The Last Night
เขียนโดย pyclub70
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
32) 028-คาลาเนส
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
028-คาลาเนส
เด็กชายก้าวเท้าไปประจันหน้าสตรีร่างบาง ทั้งสองหยุดนิ่งสบตากันอยู่นาน สายลมโชยมาปลิวผ้าคลุมคาลาเนสและชายอาภรณ์ขาวของสตรีร่างบาง วงมนตราแดงฉานยังรอบกรอบฉายแสงขึ้นจากพื้น ใบหน้าทุกคนอาบด้วยแสงสีชาด
สตรีร่างบางส่ายหน้าเบาๆแสยะยิ้มพลางสะบัดมือ เกิดแสงวาบจ้าใต้เท้าคาลาเนส เด็กชายรับรู้ทันทีรีบกระโดดถอยหลังหินแหนมทะลุขึ้นมา
เมื่อตั้งหลักได้ คาลาเนสด่วนสวนกลับด้วยการปล่อยฝ่ามือไปด้านหน้า เกิดเป็นหอกน้ำแข็งย้อยลงจากบนเพดานเหนือสตรีอาภรณ์ขาว จากนั้น มันจึงพุ่งลงมากระหน่ำแหลกนับร้อย ทว่าสตรีร่างบางชูมือขึ้นได้ทันเกิดเป็นบาเรียดั่งกางร่ม หอกน้ำแข็งไร้พิษสงไปโดยปริยาย
แม้กระนั้น คาลาเนสยังคงออกอาวุธต่อเนื่อง ด้วยการเงื้อมือไปด้านหลังก่อนเอื้อมไปด้านหน้า ซึ่งตามมาด้วยสายฟ้าแห่งไพลินผสานไอเย็นเยียบเข้าฟาดโจมตี จวนจะถึงร่าง สตรีอาภรณ์ขาววาดมือขึ้นจากพื้นยกโล่ใสสีแดงฉานขึ้นหวังป้องกันตัว แต่การโจมตีของเด็กชายช่างหนักหน่วงรุนแรง โล่สีชาดรับแรงต้าน สะท้านจนเกิดรอยร้าวและแตกไป ร่างสตรีนั้นถึงกับกระเด็นปลิวติดข้างฝา แต่นางหาได้ทรุดหมอบหากยังหยัดกายขึ้นพร้อมควงมือและขยับนิ้ว เกิดเป็นหินแหลมทะลุขึ้นทั่วพื้นที่ คณะเดินทางหลบได้ทันทุกคน เว้นแต่คาลาเนสซึ่งพลาดท่าถูกเฉี่ยวเข้าแขนซ้ายจนชะงักไป
เพียล่า วิคเตอร์และโอ'เกนท์สบมองกันเป็นนัยทันทีว่าควรทำเช่นไร ทั้งหมดที่ยืนกระจายกันอยู่แล้วรีบหาโอกาสเข้าโรมรันทันที
สาวนักรบเริ่มเปิดฉาก ด้วยการสาวคันศรปล่อยลูกธนูพุ่งตรงแรงหมายศีรษะสตรีอาภรณ์ขาว
ดั่งรู้ทัน สตรีร่างบางเอียงคอหลบให้ลูกธนูผ่านไปกระแทกผนังจนเศษหินแตกกระจาย
จังหวะเดียวกัน วิคเตอร์ถึงตัวนางพร้อมฟาดดาบกะบั่นเศียรให้หลุดจากบ่า ทว่า ความพริ้วไหวเป็นเลิศ นางแอ่นตัวหงายหลังหลบ หนุ่มนักรบวืดไปพร้อมทั้งถูกสวนกลับ หลังสตรีร่างบางเอี้ยวตัวคืน ใช้ฝ่ามือตบเข้ากลางหลังวิคเตอร์ กระเด็นไปจูบกับผนังทางด้านซ้าย
โอ'เกนท์เห็นช่องว่าง เร่งเข้าประชิดจากการกระโดดง้างคมหอกหวังเสียบให้ทะลุ แต่แล้วต้องเสียท่าอีกเช่นกัน เมื่อนางหมุนกายหลบพร้อมจับหอกนั่นและเหวี่ยงร่างเจ้าของมันไปทางวิคเตอร์ กระเด็นไปกระแทกข้างฝานอนจุกตามๆกัน
