The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  36.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) 022-ผู้หลอกลวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
022-ผู้หลอกลวง
 
 
 
 
       นัยน์ตาทุกคู่จับจ้องสาวน้อยพลันพาให้ใจประหวั่น เพียล่ารีบเข้าประคองเนเน๊ะที่ออกอาการหวาดหวั่นและระแวงคล้ายคนบ้า ร่างสาวน้อยสั่นเทิ้มสะอื้นด้วยเสียงหดหู่ เธอเอาแต่ก้มหน้าทรุดร่ำไห้ในอ้อมกอดสาวนักรบ
       ทุกคนที่เหลือเฝ้าระวังกันอย่างหนัก วิคเตอร์ตะหงิดใจจ้องมองมุมมืดแลเหมือนบางสิ่งรบเร้าจิตใจให้เข้าไปหา 
       ครั้นหนุ่มนักรบจะก้าวย่ำไปตามสิ่งยั่วยุ กลับถูกสกัดด้วยคำพูดของเนเน๊ะ
"ย่ะ อย่าเดินเข้าไป"  
วิคเตอร์ชะงักงันหันมองสาวน้อยด้วความสงสัยก่อนถามไป
 
"ทำไมล่ะ" 
สาวน้อยได้ยินชัดและตอบกลับด้วยเสียงล่ะล่ำ
 
"ข้างในนั้นมัน มันอันตราย.. ได้โปรด อย่าห่างจากกองไฟ"
 
"แสงแห่งไพลินจงบังเกิด"คาลาเนสประดับคาถาเวท ปรากฏเป็นบาเรียทรงโดมครอบคลุมทั่วทั้งกลุ่ม ทุกคนสบตากันเริ่มหวั่นไหวกับสิ่งใกล้ตัว
 
"อืม ตามนั้นล่ะ ตามที่เนเน๊ะพูดนั่นแหละ"โอ'เกนท์ผู้เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อนสำทับเตือนด้วยอีกคน
 
        วูดตันเองคงไม่อยู่เฉยมิได้ เขาร่ายมือเสร็จ ไม่นานเถากุหลาบจึงลามเลื้อยสร้างเป็นกำแพงขวากหนามล้อมแสงแห่งไพลินอีกชั้น
       แม้มีสิ่งคุ้มกันแต่ทั้ง6หาได้อุ่นใจ วิคเตอร์ โอ'เกนท์ ชาร์ล คาลาเนสและวูดตันต่างยืนเรียงกันเป็น5ทิศ รอบมองไปคนล่ะด้าน
        เพียล่าปลอบเนเน๊ะนานนมไม่ช้าสาวน้อยดันผล็อยหลับไป....
 
       ...ไพรพันธุ์กว้างคณาแสนท่ามกลางหมู่แมกไม้ใหญ่น้อยในสายลมพอประทังแลแสงแดดประปราย เนเน๊ะหลงทางกลางป่า สาวน้อยพยายามร้องเรียกตะโกนให้ใครช่วยจนแทบหมดเสียง แต่กลับไม่มีใครเลยขานตอบ เธอละล้าละลังย่ำเปื่อยไปเรื่อย
        กระทั่งได้ยินเสียงแผ่วเบาแต่แหลมเสียดร้องดังทักทาย เนเน๊ะหันซ้ายแลขวา ทว่ายังไม่พบเจ้าของเสียงนั่น
        สาวน้อยเริ่มสับสนว่าตนอยู่ที่ใดแล้วเสียงเมื่อครู่นี้เขาสื่อสารกับเธอหรอกหรือ
 
"ช่าย ข้ากำลังคุยกับเจ้า"
เนเน๊ะปรายตาโดยรอบยังไม่เห็นวี่แววร่างนั้น
 
"เจ้าอยากรู้เรื่องของเจ้าไหมล่ะ"เสียงลึกลับกล่าวชวนเหมือนกำลังยิ้มแฝงชั่ว
 
"ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ"เนเน๊ะหมุนไปรอบเริ่มคุมสติไม่อยู่
 
       พุ่มไม้ขยับไหว ร่างลึกลับด่วนเผยกายออกจากที่ซุ่มแล้วเดินตรงหาเนเน๊ะ สาวน้อยมองตาปริบๆเพราะร่างนั้นมัน...
       เขาตัวเล็กเคียงเอวผ่ายผอมใส่เสื้อขาดวิ่นเพียงชิ้นเดียว มีใบหูตรงยาวเส้นผมไร้แววว่าจะมี ดวงตานั้นโตเหลือเชื่อจมูกก็ยาวแหลมช่างดูพิลึกส่อแววไม่น่าไว้ใจ ผิวหนังนั้นหรือเป็นเพียงผิวเมือกมีรอยเหี่ยวย่นทั่วร่าง หนำซ้ำยังลิ้นยาวอีกด้วย
         เนเน๊ะมองดูหาได้เกิดความกลัวแต่เกิดความสงสัย จังหวะนั้นร่างเล็กเร่งเข้าประชิดสาวน้อย จนเธอผงะถอย
         ร่างเล็กเอียงคอขึ้นสบตาพร้อมคลี่ยิ้มเห็นฟันแหลมคมเรียงไร้ระเบียบ แต่ความไร้เดียงสาของสาวน้อยสะกดว่าเขานั้นเป็นมิตร
 
"คุณน่ะหรอที่คุยกับหนูเมื่อครู่นี้"เนเน๊ะหลุบตาถาม
 
"ช่าย ข้ารู้นะว่าเจ้าคือใคร อยากฟังเรื่องของเจ้าไหมล่ะ"ว่าเสร็จร่างเล็กพลันแสยะยิ้มก่อนเดินนำไปข้างหน้าพลางผายมือให้สาวน้อยเดินตาม
        เนเน๊ะพยักหน้ารับแล้วเดินตามร่างเล็กไป ระหว่างทางทั้ง2ถามรายละเอียดกันไปมา เนเน๊ะสัตย์ซื่อพยายามถามชื่อร่างนั้นหลายครั้งก็ไม่ยอมตอบสักที แต่ร่างเล็กเองก็ยังกั๊กคำบอกเล่าเกี่ยวกับเธอไว้ก่อนถึงที่หมาย สาวน้อยคิดไกลดันไปหลงเชื่อว่าเขาไว้ใจได้
        ไม่ช้ายังไม่ทันเหนื่อยก็มาถึงที่หมาย มันคือบึงขนาดกว้างใหญ่สีเขียวขุ่นคั่ก เนเน๊ะเดินแซงไปริมขอบตลิ่งพลางปรายตาและประเมินว่าคงลึกน่าดู  เสี้ยวเดียว เธอพลันเห็นภาพพิลึก ว่ามีเพียงแต่ท่อนแขนมนุษย์โผล่พ้นผิวน้ำทำท่าขวักมือเรียกเธอให้ตามมาอยู่ด้วยอย่างมากมายหลายมือนับไม่ถ้วน สาวน้อยใจแป้วก่อนสะบัดหน้าเบาๆไม่ช้าภาพเหล่านั้นจึงหายไป
        ส่วนร่างเล็กยืนอยู่ด้านหลังเธอ ขณะสาวน้อยไม่ทันสังเกต ร่างนั้นกลับย่องเข้าใกล้หวังผลักเธอให้ตกขอบตลิ่ง แต่แล้ว..
 
"จะทำอะไรน่ะ"สาวน้อยหันกลับพอดี
 
"อ่อ ข้ากลัวว่าเจ้าจะตกก็เลยจะมาช่วยดึงไว้"ร่างเล็กชะงักก่อนพูดแก้ต่างส่งใบหน้าขมวดคิ้วทำตาแบ๊ว
 
"ขอบคุณนะคะ แล้วทีนี้จะเริ่มเล่าเรื่องของหนูได้รึยังคะ"เนเน๊ะประจันหน้าเอ่ยกับร่างนั้นแลดูอ้ำอึ้งส่อพิรุธ
 
"อ่อๆ ได้สิ ที่จริงแล้วเจ้าคือเทพธิดาน้อย แต่เผอิญว่าเจ้าถูกรังเกียจจากเหล่าเทพน่ะ เขาเหยียดหยามเขาย่ำยีใจเจ้า จึงส่งเจ้ามาเกิดด้วยชาติอัปยศ แล้วก็ พวกของเจ้าที่ร่วมทางมาด้วย พวกเขากำลังหลอกใช้เจ้านะ เฮ่อ... ข้าล่ะสงสารเจ้าจริงๆ.."ร่างเล็กแสดงละครเข้าขั้นน่าเชื่อถือพร้อมตีหน้าเศร้า จนเนเน๊ะเชื่อสนิทใจแต่ต้องถามต่อ
 
"จริงหรอคะ ถ้างั้นหนูควรทำไง"
 
"ก็.. ฆ่าพวกเขาให้หมดเพียงเท่านี้ก็หมดเรื่อง"ร่างเล็กตอบแฝงยิ้มประหลาด
 
        สาวน้อยได้ฟังถึงกับตกใจหนักใจ เธอเริ่มลังเลกับคำแนะนำของร่างนั้น
 
"มีดของเจ้าไง ชักมันออกมาสิ ชักออกมา แล้วแทงพวกเขาซะ"ร่างเล็กเร่งเร้าขณะเนเน๊ะมองกลับไปยังบึงน้ำอีกครั้ง
    
       เธอคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจได้ว่าต้องฆ่าสินะ ต้องฆ่าสินะ!! สาวน้อยชักมีดเล่มนั้นออกมาชวดชมแล้วยิ้มแกมหัวเหราะ ร่างเล็กเองก็หัวเราะตามอย่างเงียบโดยไม่ให้เนเน๊ะรับรู้
 
"ช่าย เจ้าเลือกถูกแล้ว เอาล่ะข้าจะนำทางเจ้าไปหาพวกเขาเอง"หลังสาวน้อยหันกลับร่างเล็กว่าแล้วจึงเดินนำไปอีกครั้ง 
 
        ย่ำเปื่อยเมื่อยล้าอยู่นานก็มาถึง ร่างเล็กผายมือออกให้เนเน๊ะแลตาม สาวน้อยเห็นทุกคนกำลังนอนเรียงรายดูไร้สติ ร่างเล็กหันกลับมายิ้มอีกครั้งก่อนเอียงคอเป็นสัญญาณให้เธอลงมือ 
        เนเน๊ะกระชับมีดแน่นเดินช้าๆเข้าหาทุกคนราวถูกสะกด หลังสาวน้อยเดินเลยไปจากตรงจุดนี้ ร่างเล็กออกอาการขำคิกๆพลางใช้มือป้องปากปิดฟัน 
        สาวน้อยมาถึงเพียล่าก่อนเป็นคนแรก เธอหันกลับมองร่างนั้นอีกครั้ง ร่างเล็กหุบยิ้มโดยด่วนก่อนพยักหน้าให้ลงมือ
         เนเน๊ะขมวดคิ้วส่งตอบก่อนบ่ายหน้ามายังร่างสาวนักรบ พร้อมเงื้อสองมือขึ้นและฉายคมลงมา!!     แต่ทว่า..!!
 
"เนเน๊ะๆ เนเน๊ะ"เสียงจากเพียล่าลั่นดังกังวาล สาวน้อยชะงักไปก่อนปลายแหลมทะลวงลำคอสาวนักรบ
        เนเน๊ะเหล่ตาควานหาต้นเสียงแต่กลับไม่พบที่มา ร่างเล็กถึงกับกัดฟันแค้นพลางลูบหน้าและสะบัดเบาๆ
 
"เนเน๊ะๆๆๆ"เสียงสาวนักรบยังคงดังเรียกชื่อสาวน้อยตลอดเวลา จนเธอเริ่มสับสนพลันทิ้งมีดไปแล้วใช้มือป้องใบหูส่ายหัวไปมาอย่างน่าสงสาร
       เนเน๊ะสับสนอยู่นาน ร่างเล็กเร่งย่างกรายเข้าหาแล้วคว้ามีดนั้นขึ้นซึ่งตกลงพื้นจากด้านหลังของเธอ ร่างนั้นแสยะยิ้มก่อนเงยหน้าหัวเราะคิกๆเห็นฟันครบทุกซี่อย่างสะใจ 
        ไม่ช้ามันจึงง้างแขนแล้วปล่อยปลายแหลมพุ่งตรงเข้ากลางหลังเนเน๊ะ..!!!!
 
"เนเน๊ะ!!!!!!!!!"
เสียงสุดลำคอจากเพียล่าร้องลั่นน่าสะพรึง....
 
"ห่ะ.. ห่ะ.. ห่ะ.."เนเน๊ะสะดุ้งตื่นฉับพลันพลางเข้าโอบเพียล่าโดยมีน้ำตาไหลพรากพร้อมเสียงกระซิก
 
       หลังสาวน้อยหลุดจากนิทราทุกคนแลตามองอย่างตั้งคำถาม
 
"เกิดอะไรขึ้น"เพียล่าถามเสียงอ่อนขณะยังโอบเนเน๊ะ แต่เหมือนสาวน้อยยังไม่ได้สติ เพียล่ารอคำตอบอยู่นานจึงโอบร่างน้อยแน่นกว่าเดิมพร้อมคำปลอบ
 
       ชายหนุ่มทั้งคณะส่งนัยน์ตาสงสารหาเนเน๊ะและรับรู้ว่าคืนนี้ต้องอยู่เฝ้าระวังจนกว่าอาทิตย์จะทอแสง 
        เพียล่ารู้สึกเปียกซกบริเวณไหล่เลยชะเง้อคอขึ้นออกก่อนหลุบตาลงมองร่างในอ้อมกอด เปลือกตาสาวน้อยคล้อยลงหลับกลับสู่นิทราสนิท ปากเรียวน้อยดูเผยอเผยน้ำลายยืดไหลหยดลง สาวนักรบเห็นได้ดังจึงยิ้มบางพลางบ่นอารมณ์ดีในสถานการณ์ชวนสิ้นชีพ
"ไอ้ตุ๊กตาพอร์ซเลนเอ้ย"เพียล่าว่าแล้วจึงซบหัวลงหัวสาวรูปปั้นนั่งก่ายกอดกันหลังใช้ผ้าคลุมคลอบร่างแทนผ้าห่ม  ช้านานเท่าใดมิทราบสาวนักรบก็ผล็อยหลับไปอีกคน นวลหน้านางสองใบซบกันช่างน่าอบอุ่นยิ่ง
 
        บรรยากาศเริ่มดึกดื่นมืดหม่น แต่ใจชายชาตรีหาได้มัวหมอง เวลาร่วงผ่านหลายชั่วยาม วิคเตอร์แลมองทั้งสองอยู่เป็นนิจ โดยเฉพาะเพียล่า เพราะนวลหน้านางนั้น.. แม้ยามหลับก็จับใจชาย แม้ยามคลายแย้มยิ้มก็พริมใจชน
       ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มเยิ้มต้องหลุดขำเบาๆเพราะมันอดไม่ได้เมื่อคิดไปไกล เสียงนั้นส่งแผ่วแว่วจนที่เหลือต้องเหลียวจ้องพลางคิดไปว่าวิคเตอร์คงโดนความมืดเล่นงานแล้วเป็นแน่แท้
         คาลาเนสถ่างตาพยายามยืนกายสู้กับอารมณ์ง่วงซึมเป็นที่สุด ทว่าเมื่อเด็กหนุ่มหันเหลียวแอบเชยชมเมียงมองสาวน้อยคราใดกำลังใจก็มาเปี่ยม อาการง่วงหงอยกลับแปรไปราวกับไก่ได้น้ำ
 
         รุ่งสางอรุโณทัยใกล้กลายหลังรุ่งราตรีมีสีจางบนเบื้องมวลเมฆแลแสงดาวจ้าริบหรี่ ไสวใกล้ไกลเลื่อนด้วยลมโหยโชยผ่าวแผ่ว ใบไม้ลายหญ้าพุพรูด้วยน้ำค้างชุ่มฉ่ำ เหล่าสกุณาเริ่มร้องดังครั้งบินตัดฟ้าแกวร้องพาเสนอให้เกลอมวลสัตว์เร่งลุกออกรัง มวลเมฆคล้ำดำแดงเริ่มเลิกชุมนุมหลังคลี่คลายค่อนหายดั่งหอยทากเคลื่อน ละอองไอหนาวกลับกราวเลือนล้าความเหน็บเย็น ช่วงพอดีเพียล่าด่วนรู้สึกตื่นแต่ยังยื่นอุ่นไอในอ้อมกอดตนเพื่อหวังเพียงให้เนเน๊ะหลับสบายในหมอนเนื้อ
       ชายสมชาติอาจองทุกนายดูเปื่อยช้ำหลังขอบตาส่อแววว่าเป็นหมีแพนด้า โอ'เกนท์ยืนหลับค้ำหอกแต่ยังหลอกว่าตื่นเพราะร่างนั้นเอียนเองราวกับขยับกาย วิคเตอร์หาวซ้ำเล่าไปกับชาร์ลและวูดตันซึ่งฉายภาษากายบอกความนัยว่าใคร่อยากนอนแค่ไหน
 
        แสงสว่างสางให้ราตรีสิ้นแล้วส่องใสในยามเช้าประกาศวันใหม่...
         อย่างคำกล่าวของวูดตันน่ะนะ ให้สมมุติทุกคืนว่าเป็นคืนแห่งความมืด ทว่าคืนล่าสุดมันกลับเป็นจริงเสียนี่  โชคร้ายบังเอิญพามาหรือวูดตันจงใจใยมีใจหมายร้าย ทั้งหมดคงยังไม่มีใครตีความด้วยความง่วงมันกลบไป 
       เนเน๊ะสะกิดเปลือกตาให้กระตุกแล้วพริบมันปริบๆ ภาพแรกเธอมองเนื้อแขนที่ซบนั้นแล้วเงยขึ้นเห็นใบหน้าเพียล่าถายิ้มเข้าใส่อย่างแปลกประหลาดแฝงซึ่งความเร้น ทันใดสาวน้อยต้องเบิกตากว้างเร่งร้องอุทานตวาดแป๊ด
"เหวอออออออ!!! ป่ะๆ เป็นไปได้ยังไงกัน!!"
 
"ท่ะ ท่ะ ทุกคนตื่นก่อนหนูได้ไงกัน!!"
สาวน้อยเผยใบหน้าประหลาดใจมากยิ่งหลังเล็งรอบแล้วเห็นทุกคนส่งสายตาเข้าหามองอย่างคล้ายคนละเมอ
 
"เฮ่อ..ยัยนี่จะรู้บ้างไหมนะว่าพวกเรายืนยามกันทั้งคืน"คาลาเนสแทรกเสียงเบา
 
         ร้องแล้วเนเน๊ะต้องร้องต่อเพราะมือของเพียล่าเข้าหยิกแก้มนวลบิดไปมากระชากเยื้อยื้อ ร่างสาวน้อยเอนไหว ฉีกยิ้มไม่อยู่ทรงพูดไม่ได้ศัพท์เพื่อตอบกลับคำสาวนักรบที่บ่นอุบ
 
"ยี่มานเยื่องอายัยกานคะ"
 
"นอนน้ำลายยืดแล้วยังทำไร้เดียงสาอีกนะ ไอ้ตุ๊กตาล้มลุก!!"บทพี่เลี้ยงแสดงโหดโดยเพียล่าว่าขณะยังหยิกแก้มนวล
 
"หวาาาาา ยะยะ หยูดทะท่ะ ค่าา"เนเน๊ะร่างส่ายกับสองเท้าตีพื้นฝืนพูดจนคำเพี้ยน ชายในกลุ่มล้วนเห็นบทเสมือนบทลงโทษจึงพากันขำเกลียวกับความน่ารักของทั้งสอง
 
"หย่อยๆ ได้แย้วค่าาา"เนเน๊ะร้องเพี้ยนพลางสู้ฉุดยื้อมือนั้น ไม่ช้าสาวนักรบชะลอปล่อย แล้วเม้มปากแน่นยื่นมือนั้นปล่อยนิ้วดีดเข้ากลางหน้าผากสาวน้อยจนเธอสะดุ้ง เหตุจากความหมั่นไส้
 
"โอ๊ย เจ็บๆๆๆ"เนเน๊ะปัดผมดำขลับออกแล้วลูบตรงจุดเกิดเหตุเพื่อทุเลาความเจ็บแล้วเลื่อนลงลูบแก้ม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสร้างบรรยากาศยามเช้าได้อย่างดีต่อเสียงหัวเราะที่พอยิ้มได้
 
        คืนที่สี่ผ่านพ้นโดยไร้โพยภัยกับกลุ่มกิเรเร่แต่สาหัสหนักนักหนากับชายหนุ่มยังเบิกตาค้างยืนร่างสะลึมสะลือคล้ายไม้ปักขี้เลนรอคลื่นโถมซัดให้ล้ม แต่!!
 
       แต่.. ยังมีใครอีกหนึ่งซึ่งร่วมรู้เหตุการณ์เหล่านี้ด้วย ร่างนั้นร่างดั่งคนแคระเผยอยิ้มสยองแอบมองมาหลังพุ่มไม้ห่างไกลเพียงไม่ถึงสิบก้าว  
        ขณะทุกคนทานอาหารเช้าเพื่อหล่อชีพ เนเน๊ะระลึกได้ดั่งใจดล พยายามครุ่นคิดลำดับเหตุการณ์ที่ตนจมลงสู่ห้วงนิทราคราแรก สาวน้อยหน้านิ่วขมวดคิ้วคิดไม่ออกแต่จำได้แต่ภาพเลือนลาง แว่บเดียวเธอละจากลำดับความคิดลงมือทานอาหาร ก่อนคำแรกป้อนเข้าปาก เนเน๊ะต้องหันขวับเหลียวหลังดั่งถูกสะกิด บัดดลนัยน์ตาฟ้าใสส่องกระทบสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่ส่งยิ้มผยองแย้มย่องมาให้ เพียงแวบเดียวร่างนั้นก็หลบกายหายลับเข้ากลีบพุ่มไม้
         เธอปรายตานานโขสงสัยว่านั่นคือสิ่งใด ทำไมต้องทำลับๆล่อๆ เพียล่าเห็นผิดสังเกตจึงสะกิดไหล่ถามว่าเป็น'ไรรึป่าว เนเน๊ะส่ายหัวน้อยนิดพร้อมตอบกลับ
 
"ป่ะ ป่าวไม่มีไรค่ะ"
ครั้นแล้วสาวน้อยเอะใจเหลียวมองกลับอีกครั้งพบเพียงความว่างป่าวก่อนหันมาทานอาหารเช้าไปอย่างเงียบเชียบ
       เนเน๊ะเลือกเก็บเรื่องหลังนี้ไว้คงความลับ หากบอกไปใครเขาจะเชื่อซึ่งคงไม่พ้นจะกล่าวหาว่าตนเลอะเลือนเป็นแน่ สาวน้อยคิดไกลแต่ไกลไม่เกินก้าวก็หยุดคิดปลอบใจไปพลางหลอกตัวเองว่าคงตาฝาดไปกระมัง
 
        หลังทานอาหารเช้าเสร็จทุกคนรวบสัมภาระพร้อมไปต่อตามคำแนะนำของวูดตันว่าอีกคงไม่ไกลเท่าไรก็จวนจะถึงหมู่บ้านกูจิ
 
       เท้าย่างเหยียบผ่านเลย ทิ้งรอยทางเป็นแถวยาวบนพื้นดินที่ยุบลง วูดตันนำทางโดยไร้ที่ติ ทุกก้าวตามกันอย่างช้าๆ
 
       ขณะย่ำเรื่อยหางตาเนเน๊ะจับภาพได้ไม่ถนัดว่าเหมือนมีใครตามเธอมา พอหันขวับไปมันก็มีแต่ความว่างเปล่า สาวน้อยดูลังเลและหวาดหวั่นตลอดทาง 
  
        จนกระทั่งถึงจุดที่ต้องหยุดเดิน เมื่อเห็นต้นไม้ใหญ่ยักษ์ขวางหน้า ซี่งมันดูแปลกตาเพราะมันมีสะพานไม้เชื่องโยงไปอีกต้นและอีกต้นไปอีกต้นอย่างกับเขาวงกต
 
         วูดตันยืนนำหน้าทำท่าครุ่นคิดอยู่นานจนโอ'เกนท์ต้องกระตุกผ้าคลุมเรียกสติ วูดตันสะดุ้งเล็กน้อยและหันกลับ
"เอิ่ม... ฉันจำไม่ได้น่ะ ว่ามันต้องขึ้นทางไหน"
 
         คำกล่าวนี้ถึงกับสร้างปัญหาได้เลยทีเดียว ข้างหน้าและซ้ายขวามีต้นไม้ใหญ่ที่มีสะพานไม้ทอดลงมายังพื้น3ต้น 
        วูดตันลังเลแล้วชูมือไปข้างหน้าโดยกลางนิ้วชี้และนิ้วกลางออก 
"ตกลงเอาไงแน่?! ชูสองนิ้วแบบนี้ใครจะรู้เรื่องล่ะ"โอ'เกนท์ร้องพลางทำตาดุ วูดตันเกาหัวยุ่งก่อนเลือกสะพานทางซ้าย
        ทั้งหมดสบตากันเงียบจำใจเชื่อหมอนั่นเพราะไม่มีใครช่ำชองเส้นทางนี้แล้ว
       วูดตันขยับกาย ที่เหลือก็ขยับตาม เดินขึ้นสะพานกันอย่างระวัง ทว่าสายตาซุกซนของเนเน๊ะที่เหล่ลงล่างครั้งเมื่อเดินถึงช่วงกลางสะพาน เธอพบเห็นร่างพิลึกอีกครั้งยืนโผล่หน้าเงยยิ้มมาให้โดยแอบหลังต้นไม้ก่อนค่อยๆขยับร่างเข้าซุกกายอย่างช้าๆ 
        สาวน้อยแปลกใจแล้วต้องทำใจจนกว่าจะมีใครเห็นแน่ชัดด้วยเหมือนกัน
        สะพานไม้ที่ใช้สัญจรนี้เป็นทางไต่ระดับขึ้นสูงชันไปสู่เกือบปลายยอดและเมื่อถึงจุดเชื่อมต่อสะพานนั้นเป็นระเบียงไม้สร้างเป็นทรงกลมโอบรอบต้นอันมีทางแยกอีกสองทางซ้ายขวา
        ทุกคนเดินวนสำรวจกันละเอียดพบว่าหากเลือกทางไปต่อทางใดทางหนึ่งแล้วจึงไปยังอีกต้นหนึ่งได้ บนนี้มันทั้งสูงลิบหากตกไปคงตายแน่ ทั้งยังมีหมอกเบาบางคอยหลอกตาอีกด้วย
"โอย..ปวดหัว"โอ'เกนท์ว่าพลางกุมขมับหลังแลซ้ายแลขวาเห็นว่าต้นไหนๆมันก็เหมือนกันหมด
 
"ทางไหนต่อ"เพียล่าถามเบา
 
วูดตันพลันโพล่งขึ้นเสนอว่าควรไปทางขวา.. จากนั้นเขาจึงนำไป ทุกคนตามมาแต่โดยดี สะพานไม้สูงที่เชื่อมกันระหว่างต้นนั้นมีความโคลงเคลงนิดหน่อย แต่ไม่ยากอะไรจะข้ามมันมา
       จนถึงระเบียงของอีกต้น ซึ่งจุดนี้มีทางแยกเป็นสามทางอีกเช่นกัน วูดตันเกาหัวเหวอก่อนหันมองทุกคนที่จ้องมาราวกับจะกินเลือด เขาชี้นิ้วไปมาซ้ายทีขวาทีที่สะพานแต่ก่อนจะได้พูดต่อเพียล่าก็สวนขึ้น
 
"ทางไหน"เพียล่ากอดอกเค้นถาม
แต่วูดตันยังคงคำเดิมว่า"ทางขวา"ด้วยสีหน้าวิตกเห็นได้ชัด
        ตอบแล้วเขาจึงปาดเหงื่อเล็กน้อยที่หน้าผากเพราะสิ่งที่บอกไปนั้นเป็นเพียงแค่การสุ่มเดา หากทุกคนรู้ว่าเขาหลอกคงต้องโดนอะไรสักอย่างแน่ๆ
 
        วูดตันพาซื่อทุกคนจึงอือตาม สุดท้ายแล้วทั้ง7เร่งเดินเลี้ยวไปทางขวา แต่แล้วต้องพบว่าสะพานนี้มันเป็นทางลาดไล่ระดับลงพื้นสู่ฝืนพื้นดินบริเวณโคนรากของต้นไม้ทางขวาสุดในตอนแรก ด้วยหมอกมันบังตาพร้อมเชื่อใจวูดตันทุกคนก็..
 
"อะเอ๋..!? นี่มันที่เดิมในตอนแรกนี่นา"ชาร์ลจำได้เพราะทำสัญลักษณ์ขีดไว้เด่นชัดบนต้นกลาง
 
"วูดตัน!!"โอ'เกนท์กระชากเสียง วูดตันหันกลับอย่างช้าๆก่อนพูดแก้ต่างอย่างน้ำขุ่น
 
"แฮ่ๆ ถือซะว่าเป็นการออกกำลังกายละกันเนอะ"วูดตันยิ้มแหยพลางถอยห่างจากทุกคนอันส่งสายตามัจจุราชมา
 
"ออกกำลังกายงั้นหรอ"ชายเครางามยิ้มชื่นแต่ซ่อนนัยน์ตาแค้นกล่าวพร้อมลูบกำหมัดไปมา
 
"เอาล่ะๆ ใจเย็นๆก่อนทุกคนเมื่อกี้ฉันพอจะร่างแผนที่ได้น่ะ"ชาร์ลเอ่ยพร้อมเข้าแทรกระหว่างวูดตันกับที่เหลือ โดยทันท้วงทีก่อนผู้ช่ำชองป่าจะกลายเป็นกระสอบทราย
 
       จากนั้นหนุ่มมาดผู้ดีก็เริ่มถามข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านกูจิกับวูดตันที่ให้คำตอบอย่างเอ่ยช้าหลังทุกคนดูยังแค้นไม่หาย ชาร์ลถามไปก็เขียนแผนที่คร่าวๆลงบนดินไป หนุ่มมาดผู้ดีใช้วิจารณญาณอยู่ประเดี๋ยวจึงเขียนมันลงบนสมุดพกหลังมั่นใจชัดแน่
"เอาล่ะ ทุกคนแผนที่เสร็จละ ไปกันต่อเถอะนะ"
        อัจฉริยะจากการสังเกตกลั่นจากสมองลงสู่กระดาษเป็นแผนภูมิอย่างละเอียด ชาร์ลแสดงแผนที่นั้นให้ทุกคนเห็น ทุกคนรับทราบโดยพร้อมเพียงกันเลยเริ่มทำการเดินทางใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีชาร์ลนำทางส่วนวูดตันนั้น..
 
"ก็ได้ๆ ฉันจะระวังหลังให้เอง"เขาตอบแค่นเอ่ยแกมประชด
 
       กลุ่มกิเรเร่ย่ำเท้าออกแรงอีกรอบ บางต้นมีสามแยกบางต้นมีสี่แยกบางต้นมีสองแยก แต่การเดินแบบแยบยลสุขุมสามารถทำให้มุ่งผ่านไปได้ไม่ยากโดยไม่กลับมาซ้ำที่เก่า ชาร์ลนำทางได้ดีเยี่ยมใช้พินิจได้อย่างผ่องแผ้วจนดูน่าเลื่อมใสในสายตาวูดตัน
        ยิ่งย่างไกลยิ่งลึกเข้าไป ผ่านไปหลายต้นไม่มีใครนับเว้นแต่ชาร์ลที่ใจจดจ่อ 
       ลึกเข้าไกลยอดไม้ใหญ่แผ่ก้านออกใบเป็นพุ่มใหญ่สูงหนายื่นแยกหลายสาขาจนแสงตะวันมิอาจแย้มแลยังพื้นล่างได้ หมอกขาวบางก็สกาวตาหนทางข้างหน้าเลยดูสลัวใส 
       บรรยากาศเข้าสู่ช่วงลึกลับ ทุกคนล้าแข้งขาและสับสนแต่ยังย่ำไป
        กระทั่งถึงช่วงกลางสะพานหางตาเพียล่าแลเห็นบางสิ่งที่ว่องไว สัญชาตญาณนักรบออกคำสั่งคันธนูจึงโก่งขึ้นหันขวับเล็งทางนั้น ทุกคนหยุดชะงักเหลียวตาแลตามเป้าหมายคันศร สาวนักรบชั่งใจจะยิงดีหรือไม่หลังสิ่งนั้นพรวดแอบหลังต้นไม้ใหญ่ทางขวามือ เนเน๊ะเบิกตากว้างจ้องตามคิดไกลว่าเพียล่าคงเห็นแบบเดียวกันกับตน
        สาวนักรบง้างคันศรอยู่นาน ทุกคนก็ลุ้นตามตัวโก่ง สิ่งนั้นผลุบๆโผล่ๆหลังไม้ใหญ่คงหวังแอบดูว่ามีใครมองมาหรือไม่ 
        ไม่ช้าสิ่งนั้นเร่งพรวดออกวิ่งอย่างไวซอยเท้าไปแยกซ้ายของระเบียงต้นไม้ด้านขวา
       เพียล่าไม่รอช้ารีบวิ่งพรวดตามไป ทั้งกลุ่มยังไม่ทันได้คุยอะไรกันก็ด่วนวิ่งตามสาวนักรบ
        วิ่งไล่ตามแบบระห่ำได้ชั่วขณะเพียล่าสบเห็นด้านหลังร่างนั้นไวๆ เธอไม่มั่นใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร ร่างนั้นมันดูเล็กกะทัดรัดศีรษะมีสีแดงใส่ชุดสีเงินคล้ายชุดเกราะ แถมยังวิ่งเร็วและดูเหมือนจะช่ำชองเส้นทางซะด้วยสิ 
         วนไปวนมาหลายรอบจนสิ่งนั้นทิ้งห่างแล้วจึงเข้าซบอิงแอบต้นไม้ใหญ่ห่างไกลอยู่หลายต้นกับกลุ่มกิเรเร่ที่นั่งเหนื่อยหอบลิ้นห้อยอยู่กลางสะพาน แต่ระยะสายตาเห็นกันได้ชัดเจน
 
"เพียล่า.. ห่ะ..ห่ะ ฉันว่าเราต้องวางแผนจับมันนะ"ชาร์ลหอบกินพยายามพูดให้ชัด
 
"ยัง.. ไง?"เพียล่าตอบขณะยังมีอาการหายใจไม่ทั่วท้อง
 
      
 
       
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา