่างๆนาๆกัน จึงได้ข้อสรุปว่า เขาจะไปคุยกับมิคาเอลให้ เรื่องที่ผมจะไปถล่มนรก ถ้ามิคาเอลยอมตกลง เท่านี้ก็วางใจได้ระดับหนึ่ง
ส่วนวันนี้ ผมจะไปเมืองข้างๆซักหน่อย เนื่องจากต้องตามหาตัว ราฟาเอล ซึ่งผมก็ได้ยินจากรากูเอล มาตั้งนานแล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน ส่วนตัวผมก็ยังไม่เคยเจอหน้าเธอหรอก เพราะงั้นวันนี้เลยจะไปขอยืมพลังของเธอซักหน่อย อย่างแรกเลยคือพลังของเธอคือการรักษา/ฟื้นฟูที่เร็วกว่าแวมไพร์อย่างผมเป็นไหนๆ และสามารถโอนถ่ายอายุขัยได้ แถมยังสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตกลายเป็นอาวุธได้อีกด้วย ด้วยเหตุนั้น ต้องรีบเอาเธอมาเป็นพวกให้ไวที่สุด ถ้าเธอปฏิเสธอย่างน้อยก็ขอดูดเลือดของเธอเป็นอย่างต่ำ
ผมได้ไปยังเมืองข้างๆนี้ด้วยการเดินถือร่มสีขาวไป เพราะแดดค่อนข้างที่จะร้อนมาก ส่วนเวลาที่ใช้ในการเดินไปยังเมืองข้างๆก็ราวๆ 3 ชั่วโมงได้ ที่ๆผมเป็นถึงคือหอพัก 2 ชั้นเห่าๆหลังคาสีน้ำเงิน ดูๆแล้วคงจะมีราคาเช่าถูกสุดๆ มีทั้งหมด 12 ห้องด้วยกัน รอบๆหอพักเองก็มีกำแพงล้อมรอบ แถมยังมีพวกร้านค้าร้านข้าวในบริเวณนี้อีก ครบเครื่องจริงๆเลยนะ..
เมื่อมาถึง ผมจึงไม่ลังเลที่จะเดินขึ้นไปยังชั้น 2 ห้องหมายเลข 1 หรือก็คือห้องแรกสุดนั่นแหละ เมื่อผมย่างฝีก้าวขึ้นบันไดและมาถึงหน้าห้อง ก็ได้เริ่มการเคาะประตูทันที
''ก็อก.. ก็อกๆ... ''
ผมเคาะประตูออกไปสามครั้ง
''เอ่อ คุณ ราฟะ.. อะ เอ่อ คุณเรฟี่ อยู่ห้องนี้รึเปล่าคร๊าบบ ....''
ทันทีที่ผมพูดออกไป เสียงวิ่งอย่างกระวนกระวายก็ดังขึ้นในห้องเหมือนมีใครอยู่ในห้องหลายคน ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องของเธอก็ตาม
''ขะ..ขอโทษคร๊าาาาาา !!!!! ~ ''
พรึบบ.... !! ปั้งงง !! เธอวิ่งมาเปิดประตูห้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับความเหนื่อยหอบจากการวิ่ง ในขณะที่เปิดประตูมาเธอทำหน้าเหนื่อยพร้อมกับความกลัวอะไรต่อบางอย่าง
''มะ... มาจากสำนักพิพ์เหรอคะ ? ขะ.. ขอโทษนะคะ ! ฉันจะรีบปั้นงานให้ไวที่... เอ๋.. นี่เธอ.. ?''
