3Kill ฆ่า ฆ่า ฆ่า
9.8
เขียนโดย ชิโร่
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.04 น.
26 ตอน
32 วิจารณ์
30.95K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 22.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) ตอนที่ 13 ไม่เข้าใจตัวเอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ณ หอพักสองชั้นเก่าๆของเมืองถัดไปที่ไม่ไกลจากเมืองนี้มากนัก
มันเป็นหอพักสองชั้นที่ราคาถูกและตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีกำแพงล้อมรอบหอพักเอาไว้ รวมถึงข้างๆก็มีบ้านต่างๆล้อมรอบ หน้าหอพักเป็นถนนเล็กๆและตั้งอยู่ในซอย อีกทั้งยังอยู่ใกล้ร้านข้าวหรือร้านค้าต่างๆอีกด้วย หลังคาของบ้านสองชั้นถูกออกแบบด้วยหลังคาสีน้ำเงินและมีทั้งหมด 12 ห้องด้วยกัน แต่ละห้องล้วนไม่ได้กว้างซักเท่าไหร่
เวลานี้ราวๆ ตีหนึ่งของโลกมนุษย์..
เสียงจิ้งหรีดมันร้องออกมาท่ามกลางความเงียบ ทำให้บรรยากาศดูวังเวง
หญิงสาวร่างเล็กๆอันบอบฉ้ำไปด้วยเลือด แถมยังเปลือยท่อนบนด้วยเสื้อผ้าที่ขาดสะบั่น กำลังคลานขึ้นบันไดไปยังชั้นที่สองของหอพักอย่างน่าสมเพช พร้อมเลือดในร่างกายไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย หยดลงสู่พื้นบันไดอยู่หลายครั้ง แววตาของเธอเหมือนคนตายและอดอยากอย่างเป็นที่สุด.. โดยขณะที่เดินยังใช้มือทั้งสองจับราวบันไดเพื่อให้เดินสะดวกยิ่งขึ้น
หลังจากที่เธอเดินขึ้นมาอย่างยากลำบากแล้ว ก็ได้ไปยังห้องหมายเลข 1
เมื่อประตูถูกเคาะ.. ก็อก... ก็อกๆ....
''ระ..ราฟาเอล ชะ.. ช่วยฉันด้วย''
โรรี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่แผ่วเบา
หลังจากคำพูดนั้นเอ่ยขึ้นมาได้ 30 วินาที ประตูนั้นก็ได้ถูกเปิดตามคำขอร้องของหญิงสาว.. แต่ว่าในทันทีที่ประตูถูกเปิดออก โรรี่เธอก็ทรุดตัวลงไปนอนกับพื้นทันทีด้วยความเหนื่อยล้าจนขยับร่างกายไม่ได้ และคนที่มาเปิดประตูให้กับเธอก็คือเจ้าของห้อง และมีชื่อว่า ''ราฟาเอล''
ราฟาเอล... เป็นผู้หญิงที่มีทรงผมบอร์นสีแดงฉาน และยาวจนถึงช่วงเอว ผมของเธอยุ่งหน่อยๆเหมือนคนที่ไม่ค่อยมีเวลาหลับนอน เธอใส่เสื้อกล้ามสีน้ำตาลพร้อมกางเกงขาสั้น แววตาของเธอออกเป็นสีแดงชมพู หุ่นของเธอเหมือนนางแบบในหลายๆอย่าง เอว..สะโพก หน้าอก เรียวแขน และขา
''ระ... โรรี่ ! ไปทำอะไรมาน่ะ''
ราฟาเอลรีบเดินเข้าไปพยุงตัวของโรรี่ทันที ด้วยสีหน้ากระวนกระวายหน่อยๆ
''ระ...ราฟาเอล''
เพียงโรรี่พูดได้ไม่กี่ประโยค ก็สลบคาอ้อมแขนของราฟาเอลที่พยุงตัวเธอเอาไว้
_______________________________________________________________
ณ บ้านของแอล
ในขณะที่ผมกลับมาบ้านก็กินเวลาตีหนึ่งกว่าๆได้ กลับมาในบ้านหลังนี้จากที่ไม่ได้มาซะเนิ่นนาน ดูภาพแล้วมันก็เหมือนเดิม มันมืด และวังเวง ผมไม่รู้ว่าอารมณ์ของมันมันสามารถบิดเบี้ยวได้แค่ไหน เพียงแต่ตอนที่ผมอยู่ในคุก เหมือนผมจะมีอาการทางประสาทที่แปลกออกไปนิดหน่อย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ตอนที่เห็นความมืดภายในบ้านก่อนที่จะย่างฝีเท้าเข้าไป มันช่างน่าเศร้าเหมือมีคนกำลังเล่นไวโอลินปลอบใจกับความโศกนี้ ทำให้ผมหดหู่ลงมาอย่างน่าแปลกใจ
และผม ก็เดินเข้าไปในบ้าน... แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำคือการถอดรองเท้า และเปิดไฟข้างผนังให้ความสว่าง
หลังจากนั้นผมจึงเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องของตนเองในชั้นที่ 2 .. แต่ก่อนที่ผมจะเข้าห้องของตนเอง ก็ได้แวะไปเยี่ยมเยียนน้องชายที่ไม่ได้เจอกันนานซะหน่อย.. ผมมั่นใจว่าเวลาดึกๆแบบนี้ก็คงจะนอนอยู่ในห้องนั่นแหละ โดยผมค่อยๆแง้มประตูไปอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้น้องตื่น จากนั้นก็เดินเข้าไปนั่งบนเตียงของน้อง
น้องของผมมีชื่อว่า ลุกซ์ แม่แท้ๆของเจ้าตัวเป็นชาวต่างชาติ ส่วนเป็นหรือตาย อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตอนพ่อเลี้ยงแต่งงานใหม่กับแม่ของผม ก็ดูเหมือนจะปิดบังอะไรหลายๆอย่างเอาไว้ ตอนนี้ น้องของผมเองก็หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงพร้อมผ้าห่มผืนสีขาวนุ่มๆ
ผมมองไปยังสีหน้าหลับไหลของเขาและยิ้มขึ้นมานิดหน่อย...