เพียล่าเห็นท่าไม่ดี ตะโกนเรียกคาลาเนสที่กุมแขนอยู่ให้คงสติไว้ เด็กชายหันกลับมาพยักหน้าให้สาวนักรบ จากนั้น คมศรพุ่งไปอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่คมศรธรรมดาหากถูกบรรจุด้วยมนตราจากคาลาเนส แสงประกายวับล้อมคมศร วิถียิงถูกบังคับด้วยเพียล่า สตรีร่างบางเอาแต่เบี่ยงตัวทั้งกระโดดไปมาและหลายท่าเพื่อหลบ จนไม่มีเวลาสวนกลับ
ทุกอย่างดูเข้าทีสบโอกาส คาลาเนสสยายมือทั้งสอง ตามมาด้วยแสงไพลินฉายเป็นทรงกลมใหญ่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นเด็กหนุ่มจึงดันมันออกไป วงแสงแห่งพลังเคลื่อนที่อย่างช้า ใบหน้าที่อาบด้วยแสงสีแดงของทุกคนในตอนนี้ กลับอาบด้วยแสงไพลินแทน
สตรีร่างบางติดพันอยู่กับการหลบคมศรจนไม่เวลาจะรับมือ คาลาเนสควบคุมพลังนั้นให้พุ่งแรงเมื่อจวนร่างของนาง
กระทั่ง วงแสงแห่งพลังห่างสตรีร่างบางเพียงแค่ช่วงแขน นางชะงักกึกหันมองมันด้วยดวงตาลุกแววเหมือนรับรู้ชะตากรรม ประจวบกับคมศรของเพียล่าพุ่งมายังด้านหลัง ขณะเดียวกันวิคเตอร์และโอ'เกนท์ฟื้นตัวลุกยืนตั้งหลักได้ ทุกคนชะเง้อคอจ้องพร้อมกัดฟันลุ้นว่าจะสำเร็จหรือไม่
เสี้ยววิ คมศรและวงแสงแห่งพลังประสานงากัน เกิดเสียงตูมสนั่นและฉายแสงวาบออก ทุกคนพลันยกแขนยกมือป้องหน้าป้องตา แสงวาบเริ่มจางลงพอมองได้ถนัด ในบริเวณนั้นร่างสตรีอาภรณ์ขาวหายไป ทิ้งพื้นและเพดานช่วงนั้นเกิดเป็นแอ่งหลุม
ไม่มีใครยิ้มออกหากแสงแห่งมนตราของนางยังคงอยู่ สายตาหลายคู่เฉลียวใจหันซ้ายขวาหน้าหลังพยายามมองหาร่างนั้น ซึ่งไม่พบแม้แต่ร่องรอยหากแต่พบใครบางคนแปะติดอยู่กับข้างฝาก่อนร่วงลง ใบหน้าของทุกคนบ่งบอกถึงความสงสัยพลางเพ่งตาไป แทบไม่น่าเชื่อเมื่อเพ่งชัดแล้วหลายคนต้องตกใจ
"เนเน๊ะ!!!" เสียงประสานดังขึ้น สาวน้อยฝืนกายลุกนั่งก่อนขยี้หัวขยี้ตา สะบัดหน้าปราดๆไล่ความมึนแล้วมองออกไปอย่างเหวอหวา งงไปว่าตนอยู่ที่ใด
"โอ้ยยย เจ็บๆๆ"เนเน๊ะร้องพลางบีบนวดแขนขา"ที่นี่ไหนล่ะเนี่ย"
สาวน้อยดูยังมึนงงสายตาพร่าเบลออยู่พยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอยื่นหน้าพร้อมอ้าปากค้าง พยายามมองดูผู้คนที่จ้องมา ซึ่งเธอเองก็คุ้นๆอยู่เหมือนกัน
"เนเน๊ะ!!"เพียล่าเรียกพลางวิ่งเข้าหาสาวน้อย
ทว่า เมื่อไปถึง สาวนักรบกลับพบใครคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าแอ้งแม๊งข้างๆกันในชุดคลุมสีดำแวว สวมหมวกปีกกว้างและใส่บูทสีดำ ข้างๆแขนขวามีปืนลูกซองสามลำกล้องขนาดสั้นตกอยู่ ซึ่งลักษณะเขาต้องเป็นชายแน่ๆ พอมองออกไป ใกล้กันนั้นพบสตรีอาภรณ์ขาวนอนหมดสติราวกับว่าทั้งสามบังเอิญกระเด็นมาพร้อมกัน