เธอพูดออกมาอย่างรวดเร็ว จนไม่ทันสังเกตุว่าคนที่มาเคาะประตูคือผม หรือก็คือชายแปลกหน้าสำหรับเธอ แต่ทำไมถึงต้องยิ้มให้ผมด้วยล่ะ
''ครับ ผมชื่อแอลครับ รากูเอลบอกผมว่าคุณอาศัยอยู่ที่นี่ ก็เลยมีเรื่องจะขอร้อง''
''งะ..งั้นเหรอ กำลังรอเลยล่ะ เข้ามาก่อนสิๆ''
ราฟาเอล.. ตอนนี้เธอใส่เสื้อกล้ามสีแดงตัวเดียวกางเกงขาสั้น ไอ้การที่แต่งตัวร่อนจ่อนในบ้านแบบนี้ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะครับ แต่การที่ผู้ชายเข้าบ้านและยังทำตัวสบายแบบไม่อายนี่ก็กะไรอยู่
และเธอกับผมก็เดินเข้าห้องด้วยกันสองต่อสอง แต่.. เมื่อกี้เธอบอกว่ากำลังรองั้นเหรอ.. คิดไปเอง มั้ง ว่าแต่ก็เหอะ ห้องของเธอมันรังหนูรึไงกัน กระดาษสำหรับวาดรูปหล่นเกลื่อนกราดเต็มไปหมด เศษขยะอย่างทิชชู่ หรือกระป๋องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขวดน้ำเปล่า น้ำอัดลม กล่องข้าว แก้วกาแฟ เต็มห้องไปหมด เห็นสภาพนี้แล้วปวดใจจริงว่าเธออยู่ไปได้ยังไง
ฝุ่นก็นะ... ไม่ได้กวาดบ้านเลยนี่หว่า...
ลักษณะภายในห้องมันก็ไม่มีอะไรมาก มีโต๊ะวาดรูปตรงริมหน้าต่าง ภายในห้องมีตู้เย็นกับพัดลมตัวเล็กๆหนึ่งตัว มีโทรทัศน์เครื่องเล็กๆที่ดูสภาพโทรมๆอีกหนึ่งเครื่อง
และที่น่าสงสัยคือ มีกล่องขนาดใหญ่พอสมควร ผมไม่รู้ว่าข้างในมันใส่อะไรเอาไว้ แต่ใหญ่มากๆ เป็นกล่องรังสีน้ำตาลธรรมดานั่นแหละ แถมมีป้ายเขียนเอาไว้ว่า ห้ามเปิดอีกต่างหาก โดยกล่องนี้ตั้งอยู่มุมห้องซ้าย.. ไอ้การที่ห้องแคบอยู่แล้ว เอากล่องไร้ประโยชน์นี้มาตั้งมันก็แปลกจริงๆนั่นแหละ
''ว่าแต่เธอมีธุระอะไรกับฉันงั้นเหรอ ถึงได้มาถึงที่นี่''
หลังจากที่เธอชวนผมเข้ามาแล้ว ก็ไปนั้งที่โต๊ะสำหรับวาดรูป และหมุนเก้าอี้มาคุยกับผม
''ครับ ได้ยินมาแล้วว่าเทพทั้งหลายต่างกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ในระแวกนี้มีทั้งหมด 3 คนน่ะครับ คุณ แล้วก็มิคาเอล,รากูเอล''
ขณะที่ผมพูดกับเธอ เธอก็ใช้นิ้วชี้ขวา ชี้ลงพื้น เหมือนเป็นการบอกกล่าวว่า ''นั่งก่อนสิ'' ส่วนตัวผมก็นั้งลงกับพื้น แต่ที่นั้งสะอาดๆน่ะ ไม่มีหรอก ห้องนี้มันก็เหมือนที่ทิ้งขยะนั่นแหละ
''เหรอจ๊ะ... งั้นจะให้พี่สาวคนนี้ช่วยอะไรล่ะ ^^''เธอถามกลับมาด้วยท่าทีร่างเริง
''... คุณราฟาเอล ดูเหมือนว่าคุณจะรู้เยอะจริงนะครับ คุณรู้เกี่ยวกับตัวผมและสถานการณ์ตอนนี้มากแค่ไหนกันครับ เพราะดูท่าทางแล้ว คุณไม่ใช่ย่อยเลยนะครับ''
เมื่อประโยคที่ผมพูดไปเมื่อซักครู่ เล่นเอาเธอทำหน้าจริงจังไป 2 วิ จากนั้นก็หลับตาหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
''พี่สาวรู้หมดจ๊ะ รวมถึงเธอที่เป็นแวมไพร์ก็ด้วยนะ ^^''
//พี่สาวไม่ได้เกลียดคนหัวไปหรอกนะ... //
''งั้นก็ง่ายหน่อยนะครับ ช่วยร่วมมือกับผมในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้หรือเปล่าครับ ผมจะไปนรก เอาเข้าจริงแล้วผมไม่รู้ว่าคุณอยากจะไปด้วยรึเปล่า เพรานี่คือการขอร้องครับ''
ผมยื่นข้อเสนอแบบสุภาพกับหล่อนไป...
