The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  37.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) 027-ระแวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

027-ระแวง

 

 

 

         คำพูดนั้น ทำให้ชาร์ลฉุกคิด พอดีหันมาทางหนุ่มร่างท้วมหลังร่างแผนที่พื้นที่นี้เสร็จแต่หาได้สนใจ ต่อมา เขาเริ่มไล่สายตาตามแผนที่สลับมองกับตำแหน่งภาพของจริง ชาร์ลมองครบทั่วตั้งแต่ลานกว้างยันทางตัน ไม่เว้นแม้แต่เม็ดทรายใต้เท้า

         ท้ายที่สุด มันก็ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น หากแต่เขาปรับปรุงให้แผนที่ฉบับร่างคมชัดถี่ถ้วนขึ้น ชาร์ลเดินถือแผนที่ฉบับร่างผ่านหน้าทุกคนที่นั่งงงกับการกระทำนั้นไป จนความสงสัยแปลงออกมาเป็นคำถาม

 

"ทำอะไรของนายน่ะ"

เพียล่านั่นเองที่ถาม ขณะลุกยืนขึ้นเมื่อชาร์ลผ่านไปได้สามสี่ก้าว

 

         เขาได้ยินชัด  หากแต่ไม่ตอบพร้อมทั้งยังเดินไปเรื่อย ทิ้งความงงงวยให้พวยเพิ่มขึ้นต่อทุกคนที่มองตาม จวนถึงอีกฝั่งของลานกว้าง มือของเขาพลันจับดินสอขยับยิกๆขีดเขียนลงบนแผนที่ฉบับร่าง

         เมื่อเสร็จ เขาได้เดินกลับมายังทุกคน ก่อนเหล่ตาเห็นวิคเตอร์ย่างกายมาไกลๆ ยังไม่ทันได้เฉลยการกระทำ เพียงขาขวาหันเปลี่ยนทิศ เขาสาวเท้าเดินกลับไปยังจุดเริ่มของพื้นที่3 กระทั่งสวนกับวิคเตอร์

 

"เฮ่.. ชาร์ล"วิคเตอร์เหล่มองชาร์ลผ่านไป ก่อนเหลียวหลังพลางยกแขนท้วง"จะไปไหนน่ะ"

 

         คำตอบของวิคเตอร์คือเสียงเงียบ ชาร์ลไม่ตอบ หากแต่เดินก้มหน้าจ้องแผนที่สลับมองกับพื้นที่3ไปมาพร้อมร่างรายละเอียดบนกระดาษใบเล็ก ทุกคนเริ่มเฉลียวใจ เมื่อวิคเตอร์มาถึงและบอกว่าชาร์ลดูแปลกไป ทั้งหมดเกิดกังวลเร่งตกลงกันว่าควรแบ่งคนไปเฝ้าตาม 

         เพียล่าและวิคเตอร์รับอาสา คอยห่วงชาร์ลอย่างห่างๆ ทั้งสองลอบประชิดเร็วรี่โดยไม่ให้ชาร์ลรับรู้ แต่เสียงเท้ากระทบพื้นมันดังเกินกว่าใบหูของชาร์ลจะปฏิเสธว่าไม่ได้ยิน ทว่าหนุ่มมาดผู้ดีหาได้สนใจพวกเขา เพียงแต่ เดินไปนั่งย่อกายเฝ้ามองสายน้ำในคลองสีฟ้าใส แล้วเหลือบมองด้านบนก่อนเหล่ซ้ายและขวาเพื่อบันทึกข้อมูล ผู้สะกดรอยซุ่มอยู่ไม่ไกลต้องมาสบมองกันหลังเห็นพฤติกรรมนั้น การคาดเดาผิดมั่วจึงเกิดขึ้นในหัวของทั้งสอง

         สองสหายไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเขาทำแบบนั้นทำไม ข้อสงสัยถูกตั้งขึ้นแต่ข้อกังขานั้นมากกว่า เมื่อชาร์ลเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพุ่มไม้ใบหนาพวงโตพุ่มหนึ่งทางด้านซ้ายกระชั้นตลิ่ง เขาขะเหย่งเท้าชะเง้อมองยังกลางพุ่มและถอยกลับ ก่อนเขียนอะไรลงบนกระดาษเช่นเคย

        เวลากินเกินมากโข ชาร์ลยังอยู่พื้นที่3 ครั้งเมื่อเขาถึงสะพานเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่2 ต้องหันกลับมามองยังด้านบน สายตาผู้สะกดรอยเหลือบตามไป พบว่ามีพื้นที่จำเพาะบางอย่าง หลายบริเวณมีลักษณะเป็นหลุมและโล่งโหลงเหลงราวกับว่ามันคือหลุมดำ ซึ่งเป็นจุดกระทบของน้ำตกไหลย้อนขึ้นนั่งเอง

         ชาร์ลตัดสินใจละไป เดินเข้าสู่ยังพื้นที่2 เพื่อเร่งสำรวจและบันทึกรายละเอียดของมวลสสารทุกชนิด ผู้สะกดรอยก็เช่นกันยังไม่ปล่อยให้ชาร์ลรอดพ้นจากสายตา ทั้งสองเดากันไม่ออกว่า เขาจะจดอะไรแบบนั้นไปทำไม มันแปลกมาก ซึ่งแม้แต่ก้อนทรายเล็กละเอียดหรือแม้แต่สายลมแว่วมาเขาก็ยังจดลง หรือว่าเขากำลังจะแสดงสำนึกการเป็นผู้นำอยู่กันแน่นะ 