เพียล่าไม่มีเวลาให้คิดมากไปกว่านี้ เธอให้ความสำคัญกับเนเน๊ะมากกว่าสองร่างนั้น รีบเข้าประคองสาวน้อยที่เริ่มหมดสติ อุ้มไปหาชาร์ลกับวูดตันให้คอยดูแล ทั้งยังลืมบอกใครๆเกี่ยวกับเรื่องบุรุษชุดดำนั่น
เวลาผ่านไป หลายสายตายังงุงงงว่าเหตุใดเนเน๊ะจึงปรากฏตัวแบบกะทันหัน คาลาเนสถึงกับแปลกใจและอยากแสดงความห่วงใย ขณะยังไม่ทันมีใครเอ่ยเสียงคำถาม หลังเพียล่าวางร่างเนเน๊ะลงแล้วพลันตะโกน
"สตรีอาภรณ์ขาวอยู่นั้น"เธอชี้มือไป"นี่คือโอกาสแล้ว"
คาลาเนสละสายตาจากเนเน๊ะ ด่วนวิ่งเข้าหาสตรีอาภรณ์ขาวพร้อมกับเพียล่า แต่ช้าไป
โอกาสดับสูญลง เมื่อร่างสตรีอาภรณ์ขาวได้ลอยละล่องไปยังกลางพื้นที่กลางอากาศ นางหยุดนิ่งตรงนั้นด้วยสีหน้าตาย เปลือกตาปิดปรือ พร้อมขยับร่างราวกับกิ่งใบรับลม เพียล่าไม่เอ่ยถามหรือสงสัยแต่อย่างใดหากง้างคันศรแล้วปลดปล่อย ส่วนคาลาเนสกลับง้างแขนขวา เขวี้ยงบางอย่างออกหลังแสงสีฟ้าฉายขึ้น
คมศรปักคากลางอก หอกน้ำแข็งปักคาตำแหน่งหัวใจ ครู่ต่อมา สตรีอาภรณ์ขาวส่ายหัวโงนเงนเกิดเสียงกระดูกลั่นกร๊อบแกร๊บ สร้างความประหวั่นให้แก่ผู้เฝ้ามองอันลุ้นว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น เห็นเช่นนั้น โอ'เกนท์เร่งพุ่งหอกเข้าใส่ ปักเข้าหน้าท้องจนร่างบางเขยื่อนตามแรงกระทบไปข้างหลัง แต่ไร้ผล
นางยังคงนิ่งเงียบ บางอย่างได้สยายยาวออกมาจากด้านหลัง มันคือ ลำเส้นสีขาวมีปลายแหลมคมเลื้อยยั๊วเยียะปนเปราวกับมันมีชีวิต บรรดานักรบเริ่มถอยห่าง เว้นแต่คาลาเนสยังยืนจ้องมองพร้อมเสียงตะโกน
"ทุกคนถอยไปก่อนครับ"คาลาเนสว่า ไล่มือไปข้างหลัง"ดูแลเนเน๊ะให้ดีนะ"
เพียล่า วิคเตอร์และโอเกนท์ทำตามแต่โดยดี กระจายกันไปอยู่คนละมุม
"นายจะทำอะไรน่ะ"วิคเตอร์ร้องมา พร้อมยกดาบขึ้นประทับไหล่
"ในระหว่างนี้ให้ทุกคนสาดส่องวงมนตราและทำลายมันด้วยนะครับ"คาลาเนสสั่ง สะบัดผ้าคลุมพลางล้วงมือเข้าซอกเสื้อกลางอก"จากนี้ไปการทำลายจะรุนแรงถึงขั้นหายนะ ระวังตัวด้วยนะทุกคน"
ทุกคนรับทราบ หาหลักที่มั่นและหาทางเบิกหนี จังหวะเดียวกันชาร์ลตั้งมั่นได้ เขาครุ่นคิดตีความคำใบ้อีกครั้งพลางวาดมันลงบนพื้นดินที่พอขีดได้
'มันต้องมีอะไรสักอย่างสิ เมื่อกี้เราคงทำผิดไป'เขาคิดในใจ ใบหน้าเคร่งเครียดจนวูดตันต้องแตะไหล่ให้กำลังใจและมองกันด้วยความเชื่อมั่น
พลันนั้น คาลาเนสควักบางสิ่งออกมาในขณะสตรีร่างบางยังคงนิ่ง เด็กชายกำสิ่งนั้นแน่นขึ้นประทับอกพร้อมก้มหน้าหลับตา ไม่นานเท่าไร แสงฟ้าใสปรากฏเป็นวงกลมหลายชั้น ซ้อนเรียงกันจารด้วยอักขระจำนวนมากแผ่รัศมีใต้บริเวณคาลาเนสเหยียบ