เมื่อมองอีกครั้งก็พบว่า ผ้าห่มมันห่มไม่สุด จึงช่วยไม่ได้ที่ผมจะยกมันขึ้นมาโอบร่างกายของน้องเอาไว้..
และเริ่มใช้มือขวา ลูบหัวของน้องช้าๆ พลางยิ้มอ่อนๆ
''ขอโทษนะ.. พี่ไม่อยู่แล้ว น้องคงไม่ได้กินกับข้าวฝีมือของพี่แล้วนะ''
ลูบหัวน้องไปอย่างช้าๆ ในขณะที่น้องละเมอออกมาหน่อยๆด้วยสีหน้ามีความสุข โดยเฉพาะรอยยิ้ม
''แล้วก็ ขอโทษนะ ต่อจากนี้คงดูแลน้องไม่ได้อีกต่อไปแล้วนะ..''
รอยยิ้มของน้องยิ่งเพื่มตอนหลับใหลเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ผมในตอนนี้ยิ้มตามไปมากขึ้น
''ไม่ต้องห่วงนะ น้องน่ะต่างจากพี่ ถ้าเป็นพ่อกับแม่ละก็ ต้องรักน้องอย่างแน่นอน''
ก็รู้สึกมีความสุข แต่ทำไมน้ำตามันเริ่มไหลกันล่ะ ?
''เวลาที่พี่ทำกับข้าวและน้องชอบมากระตุกผ้ากระเปื้อนทางด้านหลังพร้อมบอกว่าเสร็จหรือยัง ผมหิวแล้วนะ และทุกๆครั้งพี่ก็จะหันหลังมาพร้อมตอบว่า อีกเดี๋ยวนะ^^ คำๆนั้นพี่มีความสุขมากเลยนะ''
ภาพวันวานทำไมเหมือนมันแตกร้าวออกไปโดยสิ้นเชิงกันล่ะ ? กระจกที่แตกร้าวมันจะประกอบได้เหมือนเดิมรึเปล่ากันนะ พอลองมานึกๆดูในเรื่องอดีตของตนเอง มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก... ไม่สิ มันเลวร้าย แต่ก็มีเรื่องดีอยู่เหมือนกัน ยังมีคนที่รักเราอย่างลินดา รวมถึงญาติห่างๆอีกหลายคน เพียงแต่ ถึงจะบอกว่ารักแต่มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะสถานะของพวกเราต่างถูกบีบให้แยกห่าง
.....
''ขอโทษนะ... ขอโทษจริงๆ พี่ไม่สามารถหันหลังกลับมาได้อีกแล้ว ซักวัน ถ้ามีคำว่าพรุ้งนี้สำหรับพี่แล้วล่ะก็ พี่ก็อยากจะให้พวกมาเป็นพี่น้องกันอีก สำหรับพี่แล้วน่ะ... ''
ผมจ้องมองไปแบบเศร้าๆจนไม่อยากนึกภาพสีหน้าของตนเองเลย
ถ้าเรา.... ถ้าเราเดินต่อไปเรื่อยๆ
ในขณะที่พี่เดินตามเส้นทาง พอหันกลับไป ก็ไม่เจออะไรเลย เดินบนเส้นทางที่ทุกอย่างขาวโพน หันหลังกลับมาอีกครั้งก็ไม่เจอ ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง... มันน่ากลัวมากเลย ที่ไม่มีคนมายืนเคียงข้าง สิ่งที่กลัวก็คือ ถ้าหากล้มขึ้นมา ก็ไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาได้อีก...
เมื่อน้ำตาของผมมันไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว จึงได้แต่ใช้มือขวาปาดมันเอาไว้และเดินออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ ปิดประตูไปอย่างเบาๆ จากนั้นก็ได้เวลาที่ผมจะอาบน้ำซะที.. ถึงแม้ว่าร่างกายมันจะสะอาดเพราะการฟื้นฟูของแวมไพร์ก็ตาม แต่ความรู้สึกของมนุษย์ก็คงต้องอยากโดนน้ำกันบ้างแหละ
ณ ห้องน้ำ
ผมเปิดไฟห้องน้ำพร้อมเอาร่างกายไปแช่ในน้ำเย็นในอ่างอาบน้ำสีขาว พยายามนอนในอ่างให้จมไปทั้งศีรษะเพื่อให้ร่างกายเปียกไปทุกส่วน จากนั้นก็ผลุดหัวขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมสลัดผมไปมาด้วยความสดชื่นชุ่มฉ่ำ พร้อมเงยหน้ามองแสงไฟขาวๆบนเพดานห้องน้ำ
อา.. รู้สึกแสบตาจริงๆ
ถึงจะไม่ง่วง.. แต่ อยากหลับ..
มันเหนื่อย... เหนื่อยจริงๆ อยากหยุดอยู่แค่นี้จริงๆ
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เหมือนในเซฟเกมส์ ตอนนี้ตัวผมจะอยู่ส่วนใดของโลกกันนะ จะยังมีชีวิต อยู่รึเปล่า จะมีความสุขไหม หรือว่าจะทุกข์ หรือว่าจะไม่มีผมตั้งแต่แรกแล้ว ทุกอย่างแค่คิดมันก็น่ากลัว แต่ก็อยากลองกลับไปยังจุดเดิมเช่นกัน
แช่น้ำเย็นในร่างกายมันชุ่มฉ่ำ จากนั้นจึงได้ลุกขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำพร้อมใช้ผ้าเช็ดตัวสีขาว เช็ดน้ำออกจากร่างกาย และเมื่อผมกำลังเดินออกจากห้องน้ำ ก็ดันไปเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจก
กระจกมันสะท้อนถึงใบหน้าของตนเอง
เราเปลี่ยนไปแล้วงั้นเหรอ หรือว่าจะยังไม่เปลี่ยนไป
ทำให้ชวนสงสัยเลยว่า
มีใครที่รักเราไหมนะ ?
