สงครามรักพิชิตหัวใจ
8.8
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 08.06 น.
35 ตอน
1 วิจารณ์
33.62K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.19 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) อธิบาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"อ๋องมู่เฉิน!!" อารดาตะโกนเรียกชื่อของอีกฝ่ายอย่างตกใจเป็นที่สุด เธอไม่คาดฝันว่าเขาจะมาที่นี่ เรื่องการที่เขามาที่นี่ได้ไม่น่าแปลกใจอะไรเท่าไหร่นักในความคิดของเธอ เพราะในเมื่อเธอเองยังเปิดประตูมิติไปที่โลกของเขาได้ อีกฝ่ายก็คงจะมาที่โลกของเธอได้เช่นกัน แต่ที่แปลกใจก็คือ เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ เขารู้เรื่องการเปิดประตูมิติด้วยเหรอ? แล้วมานอนอยู่บนเตียงของเธอได้ยังไง? ในขณะที่อารดากำลังยืนอึ้งตกใจอยู่นั้น อ๋องมู่เฉินที่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกเขาอย่างตกใจของอารดาก็ค่อยๆลืมตาลุกขึ้นนั่ง เขาเห็นบุคคลอยู่ในห้องอยู่สามคน คือนางจิ้งจอกของเขาและชายหญิงวัยกลางคนที่ล้วนแต่งกายแปลกตาต่างจากที่่เขาจากมา อ๋องมู่เฉินเลือกที่จะยิ้มนิ่ง เพราะเขาในตอนนี้แม้เข้าใจสถานการณ์แต่ก็เป็นคนต่างถิ่นจึงรอให้ปฏิกิริยาของใครสักคนในห้องเริ่มขึ้นก่อน
แล้วก็เป็นทางฝ่ายผู้เป็นบิดาเอ่ยถามขึ้นก่อน "อ๋องมู่เฉินเหรอ? เขาเป็นใครกันหรือลูกยัยหนูดา? แต่งตัวอย่างกับพวกเชื้อพระวงศ์ยุคจีนสมัยก่อนอย่างงั้นล่ะ แล้วเขามานอนที่เตียงของหนูได้ยังไง?"
"นั่นน่ะสิ ยัยหนูดา แม่รู้นะว่าที่ผ่านมาพ่อกับแม่อาจจะไม่มีเวลาให้หนู จนทำให้หนูรู้สึกเหงาและก็รู้ว่ายัยหนูดาของแม่มีหนุ่มๆมาติดพันกันมากแค่ไหน แต่ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงและเป็นคุณหนูแห่งคฤหาส อัครมงคลไพศาล ไม่ควรจะชิงสุขก่อนห่าม หรือทำให้ตัวเองเสียเกีตริย์นะลูก"
"เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งเข้าใจหนูผิดนะคะหนูจะเล่าทุกอย่างให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเอง แล้วหนูเองก็มีเรื่องจะถามเขาอยู่เหมือนกันค่ะ"
หลังจากอึ้งอยู่พักนึงและเห็นว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ อารดารีบชี้แจงทางฝ่ายบิดามารดาของตน แล้วหันหน้ามาทางอ๋องมู่เฉิน ที่ไม่เข้าใจว่าบุคคลภายในห้องสนทนาอะไรกัน เนื่องจากอารดาและบิดามารดาพูดด้วยภาษาไทย เธอเดินไปที่โต๊ะภายในห้อง เปิดลิ้นชักออกและหยิบหนังสือประตูมิติออกมา และหันมากล่าวกับบิดามารดาของเธอว่า "เนื่องจากเขาคนนี้เป็นคนจีน ฟังภาษาไทยของเราไม่ออกหนูอยากจะขออนุญาติให้เราพูดคุยกันด้วยภาษาจีนเพื่อให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายนะคะ" บิดามารดาพยักหน้าอนุญาติ เนื่องจากทั้งสองคนเป็นนักธุรกิจ จึงเรียนรู้การใช้ภาษาหลากหลายเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ นอกจากภาษาอังกฤษ ภาษาจีนเป็นอีกหนึ่งภาษาที่ทั้งสองคนศึกษาด้วย
"หนังสือที่หนูถืออยู่เล่มนี้ เป็นหนังสือที่คุณย่ามอบให้หนูตั้งแต่ยังเด็ก มันไม่ใช่หนังสือธรรมดา มันคือหนังสือที่เป็นสื่อให้สามารถเปิดประตูมิติไปยังโลกอื่นได้" "เอ๋? หนังสือเปิดประตูมิติหรือลูก?"