        เสียงนกกาส่อแว่วเจี้ยวจ้าว กาลรุ่งอรุณเริ่มย่างเยือน เกือบใกล้รุ่ง ชาร์ลบุกมายังพื้นที่แรกได้สำเร็จ  ทันทีทันใด เขาเลือกยืนบนใจกลางของพื้นที่ ก่อนหมุนตัวกวาดสายตาไปพร้อมกับขยับเท้าจนร่างหันครบ360องศา เขาหยุดนิ่งไปชั่วครู่ พลางขมวดคิ้วและหลิ่วตาไปยังสะพานหินจุดแรก ซึ่งกลับมีสายน้ำตกสาดแรงไหลย้อนขึ้น ชาร์ลเหมือนดั่งถูกสะกิดให้ชวนตามองมัน

        ดั่งม่านน้ำมัวหม่น ชาร์ลไม่พบอะไรหลังสายน้ำตกนั่น หากแท้จริงแล้ว บุคคลที่อยู่หลังน้ำตกกลับเห็นชาร์ลชัดเจน ร่างไร้เรี่ยวแรงโรยราพยายามหยัดกายขึ้นด้วยฝ่ามือค้ำผนัง ช่วยพยุงหวังย่างเท้าผ่านสายน้ำตกนี้ไปให้ได้ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองชาร์ลเป็นประกาย กลับกัน หนุ่มมาดผู้ดีหารับรู้ไม่ว่า ถูกใครจ้องมอง ทั้งที่ยังเผยหน้าสงสัยจ้องมองสายน้ำตกนั่นตลอด

       สายตาประสานกัน ฝ่ายรับรู้มีเพียงฝ่ายเดียว ใบหน้าหลังม่านน้ำตกเผยออ้าปากค้างหวังจะพูดแต่เรี่ยวแรงมันทรยศ เรียวปากร่างนั้นได้แต่ตะกุตะกักค้างค่อนตลอดเวลา ไม่มีช่วงว่างให้ริมฝีปากทั้งสองได้ประกบกัน 

        ชาร์ลเอะใจนานโข กระทั่ง ผู้สะกดรอยต้องแสร้งทำปาหินก้อนเล็กๆใส่ หวังให้เขารู้สึกตัว แต่ไม่เลย ไม่มีผล เขาไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ชาร์ลทอดขาเดินอย่างเยือกเย็นเข้าใกล้สายน้ำตกนั่นให้กระชั้น ทันควัน เขาเร่งขยับกายมาถึงได้ ก่อนก้อนหินลึกลับจะถูกเขวี้ยงใส่ตัวเป็นครั้งที่สอง

        ชาร์ลประจันหน้า สายน้ำตกนั่นพลันยกมือขึ้น เอื้อมแตะสายน้ำอย่างแช่มช้า ละอองน้ำกระทบร่างเขาจนเปียกปอนไปบางส่วน กระแสน้ำช่างเชี่ยวกราดหฤโหด หากมันต้องกายเต็มร่างเมื่อใดคงถูกซัดปลิวติดเพดานจนแทบผนึกเข้ากันเป็นเนื้อแท้ก็ว่าได้ ทว่า.. สายตาเขาเผอิญเฉือนเข้ากับคมนัยน์ตาของร่างหลังม่านน้ำตก เขาสะบัดหน้าเบาๆ ก่อนเขยิบกายเข้าชิดอีกนิด พอให้ใบหน้าได้ทาบกับสายน้ำเย็นเยียบพร้อมเพ่งมองอีกครั้ง ใช่จริงๆ สิ่งที่เขาเห็นนั้น ไม่ได้ตาฝาดหรือเกิดภาพหลอน หากภาพลางๆพร่าเบลอ หลังม่านน้ำตกฉายเป็นดวงตากลมแววคู่สีน้ำตาลเข้ม ส่องมาทางเขาจริงๆ ดวงตาสองคู่พลันเข้าสบตากัน คล้ายดั่งแรงโน้มถ่วงในแนวนอน เพียงแค่นั้น ชาร์ลกลับเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที ครั้งจะเอ่ยถามถึงความมีอยู่จริงของตัวตนนั้น ต้องหยุดลง ด้วยเสียงดั่งดวงแก้วบอกทำนองไพเราะแว่วกระจายมาทั่วทุกทิศ

 

"พระอาทิตย์ มีแซนเดอร่าล้อมรอบ แซนเดอร่ามีพระจันทร์ล้อมโอบ รุ่งอรุณ สัญลักษณ์ดาวหกแฉกแสร้งสบแสงทิวา ตะวันออกใต้  ตะวันตกเหนือ ตะวันออก กาลบ่ายคล้อย สัญลักษณ์ม่ายมารยาหญิงจูงโค ตะวันตกใต้ เหนือ ตะวันตก อัสดง สัญลักษณ์คนก่อสงคราม ใต้ ตะวันออกเหนือ"เสียงนี้ช่างฟังดูไร้สาระสำหรับผู้สะกดรอย แต่สำหรับชาร์ลแล้ว เขายืนนิ่งไปชั่วขณะพร้อมรับรู้ว่า มันมีอะไรมากมายเลยทีเดียวหากเข้าถึงความหมายได้

 

         หลังละสายตามองไปรอบๆ หวังหาที่มาของเสียงเสนาะดั่งดวงแก้ว แต่ตอนนี้ มีเพียงแค่เสียงซ่าของริ้วสายน้ำตกเท่านั้น ชาร์ลคิดได้พลัน ลอบมองกลับมายังที่เดิม ที่ๆมีนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองตอบมา แต่ในขณะนี้ มันกลับไม่มีอยู่แล้ว ดวงตาคู่นั้นหายไป ชาร์ลขมวดคิ้วเข้ม ออกอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ซ่อนความสงสัยไว้ในใบหน้าละอ่อนนิ่งของเขา ดูแล้วว่า ชาร์ลเหมือนถูกดลใจด้วยแรงบางอย่างหรืออะไรบางสิ่ง ที่มันเข้ากระแทกกระทบกระเทือนจิตใจเขาเข้าอย่างจัง ราวกับถูกเข็มพันเล่มพุ่งผ่านอกซ้ายทะลุหัวใจไปแต่ไม่ถึงตาย หากมันสร้างความทรมานได้มากเหลือ ชาร์ลจ้องมองบริเวณนั้นอยู่นาน จนน่าสงสัยในสายตาของทั้งสองผู้สะกดรอย เพียล่าเห็นท่าไม่ดี รีบแสดงตัวเผยกายออกพร้อมกับวิคเตอร์ทันที หลังออกจากที่ซุ่มทั้งสองเร่งร้องทักเขาให้ได้สติพร้อมเดินเข้าหา