ตัวเราเคยหัวเราะจริงๆซักครั้งหรือเปล่า
เคยมีความสุขไหม ?
จริงๆแล้วผมอาจจะไม่ได้ปราถนาให้ใครมารักก็ได้ แต่ผมอาจจะปราถนา หาใครซักคนมารักมากกว่า
แล้วทำไมตัวผมในกระจก ถึงได้ทำหน้าเศร้าแบบนั้นกันล่ะ หากจะสะท้อนล่ะก็ ควรจะเป็นภาพรอยยิ้มไม่ใช่รึไง หรือสิ่งๆนั้นมันไม่สามารถหาได้แล้ว หรือมันไม่มีแต่แรก หรือมันจางหายไปโดยไม่รู้ตัว หรือมันจะถูกแทนที่ไปด้วยความเกลียดชัง
หลับตาขวาไปข้างหนึ่งพร้อมมองหน้าตัวเองจริงจังขึ้น หลังจากนั้นจึงได้ตัดสินใจ
ว่าจะไม่หันหลังกลับเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อเป้าหมาย แม้ต้องหลั่งเลือด
ยิ่งสูญเสีย ก็ยิ่งต้องหลั่งเลือดออกมา จะให้ทุกอย่างที่ทำมาจนถึงตอนนี้ สูญเปล่าไม่ได้เด็ดขาด
ไม่ว่าจะใครต่อใคร... ไม่ว่าจะต้องฆ่าใคร จะมือเปื้อนเลือดแค่ไหน..
ถ้าจะเดินไปข้างหน้าล่ะก็ ไม่ควรจะกลับไปหันหลัง
หากล้ม ก็มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะช่วยได้ โลกมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
ผม..ที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ได้เข้าห้องนอนของตนเองเพื่อที่จะนอนหลับพักผ่อนร่างกาย.. หลังจากที่เข้าห้องนอนของตัวเองได้แล้วก็พบว่า ในห้องมันสะอาดผิดปกติซะจริง ทั้งๆที่ผมไม่อยู่ในช่วง 3 เดือนแท้ๆ หรือว่าไอร่าจะเป็นคนทำความสะอาดให้กันนะ หรือจะเป็นพ่อกับแม่ ?
สุดท้ายแล้วช่วงเวลาของคืนนี้ ผมก็ไปยังเตียงนอนของตนเอง ผมเห็นไอร่าหลับอยู่พร้อมกับผ้าห่มสีขาวนุ่มๆ แววตาของไอร่าที่นอนตะแคงซ้าย มันเป็นเหมือนคนหลับที่ไม่สนิท พยายามคิดเรื่องให้เครียดตลอดเวลา ผมที่เห็นสีหน้าของไอร่าตอนนอนหลับก็ฉุดคิดขึ้นมาได้
เธอเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนี่นา... ไม่สิ เธอเองก็เป็นมนุษย์.. การที่มีความกังวลในใจก็เป็นเรื่องปกติ
ผมนั้งไปข้างๆเตียง คอยปาดเส้นผมนุ่มๆของเธออยู่หลายครั้ง
เธอที่นอนตะแคง กำลังมีน้ำตาไหลย้อยลงมา ทำให้ผมคิดได้ว่า การนอนตะแคงทำให้น้ำตาไหล หรือจะเป็นการร้องไห้ อย่างไหนกันที่เป็นของจริง ?
ผมจึงได้ไปนอนข้างๆเธอเอาไว้ และห่มผ้าห่มด้วยกัน จากนั้นผมจึงได้ตัดสินใจหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
พวกเราทั้งสองคน หนุนหมอนใบเดียวกัน และหันหน้าเข้าหากัน หน้าผากของพวกเรา ประชันชิดกัน
หลับตาลึกลงไปก็เห็นได้แต่เพียงภาพมืดๆเท่านั้น
มันน่ากลัวจริงๆนะ ความมืดเนี่ย... มองไปทางไหน ก็ไม่เจออะไรเลย
ในตอนที่ผมหลับ รู้ได้เพียงอย่างเดียวว่า ไอร่าเอื้อมมือมากอดผม
_______________________________________________________
เช้าวันถัดมา... เวลาราวๆ 7 โมงเช้า
ผมตื่นมาจากเตียงนอน และยืนขึ้น จากนั้นก็เดินไปเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่าง ทำให้แสงอรุณอ่อนๆสาดส่องเข้ามายังในห้องของตนเอง แต่แทนที่แสงแดดมันจะอุ่น แต่สำหรับผมแล้วแสงแดดแบบนี้มันร้อนมากกว่าน่ะสิ
''ไอร่า.. ตื่นได้แล้วนะ''
ผมหันหลังไป ใช้เสียงดังพอสมควรเพื่อปลุกเธอ
ส่วนทางด้านไอร่าที่ได้ยินเสียงของผม เธอก็ได้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมกับขยี้ตาของเธอเบาๆจากความงัวเงีย พร้อมดันผ้าห่มออกไปจากร่างกาย และในตอนที่เธอเอาผ้าห่มออกไปนั้นผมเองก็พึ่งสังเกตุเห็นเหมือนกัน ว่าเธอใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียวเท่านั้น
''งืมม... ''
เธอขยี้ตาพลางมองหน้าผมไปด้วย
''เธอเนี่ยน๊า... จะหลับไปถึงเมื่อไหร่ รีบๆตื่นแล้วไปอาบน้ำซะทีสิ''
''จะออกไปไหนเหรอ แอล..''