หลังพิธีกรรมได้เริ่มขึ้นบางส่วน เด็กชายยื่นแขนออก ปล่อยฝ่ามือให้บางสิ่งลอยคว้าง ผลึกฟ้าใสลอยเด่นเหนือฝ่ามือเปล่งแสงจ้า ครู่ต่อมา แสงนั้นสว่างมากขึ้นเรื่อยๆจนหลายคนแยงตามอง
ในที่สุด แสงนั้นจึงฉายร่างสตรีขนาดมหึมาขึ้นมาในวงแสงฟ้าใส ทั่วร่างนั้นระบายด้วยสีน้ำเงินเข้มออกคราม ทรงผมทรงยาวสีแก่กว่าร่างรวบลงด้านหลังทั้งหมด ทั่วร่างมีริ้วผ้าสีขาวสยายพริ้วไหวและส่วนเท้ายืนไม่ติดพื้น ตามข้อมือข้อเท้าลำคอและเอวสวมใส่ด้วยเครื่องประดับทองคำลายงาม หากเทียบกันแล้วร่างบางที่ประจันหน้ากับร่างอัญเชิญนั้นเทียบไม่ติดเลยแม้น้อย คาลาเนสรู้งานด่วนกระโดดถอยกรูด ทุกคนพลันระลึกถึงอสูรเฮเดียร์ เพียงเสี้ยวเวลา.. สถานที่และบรรยากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
...ท้องฟ้าสีหม่นขาวขุ่น แน่นเอี้ยดด้วยหมู่เมฆหากไร้ลมตึงให้เย็นเยือก ทอดลงสนามหิมะกว้างไกลเบื้องหลังประดับด้วยภูเขาน้ำแข็งสุดสายตา ทว่า ในที่นี้มีเพียงแค่ร่างอัญเชิญกับสตรีอาภรณ์ขาวลอยเด่นไร้ความรู้สึกเท่านั้น ทั้งสองห่างกันไม่เท่าไร และต่อเนื่องด้วยการโจมตีของอสูรเฮเดียร์ เพียงแค่วาดมือทั้งสอง เหล่าหิมะหล่นจากฟ้าเกิดเป็นพายุเข้าคลุมร่างบางเกาะกันแน่นหนาจนเป็นน้ำแข็งดั่งผนึกไว้ในท่าสุดท้าย จากนั้นอสูรเฮเดียร์ทะยานกายปลิวขึ้นฟ้าเหนือมวลเมฆ ชูแขนสองข้างขึ้นพร้อมหมุนมือไปมา ผลึกน้ำแข็งดุจคมหอกเกิดการชุมนุมอย่างมหาศาล เมื่อครบครันอสูรเฮเดียร์จึงพุ่งมือทั้งสองไปข้างหน้า สั่งให้คมน้ำแข็งพุ่งลงยังร่างสตรีอาภรณ์ขาวเกิดเสียงตรึ้มหลายชุดฟังแทบไม่ทันและเสียงเพล้งหลายระลอก คมน้ำแข็งกระหน่ำเข้าหลายกระสุน จนผลึกน้ำแข็งที่คลุมร่างบางแตกกระจาย ส่งผลให้ร่างนั้นถูกซัดทะลุบ้างปักคา เกิดการสะบัดปลิวไปปลิวมาหลังคมน้ำแข็งยังห่าโหม กระทั่งดอกสุดท้ายซัดร่างนั้น ร่างอัญเชิญยังสถิตเหนือมวลเมฆก่อนลอยเหนือร่างบาง พร้อมเงื้อมือขึ้นและพุ่งไป เกิดเป็นอุกบาตน้ำแข็งฝ่าขอบจักรวาลฝ่าอากาศจนเกิดการเสียดสีลุกโชนด้วยไฟ พุ่งตรงยังร่างบาง
"ตรึ้มมมมมมม!!"
เสียงสนั่นลั่นฟ้าแผ่นดินสะเทือน ร่างบางถูกอัดด้วยแรงกระแทกและนอนหราลงไปในหลุมไร้การตอบสนอง
หลังการชน วงแสงฟ้าใสแผ่ออกรอบร่างสตรีอาภรณ์ขาว ซึ่งตามมาด้วยแท่นน้ำแข็งผุดขึ้นสูงสง่าตั้งพอดีเป็นห้าทิศและฉายแสงทอดกันเป็นห้าเหลี่ยม อสูรเฮเดียร์ไม่ปราณีแต่อย่างใดหากยังพุ่งลงมาด้วยความเร็ว เมื่อถึงระยะ มือข้างหนึ่งปล่อยไปด้านหลังเพื่อรวบรวมพลังครั้งสุดท้าย และเลื่อนมาด้านหน้าเกิดดาบน้ำแข็งขนาดยักษ์พอดีกับหลุมพุ่งตรงยังสตรีอาภรณ์ขาว
"ฟุ่ววว"
"บรึ้มมมมมม!!!"