''ฮ่าๆ ฮ่าๆ นึกว่าจะพูดอะไร ที่แท้ก็อยากไปนรกเองเหรอ แต่ขอปฏิเสธจ๊ะ ถึงจะมีความแค้นส่วนตัวกับเซร่าฟิม แต่คงไม่มีไอ้บ้าตัวไหนไปนรกหรอกนะ มีหวังโดนเซร่าฟิมฆ่าฟรีๆน่ะสิ พี่สาวไม่อยากตายนะ ไม่เอาด้วยหรอก พี่สาวน่ะ ยังรักชีวิตนะจ๊ะ หนุ่มน้อย''
วาจาที่พูดยั่วยวนแบบผู้ใหญ่ก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ เอาเถอะ ยังดีกว่ายัยหัวเขียวเยอะ
''งั้นเหรอครับ ถ้างั้นคุณพอจะให้เลือดผมซักหน่อยได้หรือเปล่าล่ะครับ ?''
ผมกล่าวถามกลับไปพร้อมมองหน้าจริงจัง
''แหมๆ... ขอกันง่ายๆเลยนะหนุ่มน้อย ได้สิ แต่มีข้อแม้นะ''
เธอตอบกลับมา พร้อมกับข้อเสนอ เหมือนเธอจะเตรียมการไว้แล้ว
''อะไรงั้นเหรอครับ.. คงไม่ใช่ให้ผมทำความสะอาดห้องให้หรอกนะ''
''อ้าว... มองทันพี่สาวด้วย ถ้างั้นเปลี่ยนแล้วกัน เอาเป็น..อืม.. นั่นสิ มาช่วยพี่สาววาดการ์ตูนส่งสำนักพิมพ์แล้วกันนะ ช่วงนี้ปั้นงานไม่ทันพอดีเลย.. ฮิฮิ้ ~''
''อ่ะ.. ถึงผมจะวาดรูปพอได้ แต่การวาดการ์ตูนนี่ไม่ไหวหรอกนะครับ ถ้าช่วยในการเช็คหรือเรื่องส่วนตัวอำนวยความสบายยังพอทำได้อยู่นะครับ''
''จ้าๆ แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้ว แต่ขอถามอะไรอย่างหนึ่งนะหนุ่มน้อย''
เธอถามกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง บอกตรงๆว่าเธอปรับอารมณ์และสถานการณ์เก่งมาก
''อะไรงั้นเหรอครับ ?''
''เธอเปลี่ยนไปหน่อยนะ อ่อนโยนขึ้นรึเปล่าเนี่ย.. น่ารักขึ้นมาหน่อยแล้วนะ''
อะไรล่ะนั่น ท่าทางจะไม่ใช่แค่รู้ แต่รู้มากเกินเหตุเลยนะนั่น .... ???
''เฮ้อ... คิดงั้นเหรอครับ เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมช่วยตามที่ตกลงแล้วกันนะครับ ถ้ายังไงเสร็จแล้วก็ให้ผมดูดเลือดด้วยแล้วกัน''
ท่าทางจะรู้เยอะเอาการเลยนะ ผมพึ่งรู้จักกับเธอแท้ๆ ไหงถึงได้รู้เรื่องของผมค่อนข้างระเอียดเลยนะ น่ากลัวจริงๆนะ เหมือนผู้หญิงร่าเริง แต่คงหัวแหลมน่าดู ดูจากสีหน้าแล้วไม่มีความเกรงกลัวเซร่าฟิมเลยแม้แต่น้อย ดูจากท่าทางและประสบการณ์ของผม เธอนับว่าไม่ธรรมดาแล้วล่ะ ให้น้อยที่สุดเซร่าฟิมก็ฆ่าเธอไม่ได้ หรือไม่ก็ แข็งแกร่งพอๆกับเซร่าฟิม....