        ชายมาดผู้ดียินชัด แต่กลับไม่สนใจคำเอ่ยใดๆจากทั้งสอง เขายังยืนนิ่งจ้องสายน้ำตกด้วยดวงตาแข็งกร้าวซึ่งแฝงความเปราะบางไว้ที่หางตาปริ่มน้ำ ช่วงนั้น ภาพความทรงจำในอดีตได้ย้อนกลับขึ้นมา ฉายผ่านม่านตาไปมากหลายจนสมองไม่สามารถประมวลผลได้ทัน มีแต่หัวใจของเขาต่างหากล่ะเป็นฝ่ายรับรู้ได้เร็วกว่า อดีตที่เจ็บปวดและสุขสันต์ อดีตที่ทำร้ายและสร้างสุข อดีตที่จำใจและจำฝัง หลายหมื่นภาพฉายต่อกันมากมายซะจนน้ำใสในตาเริ่มเกาะกลุ่มก่อนพร้อมใจกันไหลลงอาบแก้ม 

        ในตอนนี้ ชาร์ลแสดงสีหน้าเจ็บปวดยิ่ง  เขาปล่อยให้น้ำตาไหลลงตามความต้องการของมัน เพียล่ากับวิคเตอร์ได้แต่มองพร้อมพยายามเข้าใจถึงความรู้สึกของเขาให้ได้

        เพียงมองผ่านหรือสบมองนิ่ง นัยน์ตาน้ำตาลเข้มคู่นั้น เขาจำได้ จำได้แม่นยำ ระลึกได้ว่าเจ้าของดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นคือใคร

 

"เซเรร่า นั่นเธอใช่ไหม"ชาร์ลสะอื้นพูดกับกำแพงน้ำ เอื้อมมืออย่างสุ่มเดาหวังควานนิ้วบนใบหน้านั้น"ตอบฉันมาสิ นั่นเธอใช่ไหม"

 

        สองคนด้านหลังได้ฟังชัด พลันระลึกขึ้นได้ว่า ชาร์ลเห็นใครหลังม่านน้ำตกและหมายถึงใครกับคำถามนั้น

 

        ชาร์ลสะอื้นหนักขึ้น เมื่อมีเสียงแผ่วเบาแทบจางหายไปกับสายน้ำเล็ดลอยเข้าหู

 

"ช่ะ ชาร์ล"ร่างหลังม่านน้ำตกเอ่ยเสียงแทบหมดลม"ชาร์ล"

 

         ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ช่างทรมานยิ่งนักกับการพยายามเค้นเสียงออกจากเบื้องลึกของลำคอ ชาร์ลชัดเจนทันที เมื่อชื่อของตน เคยถูกเรียกด้วยเสียงเดียวกันแบบนี้เมื่อ5ปีก่อน เสียงนั้นที่หวานหู ร่างนั้นที่อ่อนช้อย ใบหน้านั้นที่นวลกว่านางใด เขาจำใจได้แม่น ไม่ผิดแน่ นั่นคือ"เซเรเร่า" 

        ดั่งพระเจ้าเข้าใจแรงปรารถนา สายน้ำตกด่วนส่างบางลง กลายเป็นสายน้ำไหลเอื่อย ลอยขึ้นช้าด้วยละอองใสเล็กๆแทน ดวงตาลุกแววบนใบหน้าเปี่ยมสุขอันหาเปรียบที่ใดมิได้ ชาร์ลตะลึงงันพลางผายมือและแขนกางออกตั้งท่า หวังเข้าสวมกอดร่างหญิงสาวตรงหน้า น้ำตาบนหน้าไม่ได้หมายความว่าเขาเศร้าเสียใจ หากตอนนี้มันถูกขัดแย้งด้วยรอยยิ้มแช่มชื่นปนสุข

         ทั้งสองร่างชายหญิง ห่างกันเพียงแค่บิดกายเอื้อม ทว่า ร่างหญิงกลับสาวยืนโซๆเซๆ พลางกะพริบตาถี่ๆเหมือนกำลังไล่ความพร่ามัวออกไปบนใบหน้าแฝงเรียวปากยกยิ้ม พร้อมกันนั้นยังเบียดกายเข้าข้างฝาด้วย เธอแค่นยิ้มมองใบหน้าหนุ่มตรงหน้าพลางยื่นมือออกไปแล้วตกลงทันที เปลือกตาเริ่มหรี่ลงจวนปิดก่อนทรุดร่างเซไถลไปด้านหน้า ทะลุผ่านสายน้ำตกไหลเอื่อยมาได้ อาภรณ์ของเธอเปียกชื้นเล็กน้อย แต่นั่นคงไม่สำคัญหากร่างของเธอจวนคว่ำหน้าถามพื้น ชายชาร์ลด่วนพุ่งถลา เร่งยื่นเรียวแขนเข้าโอบรับร่างนั้นไว้ในอ้อมอุ่นอย่างไว ชาร์ลชันเข่าให้เธอหนุน ชาร์ลปัดปอยผมเธอออกเผยดวงหน้างามฝันไม่มีวันส่าง ชาร์ลกุมมือเธอแน่นจนชีพจรสื่อถึงกันเขามองใบหน้านั้น ก่อนหลับตาแน่นหวังสกัดกั้นน้ำตา คงยาก.. หากชาร์ลระลึกได้เสมอ ถึงอดีตเรื่องราวความหลังครั้งวันวาน น้ำตานองและร่วงลงกับการอาบแก้มซ่อนความรู้สึกบางอย่าง สะท้อนภาพออกเห็นเป็นสภาพร่างของผู้อยู่ในอ้อมแขนดั่งฝันเฟื่องอยากหวน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเริ่มหรี่แสงลง หลังเปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง..