วงแสงจ้าทรงโดมขนาดสูงเทียมฟ้าและกว้างพอกันเผยขึ้นฉับพลัน ถีบคลื่นระเบิดให้ตีวงออกไปไกลสุดลูกตา จนภูเขาน้ำแข็งเบื้องหลังสะเทือน แผ่นน้ำแข็งเกิดการกระเพื่อมราวกับคลื่นท้องน้ำในมหาสมุทร ทั้งสองร่างหายวับไปจากฉากทุ่งน้ำแข็งจำลอง
...ทุกอย่างคืนสู่สภาวะปกติ สตรีเบื้องหน้าคาลาเนสผล็อยร่วงลงกระแทกพื้น สายตาทุกคนตะลึงงันพลางอ้าปากค้างและคิดว่าคงสำเร็จ แม้แต่เนเน๊ะที่หมดสติยังรับรู้ได้ถึงแรงกระเพื่อมของพื้นที่ ในตอนนี้แสงแห่งมนตราเริ่มเสื่อมจากสีที่จางลง
ชาร์ลเห็นที รีบฉวยโอกาสวิ่งไปยังสลักผันน้ำจุดที่ตนเคยควบคุมเพื่อสำรวจ ซึ่งตรงนั้นมีสตรีร่างบางนอนตะแครงอยู่ใกล้กัน
"จะทำอะไรน่ะครับ"คาลาเนสร้อนรนถาม สายตาคนอื่นๆมองตามและคิดว่ามันอันตราย
"คือ.. ฉันรู้แล้วว่าคำบอกใบ้นั้นต้องมีอะไรซ่อนอยู่ เมื่อครู่นี้ฉันคงทำผิดไปน่ะ ขอฉันลองอีกทีนะ"เขาตอบอย่างจริงจัง
คาลาเนสและชาร์ลหันมองพรรคพวกทีล่ะคน เพื่อหาคำตอบและคำตอบที่ได้มีเพียงสายตาส่งมาพลางพยักหน้า
"ขอบใจนะทุกคน"ชาร์ลเผยอยิ้ม รีบทำในสิ่งที่ตนคิด
"แล้วถ้าปีศาจนั่นฟื้นขึ้นมาล่ะ"เพียล่าถามพลางเดินมายังชาร์ล"นายจะไม่เป็นไรรึไง"
"ช่างเถอะเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงฉัน ก็อย่างที่คาลาเนสบอกล่ะนะ เราต้องหยุดน้ำสายนั้นให้ได้"เขาว่าพร้อมชี้นิ้วไปยังพื้นที่3 ก้มหน้าก้มตากระทำอย่างเร่งรีบ"เราเสียเวลามามากแล้ว"
"ฉันเชื่อใจนาย"เสียงวิคเตอร์สอดแน่น หลังชวนโอ'เกนท์เดินหาชาร์ลก่อนเดินวนร่างสตรีอาภรณ์ขาว
ชาร์ลพยักหน้ารับทราบพอดีกับที่เขากระทำสลักผันน้ำจุดนั้นเสร็จซึ่งเป็นการคืนสถานะของมัน สายน้ำตกมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ต่อมาชาร์ลย้ายร่างตนมายังสลักผันน้ำจุดที่คาลาเนสควบคุม ขณะเดียวกันเสียงจากวูดตันส่งมา
"ไอ่แบบนี้รึป่าว วงมนตราน่ะ"
คาลาเนสหันขวับก่อนวิ่งไป ทิ้งให้เพียล่า วิคเตอร์กับโอ'เกนท์คอยคุ้มกันชาร์ลและเฝ้ามองสตรีร่างบาง
"ใช่!! แบบนี้แหละ!!"คาลาเนสกล่าวอย่างตื่นตะลึง"จงสลายไปซะ!!"