''อ้าว นั่งทำหน้าเครียดอยู่ทำไม รีบเก็บขยะในห้องไปทิ้งด้านล่างให้หน่อยนะ จากนั้นก็ไปล้างจาน ไปซื้อข้าวกล่อง ซื้ออุปกรณ์วาดรูปมาให้ใหม่หน่อยนะ ช่วงนี้ของมันเก่า แล้วเงินก็ออกให้พี่สาวหน่อยนะจ๊ะ.. อ้อ ซักผ้าให้พี่สาวด้วยนะจ๊ะ เสื้อผ้าก็ใส่มาหมดแล้ว ชุดชั้นในก็รบกวนหน่อยนะ อย่าลืมทำความสะอาดห้องน้ำให้ด้วยล่ะ เดี๋ยวเขียนงานตอนนี้เสร็จเมื่อไหร่พี่สาวจะไปอาบน้ำจ๊ะ... จริงสิ สบู่กับแชมพูหมด ซื้อสบู่เหลวกับแชมพูมาด้วยล่ะ เอาแบบหอมๆนะ กลิ่นอะไรก็ได้ หลังจากที่ทำหมดแล้วก็รบกวนมาเช็คเนื้อเรื่องให้หน่อยนะ พอดีช่วงนี้เบลอๆเพราะไม่ได้นอนน่ะ''
''เอ่อ... แบบว่า.. เอ่อ ครับ เข้าใจแล้ว''
ให้ตายสิ รู้จักคำว่าเกรงใจหรือเปล่าเนี่ย ผมไม่ใช่แม่บ้านนะครับ... ถึงที่บ้านจะทำหน้าที่เป็นแม่บ้านประจำก็เหอะ แต่การที่สั่งรัวๆแบบนี้มันก็... ชิส์... ต้องยอมๆไปก่อน อีกอย่างตัวเธอตอนนี้มันโนบราไม่ใช่รึไง ไม่ต้องซักก็ได้มั้ง ให้ตายเหอะ
สุดท้ายแล้วตัวผม ก็ตึดแหง็กไปราวๆ 9 ชั่วโมง หากนับจากตอน 11 โมงเช้าแล้วล่ะก็... เหนื่อยมาก ต้องมาเก็บขยะในห้องไปใส่ถังขยะหน้าหอพัก จากนั้นก็กลับมากวาดห้องพร้อมถูห้องให้อีก จากนั้นก็ไปล้างจานให้เรียบร้อย และลงไปซื้อข้าวกล่องที่หน้าหอพักใกล้ๆ ใส่จานข้าวให้เธอกินขณะทำงานวาดการ์ตูน จากนั้นก็ออกไปร้านเครื่องเขียนของเมืองใกล้ๆ ไปซื้ออุปกรณ์วาดรูปรวมถึงแชมพูและสบู่มาด้วย พอกลับมาก็ต้องมานั้งขัดห้องน้ำ แต่เธอลืมบอกว่าน้ำยาขัดห้องน้ำมันหมด ผมจึงต้องออกไปซื้ออีกรอบ เมื่อกลับมาแล้วก็ทำความสะอาดห้องน้ำให้เสร็จแล้วนำเสื้อผ้ารวมถึงชุดชั้นในของเธอไปซัก กว่าจะเสร็จก็ราวๆ 2 ทุ่ม
พอเสร็จงานเสร็จแล้ว ผมจึงกลับมานั้งรอที่กลางห้องของเธอ เพื่อเช็คงานเขียนที่เธอทำ
''ห้องคุณเรฟี่นี่รกจริงๆเลยนะครับ กี่ปีแล้วล่ะที่ไม่ได้ทำความสะอาด ?''
''อ้าว แหม.. เสียมารยาทจัง นั่นสินะ... ก็ราวๆ ปีหนึ่งได้ล่ะมั้ง เพราะงานยุ่งมาก เวลาแม้แต่นาทีเดียวพี่สาวก็ไม่อยากเสียไปนะจ๊ะ...''