ไอร่าถามกลับมาด้วยเสียงงัวเงีย
''ไปเที่ยวไง... อยู่ในคุกมานาน ก็อยากจะหาอะไรทำแก้เบื่อบ้าง.. หรือเธอไม่อยากไปกับผมล่ะ ^^ ''
ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นการเชื้อเชิญ
เธอเงียบ.. แววตาของเธอมันกระจ่างขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว จ้องมองมาที่หน้าของผมระยะเวลาหนึ่ง..
เธอจึง
''อ๊ะ... ป่ะ... ไปสิ รอเดี๋ยวนะ''
ผมคงคิดว่าเธออาจจะดีใจนะ... การที่เธอรับใช้เฮลไซท์ ได้ถูกคำว่าซื่อสัตย์ผูกมัดไว้เหมือนโซ่ แต่อิสระในครั้งนี้ มันจะเป็นอย่างไรกันนะ
____________________________________________________________
เมื่อพวกเราทั้งสอง แต่งตัวกันเสร็จแล้ว ก็ได้ออกมาจากบ้านในทันที ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่ไอร่าจะใช้มนต์สะกดพ่อแม่อีกครั้งเพื่อไม่ให้พวกท่านทั้งสองไม่ตื่นตระหนักเมื่อเจอหน้าผมอยู่ในบ้าน แต่สิ่งที่ไม่อยากทำเลยก็คือต้องสะกดจิตน้องชายของผมอีกคน บอกตามตรงว่าไม่อยากให้น้องชายของผมมามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องอันตรายแบบนี้ เพราะงั้นวันนี้ผมจึงได้ตัดสินใจว่าจะต้องหาที่อยู่ใหม่
ไอร่า.. ใส่ชุดของแม่ในสมัยสาวๆ ซึ่งเป็นชุดกระโปรงสีขาวแขนสั้น ออกลายดอกไม้หน่อยๆ และสวมหมวกฟลอบบี้สีน้ำตาลอ่อน
บอกตรงๆว่าเวลามองเธอเนี่ย มันสวยมากจริงๆ ด้วยหน้าตาที่เหมือนกับเฮลไซท์แล้ว เธอออกจะดูน่ารักมากกว่า อืม.. จะบอกว่าสภาพเธอตอนนี้เหมือนผู้หญิงที่น่าดูแลก็เป็นได้ อาจจะเป็นที่บุคลิกและนิสัย รวมถึงท่าทางของพวกเธอทั้งสองแตกต่างกันอยู่มากก็เป็นได้
ส่วนตัวผม ก็ใส่เสื้อยืดสีขาวธรรมดาพร้อมเสื้อคลุมสีดำกางเกงขายาว
ตอนนี้ผมและไอร่า กำลังยืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง
''จ....จะไปที่ไหนกันดีเหรอ แอล..''
ไอร่าเธอถามผมแบบกลัวๆหน่อย คงจะเป็นเพราะยังไม่ชินล่ะมั้ง
''นั่นสินะ... ผมเองก็ไม่เคยเดทด้วยสิ มีที่อยากไปหรือเปล่าล่ะ ?''
ใช่... ถึงผมจะเคยมีแฟนมาก่อนแล้วก็เถอะ แต่กับยัยนั่นก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ จะว่าไปตั้งแต่ไอ้จอร์จตาย แฟนเก่าของผมตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ
''เดท !! ? >///<''
ไอร่าดูทำหน้าตกใจมาก
อา... ตอนเธอตื่นนอนผมบอกแค่ว่าจะไปเที่ยวนี่นา แต่มันก็เหมือนกับเดทนี่ หรือมันต่างกันนะ เอาเถอะ ช่างมันปะไร เพราะสีหน้าของเธอ ผมมองออกหน่อยๆว่ามีความสุข เท่านี้ก็โอเคแล้ว
''อ่า.. พกวเราจะไปเดทกัน เธออยากจะไปที่ไหนล่ะ ผมจะพาไป''
เธอเงียบไปสักพัก พร้อมกับก้มหน้าลงแบบอายๆ
''ท่ะ.. ที่ไหนก็ได้เหรอ... จริงๆเหรอ''
ดูท่าไอร่าจะมีความสนใจแบบนี้ด้วยสินะ เอาเถอะ ก็เป็นผู้หญิงนี่นะ แต่ว่าไม่ต้องทำท่าดีใจแบบนั้นก็ได้ เห็นแล้วรู้สึกผิดหน่อยๆแฮะ
''อ่า... วันนี้ผมตามใจเธอนะ อยากจะทำอะไร หรืออยากกินอะไรก็ตามสบาย''
''งะ.. งั้น.. แอล ฉะ... ฉันอยากจะเล่นเทนนิสน่ะ ด..ได้หรือเปล่า ล่ะ-แล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเล่นกับนายด้วย อยากรู้จักนายมากกว่านี้ ''
ไอร่าเธอทำท่าทางเขินหน่อยๆ พยายามก้มหน้าไม่สบตากับผม กุมมือทั้งสองเอาไว้ นิ้วมือทั้งหลายพันกันมั่วเหมือนผู้หญิงขี้อาย
แต่น่าแปลกนิดหน่อยนะ ทำเอาผมตกใจหน่อยๆเลยนะ ครึ่งปีศาจอย่างเธออยากเล่นกีฬาบนโลกมนุษย์งั้นสินะ ก็ได้.. ผมก็ว่ามันไม่เลวหรอกนะ
''เมืองถัดไปเองก็มีสนามเทนนิสอยู่หรอกนะ บ้านของผมก็มีไม้กับลูกเทนนิสอยู่ด้วย แต่ว่าจะดีเหรอ ใส่ชุดกระโปรงสวยๆแบบนี้ไปตีน่ะ''
''ส่ะ..สวยเหรอ. >//< ค..คือว่า อืม.. ไม่เป็นไร...ใส่ชุดนี้ก็ได้นะ... ''