แสงสีฟ้าสว่างลงจากมือเด็กชายลบแสงสีแดงของวงมนตราหมดสิ้น หลังแสงจางลงเนเน๊ะขยี้ตาสงสัยได้แต่มองหน้าคาลาเนส
"มาทีหลังสินะ"คาลาเนสเอียงคอยิ้ม"เรื่องมันยาวน่ะ อีกนิดเดียวเราก็จะได้ไปกันแล้ว"
เนเน๊ะพยักหน้าเหมือนแมวถูกหยอก วูดตันได้แต่ยิ้มพร้อมชูนิ้วให้เด็กชาย
"ว่าแต่เธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน"วูดตันเหลียวมาสนใจสาวน้อยที่สติขาดๆหายๆ"เอิ่ม.. งั้นไว้เล่าทีหลังก็แล้วกันนะ"
ดูจากอาการแล้วเหมือนเธอจะยังนึกไม่ออกและไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับที่มาของตน สายตาทั้งสามเบนเป้าสายตาไปยังชาร์ลและทุกคนในกลุ่ม ซึ่งดูเหมือนจะได้ข่าวดีเพราะมีใบหน้าคลายกังวล
เวลาพอมีเหลือให้ชาร์ลลองผิดลองถูก หลังสำรวจจุดของคาลาเนสและคืนสถานะแล้ว เขาย้ายที่อีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้เดินไปยังจุดของเพียล่าและวูดตันเพื่อคืนสถานะ สายน้ำตกทั้งหมดจึงคืนสู่สถานะเดิมตามตำแหน่งที่ควรเป็น
ชายมาดผู้ดีมั่นใจว่า หากไล่เรียงลำดับตำแหน่งของสลักผันน้ำทั้งหมดแล้ว สลักของเพียล่าคือทิศเหนือ ของวูดตันคือทิศใต้ ส่วนของตนคือตะวันตก ตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้และของคาลาเนสคือ ตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ และหากไล่ตามลำดับของคำบอกใบ้แล้ว ทั้งหมดมีแปดคำและแปดจุดพอดี
ช่วงเวลานี้หลายคนลุ้นระลึกและภาวนา คาลาเนสเดินออกไปไกลหวังหาวงมนตรา เขาแอบยิ้มเล็กๆพลางคิดในใจ'ต้องแบบนี้สิ ผมขอเชื่อใจคุณนะ ชาร์ล ..เรื่องเมื่อครู่ ผมต้องขอโทษด้วย'
ชาร์ลเผยใบหน้าทอหวัง เร่งทำตามกระบวนการความคิด เขาวิ่งไปเหยียบสลักผันน้ำของคาลาเนสก่อนและตรงนั้นทีตรงนี้ทีตามลำดับวนไปมาน่าเวียนหัว สายน้ำตกสลับไหลและหยุดลงอย่างน่าแปลกใจและสำคัญอันน่าแปลกยิ่ง สายน้ำตกที่เชื่อมพื้นที่2กับ3ถูกหยุดลง
"อีกแค่จุดเดียว! ตะวันออกเหนือ!"เขาพูดอย่างตื่นเต้นก่อนวิ่งไป"เตรียมตัวอพยพกันได้เลย"
"ใจเย็นๆนะชาร์ล"เสียงทุ้มโอ'เกนท์แว่วมา"ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ"
"สู้ๆนะ"เพียล่าให้กำลังใจ"พวกเราทั้งหมดต้องไปด้วยกัน"
เธอลุ้นมองไปทางหนุ่มผู้ถูกคาดหวังขณะเขาเหยียบสลักผันน้ำจุดสุดท้ายลง
"เร็วเข้า!! นางปีศาจเริ่มขยับตัวแล้ว!!"วิคเตอร์บ่ายหน้าร้องไปยังชาร์ล ขณะแน่วแน่ใช้ปลายดาบจ่อคอสตรีร่างบาง
"ทุกคนรีบไปตรงนั้นเร็ว!!"