''ครับๆ... ตามสบายเลยครับ... ''
เมื่อเวลาผ่านไป ผมจึงได้มานั่งเช็คเนื้อเรื่องของการ์ตูนที่เธอวาดที่ล่ะหน้า ว่ามันมีอะไรผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า แต่ที่น่าสนใจไม่ใช่เพราะเธอวาดรูปสวยอย่างเดียว แต่ที่เธอวาดคือเรื่องราวสงครามของเหล่าทวยเทพและแม่ทัพลูซิเฟอร์ นั่นทำให้ผมสนใจมาก
''นี่.. เรื่องราวเหล่านี้คุณ.. เอามาจากเรื่องจริงงั้นเหรอครับ''
ผมเปิดอ่านทีละหน้า เธอเขียนถึงภาพสงครามต่างๆนาๆ ซึ่งก็อยากที่จะเข้าใจ เพราะมันอยู่ในช่วงกลางเนื้อเรื่อง การที่ผมไมไ่ด้อ่านตอนแรก ก็อาจจะมีสบสนไปบ้าง นั่นคือเรื่องปกติ
โดยเนื้อเรื่อของเธอกล่าวถึงตัวเธอเองกับชายที่มีชื่อว่ากาบรีเอล แต่แล้วในตอนที่ผมอ่าน กล่าวถึงสงครามครั้งที่ 3 โดยการบรีเอลเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องราฟาเอล จนท้ายสุดตัวเธอก็รอด แต่กาบรีเอล กลับไม่รอด ในระหว่างที่เธอหนี เธอได้หันหลังกลับไปรักษากาบรีเอลที่กำลังจะตาย แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามใช้เวทย์รักษาเท่าไหร่ จะโอนพลังชีวิตหรืออายุขัยขนาดไหน ก็ไม่ทำให้กาบรีเอลฟื้นขึ้นมาเลย... เหล่าทวยเทพคนอื่นจึงได้รีบเข้าไปช่วยเธอจากเนื้อมือของลูซิเฟอร์และหนีรอดในที่สุด
''เอ่อ ได้ยินหรือเปล่าครับ ผมถามว่า เรื่องราวเหล่านี้คุณ เอามาจากเรื่องจริงงั้นเหรอครับ''
ผมกล่าวถามไปอีกรอบ เนื่องจากเธองัวเงียตอนเขียนมาก คิดว่าเธอคงจะเหนื่อยแน่ๆ
''จะ.. จ้า จริงหรือไม่จริงกันน๊า... คิดเอาแล้วกัน เพียงแต่ ตอนจบน่ะ ต้องแอปปี้แอนดิ้ง รู้ไหม ?''
เธอหันกลับมาตอบผม....
''งั้นเหรอครับ ผมคิดว่า ทรูเอนหรือแบดเอนก็น่าจะมีส่วนดีเหมือนกันนะครับ''
''บ้าเหรอ มันก็ต้องจบลงด้วยดีสิ เรื่องราวที่เขียนน่ะ มันพุ่งตรงไปที่ยอดขายอยู่แล้ว พี่สาวน่ะ เห็นแบบนี้ก็ไม่ได้เชิดชูในผลงานของตัวเองหรอกนะ ทำก็เพื่อเงินไม่ได้เพื่อเนื้อเรื่องจ๊ะ...''
ก็อาจจะจริง การที่ผู้อ่านสนใจและวิจารณ์มากๆ คนเขียนก็อาจจะเป็นเนื้อเรื่องหรือเปลี่ยนตัวนางเอก,พระเอกได้เหมือนกัน แต่ถ้าไปเปลี่ยนมันเมื่อไหร่ มันคือการทรยศในผลงานของตัวเอง กลายเป็นว่าเราไม่ใช่ผู้แต่ง แต่ผู้วิจารณ์เป็นคนชักโจงผู้แต่งให้เขียนตามใจชอบต่างหาก แต่โลกมันก็เป็นแบบนั้นแหละ เพราะว่าเขียนตามวิจารณ์ เลยถูกใจคนอ่านและได้ยอดขาย มันคือโลกแห่งธุระกิจที่โหดร้าย
ผ่านไปอีก ราวๆจนถึงตีหนึ่ง พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันมากหรอก ผมเองก็เช็คงานให้เธอเรื่อยๆจนถึงช่วงสุดท้าย บอกได้เลยว่าบรรยากาศตอนเธอทำงานมันเหมือนมีออร่าความเหนื่อยแพร่กระจายมาที่ผมด้วย ขนาดผมไม่เหนือ่ยยังต้องเหนื่อยตามเลย
สุดท้ายแล้วงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี เธอเขียนงานเสร็จพร้อมหลับคาโต๊ะเลย
''เฮ้อ.. เหนื่อยชะมัด แล้วจะให้ผมขัดห้องน้ำกับซักผ้าทำไมล่ะเนี่ย เจ๊แกนั้งเขียนโดยไม่ลุกเลยไม่ใช่รึไง ให้ตายสิ... ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ''
บ่นไปก็เท่านั้น ตอนนี้เธอหลับปุ๋ยไปแล้ว
ส่วนผมเองก็เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มแก้กระหายซักหน่อย จังหวะที่ผมเปิดตู้เย็น ผมได้เจอขวดน้ำส้มด้วยล่ะ ทำไมมันถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ ? หรือว่าคุณเจ๊จะชอบน้ำส้มกันนะ ช่างเถอะ ขอดื่มหน่อยแล้วกัน อืม ดูไปดูมายื่อห้อเดียวกับที่ไอร่าชอบดื่มเลยนะ
ด้วยเหตุนั้นเองผมจึงหยิบแก้วมาพร้อมลินน้ำส้มเพื่อดื่มมัน จากนั้นก็เก็บเอาไว้ในตู้เย็นเหมือนเดิม
พอมาคิดดูดีดีแล้ว ตอนเธอหลับผมก็สามารถแอบดูดเลือดเธอได้นี่นา..