เอาจริงหรอเนี่ย ใส่ชุดกระโปรงสวยๆตีเทนนิสเนี่ยนะ ? ถ้าเธอไม่มีปัญหา ผมก็ไม่ขัดข้องหรอกนะ ยังไงซะวันนี้ผมจะทำให้มันเป็นวันที่สำคัญสำหรับเธอล่ะนะ
''เข้าใจแล้ว... งั้นไปกันเลยไหม บอกไว้ก่อนนะ ว่าผม.. เอ่อ.. ไม่สิ บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าฉันน่ะเก่งนะ ไม่ออมมือให้หรอกนะ ไอร่า ^^''
''อื่อ ! ^^''
และแล้วพวกเราก็ได้เดินไปยังสนามเทนนิสของเมืองข้างๆด้วยกัน โดยผมเป็นฝ่ายขอไอร่าจับมือในขณะที่เดินไปด้วยกัน ถึงแม้ว่าเธอจะดูท่าทางกังวลหน่อยๆ แต่ก็ยอมจับมือกับผมจนได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมกับไอร่าเดินจับมือด้วยกันตลอดทาง
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรกันระหว่างที่เดินไปด้วยกันก็ตาม ผมเองก็พยายามมองหน้าของเธอแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพอมองไปทีไรเธอก็คอยเอาหมวกมาบังหน้าตลอด และไม่เข้าใจว่าพยายามหลบหน้าผมไปเพื่ออะไร แถมยังชอบก้มหน้าลงพื้น ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา เหงื่อตรงฝ่ามือของเธอที่จับซึ่งกันและกันก็ไหลตลอด เหมือนกันกำลังประหม่าเลยนะ หรือว่าอากาศจะร้อนกันนะ ใช่.. อากาศร้อนแหงๆ
กินเวลาไปกว่าไปเกือบชั่วโมงที่ใช้เวลาไปยังสนามเทนนิส โชคยังดีหน่อยที่ระหว่างทางเจอเด็กปั่นจักรยานข้างทาง ผมก็เลยขโมยมา พวกเราเลยไม่ต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้
สนามกีฬาที่พวกเรามาถึง เป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ ซึ่งที่นี่ก็มีสนามเทนนิส สนามบาส หรือสนามฟุดบอลก็มี ถึงแม้ว่าแต่ละสนามจะอยู่ห่างกันพอสมควร แต่ที่นี่ก็ถูกเรียกว่า ''สนามสวรรค์..'' นั่นคือชื่อเรียกของสนามนี้มาตั้งนานแล้ว
เวลานี้ก็กินไปราวๆ 8 โมงกว่าๆ หากเวลาปกติแล้วคนส่วนมากจะมาออกกำลังกายกันตอนเย็น สนามส่วนใหญ่แถวนี้เลยว่างมากๆเพราะผู้คนต่างไปทำงานหรือไม่เรียนกันหมด
___________________________________________
ณ สนามเทนนิสที่ข้างในเป็นกรง
''เอาล่ะนะ ไอร่า !''
ฝึบบ!! หวิด ตุ๊บ !!
การตีลูกเทนนิสของพวกเราก็เริ่มขึ้นโดยฝ่ายผมเป็นคนเสริฟ พวกเราเริ่มการหวัดเหวี่ยงลูกกันอย่างไม่มีการออมมือ ถึงจะเห็นผมเป็นแบบนี้ แต่ผมก็มีฝีมืออยู่พอสมควร แต่นึกไม่ถึงเลยว่าไอร่าเธอเล่นเก่งกว่าผมเสียอีก
หยาดเหงื่อของพวกเราเริ่มโปรยลงมาที่ละน้อย เสื้อผ้าเองก็ขยับได้ไม่สะดวกสักเท่าไหร่ .. คนที่เขาผ่านทางมาก็มองด้วยท่าทีแปลกประหลาดกันทั้งนั้น.. ผมเองก็คิดว่าแปลก ก็ชุดที่พวกเราใส่มันไม่เหมาะกับกีฬาเลยสักนิด
เวลายังคงผ่านไป ดูเหมือนว่าไอร่าเธอจะยิ้มออกมากว้างขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เล่นเทนนิสกับผม มันเต็มไปด้วยความสนุกจนทำเอาผมเผลอสนุกไปด้วยเลย พวกเราไม่ได้เล่นนับแต้มกันเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับการเล่นกีฬาอย่างบ้าคลั่งเพื่อระบายความเครียดมันออกไปทั้งหมด
จนท้ายสุด เหงื่อของพวกเราทั้งสอง ก็ไหลออกมาจนชุ่มไปทั้งร่างกาย เหมือนกับการเอาน้ำมาเช็ดร่างกายเข้าไปเรื่อยๆ เสื้อผ้าเองก็เหมือนจะเปียกน้ำจนเห็นถึงชั้นใน.. ไม่ใช่แค่ไอร่า แต่ผมเองก็ด้วย ยิ่งผ่านไปนานเข้าร่างกายก็เริ่มชินกับการตีแทนนิส ดูเหมือนว่าไอร่าก็เช่นกัน ร่างกายของเธอพริ้วไหวออกมาอย่างเปร่งประกาย กระโปรงสั่นไหวทุกครั้งที่ตีลูกออกมา
รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปตั้งหลายชั่วโมงแล้ว พวกเรายังไม่หยุดตีกันเลย ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนแถวๆนั้นต่างพากันมาดูพวกเราตีเทนนิสกัน เพราะฝีมือของพวกเรามันเกินมนุษย์ ตีกันเหมือนระดับโลก.. ไม่สิ ยิ่งกว่านั้นอีก ความเร็วในการตีมันเพื่มขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับว่ายิ่งตีตอบโต้กันเท่าไหร่ยิ่งสะใจมากเท่านั้น
หลังจากที่เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงตรง พวกเราก็ได้หยุดพักกันสักระยะหนึ่ง โดยพวกเราทั้งสองคน ไปนั้งข้างๆสนามด้วยกัน
''แฮ่ก.. แฮ่ก... เหนื่อยแฮะ''
ผมนั้งพิงกับกรง เงยหน้ามองท้องฟ้าอันแสนเร่าร้อน มันแสบตาซะจริงนะ เหงื่อไหลออกมาเป็นหยดๆเลยล่ะ เสียงหายใจก็หอบๆแหบๆ
''หิวน้ำจังเลย''
ไอร่าเธอหิวน้ำ ส่วนผมก็คงเป็นหิวเลือด ความเหนือยจากการเล่นกีฬาของผมเองก็น่าจะมาจากการอดเลือดเป็นเวลานาน แต่คงเรียกได้ว่าได้รับเลือดไม่เพียงพอมากกว่า และการที่ผมดื่มน้ำไม่สมารถแก้กระหายได้เต็มร้อย เรื่องนี้ผมรู้ดี
''หิวน้ำสินะ งั้นแวะกินอะไรกันหน่อยไหม ? ตั้งแต่ออกมาจากบ้านก็ไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา''
''อะ.. อืม นั่นสินะ ^^''
ถึงจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ตาม แต่จังหวะนั้นก็มีรถไอติมมาขาย มันเป็นรถที่ชอบเร่ขายในเวลากลางวันและตอนเย็น ซึ่งจะเห็นได้เป็นประจำ และคนที่ออกกำลังกายส่วนใหญ่จะชอบมาซื้อด้วย และด้วยเหตุนั้นทำให้ผม เดินออกไปซื้อไอติมแท่งมาให้ไอร่ากิน
โดยผมเป็นคนเรียกให้เขาหยุดรถ จากนั้นก็เดินไปซื้อพร้อมกับจ่ายเงิน โดยไอติมที่จะซื้อนั้นก็เป็นแท่งธรรมดาๆรสส้ม แต่ถึงผมจะซื้อให้ไอร่า แต่ก็ไม่ได้ซื้อของตัวเองมา เพราะผมไม่สามารถกินมันได้นั่นเอง หลังจากที่ผมซื้อมาแล้ว ก็วิ่งกลับไปยังสนามเทนนิสเพื่อเอาไปให้ไอร่า
นึกไม่ถึงเลยว่าตอนผมกำลังส่งไอติมให้เธอ.. เธอกลับยิ้มออกมาอย่างน่าดีใจ
แต่เธอ ก็ยังยืนมองหน้าผม โดยไม่ได้พูดอะไร
''เป็นอะไรไปหรอ เอาไปสิ ฉันซื้อให้เธอนะ ร้อนๆแบบนี้... ''
เธอยังคงเงียบ... ไอติมในถุงพลาสติกมันเริ่มละลายเพราะความร้อนแล้ว
''ไอร่า... ''
ผมเรียกชื่อเธอพร้อมทำหน้างงๆ
แต่เธอกลับร้องไห้ออกมาทั้งๆที่กำลังยิ้มอยู่ ถึงจะร้องไห้แบบน้ำตาซึมๆก็เถอะ แต่ว่า ช่วงเวลาที่น้ำตามันไหลออกมาน้อยๆนั่น ทำให้จิตใจผมสะเทือนโดยไม่รู้ตัว ขนาดผมเองก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมหัวใจมันถึงได้อึดอัดแปลกๆกันนะ...
''ม.. ไม่กินงั้นเหรอ''
''กินสิ !!!''
เธอตอบกลับมาในทันที และแย่งไอติมไปจากมือของผมในวินาทีนั้น
//ขอบคุณนะ แอล... นานแล้วนะที่ไม่มีคนมามอบของกินให้ฉันคนนี้//
จากนั้นเธอจึงเริ่มฉีกถุงออกมา และกินมันอย่างเอร็ดอร่อย ทำเอาผมอิจฉาเลยล่ะ ก็แวมไพร์อย่างผมไม่สามารถกินอาหารของมนุษย์ได้แล้ว เรื่องรสชาตินั่น.. อาหารเหล่านั้น ยังอยากที่จะลิ้มรสมันอีกครั้ง..
หลังจากที่ไอร่ากัดมันไปได้ 2-3 คำ เธอก็มองหน้าของผมพร้อมเอ่ยถาม
''แอลล่ะ... ไม่กินหน่อยเหรอ ?''
ไอร่ายื่นไอติมมาให้ผมกัด
''อย่าดีกว่านะ ฉันน่ะกินสิ่งนี้ไม่ได้ เธอก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ ?''
''กินได้สิ ถ้าอยากกินล่ะก็ ฉันจะทำให้กินได้เองนะ''
เมื่อไอร่าเธอพูดคำนั้นออกไป เธอจึงได้ใช้เล็บนิ้วโป้งซ้าย จิกไปยังนิ้วชี้ซ้ายจนเกิดเลือดไหลขึ้นมา จากนั้นเธอจึงใช้เลือดเหล่านั้น หยดลงไปในแท่งไอติมนั่น แล้วยื่นมาให้ผมกัด..
ผมเองก็ไม่ลังเลหรอก เพราะเลือดของเธอมันหอมซะจริงๆ
พอลองกัดไปหนึ่งคำก็รู้เลยว่า มันอร่อยเหมือนเลือดเย็นๆจริงๆ
จะเรียกว่าน้ำแข็งเลือด.. ไม่สิ ไอติมเลือด
''เห็นไหมล่ะ .. อร่อยรึเปล่า ^^''
เธอยิ้มออกมาให้กับคนอย่างผม..