เป็นไปตามความคาดราวอัศจรรย์หลังเหยียบสลักผันน้ำของคำใบ้สุดลง ชาร์ลชี้นิ้วไปยังพื้นที่3 บริเวณด้านซ้ายที่ๆซึ่งเป็นส่วนปลายของพื้นที่อันมีห่ามรสุมน้ำตกราวปีศาจสถิตอยู่ได้หยุดลง จากนั้น หนุ่มมาดผู้ดีจึงวิ่งมาสมทบกับเพียล่า วิคเตอร์และโอ'เกนท์หอบหายใจแฮ่กๆ
ความหวังเริ่มทอประกาย ทุกคนพลอยดีใจชื่นมื่น ทว่า สถานการณ์ยังอยู่ในความไม่แน่นอน เพียล่าตะโกนสั่งให้วูดตันพาเนเน๊ะวิ่งมายังจุดที่ตนและทั้ง3รออยู่ พอถึงกันครบ ทั้งหมดจึงพากันวิ่งฝ่าพื้นที่2 จวนจะข้ามสะพานหินพื้นที่3นั้นไป ชาร์ลด่วนชะงักหันกลับเพื่อหยุด
"คาลาเนสทำอะไรอยู่ รีบมาสักทีเซ่!!"ชาร์ลป้องปากตะโกนก่อนเหวี่ยงมือไปข้างหลังปราดๆ
คาลาเนสที่อยู่ไกลกว่าใครจากการพยายามค้นหาวงมนตรายังพื้นที่แรกพยักหน้าเข้าใจ วิ่งมาอย่างไม่ลังเล ขณะวิ่งเกือบข้ามสะพานหินเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่2และ3 ขาข้างหนึ่งถูกบางสิ่งกระชากไปด้านข้าง จนร่างเด็กชายกระเด็นติดผนัง
"ผู้อัญเชิญงั้นเหรอ"เสียงแหบเบาละล่ำแผ่วมาจากสตรีร่างบาง
นางพยายามฝืนกายยืนขึ้นอย่างตะกุกตะกักและไอแค่กๆ สายตาคาลาเนสจ้องมองนางก่อนละมองทุกคน
"คิดจะหนีงั้นสิ"นางเอียงหน้าหรี่ตาว่า พลางชูนิ้วชี้ขึ้นและโยกไปมา"ไม่ยอมหรอกนะ"
โดยพลัน วงแสงสีแดงฉายแรงแผ่ที่ใต้เท้าสตรีอาภรณ์ขาว นางก้าวขาเข้าหาเด็กชายที่มองมาด้วยความพรั่นพรึงและไร้แรงลุกทีล่ะก้าวอย่างเยือกเย็น คาลาเนสลุกลี้ลุกลนเบียดกายแน่นเข้าข้างฝา จนหลายคนเริ่มเป็นห่วง
นางเดินจนถึงร่างเด็กตรงหน้า แล้วโน้มตัวลงเข้ากระซิบข้างหู
"ฉันน่ะ คือ จิตสะท้อนของชาร์ล"
คำนี้ถึงกับทำให้เด็กชายดวงตาเหลือกลานก่อนส่ายหน้าสบถในใจ'ไม่จริงน่ะ' นางชักตัวกลับพลันหันไปยิ้มให้กลุ่มกิเรเร่ หลายคนฉงนใจทันที
"ทุกคนหนีปายยยย!!! ตรงนี้ ผ่ะ ผ่ะ..ผม"ถึงคำหลังเสียงคาลาเนสถูกบีบเค้นและหยุดลง หลังสตรีตรงหน้าใช้เท้าขึ้นเหยียบยอดอก
ใบหน้านางดูสาแก่ใจ ยังคงใช้เท้าบดขยี้ราวกับอยากให้คาลาเนสบี้แบนคล้ายแมลงตัวจ้อย เด็กชายใช้มือทั้งสองสู้สุดฤทธิ์แสงแห่งไพลินรอบกายเริ่มหรุบหรู่ คาลาเนสตายแน่หากยังไม่มีใครมาช่วย ซ้ำร้ายลำเส้นที่สยายอยู่เบื้องหลังของนาง พุ่งเข้าไปปักไหล่ทั้งสองข้างและยกขึ้นสูงท้วมหัวให้ของเหลวสีแดงในร่างเด็กชายสัมผัสอากาศ คาลาเนสดิ้นพล่านเริ่มร้องโอดครวญส่งสีหน้าเจ็บปวด จากนั้น นางยื่นมือในลักษณะเผยเล็บเรียวทั้งห้าจิกยังช่วงท้องของเด็กชาย วงแสงมนตราสีแดงสะพรั่งปรากฏขึ้นก่อนยัดมันเข้าในร่างกายให้จมหายไปพร้อมกับมือของนาง
"อั่ก!!"
ริมฝีปากอ้ากว้างส่งเลือดแดงฉานทะลักเป็นสาย ดวงตาคั่นค้างเบิกโพลง น้ำมูกไหลลงเป็นเลือด เรียวแขนเรียวขาเด็กชายแน่นิ่งทิ่มลงไป
ครั้งสาแก่ใจแล้ว นางกระชากมือออกใช้ลำเส้นเหวี่ยงร่างสิ้นบุญไปยังอีกฝั่งฝา
"ม่ายยย!! คาลาเนสสส!!!"
เนเน๊ะเห็นท่าไม่ดีร้องลั่นพลางกระโจนตัวหวังวิ่งเข้าไปช่วย แต่ถูกสกัดด้วยมือของเพียล่า
"น่ะ น่ะ หนีไป!!!"คาลาเนสฝืนกายฝืนยิ้มให้เนเน๊ะ เอื้อมมือขึ้นไล่"หนีไปซะ!!"