ถ้างั้น...
ช่วงจังหวะที่เธอหลับคาโต๊ะ ผมจึงเดินไปอย่างช้าๆ เพื่อไปดูดเลือดของเธอที่ไหล่อ่อนๆ แต่ทันทีที่ผมกำลังจะง้างเขี้ยวเพื่อไปกัดที่ไหล่ของเธอ.. เธอก็ดันตื่นขึ้นมาอย่างกระทันหันซะแบบนั้น โดยการตื่นขึ้นมาของเธอ... เธอใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายมาปิดริมฝีปากของผมเอาไว้
การแสดงตัวเป็นพี่สาวแสนเซ็กซี่ ไม่ได้เกลียดหรอกนะครับ...
''เดี๋ยวเถอะหนุ่มน้อย มาแอบทำอะไรพี่สาวตอนหลับกันจ๊ะ.. เด็กไม่ดีเลยนะ''
''ผมเองก็ไม่ได้บอกว่ารีบสินะครับ... ยังไงก็อยากได้เลือดคืนนี้เลยน่ะครับ...''
ผมแยกตัวออกห่างจากเธอมา
''งั้นก่อนที่พี่สาวจะให้เลือดแก่เธอ ขอถามอะไรซักอย่างก่อนนะ''
ดูท่าทางเธอจะจริงจังมากเลยด้วย ดูสิ เธอไม่ยิ้มออกมาพร้อมประโยคที่แล้วๆมาเลย
''อ่าครับ.. ''
''เธอน่ะ มีคนที่รักอยู่รึเปล่า ไม่ว่าจะเคยรัก หรือพึ่งจะรัก หรือคนที่รักแล้วจากไป..''
เธอจ้องตาผม... ผมจ้องตาของเธอ
ผมหายลึกๆเข้าเบาๆ... จากนั้นปล่อยลมหายใจออกมาเพื่อตอบคำถาม
''ตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจตัวเองหรอกครับ แต่ตอนนี้ก็พูดได้เต็มคำว่ารักเธอคนนั้นมาก แต่วันที่ผมจะได้เจอกับเธอคงไม่มาถึงแล้วล่ะครับ มันเป็นความผิดของผมเอง.. หากย้อนเวลาได้ จะอยู่เคียงข้างเธอคนนั้นตลอดไปครับ... มันอาจจะดูตลกนะครับ แต่การที่เรารู้ตัวช้าไป ก็อาจทำให้เรื่องมันแบดเอนท์ได้''
''แปลว่าพึ่งมารู้ตัวและสำนึกผิดสินะ เป็นผู้ชายที่แย่จังนะ แต่ว่าพี่สาวน่ะ ชอบแฮปปี้เอนนะ ^^''
จู่ๆเธอก็กลับมายิ้มอย่างร่าเริงเหมือนเดิม
''ฮ่ะๆ ก็คงงั้นแหละครับ''
และผมก็ไม่ได้ดูดเลือดเธอจากที่คอ เพราะเธอดันใช้มีดกรีดไปที่หลังข้อมือขวาจนเลือดไหลโชก จากเธอก็เทเลือดสดๆจากแผล ใส่แก้วจนเต็มแก้ว เมื่อเธอเทใส่แก้วเสร็จแล้ว ก็รักษาบาดแผลของตัวเองอย่างรวดเร็วจนหายเป็นปริดทิ้ง จากนั้นก็ส่งแก้วเลือดให้กับผม...
''ถ้างั้น พยายามเข้านะ แล้วพอเรื่องจบ อย่าลืมซื้อข้าวมาฝากพี่สาวด้วยล่ะ ^^''
ผมดื่มเลือดจากแก้วทั้งหมด พลางเอามือเช็ดเลือดที่มาเลอะปาก แววตาของกลายเป็นสีแดงฉาน เพราะได้ลิ้มรสเลือดอันวิเศษที่ไม่ได้ลิ้มรสมาเนิ่นนาน
''ความปราถนาของผมคือความตายนะครับ บางที อาจจะไม่ใช่ความตายก็ได้ เพราะงั้นผมอาจจะไม่ได้มาที่นี่อีก อย่างน้อยก็ขอขอบคุณไว้นะครับ ลาก่อนนะครับ เจ๊...''