อา.. ความรู้สึกแน่นแปลกๆนี่คืออะไรกันนะ..
หงุดหงิดหน่อยๆแฮะ..
เราเองก็แปลกดีนะ เวลาแบบนี้
ผมน่ะ...
''ฮ่ะ..... ฮ่ะๆ''
แย่เหมือนกันนะ ที่หลุดหัวเราะออกไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้หัวเราะเพราะรู้สึกสนุกแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วนะ ไม่สิ.. นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้หัวเราะเพราะมีความสุข ทั้งๆที่ผมกำลังหลอกใช้ไอร่าอยู่แท้ๆ แต่ทำไมกันล่ะ ?
''แอล ?''
ไอร่ากำลังแปลกใจกับเสียงหัวเราะของผม...
''ฮ่าๆ ... ฮ่าๆ... เธอเนี่ยน๊า.. จริงๆเลย''
หลังจากที่ผมหลุดหัวเราะออกไป ไอร่าก็โดนจี้ตามไปด้วย พวกเเราหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้าท่ามกลางสนามเทนนิส ไม่สนสายตาใครทั้งนั้น เพราะตอนนี้มันเหมือนกับว่าได้ปลดปล่อยทุกอย่างไปแล้วนั่นเอง
_____________________________________________________
ณ ห้องน้ำสวนสารธารณะ
ผมกับไอร่า อยู่ในห้องน้ำผู้ชายด้วยกัน มันเต็มไปด้วยความเงียบเพราะพวกเราไม่ได้พูดอะไรกันเลย ทุกอย่างเหมือนร่างกายพวกเราทั้งสองจะขยับไปเอง ผมจับแขนของเธอขึ้นเหนือหัว พร้อมเลียไปในบริเวณรักแร้เบาๆ ถึงไอร่าเธอจะพยายามปิดกั้นสิหน้าและหลับตาแบบกลัวๆอยู่ก็ตาม
ต่อด้วยผมถกเสื้อผ้าในบริเวณไหล่ขวาของไอร่าออกมา จากนั้นผมจึงไปนั่งตรงชักโครกแล้วจับตัวของไอร่ามาขึ้นคร่อมผม จากนั้นจึงใช้เขี้ยวของผมกัดไปที่คอขาวๆของไอร่า พร้อมดูดเลือดออกมาอย่างไม่เกรงใจ...
ผิวขาวๆนุ่มเนียนๆของเธอมันช่างกระตุ้นอารมณ์ของผมซะจริง
เขี้ยวของผมจมสู่ผิวหนัง ส่วนริมฝีปากติดอยู่กับผิวของไอร่า
ช่างดื่มด่ำเหลือเกิน ~
ร่างกายของไอร่ามันร้อนมาก ทั้งเหงื่อจากการเล่นกีฬา ความเจ็บปวดที่ถูกผมกัดก็เช่นกัน
''อรึก... อรึก ~ ''
เสียงกลืนน้ำเลือดสดๆของผมกำลังเข้าสู่ลำคอเป็นระยะๆ ส่วนทางด้านไอร่าจะร้องครางอยู่หลายครั้งแต่ก็พยายามที่จะปิดกั้นเสียงของตนเองโดยการใช้มือซ้ายปิดปาก เพื่อไม่ให้คนในห้องน้ำคนอื่นรู้เข้า
เธอกอดผมแน่นมาก หลับตาเหมือนคนที่ไม่สบาย เสียงหายใจก็แรงออกมาเป็นควันร้อนๆ หน้าแดงขึ้นมาเหมือนคนเมามาย ส่วนผมก็กอดเธอและดูดเลือดโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
ดูดมันเข้าไปเรื่อยๆ....
เพราะต่อจากนี้ ผมอาจจะไม่ได้ดูดเลือดของเธออีกต่อไปแล้วก็ได้
''แอล... ~ฉะ...ฉันเจ็บนะ... เบาๆหน่อยสิ''
_____________________________________________________________
ณ ปราสาทแห่งนรก - เก้าอี้บัลลังค์ของเฮลไซท์ในห้องโถง
เซร่าฟิมกำลังเดินเข้ามาเพื่อพูดคุยกับเฮลไซท์... แววตาของเซร่าฟิมยังคงสงบ ท่าทางสุขุมเช่นเคย ส่วนทางด้านเฮลไซทก็นั้งเบื่อหน่ายอยู่ที่บัลลังค์จนทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
''มีอะไรล่ะ เซร่าฟิม สร้างลูกแก้วดำเสร็จแล้วงั้นเหรอ''
นอกจากเฮลไซท์จะเบื่อแล้ว ยังดูหงุดหงิดแบบเศร้าๆด้วย เหมือนไม่พอใจอะไรซักอย่าง
''ท่านเฮลไซท์ ท่านก็รู้นิว่าการสร้างมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ได้โปรดรอก่อนเถอะค่ะ''
''แล้วเข้ามาในห้องโถงทำไมกันล่ะ''
เซร่าฟิมเงียบลงโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เพียงหลับตาเบาๆเท่านั้น
''ค่ะ.. ฉันแต่เป็นห่วงท่านเฮลไซท์เท่านั้น ถ้าเป็นการรบกวน งั้นขอตัวค่ะ''
สุดท้ายแล้วเซร่าฟิมก็ได้เดินหันหลังกลับออกไปจากห้องโถง ส่วนทางด้านเฮลไซท์ได้แต่ทำหน้าเหมือนกับว่าอยากได้คนมาปลอบตัวเองอย่างไงอย่างงั้น เธอเหมือนเด็กที่ไร้พ่อแม่ และต้องการให้ใครซักคนมาเคียงค้าง มันคือความรู้สึกเหงายังไงล่ะ...