...แต่หลังจากนั้น
"ตรึ้มมมมม!!"
ของหนักบางอย่างพุ่งเข้าหาเด็กชาย ฝุ่นคละฟุ้งโดยรอบลบภาพตรงนั้นให้หายไปจากสายตาทุกคน โดยฝีมือสตรีร่างบางซึ่งกำลังขำคิกๆยกมือปิดปาก
...ภาพนั้นเสมือนเป็นอะไรที่สะเทือนใจและมีผลต่อจิตใจเนเน๊ะราวกับถูกสานใจมาด้วยกัน
"คาลาเนสสส!!"เนเน๊ะเดือดดาลขั้นขีดสุด พยายามยื้อเยื้อมือแกะมือเพียล่าออกให้ได้
"ไปกันต่อเถอะ.. เถอะ นะ"ชาร์ลยืนขาอ่อนและอึ้ง พยายามกัดฟันพูดตัดใจหลังบางส่วนของทุกพื้นที่เริ่มมีการถล่ม
"มีสติหน่อยสิเนเน๊ะ"เพียล่าว่าพลางกระชากเนเน๊ะเข้าไปยังพื้นที่ถัด แต่สาวน้อยสู้แรง
"ไอ่เจ้าบ้าเอ้ย!!"โอ'เกนท์ตบขาตัวเองเซ็งสุดขีดที่ภาพคาลาเนสหายไป พร้อมน้ำลอบซึมดวงตา
"ปล่อย ปล่อย ปล่อย บอกให้ปล่อยไงล่ะ"เนเน๊ะดิ้นและร้องอย่างกับคนบ้า ดวงตารื้นน้ำไหลลงอาบพวงแก้มใส"ปล่อย ปล่อย ฮึกๆฮือๆๆๆ ปะ ปล่อย ฮือๆๆ"
จะว่าไป คาลาเนสเปรียบได้ดั่งเพื่อนคนแรกของเธอก็ว่าได้ ตั้งแต่เกิดมาเนเน๊ะต้องเดียวดายมาตลอด แต่ทำไม แต่ไฉนพานพบกันไม่ได้เท่าไรต้องมาจากกันด้วยภาพเช่นนี้ ในจิตใจสาวน้อยคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด นี่คงเป็นโชคชะตาที่บิดเบือนแน่ บาดแผลในครานี้จะทำให้เธอตราตรึงถึงความพลัดพลากได้ดีที่สุด
ภาพสุดท้ายในม่านฝุ่นก่อนถูกโอ'เกนท์กับเพียล่าอุ้มไป เนเน๊ะเห็น เห็นบางอย่าง บางอย่างที่เธอเคยให้คาลาเนส บางอย่างที่เธอไม่คิดว่าเด็กชายจะเก็บมันไว้
กลีบแห้งๆของดอกเม็ปป้าลอยละลิ่วกระจายทั่ว ทว่ามีกลีบหนึ่งปลิวมายังเธอ แต่โอกาสจะคว้าได้เพียงแค่ปลายนิ้ว ต้องพลาดไปพร้อมกับน้ำตาหยดลงพื้น
"ขอโทษ..ที่ไปต่อด้วยไม่ได้"คาลาเนสเอ่ยเบาไร้คนฟัง ชีพจรเริ่มบอกลางตาย เด็กชายแค่นยิ้มดีใจภายใต้ม่านฝุ่นซึ่งเนเน๊ะไม่อาจรับรู้ได้
เสียงกระหึ่มจากการพังทลายเริ่มรุนแรง บางหย่อมเริ่มพังพินาศ สายน้ำตกไหลสับสนอลหม่าน สตรีอาภรณ์ขาวได้แต่ยืนมองไล่หลังชายมาดผู้ดีจากไปอย่างอาลัย ท่ามกลางสายฝุ่นและหินเพดานร่วงหล่น
กลุ่มกิเรเร่หนีไปได้ทันท้วงทีหายลับไปยังพื้นที่ถัดไป สตรีร่างบางคลายแสงมนตราและปล่อยใจไปกับความตาย นางยืนเงยหน้าอ้าแขนหลับตาแน่นพร้อมสละกาย ส่วนเปลือกตาคาลาเนสได้หลับลงแต่เนิ่นแล้ว ทว่าบุรุษชุดดำกลับยันแขนให้อกลอยจากพื้น
"ที่นี่ ที่ไหน"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