ผมพูดจบก็เดินออกจากหอพักของราฟาเอลทันที เมื่ออกมาก็ปิดประตูไปทั้งอย่างนั้น พร้อมกางปีกแวมไพร์ 6 ปีก บินกลับบ้านเพื่อเตรียมการขั้นต่อไป... เมื่อผมได้รับเลือดของเธอมาก็ได้ความสามารถก็อปปี้มาได้ 3 อย่าง คือ
1. การฟื้นฟูร่างกาย นอกจากร่างกายของตัวเองจะฟื้นฟูดีอยู่แล้วยิ่งฟื้นฟูไวกว่าเดิมหลายเท่าตัว และสามารถแชร์การฟื้นฟูของตัวเองได้อีกด้วย
2. คือการ สามารถทำให้ปีศาจหรือเทพกลายเป็นอาวุธสำหรับตัวเองได้ด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความยินยอม หากจะลองใช้ก็คงใช้กับรากูเอล ก็คงแปรงร่างของรากูเอลให้กลายเป็นดาบสายฟ้า แล้วใช้ดาบนั่นเป็นอาวุธได้ บางทีอาจจะใช้กับมิคาเอลให้กลายเป็นเกราะเทพมาสวมใส่ตัวผมได้อีกด้วย
3. ความสามารถในการลบร่องรอยได้ ถ้าใช้ความสามารถนี้ควบคู่กับของโรรี่ ถือว่าเป็นพลังที่สุดยอดเลยทีเดียว เพราะถ้าวาปไปด้านหลังใคร คนๆนั้นต้องไม่รู้ตัวแน่ๆ
เอาล่ะ... ผมจะไปนรกคืนนี้เลย
____________________________________________________
ภายในห้องของราฟาเอล... หลังจากที่แอลกลับไปแล้ว
''เอ้า ออกมาได้แล้วนะทั้งสามคน ทำได้ดีมากเลย... ''
ราฟาเอลกล่าวถึง 3 หญิงสาวที่หมกตัวกันอยู่ในกล่องรังสีน้ำตาลมุมซ้ายของห้อง..
คนที่ออกมาจากกล่องใบนั้นคือ ไอร่า.. ลุกซุเรีย อินวี่.. ทั้งสามคนได้ถูกช่วยชีวิตโดยราฟาเอลในศึกบนดาดฟ้าครั้งนั้น และราฟาเอลเป็นคนที่ไปบอกมิคาเอลเรื่องการต่อสู้บนดาดฟ้า เป็นเหตุให้มิคาเอลสามารถช่วยแอลได้ทันเวลาในศึกครั้งนั้น แถมยังใช้ความสามารถในการลบร่องรอยของตัวเองและเดินเข้าไปแบกศพของทั้งสามคนกลับมายังบ้าน พร้อมถ่ายโอนอายุขัยให้ใหม่อีกด้วย
เมื่อเธอทั้งสามออกมาจากกล่องได้แล้วก็เหงื่อพรากกันเลยทีเดียว เพราะต้องแออัดกันในกล่องทั้งวันเพื่อไม่ให้แอลเจอตัว
''ให้ตายสิ... อะไรเนี่ย ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย ร้อนชะมัด ร่างกายของพวกเราในโลกมนุษย์เนี่ย อ่อนแอชะมัดเลย หงุิดหงิดสุดๆ''
ลุกซุเรียบ่นด้วยความหงุดหงิด ที่อยู่ในกล่องทั้งวัน
''ลุกซุเรีย ตกลงกันแล้วนิ ว่าจะตอบแทนพระคุณก่อนจะกลับไปนรกกันน่ะ... ''
อินวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางสั่งสอนลุกซุเรีย
''ก็แหม... ไอ้เจ้าบ้าแอลมันแทงหัวใจของฉันเชียวนะ ตอนนั้นตายคาที่เลย... ''
ส่วนทางด้านไอร่าเนี่ยเงียบกริบ... และที่สำคัญกว่าความเงียบ คือน้ำตาที่ไหลพรากออกมาจนหยดไปที่พื้นเป็นดวงๆไปหมด เสียงสะอึกสะอื้นของเธอที่ได้ยินคำบอกรักของแอลในตอนที่เขาอยู่ในห้อง ได้ทำให้เธอดีใจเป็นอย่างมาก เธอไม่ได้โกรธแอลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะถูกฆ่าด้วยน้ำมือของเขามาแล้วครั้งหนึ่งก็ตาม
''ฮ่ะๆ ดีใจเหรอ ที่เจ้าหนุ่มน้อยพูดบอกรักตัวเองแบบอ้อมๆน่ะ.. ไอร่า.. ''
ราฟาเอลลุกขึ่นมาจากเก้าอี้ พร้อมใช้มือขวาจับหัวของไอร่าเบาๆพร้อมลูบ ส่วนไอร่าก้มลงร้องไห้ พยายามใช้มือทั้งสองซับน้ำตาอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ซับมันไว้ไม่ได้หมด
น้ำตาไหลเป็นหยดๆ..