"ใช่ค่ะคุณพ่อคุณแม่ คุณย่าเคยเล่าให้หนูฟังว่าท่านเคยมีโอกาสได้ใช้หนังสือเล่มนี้เปิดประตูมิติไปที่โลกอื่นมาแล้ว ได้เล่าเรื่องต่างๆให้หนูฟังมากมาย แต่ตอนนั้นหนูยังเด็กก็ฟังเหมือนเป็นนิทานเรื่องหนึ่งไม่ได้คิดจริงจังอะไร แล้วหนูรู้สึกเบื่อหน่ายกับพวกผู้ชายที่มาติดพันหนูแต่ละคน ที่แต่ละคนถึงจะหน้าตาดีมีฐานะแต่นิสัยไม่โดนใจ น่ารำคาญ อีกทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ทำงานหนูเหงาอยากหาอะไรสนุกๆทำ พอนึกถึงเรื่องเล่าของคุณย่าก็เลยลองใช้หนังสือเล่มนี้เปิดประตูมิติดู แล้วยุคที่หนูเลือกคือโลกยุคจีนโบราณค่ะ แล้วพอลองดูปรากฏว่ามันได้ผล หนูจึงมีโอกาสได้ไปท่องโลกมิติจีนโบราณมา"
"คนที่คุณพ่อคุณแม่เห็นอยู่นี่ เขาคืออ๋องมู่เฉินมีศักดิ์เป็นน้องชายขององค์จักรพรรดิ์ที่อยู่ในมิติยุคจีนโบราณค่ะ" "ต๊าย...อ๋องมู่เฉินเหรอลูก? ก็เป็นพวกเชื้อพระวงศ์น่ะสิ แล้วทำไมมานอนที่เตียงของหนูได้ล่ะลูก?"
"เรื่องนี้หนูก็อยากจะถามเขาเหมือนกันค่ะ!" อารดากล่าวเสียงเย็นพร้อมกับมองมาที่อ๋องมู่เฉิน ที่นั่งยิ้มกริ่มตอบรับอย่างเยือกเย็นหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวที่หญิงสาวเล่าให้บิดามารดาของนางฟัง แม้สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของนางก็ตาม
แล้วก็เป็นทางฝ่ายผู้เป็นบิดาเอ่ยถามขึ้นก่อน "อ๋องมู่เฉินเหรอ? เขาเป็นใครกันหรือลูกยัยหนูดา? แต่งตัวอย่างกับพวกเชื้อพระวงศ์ยุคจีนสมัยก่อนอย่างงั้นล่ะ แล้วเขามานอนที่เตียงของหนูได้ยังไง?"