        ดวงหน้าหวานในอ้อมแขนนั้น พยายามสั่งกำลังกายภายใต้สีหน้าเศร้า ให้ทุกส่วนภายในร่างและหัวใจช่วยรวมพลังกัน ยันเปลือกตาอันโรยแรงให้ถ่างขึ้นเล็กน้อย ่ส่องสบไปเพียงนิดเดียวพอแค่ให้มองชัด รอยยิ้มหวานเชิญอิ่มเอมเผยอกระตุกแก้มป่องดั่งถูกแมลงต่อย กลับสงบนิ่งลงไปอีกคราดั่งฉุดหัวใจชายหนุ่มตามไปด้วย

        ชาร์ลต้านเสียงหัวใจไม่ไหว สายน้ำตามันประท้วง เขาเร่งเรียกชื่อเธอทันทีพร้อมยังเขย่าร่างนั้นรัวๆ ร่างที่มีผิวขาวเนียนละเอียดในชุดแต่งกายแบบบ้านๆของชาวชนบท ความพยายามเริ่มหมดลงแต่ความสำเร็จเริ่มทอประกาย หญิงสาวในอ้อมกอดชาร์ล เริ่มหรี่ตาขึ้นสะลึมสะลือพร้อมกระตุกยิ้มปลื้มปริ่ม ชาร์ลพลันยิ้มออกก่อนซบร่างซบหน้าตนทาบกับส่วนหน้าอก และซอกคอของหญิงสาว ใบหน้าทั้งสองเคียงกันแนบแก้มจนน้ำตาลเดือนยี่หนีอาย

"ช่ะ ช่ะ ชาร์ล"เสียงหวานละไมดังข้างแก้มลอดเข้ายังใบหู พลางเอื้อมมือรวบเอวชายคนสุดท้ายของตน ทว่า แม้เเป็นสียงแผ่วเบา แต่ชายหนุ่มกลับรัดร่างเธอไว้แน่นกว่าเก่าและไม่มีทีท่าจะว่าปล่อย น้ำตาชาติสมชายได้ไหลลงอย่างไม่อายพร้อมเสียงสะอื้น

 

         ภาพนี้นิ่งงันอยู่นาน จนน่าใจหาย เพียล่าและวิคเตอร์ต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อทั้งสองระลึกได้ว่าภาพแบบนี้เคยเห็นที่ไหนมาแล้ว ชาร์ลเท่านั้นที่รับรู้ว่าเกิดอะไรและทำไมเธอต้องตกในชะตากรรมแบบนี้ ช่วงนี้ คงไม่มีคำเอ่ยใดดีเลิศไปกว่าภาษากายของทั้งสองที่กอดกันกลม

         ...ท้ายที่สุด สิ่งที่ชาร์ลโอบอ้อมอยู่นั้น ได้กลับกลายเป็นละอองแสงหลากสีปลิวลอยตามกระแสลมดั่งดวงแสงของวิญญาณ 

         วับ!! เขาคว้าอากาศจนแขนทั้งกอดร่างตัวเอง ก่อนเงยมองตามไปทุกทิศ

         สิ้นละอองแสงสุดท้ายจากไป ชาร์ลในท่าคุกเข่าเอื้อมแขนข้างผายมือข้างพร้อมถามว่าทำไม.. ใบหน้าสลดเผยออกก้มลง มือทั้งสองทาบยังหัวใจราวปวดร้ายลึก มันคงดีหากว่านี่คือความฝัน มันคงร้ายลึกหากว่านี่คือภาพสะท้อนจากจิตใต้สำนึก 

         ครู่เดียว น้ำตกสายนั้นเร่งไหลแรงขึ้นตามปกติของมัน ชาร์ลล้มตัวลงหงายไปทั้งแบบนั้น แบบคนหมดกะจิตกะใจอาลัยตายอยาก หนำซ้ำเขายังยกแขนขึ้นเงื้อมือไปทางม่านน้ำตกราวกับคนละเมอดั่งว่ามิอยากพลัดพรากจากร่างนั้น

        เมื่อภาพสุดท้าย ก่อนสติวูบดับไป หากแต่เบื้องหลังน้ำตกไหลเชี่ยว ยังฉายขึ้นเป็นภาพหญิงสาวชาวชนบท นั่งคุกเข่าเฝ้ามอง พยายามดึงนัยน์ตาชาร์ลให้เผลอมองอีกครั้ง พลางยกแขนยื่นมือไปสุดเอื้อม หวังให้ปลายนิ้วแตะกันได้ก็ยังดี 

         น่าผิดหวัง.. ร่างชาร์ลไร้แรงเคลื่อน ไร้การตอบสนอง หลับลงไปกับน้ำตาแห่งอาจม ยากจะรับรู้ได้ว่าสตรีหลังม่านน้ำตกออกอาการดุจใจแทบสลาย 