''ขอโทษนะค่ะ คุณราฟาเอล ช่วยชีวิตฉันไว้แล้วยังทำให้ฉันได้รู้ความจริงจากแอลอีก T^T''
''โอ๋ๆ ไอร่าน่าสงสารจังเลย ฮ่ะๆ''
ราฟาเอลยังคงลูบหัวของไอร่าด้วยความอ่อนโยน....
''น่าๆ ไม่เป็นไรหรอก ผู้ชายมันก็ทึ่มๆกันทั้งนั้นแหละน่า... ส่วนลุกซี่ กับอินวี่ ก็รอให้การปะทะกันระหว่างแอลกับแฮลไซท์จบก่อนนะ ถึงฉันจะอนุญาติให้พวกเธอกลับไปนรกได้''
''บอกว่าอย่าเรียกลุกซี่ไงเล่า !! ยัยราฟาเอล ที่สำคัญ ฉันไม่ขอบคุณหรอกย่ะ ที่มาช่วยชีวิตฉัน ซักวันจะมาตามฆ่าเธอให้ได้เลย ยัยเทพเจ้าเล่ห์ !!''
''เข้าใจแล้ว.. ข้าคิดว่ามันจะจบลงด้วยดีเหมือนที่เจ้าพูด รอดูจุดจบในครั้งนี้กันเถอะ ลุกซุเรีย''
อินวี่หันไปพูดกับลุกซุเรียเพื่อโน้มน้าวใจ ถึงลุกซุเรียจะปากไม่ค่อยดี แต่อินวี่เป็นคนที่สำนึกบุญคุณของคนแตกต่างจากลุกซุเรีย
''อะไรของเธอล่ะอินวี่ ไม่เห็นรึไงว่าเจ้าแวมไพร์กำลังไปทำร้ายท่านเฮลไซท์นะ พวกเราควรรีบกลับนรกไปคุ้มครองท่านเฮลไซท์สิ ถึงจะถูก''
ลุกซุเรียท่าทางร้อนรนอยากกลับนรกเต็มแก่
''เชื่อในตัวข้าสิ ข้าคิดว่ามันต้องจบลงได้ด้วยดีอย่างแน่นอน''
อินวี่ยังคงใจเย็นและรอบคอบ....
''ถึงพวกเธอทั้งสามคนอยากไปหยุด หรืออยากจะไปนรก ฉันก็ไม่อนุญาติหรอกนะ...พวกเธอทั้งสามต้องยู่ในห้องนี้จนกว่าการต่อสู้จะจบ ถ้าคิดจะหนีเมื่อไหร่ เจ๊ของยึดอายุขัยคืนนะจ๊ะ.. ^^''
คำพูดของราฟาเอลเหมือนจะดี แต่นี่คือความเจ้าเล่ห์ของเธอล่ะ
''เห็นไหมละ ลุกซุเรีย อย่าทำตัวไร้ประโยชน์นักสิ เพราะเจ้ามันโง่ไง ตอนนี้เราทำได้เพียงแค่รอ''
''จ้าๆ พูดกันแค่นี้พอแล้ว ยังไงทั้งสามคนช่วยขัดห้องน้ำให้พี่สาวหน่อยนะ แอลทำไว้ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ พี่สาวน่ะอยากอาบน้ำในห้องน้ำที่หอมนะจ๊ะ.. ^^''
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