"นั่นน่ะสิ ยัยหนูดา แม่รู้นะว่าที่ผ่านมาพ่อกับแม่อาจจะไม่มีเวลาให้หนู จนทำให้หนูรู้สึกเหงาและก็รู้ว่ายัยหนูดาของแม่มีหนุ่มๆมาติดพันกันมากแค่ไหน แต่ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงและเป็นคุณหนูแห่งคฤหาส อัครมงคลไพศาล ไม่ควรจะชิงสุขก่อนห่าม หรือทำให้ตัวเองเสียเกีตริย์นะลูก"
"เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งเข้าใจหนูผิดนะคะหนูจะเล่าทุกอย่างให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเอง แล้วหนูเองก็มีเรื่องจะถามเขาอยู่เหมือนกันค่ะ"
หลังจากอึ้งอยู่พักนึงและเห็นว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ อารดารีบชี้แจงทางฝ่ายบิดามารดาของตน แล้วหันหน้ามาทางอ๋องมู่เฉิน ที่ไม่เข้าใจว่าบุคคลภายในห้องสนทนาอะไรกัน เนื่องจากอารดาและบิดามารดาพูดด้วยภาษาไทย เธอเดินไปที่โต๊ะภายในห้อง เปิดลิ้นชักออกและหยิบหนังสือประตูมิติออกมา และหันมากล่าวกับบิดามารดาของเธอว่า "เนื่องจากเขาคนนี้เป็นคนจีน ฟังภาษาไทยของเราไม่ออกหนูอยากจะขออนุญาติให้เราพูดคุยกันด้วยภาษาจีนเพื่อให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายนะคะ" บิดามารดาพยักหน้าอนุญาติ เนื่องจากทั้งสองคนเป็นนักธุรกิจ จึงเรียนรู้การใช้ภาษาหลากหลายเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ นอกจากภาษาอังกฤษ ภาษาจีนเป็นอีกหนึ่งภาษาที่ทั้งสองคนศึกษาด้วย
"หนังสือที่หนูถืออยู่เล่มนี้ เป็นหนังสือที่คุณย่ามอบให้หนูตั้งแต่ยังเด็ก มันไม่ใช่หนังสือธรรมดา มันคือหนังสือที่เป็นสื่อให้สามารถเปิดประตูมิติไปยังโลกอื่นได้" "เอ๋? หนังสือเปิดประตูมิติหรือลูก?"
"ใช่ค่ะคุณพ่อคุณแม่ คุณย่าเคยเล่าให้หนูฟังว่าท่านเคยมีโอกาสได้ใช้หนังสือเล่มนี้เปิดประตูมิติไปที่โลกอื่นมาแล้ว ได้เล่าเรื่องต่างๆให้หนูฟังมากมาย แต่ตอนนั้นหนูยังเด็กก็ฟังเหมือนเป็นนิทานเรื่องหนึ่งไม่ได้คิดจริงจังอะไร แล้วหนูรู้สึกเบื่อหน่ายกับพวกผู้ชายที่มาติดพันหนูแต่ละคน ที่แต่ละคนถึงจะหน้าตาดีมีฐานะแต่นิสัยไม่โดนใจ น่ารำคาญ อีกทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ทำงานหนูเหงาอยากหาอะไรสนุกๆทำ พอนึกถึงเรื่องเล่าของคุณย่าก็เลยลองใช้หนังสือเล่มนี้เปิดประตูมิติดู แล้วยุคที่หนูเลือกคือโลกยุคจีนโบราณค่ะ แล้วพอลองดูปรากฏว่ามันได้ผล หนูจึงมีโอกาสได้ไปท่องโลกมิติจีนโบราณมา"
"คนที่คุณพ่อคุณแม่เห็นอยู่นี่ เขาคืออ๋องมู่เฉินมีศักดิ์เป็นน้องชายขององค์จักรพรรดิ์ที่อยู่ในมิติยุคจีนโบราณค่ะ" "ต๊าย...อ๋องมู่เฉินเหรอลูก? ก็เป็นพวกเชื้อพระวงศ์น่ะสิ แล้วทำไมมานอนที่เตียงของหนูได้ล่ะลูก?"
"เรื่องนี้หนูก็อยากจะถามเขาเหมือนกันค่ะ!" อารดากล่าวเสียงเย็นพร้อมกับมองมาที่อ๋องมู่เฉิน ที่นั่งยิ้มกริ่มตอบรับอย่างเยือกเย็นหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวที่หญิงสาวเล่าให้บิดามารดาของนางฟัง แม้สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของนางก็ตาม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