''ดะ..เดี๋ยวสิ.. เซร่าฟิม''
เฮลไซท์เอ่ยเรียกเซร่าฟิมที่กำลังจะเดินออกจากห้องโถงไป
เซร่าฟิมจึงหันกลับมามอง
''มีอะไรงั้นเหรอค่ะ ท่านเฮลไซท์''
''มายืนข้างๆเราหน่อยสิ...''
เฮลไซท์ก้มหน้าลงแบบเศร้าๆ
''ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ตามกฏแล้วห้ามปีศาจตนอื่นไปอยู่ข้างๆที่นั่งบัลลังค์ มีแต่ตำแหน่งลูซิเฟอร์เท่านั้นที่จะไปอยู่ตรงนั้นได้''
ด้วยเซร่าฟิมที่พูดถึงกฏนั้น ทำให้เฮลไซท์เริ่มทวีน้ำตาออกมาทีละน้อย
ไม่นานเธอก็กัดฟันแน่นขึ้น
กัดฟันไปทั้งน้ำตา... เสียงสะอึกสะอื้นเริ่มดังขึ้นมา ถึงแม้ว่าตัวเองพยายามจะกลั้นแล้วก็ตาม
''ท่านพี่ก็เป็นแบบนี้ตลอด !!! ทำไมถึงได้ชอบทำตัวห่างเหินกันนักล่ะ ! เพราะตำแหน่งเหรอ หรือเพราะหน้าที่ หรือเพราะฉันได้รับชื่อลูซิเฟอร์อย่างงั้นเหรอ... พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ ''
เฮลไซท์ลุกขึ้นพร้อมตะโกนใส่เซร่าฟิมดังสนั่น
ประโยคที่พูดออกมาล้วนแต่ออกมาจากความเหงา
''ถ้างั้นขอตัวนะคะ ท่านเฮลไซท์''
เซร่าฟิมกลับไม่สนใจในคำพูดนั้นและเดินออกจากห้องโถงไปในที่สุด
สุดท้ายเฮลไซท์ก็นั่งสิ้นหวังอยู่ที่นั้งบัลลังค์ของตัวเอง
เมื่อประตูห้องโถงถูกปิดลง เซร่าฟิมก็ได้เดินออกไปทำตามหน้าที่ของตน แต่ในระหว่างที่เดินออกจากประตูได้สักพัก เบลเฟเกอร์ก็ได้เดินเข้ามาคุยด้วย
''เบล ?''
''ท่านเซร่าฟิม.. ดิฉันพบสัตว์นรกขนาดเล็กและงูจำนวนมากอยู่ในห้องขังก่อนที่แอลจะแหกคุกไป ไม่ทราบว่ามีส่วนรู้เห็นในครั้งนั้นหรือเปล่า ?''
เบลเฟเกอร์ 1 ใน 7 ปาบของเฮลไซท์ แต่งตัวด้วยชุดเมดและใส่แว่นที่เป็นเอกลักษณ์ เธอคือคนที่ใช้โซ่ขนหมีสีน้ำตาลในกระจับกุมแอลในวันที่มานรกครั้งแรกนั่นเองแว่นของเบลเฟเกอร์กำลังถูกนิ้วมือขวาดันขึ้นมา และนิสัยนั่นมาจากสิ่งที่เธอทำเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย
''เบล... จะบอกว่าเป็นฝีมือของฉันอย่างงั้นเหรอ ?''
''เปล่าค่ะ.. แค่มาถามให้แน่ใจเฉยๆค่ะ ท่านเฮลไซท์สั่งเอาไว้ว่าให้ขังแอลในคุกเฉยๆ แต่ฉันไปสืบมาแล้วว่ามีการทรมานแอลเกิดขึ้น พบเศษตะปูเป็นจำนวนมาก รวมถึงร่องรอยผนึกเวทย์ที่ทำให้แวมไพร์อยู่ในสภาพกึ่งอมตะ''
''แล้วยังไง... ถ้าฉันฝืนคำสั่งเฮลไซท์ จะเกิดอะไรขึ้น ''
เซร่าฟิมไม่แสดงอาการเลบแม้แต่น้อย กลับแสดงท่าทีสุขุมอยู่ตลอดเวลา
''แน่นอนว่าต้องมีการลงโทษเกิดขึ้นค่ะ แต่หลักฐานในคุกก็ไม่เพียงพอ ก็แค่มาบอกเฉยๆค่ะ ถ้าขุนพลปีศาจอย่างคุณทำเรื่องแบบนั้นไปล่ะก็ คงเป็นเรื่องที่น่าอับอายเป็นอย่างมาก''
''งั้นเหรอ.. เป็นผู้คุมกฏนรกแบบเธอเนี่ยก็ลำบากเหมือนกันนะ ถ้าหาตัวคนร้ายได้ก็ดีไม่น้อยเลยนะ ว่าแต่ว่า เธอเห็นแมมม่อนบ้านรึเปล่าล่ะ ฉันมีธุระกับเธอ''
เซร่าฟิมพูดออกมาพร้อมมองหน้าเบลเฟกอร์
''ถ้าแมมม่อนล่ะก็ อยู่ที่ หุบเขาแห่งนรก ค่ะท่านเซร่าฟิม''
''งั้นเหรอ.. ขอบใจ''
สุดท้ายเซร่าฟิมและแมมม่อนก็จากกันตรงนั้นในที่สุด
//ให้ตายสิ มีน้องสาวที่ปากไม่ตรงกับใจ ชวนให้ฉันหงุดหงิดซะจริงนะ ทั้งโรรี่และเฮลไซท์... ถ้ารักมนุษย์ที่ชื่อแอลขนาดนั้นก็บอกไปตรงๆก็ดีแล้วแท้ๆ//
-คำผิดผมคิดว่าเยอะนะ แต่หาไม่เจออ่ะ แต่ถ้าเจอช่วยบอกหน่อยนะ บางทีหา 10 รอบก็ไม่เจอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