         โดยพลัน สตรีร่างนั้นกลับหายวับไป ราวกับสะเก็ดแสงแตกกระจายโดยไม่มีใครทันแลเห็น 

         ..ทุกอย่างคือสู่ปกติ วิคเตอร์และเพียล่ารีบเข้าประคองร่างหนุ่มมาดผู้ดี พลางเรียกชื่อซ้ำๆพร้อมประเคนฝ่ามือเข้าตบแก้มฉาบเบาๆ

         จนนานแสน ชาร์ลกลับเกิดอาการสะดุ้ง พลันยกแขนขวักคว้าอากาศราวกับไขว่คว้าบางสิ่งให้ซบอ้อมกอดตน ปากขยับเรียกชื่อเซเรร่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเปลือกตาเปิดเต็มดวง ชาร์ลด่วนฉงนใจ พลั้งพลันถามทั้งสองว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองสบมองกัน ก่อนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง 

         ชาร์ลได้ฟัง กลับส่ายหน้าเล็กน้อย พลางโทษตัวเองไปว่า 'นี่เราเป็นแบบนี้อีกแล้วรึ' จากนั้น เขาลุกยืนมองไปรอบๆและนึกถึงคำเอ่ยปริศนาของเสียงเสนาะ

 

         เวลาล่วงกินนานจนน่าประหวั่น ทุกคนที่เหลือ ที่ยังพักกันบริเวณลานกว้างเข้ารวมกลุ่มอีกครั้ง โดยมีโอ'เกนท์ชวนสุมหัวเสนอแผน ทั้งหมดพูดคุยกันได้ระยะหนึ่ง  วูดตันกับคาลาเนสต่างเห็นชอบกันกับการย้อนกลับมายังพื้นที่ที่ผ่านมา เพื่อตามหาเพียล่ากับวิคเตอร์และชาร์ล 

         ครั้นแล้ว พวกโอ'เกนท์ได้ด่วนมาสู่พื้นที่ที่แรกสำเร็จ พลันสอดแนมด้วยสายตาอ่านการณ์ ทว่า คงอ่านยากหากทั้งสามเร่งกายขยับไปยังชาร์ลที่ยืนเหม่อ เพียล่าและวิคเตอร์ส่อแววตาระอา

 

"เกิดอะไรขึ้น!?"โอ'เกนท์ถามร้อนรน แตกตื่นเชิดคมหอกไปรอบๆ"มีอะไรก็บอกมาสิ"

 

"ผมว่าที่นี่ดูแปลกๆนะ"คาลาเนสขยับผ้าคลุมครอบร่าง ก่อนส่องนัยน์ตาไปทางชาร์ล"คุณชาร์ลครับ มีอะไรก็บอกกันมาได้นะครับ"

 

         เสียงคำถามดัง เพียล่าเป็นฝ่ายตอบแทนว่า ชาร์ลถูกวิญญาณเล่นงานจนสลบไป และฟื้นขึ้นมาด้วยอาการเลอะเลือน ถึงกระนั้น คาลาเนสหาได้ไม่ปักใจเชื่อ ขมวดคิ้วเหล่ซ้ายขวับ เหล่ขวาพลัน เพราะมีกลิ่นแปลกไปมากจากที่เคยเข้ามาครั้งแรก ซึ่งต่างกับโอ'เกนท์และวูดตันเชื่อสนิทใจไร้สงสัย

          หลังชาร์ลคงสติได้ เขาเดินมายังกลางพื้นที่ พร้อมกับคนอื่นๆ ร่วมมายืนล้อมวงโดยพร้อมใจเพื่อปรึกษากัน ช่วงนั้น อาการของชาร์ลยังดูทรุดจนหลายคนเป็นห่วง

 

          ในมุมลึก  คาลาเนสรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างเกี่ยวกับพลังมนตราจนระแวง หันไปสังเกตแววตาของชาร์ล ซึ่งมีอาการล่อกแล่กบ่ายหน้าไปยังพื้นที่2ตลอดเวลาเหมือนพะวง ความคิดเด็กชายเร่งตีความว่าต้องมีอะไรสักอย่างให้หัวของหนุ่มมาดผู้ดี 'จุดประสงค์คุณคืออะไรกันแน่นะ' คาลาเนสคิดในใจหรี่ตามองชาร์ล โดยไม่มีใครทันได้สังเกตขณะรับฟังการพูดคุยปรึกษา

          หลังประชุมเสร็จ ชาร์ลพื้นแรงพอขยับร่างได้คล่อง เสียงนุ่มลึกก็ลอยดัง บอกความว่าให้ทุกคนมุ่งไปประจำตำแหน่งสลักผันน้ำอีกครั้งในพื้นที่2 ซึ่งมีเพียล่ากับวิคเตอร์คอยช่วยสำทับด้วยว่า มีเสียงประหลาดบอกความเป็นนัยเล่ห์ลับ ซึ่งมันก็น่าลองเสี่ยง ทุกคนทำตามแต่โดยดีแม้จะยังงงๆตามที

          ขณะชาร์ลกำลังขยับปากออกคำสั่งอยู่ดีๆ สิ่งไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น มวลแสงคล้ายดาวหางหลากสี ดั่งดวงวิญญาณพุ่งพล่านไปมาทั่วทั้งพื้นที่ ครู่เดียว มวลแสงนั้นกระหน่ำฉายสว่างผิดตาจนไม่มีใครอดใจจะเหลียวมอง คาลาเนสเอะใจนึกทันที แต่ชาร์ลสีหน้าจริงจังกลับร้องเรียกให้ทุกคนมีสมาธิ และร้องว่าให้ทำตามคำสั่งของเขาจากคำเสนาะ โดยไม่ต้องสนใจสิ่งใดอื่นทั้งสิ้น 

         พอดิบพอดีกับตำแหน่งบอกใบ้สำหรับสลักผันน้ำของ ชาร์ล คาลาเนส วูดตันและเพียล่า แต่ละคนเข้าควบคุมประจำตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย ใบหูของพวกเขาได้แต่รอฟังคำสั่ง

         ชาร์ลออกสั่งตามนี้ "พระอาทิตย์ มีแซนเดอร่าล้อมรอบ แซนเดอร่ามีพระจันทร์ล้อมโอบ"เขาเน้นเสียงหนัก ทุกคนทำตามไร้ข้อกังขา เว้นแต่คาลาเนสเหล่ด้วยหางตามองชาร์ลลอบสงสัย" รุ่งอรุณ สัญลักษณ์ดาวหกแฉกแสร้งสบแสงทิวา ตะวันออกใต้  ตะวันตกเหนือ ตะวันออก กาลบ่ายคล้อย สัญลักษณ์ม่ายมารยาหญิงจูงโค ตะวันตกใต้ เหนือ ตะวันตก"ช่วงนี้ สายน้ำตกพลันพวยพุ่งอย่างน่าประหลาด ราวกับต้องการสื่อบางอย่างด้วยแสงวิญญาณขวักไขว่" อัสดง สัญลักษณ์คนก่อสงคราม ใต้ ตะวันออกเหนือ"

 

         จนสิ้นกระบวนการสุดท้าย ไม่มีสิ่งอื่นใดจะประจักสายตาทั้งหกที่จ้องมองลุ้นอย่างภาวนา

         สายน้ำตก ไหลแรงหลายสายสลับไหลกันปนเปไปมั่ว จนชาร์ลจับจุดไม่ได้ สายตาหลายคู่เพ่งมาพลางถามด้วยการมอง

         เวลาให้แก้ตัวของชาร์ลและการรอเสียงตอบคำถามของทุกคนคงหมดลง  เมื่อแสงแห่งวิญญาณพลันจับกลุ่มรวมตัวเข้าท่ามกลางพื้นที่นั้นแทบชิดเพดาน แสงสว่างหลากสีอัดแน่นเป็นทรงรี แล้ววาบฉายปรากฏเป็นสตรีสวมอาภรณ์ยาวสีขาวก้มหน้ายืนกางแขนสองข้าง ก่อนแนบลงแล้วเงยหน้าเปิดเปลือกตาหลังฝ่าเท้าย่ำพื้น

         ทั้งหมดพลันเหลียวตาตามพลางกระชับอาวุธแน่น ทว่า สตรีร่างนั้นกลับส่งนัยน์ตาออดอ้อน ปากเผยอชวนจุมพิศขยับเสียงอ่อนว่า"ชาร์ล" จังหวะนั้น ชาร์ลกลับมีอาการปลื้มอกปลื้มใจ พร้อมขยับกายหมายเข้าหาหากสตรีร่างนั้นคือบุคคลสำคัญยิ่ง

         ขณะย่างใกล้ร่างบาง คาลาเนสพลันเอ่ยดัง

 

"คุณชาร์ล"คาลาเนสก้มหน้า พูดเสียงหนักขัดจังหวะ"ผมมีคำถามครับ"

 

"อะไร"ชาร์ลชะงักถามเบาๆ หันมาหน้าฉงนแปลกใจคล้ายอารมณ์เสีย ทั้งๆจะได้เข้าสวมกอดร่างบางอยู่รอมร่อ

 

"ครั้งแรก ที่เราเข้ามายังพื้นที่นี้ ทำไมคุณถึงไม่สนใจประตูบานยักษ์นั่น"คาลาเนสว่าพลางชี้มือไปยังบานประตูยักษ์ แล้วขยับนิ้วชี้ไปยังพื้นที่ที่ถูกกล่าว"ตรงนั้นคืออะไร แล้วเสียงอึกทึกของอีกฟากฝั่งโน้น ทำไมคุณถึงไม่ให้ความสนใจ"คาลาเนสเอื้อมมือจับฮูดขึ้นปรกหัวปกปิดใบหน้า ราวกับจะเอาจริง"สิ่งที่คุณทำ มันเข้าข่ายนะ!?"

 

           ทุกคนได้ฟังพลอยคิดสงสัยไปตามๆกัน

 

"อะไรกัน!!!"ชาร์ลตวาดกลับ พลางสะบัดมือปราดๆเหมือนร้อนตัว"นายสงสัยอะไรฉันรึไง!?"

 

        สายลมโชยมาอย่างลึกลับ พัดโบกสะบัดผ้าคลุมสีเทา เด็กชายแสยะยิ้มหลุบตามองพื้นยังไม่กล่าวอะไรต่อ สถานการณ์เริ่มป่วนปั่น สร้างความสับสนปนเปให้ทุกคนเป็นอย่างมาก เสียงดังฝ่ายไหนสายตาที่เหลือก็จ้องไปฝ่ายนั้น ทั้งสองพูดคุยกันด้วยชั้นหยั่งเชิง จากนั้น คาลาเนสจึงเป็นฝ่ายพูดต่อ

 

"สตรีร่างนั้น คือ ภาพสะท้อนจากจิตใต้สำนึกของคุณ ...แน่ๆเลย คุณต้องปลุกนางขึ้นมา"คาลาเนสชี้มือไปยังร่างบาง โดยไม่สบมองร่างนั้น"ถ้าจะถามให้ชัดก็คือ.. คุณกำลังพยายามทำอะไรบางอย่างจากจิตนั่น โดยมีพวกเราเป็นหมาก..."

 

คาลาเนสถูกแทรกเสียงหยุดไป"หมาก? ไม่ใช่หรอกหน่า"เพียล่าแย้งเสียงดังพลางวาดมือ หันหน้าไปทางชาร์ล"ถ้าใช่ นายจะทำแบบนั้นไปทำไม!!?"

 

         ชาร์ลอ้ำอึ้ง ลังเลด้วยท่าทาง ก่อนปฏิเสธหนักไปว่า"ไม่ใช่!!!" จากนั้นเพียล่าจึงว่าต่อ...

 

"นายมีอะไรเป็นหลักฐานว่าชาร์ลหลอกใช้"เพียล่าเดือดผุด สายตาเหล่ร่างสตรีอาภรณ์ขาว ก่อนละมายังคาลาเนส"บอกมาสิ!!"เธอเร่งเร้า

 

"หลักฐานน่ะแค่ลมปาก ไม่ต้องใส่ใจ แต่ผมบอกได้เลยว่า..."คาลาเนสทำใจเย็นกระชับผ้าคลุมสีเทาห่มร่างมิดชิด"สำคัญ คือ พวกเราทั้งหมดในตอนนี้ตกอยู่ในวงมนตราแล้ว.. หากใครคิดหนีให้พ้นจากเขตมนตรา ร่างกายคงแตกสลาย"เด็กชายผายมือไป พร้อมเหลือกตาแลยังร่างบาง"สตรีนั่นคือ..ผู้ร่ายมนตรา"

         คำบอกนี้ทำให้ทุกคนเหลือกลานพลางมองหาเขตมนตรา พร้อมตั้งคำถามว่าสตรีอาภรณ์ขาวจะทำไปทำไม ด้วยความไม่แน่ชัดเสียงคำถามยังคงเงียบ

 

"ข้อกล่าวหาชัดๆ นั่นเป็นข้อกล่าวหานะ"สตรีร่างบางสีหน้าเมินเฉย แววตาน่าสงสารมองตอบ ร้องแว่วเสียงมา"ชาร์ลไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนะ"

 

         คำพูดนางดูเหมือน หวังช่วยชาร์ลให้หลุดพ้นข้อกล่าวหา หรือว่า แท้จริงแล้ว นางอาจมีเจตนาอื่นใดแอบแฝงอยู่กันแน่ ทุกคนเริ่มเลลังจะเชื่อใครดี สำหรับชาร์ลผู้เป็นมิตรมานาน กับ เด็กชายลึกลับผู้เพิ่งเข้ากลุ่ม และสตรีผู้มาใหม่ผู้มีใบหน้าละหม้ายคล้ายคลึงเซเรเร่า คำตอบคงอุบัติอีกไม่นานต่อจากนี้

 

"สถานการณ์ตอนนี้.. ผมบอกเลยว่า คุณชาร์ล คุณ คือสาเหตุจากอะไรสักอย่างที่ปลุกร่างนั้นขึ้นมา โดยมีเหตุผลบางสิ่ง แฝงอยู่ภายใต้ดวงตาของนาง"คาลาเนสว่าเสียงเยือกเย็นมองตาหนุ่มมาดผู้ดี ขณะรอบกายเริ่มมีแสงแห่งไพลินแปล่บปลาบเป็นสายฟ้าเหนี่ยวนำ"สารภาพเลยนะ.. ผมสังเกตตั้งแต่แรกแล้ว เขาสั่งให้ทุกคนเหยียบสลักผันน้ำ ทั้งๆที่พื้นที่2มันไม่จำเป็นเท่าไร หากผมกับคุณเพียล่าและคุณวูดตันแลกกันเหยียบ ซึ่งมันก็ไปต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้สายน้ำตกทั้งหมดหยุดไหลพร้อมกัน เว้นแต่ว่า..หากเราลองเหยียบสลักผันน้ำในพื้นที่2 ให้พื้นที่3เฉลยทางไปต่อ ย่อมทำได้แน่  ก็.. ตรงบริเวณแถวหลืบน้ำตกด้านซ้ายนั่นไง แต่!!!"คาลเนสเลื่อนนิ้วชี้เพ่งไปทางซ้ายของพื้นที่3" แต่คุณไม่ทำ!! นั่นแปลว่าคุณจงใจเพื่อทำอะไรบางอย่าง!!"

 

"คาลาเนส!!! นายแกล้งทำเป็นงงสินะกับสลักผันน้ำน่ะ!! ถ้า.."ชาร์ลเดือดดาลผุดเสียงหนักแต่ขาดตอนเพราะนึกคำพูดไม่ออก และเหมือนรู้ว่าตนถูกอ่านทะลุไส้ทะลุพุงแล้ว

 

"นั่นมันก็แค่กลลวงของผมน่ะ เพื่อทดสอบท่าที เพราะผมเห็นอาการของคุณ ตั้งแต่ลงทางลาดมาแล้ว ผม..รู้สึกว่าคุณนั้นอยากสำรวจต่อให้เสร็จสิ้นไวๆ โดยมีคุณโอ'เกนท์ไปด้วย เพื่อให้ผมตายใจไงล่ะว่านั่นคือการสำรวจ"คาลาเนสว่า แสงแห่งไพลินพวยพุ่งรอบมือรอบแขน"ผมสงสัยแล้วล่ะ ว่ามันต้องมีอะไร!!"

 

         ชาร์ลได้ฟังถึงกลับผงะตกใจ ก้มหน้าส่ายหัวช้าๆและหัวเราะในลำคอ จำใจยอมรับข้อกล่าวหา ทั้งๆที่ทั้งหมดนั้นเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น โดยตนนั้นไม่ได้มีเจตนาใดจะหลอกทุกคน หากคาลาเนสยังไม่เข้าใจในส่วนลึกของเขาอันบริสุทธิ์เพราะเพิ่งเคยพบปะกัน แต่ก็เอาเถอะ เรื่องมันเป็นมาแบบนี้แล้ว คงปล่อยให้เด็กชายเข้าใจแบบนั้นไปก่อน ซึ่งมันก็จริงที่ตนรู้ว่าสตรีร่างบางนั้นเป็นใคร และเหตุการณ์ก่อนนี้มันตอกย้ำได้ดีว่าเขาเจอกับนางจริงๆ คำแก้ตัวฟังดูเศร้าทันที ไร้คำอธิบายใดๆจะสบถสิ้น เขาต้องจำใจยอมปล่อยให้เลยเถิดไป ในตอนนี้ เมื่อชาร์ลมองยังร่างบางนั้นกลับรู้สึกผิดแผลกจากตอนแรก

 

         จังหวะเดียวกัน เด็กชายแสยะยิ้ม คิดในใจ 'ว่าแล้วเชียว ทำเป็นไขสือสินะ' พลันวาดมือไปทางสตรีอาภรณ์ขาว เกิดเป็นแหนมน้ำแข็งแซมขึ้นจากพื้นไล่ระดับไป ทว่า สตรีร่างบางกระโดดหลบได้เหนือชั้นเชิงราวกับรับรู้อยู่ก่อนแล้ว

 

"นั่นไง.. เห็นไหมล่ะ"คาลาเนสชี้นิ้วไป ทุกสายตาประจักต่อความสามารถของสตรีอาภรณ์ขาว"เขาต้องเป็นอะไรสักอย่างที่มีผลต่อชาร์ล ไม่สิ!! ในตอนนี้ มีผลต่อพวกเราทั้งหมด"

 

         คำพูดและภาพนั้น เหมือนโน้มน้าวจิตใจให้ทุกคนเห็นด้วย พลันเผยอาวุธตั้งท่า เว้นแต่ชาร์ล ยังสับสนว่านั่นคือเซเรร่าหรือใครกันแน่ที่ทำให้หวาดหวั่น เขาดูสับสนจนต้องนำมือกุมขมับคุกเข่าลงส่ายหน้าไปมา      

 

"มีอยู่2วิธีที่จะรอด นั่นคือ กำจัดผู้ร่ายเขตมนตราให้สิ้นชีพ"คาลาเนสกล่าว "หรือกำจัดเขตและวงมนตราให้สลาย เมื่อสำเร็จพวกเราจะเป็นอิสระ"

 

"เขตมนตรา!!"โอ'เกนท์อุทานลั่น

 

"ใช่ครับ เขตมนตรากินบริเวณนี้มากคงยากจะทำลายได้ทีเดียว แต่วงมนตราจะซ่อนตามพื้นที่รอบๆบริเวณนี้อาจมีมากไปซะหน่อย แต่เราต้องทำลายมันให้ได้ครับ เพียงแต่ว่า.."คาลาเนสหันมองทุกค ก่อนถูกแทรกโดยวิคเตอร์

 

"เพียงแต่ว่า..อะไร!!!??"

 

"เพียงแต่เราจะหามันเจอได้ยากมาก หากเจอแล้วต้องทำลายมันทิ้งทันที ลักษณะของมันคือตราวงกลมจารอักขระทรงแปลกๆน่ะ อาจผุดขึ้นตามเพดานหรือพื้นหรือผนัง ยังไงๆ ช่วยกันสาดส่องด้วยนะครับ"เด็กชายว่า

 

"ฉลาดไม่เบาหนิหนูน้อย"ร่างบางบ่นหน้าตาย ก่อนหมุนตัวจนแสงทรงกลมแดงฉานราวกับโลหิตแห่งมนตราผุดขึ้นจากพื้น เผยให้เห็นขอบเขตมนตรา ซึ่งมีขนาดกว้างเกือบพอเหมาะกับพื้นที่2 เพียงแค่นั้นก็สามารถสร้างความพรั่นพรึงให้แก่ทุกคนได้โดยไม่ต้องสงสัย

 

"แผนรอดคือ ให้ทุกคน แยกกันล้อมรอบนางไว้และอย่าหยุดเคลื่อนไหว"คาลาเนสเอ่ยต่อ สายตาจ้องร่างบางท่าทีสงบนิ่ง"เพียงแค่นั้นน่าจะก็ปลอดภัยแล้ว ต่อจากนี้ผมจะลุยเอง!!!"เด็กชายประกาศกร้าว

 

         บัดดล เด็กชายเผยยิ้มออก เหนือผ้าคลุมสีเทาพาดด้วยสายฟ้าแปล่บๆทั่วร่าง ฉายคมนัยน์ตาดุจเหยี่ยวกำลังกระชากเหยื่อ  คาลาเนสเริ่มขยับข้อเท้าก้าว หมายเร่งเข้าห้ำหั่นกับสตรีร่างบาง

         ในตอนนี้ แม้วงมนตราจะตีล้อมกินรัศมีกว้างไกลครอบคลุมทุกคน แต่ไม่มีใครหวั่นใจเลยสักนิดหากจะสู้เพื่อไขคำตอบแห่งความจริง เว้นแต่ชาร์ลยังจมอยู่ในวังวนแห่งบาปและสับสน

 

 

__________

 

นิยายตอนนี้เขียนแบบรากเลือดสุดๆเลยทีเดียว.. กว่าจะรังสรรค์ออกมาได้  เฮ่อ.. 

และ!!!

กว่าจะจบบทแรก

คงอีกหลายตอนเชียว

ยังไงก็ฝากติดตามด้วยน๊าา 

นิยายนอกกระแสแบบนี้คงยากจะเด่นดัง 

สุดท้ายก็..ขอขอบคุณคร๊าฟฟ ^^

 

 

ปล.ถ้านิยายเรื่องนี้ห่วย แย่ น่าอับอาย ไม่สนุก

หรืออ่านแล้วให้ความรู้ในแง่ลบ บอกกันได้เลยนะครับ บอกกันตรงๆไปเลย เพื่อไรท์จะได้ระงับการเขียนทันที 

 

       

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา